Review ศัลยกรรมเกาหลี รพ.บาโนบากิ

pinkstar

ก่อนศัลยกรรม

สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นรีวิวการทำศัลยกรรมของเราค่ะ

ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนว่าทำไมเราถึงตัดสินใจที่จะทำศัลยกรรม

อย่างแรกก็เพราะว่า

·         เราเคยทำจมูกมาแล้ว2ครั้ง แต่สภาพจมูกตอนนี้มันแย่มากค่ะ พอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ปลายจมูกเรามันค่อยๆทิ่มตกกว่าแต่ก่อนเยอะเลย น่าจะหนักซิลิโคน แล้วรูปจมูก2ข้างเราไม่เท่ากันอย่างรุนแรงด้วยมองหน้าตรงจะเหมือนปีกจมูกมันเอียงไปอีกข้างหนึ่ง

·         สองคือ ตา ตาเราจะเป็นอารมณ์แบบสองชั้นหลบใน แต่สองข้างจะไม่เท่ากัน เลยทำให้ข้างหนึ่งตาจะดูดุๆหน่อย

·         สามคือ เราเป็นคนหน้ากลม โหนกแก้มใหญ่ค่ะ และคางตัด

เลยเป็นสาเหตุที่เราตัดสินใจทำศัลยกรรมในครั้งนี้








นี่เป็นรูปก่อนศัลยกรรมนะคะ



พอมาถึงที่รพ. ก็ได้ปรึกษาคุณหมอ 2 ท่านค่ะ คุณหมอโอชังฮยอน เรื่องโครงหน้า และคุณหมอลีฮยอนแทก เรื่องตา+จมูก



ก่อนปรึกษาโครงหน้า จะต้องถ่าย CT-xray เพื่อดูกระดูกโครงหน้าของเราก่อนค่ะ

ตอนเข้าไปปรึกษาคุณหมอจะเปิดไฟล์ CT-xrayกระดูกของเราให้ดู แล้วค่อยๆ อธิบายค่ะ ว่ากระดูกโหนกแก้มเราใหญ่ และคางก็ถอยไปหน่อยบวกกับเป็นคนคางตัด คุณหมอแนะนำให้ปรับโครงหน้า3จุด โหนกแก้ม+กราม+คาง และเพิ่มเติมคือเสริมกระดูกร่องแก้ม+เสริมกระดูกต่อความยาวคางด้วยค่ะ โดนไปชุดใหญ่เลย...

คุณหมออธิบายเพิ่มเติมด้วยค่ะว่าเราเป็นคนมีไขมันแก้ม+เหนียงเยอะ  คุณหมอเลยแนะนำให้ดูดไขมันเหนียงไปด้วยเลย

แต่ส่วนไขมันแก้มอันนี้หลังทำให้ลดน้ำหนักช่วย แล้วค่อยมาดูอีกทีตอนหน้าเข้าทีว่าหน้าหย่อนคล้อยมากแค่ไหน ควรยกกระชับเพิ่มไหม

เนื่องจากเรากระดูกโหนกแก้มใหญ่ใช่ไหมคะ พอคุณหมอจะลดโหนกแก้ม เนื้อแก้มที่เคยมีโหนกค้ำอยู่ ถ้าโหนกมันหายไป เนื้อบริเวณนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะหย่อยกว่าตอนแรกได้ค่ะ

อันนี้จบในส่วนของโครงหน้าแล้วค่ะ



ต่อไปในส่วนของตาและจมูก



คุณหมอเห็นจมูกเราแล้วคุณหมอก็บอกเลยว่า แนะนำให้แก้เหมือนกัน ซิลิโคนที่วางอยู่มันตรงนะ แต่รูจมูกไม่เท่ากันหนักและปลายมันก็ตก พอคุณหมอจับฐานจมูกก็บอกว่า เป็นคนฐาน2ข้างใหญ่ไม่เท่ากันนะ แนะนำให้แก้จมูก+เหลาฐาน+ลดปีก+รวบกระดูกอ่อนปลายจมูก ทรงที่คุณหมอแนะนำก็คือทำให้ปลายยกขึ้นกว่าตอนนี้และปรับให้รูจมูกให้ดูใกล้เคียงกันให้มากที่สุดค่ะ



