ดู: 3847|ตอบกลับ: 12

[ศัลยกรรมเกาหลี] รีวิวครั้งแรกกับการไปศัลยกรรมที่เกาหลี เรื่องรายละเอียดอธิบายไว้อย่างละเอียดยิบ คนอ่านเหมือนตาเห็นเลยค่ะ

[คัดลอกลิงก์]
เนื่องจากกระทู้อันเก่าปลิวหาย ก็มาเขียนใหม่ให้คนที่ยังไม่ได้อ่าน อ่านกันค่ะ

สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเมย์ ได้สมัครเข้าร่วมในโครงการ Make Over Project เฟ้นหาโมเดลสาวไทยไปทำศัลยกรรมฟรีกับโรงพยาบาลศัลยกรรม GNG ที่ประเทศเกาหลีใต้ กับเอเจนSurgery Review ตอนที่ทราบผลว่าได้รับคัดเลือกให้ไปทำศัลยกรรมฟรีกับทางโรงพยาบาล รู้สึกดีใจมากและตื่นเต้นมากค่ะ เพราะเดิมทีเป็นคนไม่เคยผ่านการศัลยกรรมมาก่อน

        วันเดินทาง คือ วันที่ 21 มกราคม 2560 ไปถึงสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เวลาประมาณ 9 โมงเช้า วันนี้มีหิมะตกโปรยปราย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับหิมะจริงๆ ตื่นเต้นมากและอากาศก็หนาวมาก พอถึงสนามบินจะมีทีมงานของทางโรงพยาบาลมารอต้อนรับอย่างอบอุ่นค่ะ จากนั้นก็นั่งรถที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ไปยังโรงพยาบาลศัลยกรรม GNG เพื่อเข้าพบและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากสนามบินอินชอนมายังโรงพยาบาล ซึ่งตั้งอยู่ย่านกังนัมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พอถึงโรงพยาบาล สิ่งแรกที่เห็นคือ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นตึกสูง มีทั้งหมด 10 ชั้น พอเข้าไปข้างในตัวอาคารจะพบกับคาเฟ่ ซึ่งเปิดให้บริการทั้งกาแฟ เครื่องดื่มและขนมต่างๆ มีให้เลือกซื้อได้ตามสะดวก สถานที่ภายในโรงพยาบาลนั้นดูสะอาด มีที่นั่งรอตรวจและมุมเครื่องดื่ม เช่น กาแฟและน้ำดื่มไว้คอยให้บริการฟรี จากนั้นเราก็เข้าไปติดต่อกับพยาบาลที่เค้าเตอร์ เพื่อกรอกข้อมูลและประวัติส่วนตัวอย่างละเอียด เสร็จแล้วจึงมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด ได้แก่ การตรวจเอ็กซเรย์กระดูกโครงหน้า (CT Scan), การตรวจเอ็กซเรย์ปอด, การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การตรวจเลือดและมีการถ่ายรูปก่อนผ่าตัด จากนั้นจึงพบกับที่ปรึกษาทางด้านความงามและศัลยกรรมก่อน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการการแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า ก่อนที่จะเข้าพบคุณหมอ สำหรับเรื่องภาษานั้นไม่ต้องกังวลว่าจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง หรือไม่เข้าใจ เพราะมีล่ามไว้คอยดูแลอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้เข้าพบกับคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าดูว่ามีวิธีการแก้ไขจุดบกพร่องอย่างไร เนื่องจากว่าช่วงที่ไปผ่าตัดศัลยกรรมนั้นเป็นช่วงหน้าหนาว ซึ่งอาจทำให้ป่วยได้ง่าย เพราะว่าถ้าเราป่วย มีไข้ เราจะไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดอย่างแน่นอน เพราะอาจทำให้มีความเสี่ยงในการผ่าตัดอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นก่อนผ่าตัดเราควรเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงและเตรียมเสื้อผ้าที่หนาเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นจะได้ไม่ป่วย แต่กรณีในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ ก็สามารถทำผ่าตัดได้

         ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าดิฉันเป็นคนที่มีโหนกแก้มสูง หน้าผากแคบและสั้น ขมับตอบ ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมและแข็ง มีรูปให้ดูค่ะ
เม13.jpg

เขียนต่อให้คอมเม้นนะค่ะ เนื้อหามันยาวมากกกกกก
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-23 14:30:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
มีคนเคยทักว่าหน้าดูแข็งและดุ หน้าดูไม่สวยไม่หวาน บางคนก็บอกว่าเห็นหน้ากันตอนแรกนึกว่าเป็นคนอีสาน ทำให้เรารู้สึกขาดความมั่นใจไปเลย นอกจากปัญหาดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ยังมีปัญหาเรื่องหน้าสองข้างไม่เท่ากัน โหนกแก้มยื่นออกมาด้านข้าง, คางตัดทำให้คางดูกว้างเหมือนคนไม่มีคาง, จมูกมีลักษณะเป็นจมูกสั้น, สันจมูกกว้าง, สันโด่งใหญ่, ปลายจมูกกลมและปีกจมูกบานค่ะ สำหรับดิฉันได้รับการแก้ไขกระดูกโครงหน้า โดยการผ่าตัดกรามวีไลน์ (V Line Square Jaw Sugery) การลดขนาดโหนกแก้ม (Cheekbone Reduction) การฉีดไขมันบนใบหน้า (Facial Fat Graft) และการทำจมูก (3D Rhinoplasty) ก็ได้เข้าพบคุณหมอทั้งหมด 3 ท่าน โดยมีหมอที่ดูแลในเรื่องของกระดูกโครงหน้า, เรื่องของการฉีดไขมันบนใบหน้าและเรื่องของการทำจมูก หลังจากพูดคุยกับคุณหมอเสร็จได้นัดผ่าตัดคือ วันที่ 23 มกราคม 2560 และพยาบาลก็ได้แจ้งเรื่องการงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลานานจึงต้องมีการดมยาสลบ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจากการสำลักอาหารเข้าปอด จึงจำเป็นต้องงดน้ำและอาหารเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง คือหลังเที่ยงคืนของวันก่อนผ่าตัดต้องงดน้ำและอาหารเลยและมีการใส่ท่อสวนปัสสาวะด้วย เพื่อความปลอดภัยของเรา เมื่อพูดคุยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีรถที่ทางโรงพยาบาลจัดไปส่งยังโรงแรมที่พัก เพื่อเช็คอินและพักผ่อนเพื่อรอวันนัดผ่าตัด
เม12.jpg

และแล้ววันผ่าตัดก็มาถึง วันนี้มีนัด 9 โมงเช้า ตื่นเช้ามารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่าวันนี้จะต้องผ่าตัดแล้ว เมื่อคืนนี้ก็นอนหลับสบายดีค่ะ พักผ่อนเต็มที่และงดน้ำ งดอาหารทุกอย่างหลังเที่ยงคืนมาแล้วเรียบร้อยค่ะ จากนั้นก็อาบน้ำ สระผม แปรงฟันและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางโดยรถแท็กซี่ค่ะ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงพยาบาล พอมาถึงที่โรงพยาบาลจะมีพี่ล่ามมารออยู่แล้ว จากนั้นก็พาเราไปพบพยาบาล เพื่อแจ้งชื่อและพาไปยังห้องพักฟื้นผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องที่เราจะต้องมานอนพักฟื้นหลังผ่าตัดเสร็จ แล้วจึงทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้าที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้และล้างทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงได้เข้าพบคุณหมออีกครั้งหนึ่ง เพื่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาและทำความเข้าใจกันก่อนเข้ารับการผ่าตัด จากนั้นพยาบาลก็พาไปยังห้องผ่าตัด ซึ่งก่อนเข้าห้องผ่าตัด ผมที่รวบอยู่จะต้องปล่อยออก แล้วก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัดต้องผ่านเครื่องเป่าลมเพื่อกำจัดฝุ่นและเชื้อโรคที่ติดตามตัวและเสื้อผ้าออกก่อนจึงจะเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ ตอนที่เข้าไปยังห้องผ่าตัดก็สังเกตเห็นว่ามีเครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตหลายชนิดอยู่ในห้องผ่าตัด จึงรู้สึกมั่นใจได้ว่ามีมาตรฐานและมีความปลอดภัย จากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียงผ่าตัด ซึ่งเตียงผ่าตัดจะเป็นเตียงเล็กๆ ที่ขนาดไม่ใหญ่มากใหญ่กว่าเราเล็กน้อย แล้วมีหมอและพยาบาลวิสัญญีอยู่ประมาณ 5 คน ซึ่งพยาบาลแต่ละคนก็จะช่วยกันเตรียมคนไข้ โดยนำที่วัดความดันมารัดไว้ที่ต้นแขนและนำสายตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาติดให้บริเวณหน้าอกและตัว จากนั้นหมอดมยาก็ถามเราว่าฟังภาษาอังกฤษได้ไหม เราก็ตอบไปว่าฟังได้ หมอจึงพูดอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการพูดคุยและบอกขั้นตอนคร่าวๆ ว่าหมอจะทำอะไรกับเราบ้าง จากนั้นหมอก็บอกว่าจะให้หลับแล้วนะ ซึ่งตอนนั้นพยาบาลจะฉีดยาที่บริเวณข้อพับแขน พร้อมกับที่หมอทำการดมยาสลบ ซึ่งเป็นที่ครอบจมูกต่อออกจากเครื่องดมยามาครอบที่จมูกและให้เราหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในห้องพักฟื้นนอกห้องผ่าตัด โดยมีพยาบาลอยู่ข้างๆ เตียงคอยปลุกเรา เนื่องจากตอนนั้นยังมีอาการเมายาสลบ แต่ว่ารู้สึกตัวแล้ว แต่ยังมึนๆ งงๆ แล้วพี่ล่ามก็บอกให้เราหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อที่จะไล่ยาสลบออกให้หมด ตอนนั้นได้ถอดท่อช่วยหายใจออกแล้ว พอเราตื่น ฟื้นคืนสติได้ดี ก็ลุกจากเตียงมานั่งที่รถเข็นเพื่อย้ายไปที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยต่อไป โดยใช้เวลาผ่าตัดและอยู่ในห้องพักฟื้นของวิสัญญีทั้งหมดประมาณ 10 ชั่วโมง>>>ตามมาๆๆ
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-23 14:33:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เม11.jpg
หลังจากที่พยาบาลเข็นรถนั่งมาส่งที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมีห้องพักฟื้นของผู้ป่วยอยู่หลายห้อง หน้าห้องพักฟื้นจะมีเค้าเตอร์พยาบาลอยู่ ซึ่งจะมีพยาบาลเวรคอยดูแลผู้ป่วยอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงและต้องนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 คืน ความรู้สึกหลังผ่าตัดเสร็จ ถ้าถามว่าเจ็บไหม จะบอกว่าไม่เจ็บก็คงเป็นไปไม่ได้ ต้องบอกว่ารู้สึกเจ็บมาก รู้สึกหนักๆ ตึงๆ ปวดหน้า แต่ก็เจ็บในระดับดับที่พอทนได้ โดยพยาบาลจะฉีดยาแก้ปวดให้ทุก 6 ชั่วโมงและคอยดูแลการสารน้ำต่างๆ มีอาการเจ็บคอ คอแห้งอยู่บ้าง แล้วบริเวณจมูกที่เพิ่งทำมาก็ยังมีเฝือกดามจมูกด้านนอกอยู่และมีผ้าก๊อซรองใต้จมูกด้วย เลือดก็ยังไหลอยู่เป็นระยะ อ้าวแล้วแบบนี้จะหายใจทางจมูกได้ไหม บอกเลยว่าไม่ได้ ให้หายใจทางปากได้อย่างเดียวจนกว่าจะถึงวันนัดตัดไหม ต้องบอกเลยว่าลำบากมาก นอกจากจะต้องหายใจทางปากแล้ว ด้วยอากาศที่เย็นจึงทำให้บนเพดานเหงือกของเราแห้งและรู้สึกเจ็บ ก็จะอาศัยการจิบน้ำเป็นระยะเพื่อช่วยให้เพดานเหงือกชุ่มชื้น ลดอาการเจ็บลงได้ ซึ่งก็ไม่ได้มีผ้าก๊อซซับเลือดภายนอกจมูกเพียงอย่างเดียว ภายในรูจมูกนั้นก็มีผ้าก๊อซซับห้ามเลือดด้วย นอกจากนั้นยังมีเฝือกดามจมูกอุดค้ำรูจมูกไว้ด้านในอีก จึงทำให้ไม่สามารถหายใจทางจมูกได้ แต่เพื่อความสวยแล้วนั้นเราต้องอดทนอย่างเดียวค่ะ ต้องสู้ๆ หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จเราสามารถจิบน้ำได้ โดยพยาบาลจะนำน้ำดื่มและน้ำมะละกอกระป๋องมาไว้ให้ดื่มด้วย โดยใช้หลอดฉีดยาที่ต่อสายยางตรงปลายเพื่อดูดน้ำดื่ม ซึ่งยังอ้าปากไม่ได้ เนื่องจากมีสายระบายเลือดที่อยู่ในปากและมีผ้าพันหน้าด้วย หลังผ่าตัดวันแรกก็ยังรู้สึกเจ็บและปวดแผลอยู่ แต่จะเจ็บน้อยลงและดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ส่วนอาการเจ็บคอและคอแห้งก็ดีขึ้น เนื่องจากจิบน้ำช่วย แต่พอหลังจากผ่าตัดวันที่สอง ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแผลแล้ว
