|
[b] การร้อยไหมละลาย PDO
ร้อยไหมละลาย PDO.
เมื่อ2ปี ที่แล้วประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2554 หมอได้เดินทางไปกรุงโซลประเทศเกาหลี เพื่อดูงานเครื่องมือแพทย์ KIMES exhibition fair ทุกๆปีจะจัดที่ Coex exhibition center (คนเกาหลีเขาออกเสียงว่า โค เอ็ก สึ) ระหว่างที่เดิน ชมเครื่องมือแพทย์ก็เหลือบไปเห็นบูธเล็กๆเอาทีวีมาเปิดให้ดู มีเข็มเสียบหน้าอยู่เต็มไปหมด ยืนดูอยู่สักพักจึงเข้าใจว่าเขาทำเพื่ออะไร เกิดความสนใจเลยไปลงชื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายในไทย ตอนนั้นมีคุณหมอคนไทย 2ท่านได้ลงชื่อเอาไว้แล้วเช่นกัน (ต่อมา1ใน2ท่านก็ได้เป็นตัวแทนไป) หลังจากกลับมาจากเกาหลีได้เดือนเดียวก็มีการนำการร้อยไหมละลายเข้ามาสาธิตใน ไทยซึ่งเป็นงานระดับนานาชาติ สร้างความแตกตื่นในวงการคลินิกความงามอย่างมาก บริษัทต่างๆพยายามแข่งกันทำการตลาดนำไหมPDO(Polydioxanone)เข้ามาขายในไทยกัน ช่วงนั้นหมอจำได้ว่าใครอยากเรียนจะต้องไปเรียนที่เกาหลีและมียอดสั่งกันหลายแสน หมอ เองก็โดนไปกับเขาด้วยเช่นกัน^^ จากนั้นภายใน3เดือนการร้อยไหมละลายเป็นที่นิยมมากในประเทศเราอย่างไม่น่า เชื่อ อัตราค่าบริการเส้นละ3,000บาทกันเลยทีเดียว(ตอนนั้นคลินิกหมอตั้งราคา 1,200บาทต่อเส้น) จากเดิมที่มีไหมPDOเพียงยี่ห้อเดียวต่อมามีเพิ่มอีกมากกว่า 5ยี่ห้อภายใน3เดือน ซึ่งพอจะบอกได้ว่าขายดีกันมากแค่ไหนนะครับ ภายใน6เดือนการร้อยไหมเป็นบริการหลักในคลินิกความงาม เครื่องมือแพงๆที่ซื้อมาฝุ่นเกาะกันเลยทีเดียวเพราะใครๆเข้ามาในคลินิกก็ อยากร้อยไหม นอกจากนี้มีการพัฒนาเทคนิคการร้อยไหมกันแบบก้าวกระโดด เช่นร้อยไหมลดรอยย่นหน้าผาก ยกคิ้ว ลดรอยขมวดคิ้ว ร้อยไหมลดรอยตีนกา ร้อยไหมทำตาสองชั้น ร้อยไหมใต้ตา ร้อยไหมแก้มลูกส้ม ร้อยไหมเสริมจมูก ร้อยไหมร่องแก้ม ร้อยไหมยกมุมปาก ร้อยไหมปากเซ็กซี่ ร้อยไหมยกแก้มที่ห้อย ร้อยไหมลดกรามให้หน้าเรียว ร้อยไหมกระชับสัดส่วน และมีแม้กระทั่งร้อยไหมกระชับช่องคลอดครับ...(หมอเองก็ฝึกทุกอย่างยกเว้นอัน สุดท้ายที่ขอผ่านไม่ทำครับ)
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรมครับ เมื่อหมอร้อยไหมกันมากขึ้น(คลินิกไหนๆก็ทำ) ปัญหาและผลข้างเคียงต่างๆจึงเกิดตามมาครับ เช่นเดียวกันกับการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแท่งเมื่อคนทำกันเยอะๆ เราจะสังเกตุเห็นว่า คนนี้จมูกเอียงเบี้ยว คนนี้ทำแกนใหญ่ไป อีกคนก็ปลายสั้นไปนิดไม่มีหยดน้ำ บางคนโชคร้ายทำแล้วติดเชื้อเน่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผ่าตัดเสริมจมูกไม่ควรทำครับ เพราะเป็นผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้และแพทย์แต่ละท่านก็พยายามป้องกัน ผลข้างเคียงเหล่านั้นอย่างสุดความสามารถแล้ว กลับมาที่ผลข้างเคียงการร้อยไหมละลายPDOกันครับ เมื่อมีการทำมากขึ้นความผิดพลาดจากเทคนิคการทำก็เห็นได้ชัดครับ เช่น มีบวมและรอยเขียวช้ำอย่างน่าตกใจ ร้อยตื้นไปมองเห็นเส้นไหมที่หน้า(ตกใจอีก) มีการอักเสบเป็นหนองจากการติดเชื้อ(อันนี้เรื่องใหญ่ หมอที่ทำก็ตกใจตาม) บางคนอาจจะมีปลายไหมโผล่ออกมาสามารถคลำได้(ซึ่งต้องมาให้หมอสะกิดแล้วตัดออก ครับ) และในคนที่ร้อยไหมเสริมจมูกอาจมีไหมโผล่ออกมาจากปลายจมูก และที่สำคัญอีกอย่างคือค่าใช้จ่ายที่สูงมากครับ(ตกใจตอนจ่ายตังค์) ประกอบกับมีการแข่งขันทางการตลาดระหว่างคลินิกความงามด้วยกันเองจึงเกิด คำถามที่ว่า "การร้อยไหมเกิดคอลลาเจนหรือผังผืด???" ซึ่งมีคนถามหมอเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะครับ หมออยากให้เราถามตัวเองว่าคอลลาเจนคืออะไร? แล้วผังผืดคืออะไร? แล้วเราจะทราบว่าทั้งสองอย่างคือสิ่งเดียวกันครับ หากเราสามารถกำหนดได้ว่าให้เกิดผังผืดในแนวไหนเพื่อให้ผังผืดนั้นช่วยยก กระชับใบหน้าหรือแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย แล้วเราจะยังเรียกว่าผังผืดหรือจะเรียกว่าคอลลาเจนครับ เช่นเดียวกับแผลเป็นที่มือเราซึ่งก็คือเนื้อเยื่อของเรา(คอลลาเจน) แต่เราเรียกว่าแผลเป็นเพราะไม่สวยและไม่มีประโยชน์ หลายท่านอาจจะเคยทำเทอร์มาจซึ่งเป็นการใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุมาทำลายคอ ลลาเจนเก่าให้ตายไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา เพื่อให้หน้ากระชับตึงขึ้นนั่นก็เป็นอีกตัวอย่างที่เอาผังผืดมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ เราเลยเรียก "คอลลาเจน"
|
|