ต่อมาคือในส่วนของตา คุณหมอใช้อุปกรณ์มาทาบที่ตาเพื่อลองวัดขนาดของชั้นตาที่คุณหมอจะทำให้ค่ะ รายการที่คุณหมอแนะนำคือตา2ชั้นแบบไม่กรีด เทคนิคปรับกล้ามเนื้อ + เปิดหัวตา+เปิดหางตาค่ะ เพื่อให้ตาเราดูกลมโตขึ้นค่ะ



สรุปรายการที่เราต้องทำทั้งหมดก็คือ

โหนกแก้ม+กราม+คาง+เสริมกระดูกร่องแก้ม+เสริมกระดูกคาง

แก้จมูก(ซิลิโคน+กระดูกอ่อนหลังหู)+เหลาฐาน+ลดปีก+รวบกระดูกอ่อนปลายจมูก

ตา2ชั้นแบบไม่กรีด วิธีปรับกล้ามเนื้อตา+เปิดหัวตา+เปิดหางตา



เยอะม๊ากกกกก!!!! ไม่คิดว่าหน้าเราจะต้องใช้เทคนิคเสริมเยอะขนาดนี้ แอบตกใจเหมือนกัน 55555

หลังจากฟังคุณหมอแนะนำเสร็จแล้วก็มาพบที่ปรึกษาคนไทยต่อค่ะ



โดยที่ปรึกษาจะอธิบายและสรุปรายการที่คุณหมอแนะนำให้อีกทีว่าต้องทำอะไรบ้าง


ใช้เวลาทำนานแค่ไหน ข้อควรระวังก่อน-หลังผ่าคืออะไรให้ฟังค่ะ

แล้วก็มีเซ็นเอกสารยินยอมการผ่าตัด ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย กลับที่พักไปนอนทำใจรอผ่าตัดได้เลยค่ะ555

pinkstar

มาถึงวันผ่าจริง

เราเป็นคิวเช้าค่ะ


มาถึงก็เปลี่ยนชุด และเช็กเวลางดน้ำงดอาหารกับทางที่ปรึกษาอีกครั้ง แล้วก็รอเข้าห้องผ่าได้เลยค่ะ

ของเราต้องผ่าตาก่อน การทำตาจะใช้ยานอนหลับค่ะ



ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเราจะต้องเข้าเครื่องเป่าลมฆ่าเชื้อก่อน แล้วค่อยเข้าห้องผ่า

ตอนเข้าห้องผ่า พอล้มตัวลงนอนบนเตียงความตื่นเต้นที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ถาโถมมาเลยค่ะ 555

พยาบาลทำการเตรียมตัวก่อนผ่าให้เรา เช่นเจาะสายน้ำเกลือ ฆ่าเชื้อใบหน้า อะไรต่างๆนาๆให้ เราก็ตื่นเต้นจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ พอเตรียมเสร็จคุณหมอก็มาค่ะ มาดีไซน์ชั้นตา พอคุณหมอดีไซน์เสร็จ ก็เริ่มให้ยานอนหลับเลยค่ะ หลังจากนั้นเราก็หลับปุ๋ยไปเลยจำอะไรไม่ได้แล้ว555 แต่ต้องชมเลยว่าคุณหมอเก่งมาก ให้ยานอนหลับพอดีกับเวลาที่ทำเลยค่ะ เพราะผ่าเสร็จปุ๊บเราก็ตื่นปั๊บเลย ประหลาดใจเหมือนกัน

ทำตาเสร็จต้องย้ายห้องผ่าค่ะ เพราะรายการโครงหน้าและจมูกจะต้องวางยาสลบ

พอย้ายห้องเรียบร้อย คุณหมอวิสัญญีมาถึงก็บอกว่าจะวางยาแล้วนะ หลังจากนั้นภาพตัดเลยค่ะ รู้ตัวอีกทีคือผ่าเสร็จแล้ว กำลังนอนพักฟื้นอยู่ เราตื่นมาแบบงงๆ อ้าวเสร็จแล้วเหรอ 5555