เม10.jpg
หลังผ่าตัดวันที่หนึ่ง ในช่วงเช้าคุณหมอที่ทำการฉีดไขมันบนใบหน้าได้เข้ามาตรวจเยี่ยมอาการ จากนั้นพยาบาลก็จะนำท่อสายสวนปัสสาวะออกให้และเนื่องจากมีแผลผ่าตัดในปาก พยาบาลจึงนำน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อมาให้สำหรับใช้บ้วนปาก ซึ่งต้องบ้วนปากบ่อยๆ เพื่อลดการติดเชื้อของแผลในปากและไม่ต้องกังวลเรื่องการตัดไหม เพราะหมอใช้ไหมละลาย ซึ่งไหมนั้นจะละลายหายไปเองและนำซุปฟักทองมาให้ทานด้วย ช่วงเที่ยงคุณหมอที่ทำการผ่าตัดโครงหน้าให้ก็เข้ามาตรวจเยี่ยมและได้นำผ้าพันหน้าและสายระบายเลือดออกให้ ต้องบอกว่าตอนแรกรู้สึกกังวลใจว่าตอนดึงสายออกจะเจ็บไหม แต่พอหมอดึงสายระบายเลือดออกให้นั้นขอบอกว่าไม่รู้สึกเจ็บเลย ค่อยโล่งใจหน่อย แต่จะเหลือเฝือกที่ติดรอบใต้คางไว้ ซึ่งหมอยังไม่ให้เอาออก พร้อมทั้งนำกระดูกโครงหน้าที่ผ่าตัดออกไปแล้วมาให้ดูอีกด้วย ได้มีทักทายพูดคุยกัน ขอบอกเลยว่าคุณหมอน่ารักและใจดีมาก พูดให้กำลังใจดีมากๆ ค่ะ จากนั้นพยาบาลได้นำผ้ารัดหน้ามารัดให้และสอนวิธีการใช้ โดยต้องรัดหน้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมง สลับกับคลายผ้ารัดหน้าอีก 1 ชั่วโมง ค่อยกลับมารัดใหม่ ทำแบบนี้สลับกันไปทั้งวันจนถึงก่อนนอน แต่ในช่วงนอนหลับนั้นไม่ต้องรัดผ้า แต่ต้องบอกก่อนว่าในช่วงแรกนี้เราอาจจะรัดผ้าในแต่ละครั้งได้ไม่นานตามเวลาที่พยาบาลกำหนด เพราะว่าเราปวดกระดูกช่วงบริเวณจอนผมมากก็เลยไม่ฝืนตัวเอง รัดเท่าที่ไหว แต่ก็พยายามรัดคลายผ้าทั้งวันนะ เพราะผ้ารัดนี้ช่วยลดอาการบวมและป้องกันไม่ให้แก้มห้อย>>>>ต่อๆๆๆ
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-23 14:48:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เม9.jpg
หลังผ่าตัดวันที่สอง ในช่วงเช้าคุณหมอคนเดิมที่ทำการผ่าตัดโครงหน้าให้นั้นก็มาตรวจเยี่ยมอาการพร้อมกับพูดปลอบใจและให้กำลังใจทำให้เรารู้สึกดี มีกำลังใจมากยิ่งขึ้น ส่วนช่วงเย็นนั้นพยาบาลจะพาเราไปล้างแผลที่จมูก, แผลบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม), แผลบริเวณที่ฉีดไขมันบนใบหน้าและแผลที่สะดือ ซึ่งการทำจมูกนี้จะเป็นการผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty) จะมีแผลที่บริเวณขอบกั้นกลางจมูก และได้รับการผ่าตัดปีกจมูกด้วยก็จะมีแผลขอบปีกจมูก พยาบาลก็จะทำการล้างแผลในรูจมูก โดยดึงผ้าก๊อซที่อุดห้ามเลือดไว้ออก แล้วนำผ้าก๊อซชุบน้ำยาฆ่าเชื้ออันใหม่เข้าไปแทนที่พักไว้อย่างนั้นก่อน เช็ดแผลบริเวณขอบกั้นกลางจมูก, ขอบปีกจมูก, แผลบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม) และทายาตรงแผลบริเวณที่มีไหมทุกจุดจนครบ แล้วติดพลาสเตอร์อันใหม่ที่แผลบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม) ในการฉีดไขมันบนใบหน้านั้นจะมีแผลตามจุดที่ฉีดและมีแผลที่สะดือด้วย เนื่องจากคุณหมอได้นำไขมันจากหน้าท้องมาฉีดให้ ส่วนแผลบริเวณที่ฉีดไขมันก็จะดึงพลาสเตอร์อันเก่าออก เช็ดแผล แล้วติดพลาสเตอร์อันใหม่ให้ แล้วพยาบาลก็จะให้ผ้าก๊อซมาไว้จำนวนหนึ่งเพื่อซับเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก จากนั้นช่วงค่ำพยาบาลก็จะถอดสายน้ำเกลือที่แขนออกให้