เนื่องจากเราผ่าโครงหน้าค่ะ ทำให้ต้องนอนรพ.1คืน เพราะมีสายเดรนเลือดด้านในปาก

คืนนั้นที่นอนรพ.เราไม่หิวไม่อะไรเลย

มึนๆ อยากนอนอย่างเดียว แต่พอนอนจริง ๆ ก็หลับไม่ค่อยสนิทตื่นมาทุกๆชั่วโมงเลย เราเลยพยายามแงะตัวเองออกจากเตียงลุกไปเปลี่ยนไอซ์แพ็คเพื่อประคบเย็นใบหน้าอยู่ตลอดทั้งคืนเลยค่ะ

เพราะที่ปรึกษาย้ำตลอดว่า การประคบเย็นจะช่วยเรื่องลดบวมได้ดี

พอตอนเช้าพี่พยาบาลก็ปลุกเรามากินน้ำกินนมและให้บ้วนปาก



หลังจากนั้นก็มาทำเอาสายเดรนออกและก็ทำแผลให้ค่ะ พอสัก10โมงเราก็เก็บของไปพักต่อที่โรงแรมค่ะ



วันที่ 1



มึนหัวทั้งวัน ทำอะไรไม่ได้เลย นอนตื่น นอนตื่น แล้วก็ประคบเย็นอย่างเดียว ไม่รู้สึกหิวเลย แต่ต้องกินนม1แก้วเพื่อกินนยา




วันที่2



อาการมึนหัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังเป็นบ้างบางช่วง

ดื่มนมได้เยอะขึ้น มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลตลอดเวลาจนทนไม่ไหว เอายาแก้หวัดลดน้ำมูกที่ติดตัวจากไทยมากิน พอกินแล้วอาการดีขึ้นนิดหน่อย แต่ยังหายใจทางจมูกไม่ได้อยู่ดี ต้องอ้าปากหายใจทำให้ปากแห้งลอก เป็นแผ่นๆสีดำ วันนี้ช่วงบ่ายแกะเทปที่คางออกและอาบน้ำสระผม

pinkstar

สวัสดีค่ะ หลังผ่าตัดไปแล้วมาอัพเดทใบหน้า และโดยรวมช่วงอาทิตย์กันค่ะ



วันที่3

อาการมึนดีขึ้นเยอะ อาจมีบ้างเล็กน้อย วันนี้เลยตั้งใจออกไปเดินห้างซื้อของค่ะ เลยนั่งแท็กซี่ไปซุปเปอร์ใกล้ๆ หาซื้อนมน้ำผลไม้มาติดห้อง พอได้เดินเยอะ คราวนี้มีอาการไอ ไอติดๆหนักอยู่ เดินซื้อของจนเสร็จกลับมาที่ห้องทานนม นั่งพัก สักพักอาการมึนหัวกลับมาใหม่ ก็เลยนอน (ปจด.มาพอดีอีก) ตกกลางคืนอาการไอหนักขึ้น เลยไปหยิบยาน้ำพ่นคอมาพ่นตอนกลางดึก พอได้ยาอาการไอดีขึ้น แต่พอยาหมดฤทธิ์ก็เป็นอีก ตื่นมาพ่นอยู่ทั้งคืน


วันที่4



อาการบวมดีขึ้นแล้ว แต่รอยช้ำรอบดวงตาคือหนักมาก

อาการคัดจมูกดีขึ้นมาก เหลือประมาณ20%จาก100% เริ่มรู้สึกหิว ในรอบ4วัน ลองเปลี่ยนจากดื่มแต่นม มาเป็นซุปซองผสมน้ำร้อนกินมีรสมีชาติดี  ตอนเย็นเลยจะเดินไปซื้อโจ๊กที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างกำลังจะเดินออกจากร้าน ก็มีอาการหน้ามืด เหมือนจะวูบเลยพยายามหายใจเข้าออกลึกๆตั้งสติ หาที่นั่งพักหายใจก่อน ดีที่ที่พักอยู่ใกล้ๆเลยเดินกลับมาไหว พอถึงห้องก็ดื่มน้ำเปล่าไป2แก้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เหงื่อเริ่มแตก ใจเต้นเร็ว จนต้องล้มตัวนอนพัก พักอยู่สักพัก ถึงจะดีขึ้น เกือบไปแล้ว TT


วันที่ 5


เริ่มยุบบวมลงเรื่อย ๆ
พอตกกลางคืนอาการไอหนักมาก จนหลับๆตื่นๆทั้งคืน ส่วนอาการมึนคงมีอยู่เหมือนเดิม



วันที่ 6





มีนัดมาถอดเฝือกตัดไหมรอบแรก และฉายแสงลดบวม อบออกซิเจน ที่รพ.ค่ะ
เป็นวันแรกเลยที่ได้เห็นทรงจมูกตัวเองตั้งแต่ทำมา  จมูกยังบวมอยู่มาก แต่ทรงเห็นความเปลี่ยนแปลงเยอะเลย

ปลายไม่ตกแล้ว รูจมูกก็เท่ากันแล้วกัน โดยรวมใบหน้าพยาบาลก็ชมค่ะว่า เราบวมน้อย แต่แอบช้ำเยอะอยู่

pinkstar

วันที่ 7



เริ่มเดินได้เยอะขึ้น เดินได้นานขึ้น อาการมึนหัวค่อย ๆ ดีขึ้น
ได้ลองใส่ผ้ารัดหน้าเป็นครั้งแรกด้วยค่ะ แต่รอบช้ำรอบดวงตามันเห็นชัดมาก เราเลยไปซื้อยาทาลดช้ำที่ร้านขายยามาทาค่ะ

วันที่ 8


   
มองมุมข้างจะเห็นเลยว่าสันจมูกเราบวมมากค่ะ และมีรอยช้ำสีม่วง ๆ ขึ้นบริเวณสันจมูกเพิ่มด้วย หมอน่าจะปรับโครงสร้างในจมูกเราหนักหน่วงพอตัว 555 ตั้งแต่ผ่ามาเรายังไม่ได้แต่งหน้าเลยค่ะ ถ้าจะออกไปข้างนอกก็ทาแต่แป้งเฉยๆ(เพราะเป็นคนหน้ามันมาก ไม่ทาจะเยิ้มสังขยามาก)


วันที่ 9
   
  

อาหารการกินช่วงนี้เริ่มเปลี่ยนจากดื่มนมหรือซุปเป็นกินพวกโจ๊กค่ะ แล้วก็ทำไข่คนพอให้มีโปรตีนหน่อย


อ้อ! ต้องบอกก่อนเลยว่าเราดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันเลย ไปอ่านเจอมาว่ามันช่วยลดบวมได้ดี และตัวช่วยอีกอย่างก็คือใบบัวบกค่ะ




เราลืมซื้อจากไทยไป เลยไปหาซื้อที่เกาหลีค่ะ  เรากินตั้งแต่ก่อนผ่าตัด 2 วัน และก็กินมาเรื่อย ๆ ตั้งใจจะกินให้พอดีกับยาคุณหมอแล้วจะเลิกกินค่ะ เห็นว่ากินนานไปก็ไม่ดีเท่าไหร่ แอบกลัวเหมือนกัน

pinkstar

วันที่ 10



วันนี้มีนัดตัดไหม และพบคุณหมอก่อนกลับไทยค่ะ
ตัดไหมด้านในจมูก หลังหูและตรวจเช็กความสะอาดด้านในปาก
ส่วนไหมในปากเราต้องกลับไปตัดที่ไทยค่ะ
คุณหมอลี คุณหมอเห็นว่าจมูกเราตรงสันยังบวมอยู่มาก คุณหมอเลยเอาเข็มเจาะเดรนเลือดเสียออกให้
เจาะกันสดๆเลยจ้า จิกมือหงิกมาก 55 คุณหมอบอกว่าถ้าเอาออกมันจะยุบบวมได้เยอะขึ้นมาก


ในส่วนโครงหน้า คุณหมอโอ เปิดCT-xray เทียบก่อนหลังผ่าให้เราดูค่ะ ว่าคุณหมอตัดกระดูกไปเยอะแค่ไหน
ต้องบอกเลยว่าฝีมือตัดกระดูกคุณหมอคือเนี๊ยบมากก ตัดเรียบกริบ!
โหนกแก้มเรายุบไปเยอะเลย ส่วยกรามคางเราก็ดูเป็นวีไลน์มากขึ้น คางหายตัดแล้ว ถูกใจมากเลย
พบคุณหมอเสร็จเรียบร้อยเราก็เตรียมตัวไปสนามบินเลยค่ะ จะได้กลับไทยแล้ว~