เม8.jpg

        พอเช้าวันที่สามเป็นวันที่ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่โรงแรม ก็จะมีพยาบาลนำเอกสารการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด, ผ้าก๊อซ, หน้ากากอนามัย, Gel Pack, น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ, ยากินและยาทามาให้ อธิบายรายละเอียดวิธีการปฏิบัติตัวและข้อห้ามต่างๆ ให้ฟังและนัดมาตัดไหมอีก 5 วัน โดยผ่านทางพี่ล่ามและพี่ล่ามก็เขียนแปลเป็นภาษาไทยให้ในเอกสารนั้นอย่างชัดเจนอีกด้วย อ้อลืมบอกพี่ล่ามที่คอยดูแลเราเขาเป็นคนเกาหลีนะ น่ารักมาก ใส่ใจ ดูแลเราดีมากๆ จากนั้นทีมงานของทางโรงพยาบาลและพี่ล่ามก็พาเราไปที่ร้านสระผม รู้สึกดีมากๆ เลยล่ะ ไม่ได้สระผมมาสองวัน อ่อถ้าสระผมเองคงจะลำบากมากๆ เพราะว่าแผลนี้ห้ามโดนน้ำเด็ดขาด เพื่อให้แผลแห้งและป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นทีมงานก็นั่งรถที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้มาส่งยังโรงแรมที่พักและกลับมาพักฟื้นต่อ>>>
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-23 14:49:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เม7.jpg
        ถึงวันนัดตัดไหม เป็นวันที่ 8 นับจากวันที่ผ่าตัด ซึ่งก็ครบเจ็ดวันพอดี ก็เดินทางมายังโรงพยาบาล โดยรถแท็กซี่อีกเช่นเคย มีพี่ล่ามมารออยู่แล้ว อ้อวันนี้เป็นล่ามคนไทยค่ะ เวลานัดเป็นช่วงเช้า มาถึงก่อนเวลาก็มานั่งรอก่อนเข้าพบคุณหมอที่ทำจมูก จากนั้นพยาบาลก็จะพาเข้าไปที่ห้องเพื่อทำการตัดไหมรอบขอบกั้นกลางจมูกและปีกจมูก, ไหมบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม) และบริเวณสะดือ แล้วก็เช็ดทำความสะอาดแผลให้ทุกจุด รวมทั้งแผลบริเวณที่ฉีดไขมันและติดพลาสเตอร์กันน้ำไว้ให้ที่บริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม), บริเวณที่ฉีดไขมันและบริเวณสะดือ หลังจากนี้แผลห้ามโดนน้ำอีก 3 วัน แล้วจึงเข้าพบคุณหมอที่ทำจมูกให้ คุณหมอก็จะดึงผ้าก๊อซที่อยู่ในรูจมูกออกมาและเอาเฝือกดามจมูกด้านนอกออก แล้วตรวจเช็คแผลในรูจมูก จากนั้นใช้ท่อดูด (Suction) ดูดเอาเลือด,น้ำเหลืองและสารคัดหลั่งที่ติดค้างในรูจมูกออกให้ ขอบอกว่าขั้นตอนนี้จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมากๆ เลย รู้สึกจมูกสะอาด จากนั้นหมอจึงดึงเอาเฝือกดามจมูกที่อุดค้ำรูจมูกไว้ด้านในออกมา ทีนี้ล่ะรู้สึกฟินสุดๆ เพราะจมูกโล่ง สบาย หายใจสะดวกมาก เย้ หายใจทางจมูกได้แล้ว หลังจากนั้นคุณหมอก็ตรวจเช็คดูโครงสร้างจมูกภายนอกว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะในช่วงนี้จมูกยังบวมและจมูกยังไม่เข้ารูป ซิลิโคนที่เสริมยังไม่ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อของจมูก อาจเกิดการเบี้ยวได้ แล้วคุณหมอก็ใช้มือกดๆ ที่สันจมูก แล้วถามว่าเจ็บไหม เราตอบว่าเจ็บค่ะ คุณหมอเลยกดสันจมูกและนวดเบาๆ ให้ดูแล้วบอกให้เราทำแบบนี้ ทำทุกเช้า วันละ 1 ครั้ง จากนั้นหมอก็นัดมาตรวจอีก 3 วัน นัดพร้อมกับคุณหมออีกสองท่านเพื่อตรวจเช็คก่อนที่จะกลับเมืองไทย

เม6.jpg