วันที่ 11


  กลับมาถึงไทยแล้วค่า พักผ่อนอยู่บ้าน กลับมากินโจ๊กแบบไทยๆใส่ไข่ อร่อยมาก 555 คิดถึงรสชาติแบบนี้
สันจมูกหลังจากที่คุณหมอเจาะเดรนเลือดเสียออก มันยุบไปจริง ๆ ค่ะ สุดยอดมากก
ส่วนรอยช้ำยังต้องรอต่อไป

วันที่ 12


วันนี้หนีมาเที่ยวทะเลค่ะ รอยช้ำใต้ตาดีขึ้นเรื่อย ๆค่ะ ทรงจมูกเริ่มสโลปอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าใส่แมสก็แทบจะดูไม่ออกว่าไปศัลยกรรมมา



วันที่ 13


วันนี้แอบเอาคอนซิลเลอร์ลงใต้ตานิดหน่อย กลบรอยช้ำได้ระดับหนึ่งอยู่น้า
เวลาออกไปข้างนอกเราก็จะใส่แมสใส่หมวกค่ะ ถ้าเวลากินข้าวเราก็จะเอาผ้ารัดหน้ามารัดแล้วก็ใส่หมวกทับอีกทีให้คนอื่นไม่ตกใจ555
เราเริ่มกินพวกเนื้อปลานิ่มๆได้แล้วค่ะ แต่ใช้เวลาเคี้ยวนานอยู่กว่าจะกินเสร็จ เพราะอ้าปากกว้างไม่ได้เลยต้องค่อยๆตัดเป็นชั้นเล็ก ๆ ใส่ปาก



วันนที่ 14


วันนี้กลับจากทะเลแล้วก็แวะไปตัดไหมที่เหลือใบปากที่เมโกะคลินิกค่ะ
เขาโคกับทางบาโนบากิด้วย ถ้าเราไม่รู้จะตัดที่ไหนทางบาโนบากิก็จะจองคิวของเมโกะให้ค่ะ สะดวกสบายมาก ใครที่มีเวลาอยู่เกาหลีไม่นาน ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ กลับมาตัดที่ไทยได้เหมือนกัน

เดี๋ยวมีเวลาจะมาอัพเดทให้ดูเรื่อยๆนะคะ

pinkstar

ครบ 3 สัปดาห์





รอยช้ำใต้ตาดีขึ้นมาก เหลือเขียว ๆ เหลือง ๆ นิดหน่อย แต่ก็พอเอาคอนซีลเลอร์กลบได้อยู่ ชั้นตาเข้าที่มากแล้ว
หน้าที่บวมก็ยุบไประดับหนึ่ง มีคนชมเรื่องจมูกเยอะมาก บอกว่าทรงสวย
ดูกว่าก่อนทำเยอะเลย
ทานอาหารที่เป็นเนื้อไก่ หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวนิ่ม ๆ ได้ดี
แต่พวกข้าวเม็ด ๆ ยังทานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เลยเน้นทานโปรตีนเนื้อสัตว์มากกว่า

ครบ 4 สัปดาห์


หน้าแก้มที่บวมก็ยุบลงไปหน่อยแล้ว เริ่มแต่งหน้าเยอะขึ้น กล้าที่จะเขียนอายไลนเนอร์ปัดมาสคาร่าแล้ว หลังจากไม่ได้จัดเต็มมาเป็นเดือน

และเรื่องอาหารการกินเริ่มเคี้ยวข้าวเป็นเม็ด ๆ ได้แล้ว
แต่ยังเน้นเนื้อสัตว์เน้นโปรตีนอยู่ค่ะ


ครบ1 เดือน



รอยช้ำใต้ตาแทบมองไม่เห็นแล้ว ความบวมหน้าแก้ม เหมือนมันยุบบวมลงมาตรงกรอบหน้าแล้ว

ในส่วนของตาเข้าที่มาก ดูแทบไม่ออกว่าทำตามา ชอบมากเลยค่ะ แฮปปี้

ทานข้าวปกติแล้ว แค่ยังอ้าปากกว้างไม่ได้และยังเคี้ยวเนื้อเหนียว ๆ
ไม่ได้เท่านั้นค่ะ แต่ไม่มีปัญหาต่อการใช้ชีวิตอะไร

pinkstar

ครบ 2 เดือน





หน้ายังมีความบวมอยู่พอสมควร ส่วนตาเริ่มเข้าที่แล้ว จมูกก็เริ่มลดบวมยุบไปเยอะเลย
เคี้ยวอาหารได้ดีมากขึ้น เนื้อหมูก็พอกลับมาเคี้ยวได้แล้ว แต่ก็ยังอ้าปากกว้าไม่ได้เยอะเท่าไหร่
คนเริ่มทักแล้วว่าหน้าเปลี่ยนไปเลย สวยขึ้น