        ถึงวันนัดพบคุณหมอ เพื่อตรวจเช็คก่อนที่จะกลับเมืองไทย นัดไว้ช่วงบ่ายโมง วันนี้เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที อากาศก็ยังคงหนาวอยู่ แต่ได้เจอหิมะตกแค่สองวัน คือวันวันแรกที่มาถึงเกาหลีและวันที่สองเท่านั้น ไปโรงพยาบาลก่อนเวลานัดหมาย ก็ไปที่ร้านคาเฟ่ของโรงพยาบาล สั่งกาแฟมานั่งดื่ม เพื่อคลายหนาว 1 แก้ว ราคากันเองมาก ไม่แพงเมื่อเทียบกับร้านข้างนอก จากนั้นพี่ล่ามคนไทยก็ตามมาจึงพากันไปที่เค้าเตอร์พยาบาลแล้วรอเข้าพบคุณหมอ ก่อนเข้าพบคุณหมอนั้น วันนี้ได้มีการการตรวจเอ็กซเรย์กระดูกโครงหน้า (CT Scan) และถ่ายรูปหลังผ่าตัดเสร็จแล้ว จึงได้เข้าพบคุณหมอที่ทำการผ่าตัดโครงหน้า คุณหมอก็ได้พูดคุยถึงผลการรักษาและผ่าตัดว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมทั้งให้ดูภาพถ่ายเอ็กซเรย์กระดูกโครงหน้าเปรียบเทียบกันก่อน-หลังผ่าตัดว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งขอบอกได้เลยว่าคุณหมอนั้นเก่งและฝีมือดีจริงๆ สิ่งที่เราเป็นกังวลนั่นคือ ในเรื่องของเส้นประสาท ภาพถ่ายเอ็กซเรย์ที่คุณหมอเปิดให้ดูยืนยันได้ว่าคุณหมอนั้นไม่ได้ตัดโดนเส้นประสาท ยังคงอยู่ที่เดิม รู้สึกโล่งใจและคลายกังวลไปได้มากทีเดียว จากนั้นได้เข้าพบคุณหมอที่ทำจมูก คุณหมอทำการตรวจเช็คแผลในรูจมูก จากนั้นใช้ท่อดูด (Suction) ดูดเอาเลือด,น้ำเหลืองและสารคัดหลั่งที่ติดค้างในรูจมูกออกให้ แล้วก็ตรวจเช็คดูโครงสร้างจมูกภายนอกว่าเป็นอย่างไร โดยใช้มือกดๆ ที่สันจมูก แล้วถามว่าเจ็บไหม เราตอบว่าไม่เจ็บค่ะ คุณหมอเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นไม่ต้องนวดจมูกแล้ว ทุกอย่างดีแล้ว แอบดีใจและโล่งใจที่ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วก็พบคุณหมอที่ทำการการฉีดไขมันบนใบหน้า คุณหมอก็ตรวจดูใบหน้าทุกอย่างเรียบร้อยดี แล้วคุณหมอก็บอกว่าไขมันจะถูกดูดซึมหรือสลายไป ซึ่งร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สลายมากน้อยขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล แต่ถ้าไขมันยุบลงเยอะก็สามารถมาเติมเพิ่มได้ เพราะทางคุณหมอได้เก็บไขมันอีกส่วนหนึ่งของเราไว้แล้ว พอเข้าพบคุณหมอจนครบทุกท่าน จากนั้นจึงเดินทางกลับโรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมตัวกลับประเทศไทย>>>
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-23 14:51:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เม5.jpg
        รูปวันนัดพบคุณหมอก่อนกลับเมืองไทยและวันที่เดินทางกลัประเทศไทย ซึ่งก็พยายามใส่ผ้ารัดหน้า เพื่อลดบวมด้วย
เม3.jpg
       หลังจากกลับมาจากเกาหลี ก็สามารถไปทำงานได้ตามปกติ วันนี้เป็นการทำงานวันแรก ครบ 2 สัปดาห์พอดี
เม2.jpg
        รูปผ่าตัดครบ 1 เดือนพอดี รูปที่เห็นอยู่ ณ ตอนนี้อาจจะยังไม่ยุบบวม เหลือรอยเขียวช้ำใต้ตาอยู่เล็กน้อย
เม1.jpg
        ตอนนี้ครบ 1 เดือนครึ่ง หน้ายังดูไม่เข้าที่สักเท่าไหร่ คงต้องรอให้ยุบบวมลงกว่านี้อีก มารอดูกันว่าอีกสามเดือนจะเป็นอย่างไหร่ โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ>>>>
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-23 14:52:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
มาพูดถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังปรับโครงหน้าค่ะ

วิธีดูแลหลังการปรับโครงหน้า
1. ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 3 วันอย่างต่อเนื่อง โดยประคบเย็นรอบใบหน้า ซึ่งทางโรงพยาบาลจะมี Gel Pack ให้ขณะที่พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลและให้นำมาใช้ต่อหลังกลับมาพักฟื้นที่โรงแรม หลังจากประคบเย็นครบ 3 วันแล้วให้เปลี่ยนมาประคบร้อนอีก 5 วันอย่างต่อเนื่อง (ก่อนที่จะประคบเย็น หรือร้อนให้นำ Gel Pack มาห่อผ้าขนหนูก่อน) เพื่อช่วยลดอาการบวม
2. ต้องนอนยกหัวสูง หรือนอนด้วยหมอนสูงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งขณะที่พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล เตียงคนไข้จะเป็นเตียงที่ปรับระดับความสูงได้อยู่แล้ว พยาบาลก็จะปรับระดับหัวเตียงไว้ให้อย่างเรียบร้อย เพื่อช่วยลดอาการบวม
3. หลังผ่าตัดห้ามแผลผ่าตัดที่อยู่ด้านนอกโดนน้ำ 10 วัน เวลาที่อยากล้างทำความสะอาดหน้า เราก็จะใช้ทิชชู่เปียกเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ
4. หลังผ่าตัดห้ามอ้าปากมากและอ้าปากกว้าง เนื่องจากการผ่าตัดกรามวีไลน์และโหนกแก้มจะผ่าจากด้านในปากทำให้มีแผลในปากจึงทำให้ไม่สามารถอ้าปากได้มาก เพราะอาจทำให้แผลในปากฉีกได้และยังไม่สามารถอ้าปากกว้างๆ ได้ในช่วงเดือนแรกหลังผ่าตัด เพราะว่ากระดูกกับสกรูที่ยึดกันไว้ยังเชื่อมต่อกันไม่สนิท อาจจะทำให้สกรูหลุดได้
5. เนื่องจากมีแผลในช่องปาก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง ของแสลง อาหารที่ต้องใช้แรงบดเคี้ยวในช่วงแรก แอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
6. ข้อนี้สำคัญมาก คือการทำความสะอาดในช่องปากนั้น ให้บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ทางโรงพยาบาลให้มาทุกครั้งหลังรับประทานอาหารและควรบ้วนปากบ่อยๆ จนกว่าน้ำยาบ้วนปากจะหมด หรือหาน้ำยาบ้วนปากที่ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคืองมาบ้วนต่อไปก็ได้ หลังจากที่กลับมาพักฟื้นที่โรงแรม หากเริ่มอ้าปากได้บ้างก็ให้ใช้แปรงสีฟันเด็กเล็กได้ แต่ยังไม่ต้องใช้สีฟัน เพื่อลดการระคายเคืองของแผลและไม่ควรใช้ลิ้นดุนไหมในปากเล่น
7. วันที่ 4 หลังการผ่าตัดให้แกะเฝือกที่ติดรอบใต้คางออกได้ โดยการใช้น้ำอุ่นช่วยในการลูบเบาๆ เพื่อให้กาวละลายและลื่นจะช่วยให้ลอกออกง่ายขึ้น ทำให้พลาสเตอร์เหนียวค่อยๆ ลอกออกและใช้มือช่วยดึงออกอย่างเบามือ ถ้ามีคราบกาวติดค้างอยู่ ก็ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวจะหลุดออกเอง
8. ไม่ต้องตกใจ หรือกังวล หากหลังผ่าตัดแล้ว หน้าเรามีอาการบวม เขียว แดง ม่วง หรือช้ำ เพราะถือเป็นเรื่องปกติ อาการทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ และหายไปอย่างแน่นอน
9. สำหรับผ้ารัดหน้านั้น ผ้ารัดหน้ามารัดให้และสอนวิธีการใช้ โดยต้องรัดหน้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมง สลับกับคลายผ้ารัดหน้าอีก 1 ชั่วโมง ค่อยกลับมารัดใหม่ ทำแบบนี้สลับกันไปทั้งวันจนถึงก่อนนอน แต่ในช่วงนอนหลับนั้นไม่ต้องรัดผ้า
10. ห้ามออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 3 เดือน
11. ไปตรวจตามที่คุณหมอนัด เพื่อให้คุณหมอประเมินดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
12. ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอและพยาบาลและทานยาให้ครบ
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-23 14:53:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
และสุดท้ายวิธีการดูแลหลังทำจมูกและฉีดไขมัน

วิธีดูแลหลังทำจมูก