ครบ 3 เดือนแล้วค่า



หน้ายุบบวมไปเยอะเลย จมูกก็เริ่มรัดแกนเพิ่มขึ้นด้วย คิดว่าน่าจะเหลือความบวมอยู่แค่ 20 % น่าจะได้ ไม่น่าจะลงไปเยอะกว่านี้แล้ว

เริ่มออกไปเจอเพื่อน กินข้าวข้างนอกเยอะขึ้น เพราะกลับมาเคี้ยวได้ดีขึ้นแล้ว ชาบูก็จัดมาเลย 55 ไม่กลัวแล้ว แต่อะไรที่ต้องอ้ากว้าง ๆ เช่นแฮมเบอร์เกอร์ก็ยังยั้งไว้ก่อน พักก่อนน คนทักเยอะเลยว่าหน้าเปลี่ยน หน้าหวานขึ้น บางคนบอก จำหน้าเดิมไม่ได้แล้ว

pinkstar

ครบ4เดือน



เป็นครั้งแรกเลยที่ออกไปถ่ายรูปเล่นที่คาเฟ่กับเพื่อน หลังจากผ่าตัดมา หน้าเริ่มเข้าที่มากแล้วค่ะ  อาจจะยังมีความบวมเล็ก ๆ เหลือ นิดหน่อย

นอกจากนั้นก็ปกติทุกอย่างแล้ว ทานอาหารได้ตามปกติ เนื้อสัตว์หมูย่างเนื้อย่างก็เคี้ยวได้แล้ว การอ้าปากอาจจะไม่ได้กว้างเท่าก่อนผ่า แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอะไรแล้วค่ะ

ครบ 6 เดือน



ใบหน้าเข้าที่เป็นปกติทุกอย่างแล้วค่ะ ความบวมที่มีก็ยุบหมดแล้ว รวมถึงตาและจมูกด้วยค่ะ

มีโอกาสได้มาเที่ยวเกาหลี ช่วงครบ 6 เดือนพอดี ก็เลยแวะไปให้คุณหมอเช็กอัพให้ค่ะ คุณหมอบอกว่าผลการผ่าตัดออกมาดีมากเลย ไม่มีอะไรน่ากังวล ความบวมอะไรก็แทบไม่เหลือแล้ว 



เทียบรูปก่อนหลังแล้ว เห็นความแตกต่างชัดเลยค่ะ จากที่เป็นคนหน้าบาน ๆ กลม ๆ ตาสองชั้นหลบใน หน้ามีความเรียววีและเล็กลงมาก 




ตา2ชั้นก็ชัดขึ้น ทำให้หน้าดูหวาน ไม่ดุเหมือนแต่ก่อนด้วย 

ต้องบอกเลยว่าก่อนทำเราก็อ่านรีวิว หาข้อมูลมาพอสมควร ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่า แอบกลัวเหมือนกัน กลัวจะเจ็บ กลัวจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดเอาไว้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการทำศัลยกรรมมันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเลย มีแค่ทรมานเรื่องการทานอาหารนิดหน่อยในช่วงแรก ๆ พอเราผ่านช่วงนั้นมาได้ก็ชิลเลย ทุกอย่างแทบจะปกติ เหมือนก่อนผ่าเกือบทุกอย่าง 

ใครที่ลังเลว่าจะทำดีไหม หรืออยากทำแต่กลัวเจ็บ อยากบอกว่า ทำเลยค่ะ ทำเร็วสวยเร็ว 555 แล้วก็ไม่น่ากลัวไม่เจ็บอย่างที่คิดด้วยค่ะ

สุดท้ายขอขอบคุณรพ.บาโนบากิอย่างมากเลยค่ะ ที่ดูแลและให้ข้อมูลเราเป็นอย่างดี