1. ประคบเย็นได้หลังกลับไปพักฟื้นที่โรงแรม คือ ในวันที่ 3 โดยประคบที่บริเวณหน้าผากและแก้ม ไม่ประคบโดยตรงที่จมูก (ก่อนที่จะประคบให้นำ Gel Pack มาห่อผ้าขนหนูก่อน) เพื่อช่วยลดอาการบวม
2. ต้องนอนยกหัวสูง หรือนอนด้วยหมอนสูงเป็นเวลา 2 สัปดาห์
3. หลังผ่าตัดห้ามแผลผ่าตัดที่อยู่ด้านนอกโดนน้ำ 10 วัน เวลาที่อยากล้างทำความสะอาดหน้า เราก็จะใช้ทิชชู่เปียกเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือ สำหรับเราใช้กระดูกอ่อนในจมูก เลยไม่มีแผลเพิ่มและหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณจมูก
4. ข้อนี้สำคัญมาก หากป่วย จะทำให้มีน้ำมูก ต้องสั่งน้ำมูก ไอ จามอยู่ตลอด ซึ่งจะทำให้กระทบกับแผล ทำให้แผลไม่แห้ง แผลโดนรบกวน ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ให้รีบไปพบคุณหมอโดยเร็ว เพื่อรักษาให้อาการเหล่านี้หาย
5. ทายาฆ่าเชื้อที่ได้มา บริเวณขอบกั้นกลางจมูกและขอบปีกจมูก ทาบางๆ เช้า-เย็น จนกว่าจะถึงวันนัดตัดไหม
6. ไปตรวจตามที่คุณหมอนัด เพื่อให้คุณหมอประเมินดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เราต้องนวดสันจมูกเป็นเวลา 3 วัน หลังจากที่ไปตรวจเช็คอีกรอบก่อนที่จะกลับเมืองไทย ก็ไม่ต้องนวดสันจมูกแล้ว
7. หลังจากครบ 7 วันที่ตัดไหมและนำเฝือกออกแล้ว หากเลือด หรือน้ำเหลืองหยุดไหลแล้ว เราสามารถใช้สำลีคัตตอลบัทชุบน้ำเกลือแล้วทำความสะอาดบริเวณในรูจมูกได้ โดยต้องทำอย่างระมัดระวังและเบามือที่สุด
8. หลังผ่าตัดในช่วงแรก จมูกเราจะบวม หรือมีรอยเขียว แดง ม่วง ช้ำใต้ตา ถือเป็นเรื่องปกติ แต่อาการทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ และหายไปอย่างแน่นอน
9. ห้ามออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 3 เดือน
10. ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอและพยาบาลและทานยาให้ครบ
วิธีดูแลหลังฉีดไขมันบนใบหน้า
1. หลังจากกลับไปพักฟื้นที่โรงแรม อีก 3 วันจึงจะสามารถแกะพลาสเตอร์ออกได้
2. ต้องนอนหงายในช่วง 1 สัปดาห์แรก
3. ห้ามกด ทับใบหน้าบริเวณที่ทำการฉีดไขมัน
4. หลังฉีดไขมันใบหน้าจะดูบวม ไม่ต้องตกใจ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ หลังจากนั้นไขมันจะลดลงไปประมาณ 40-50% การถูกดูดซึมหรือสลายของไขมันนั้นแตกต่างกันไป สลายมากน้อยขึ้นอยู่แต่ละบุคคล ซึ่งร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
5. การที่ร่างกายอ้วนขึ้น หรือผอมลงก็มีผลต่อการสลายของไขมันเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราควรควบคุมน้ำหนักให้คงที่ ไขมันบนใบหน้าจะได้อยู่กับเราได้นานกว่า
6. ห้ามโดนความร้อน เช่น การอบซาวน่า การทำเลเซอร์
7. ห้ามออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 3 เดือน
8. ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอและพยาบาลและทานยาให้ครบ

เล่าละเอียดยิบ อาจช่วยได้สำหรับคนที่คิดจะศัลยกรรมนะค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ
โพสต์ 2017-3-23 20:14:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
รอติดตามน้า
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-3-26 14:59:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ขอบคุณมากค่ะ ถ้าว่างจะมาอัพเดทบ่อยๆค่ะ
โพสต์ 2017-6-22 12:29:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ติดตามเลยค่ะ มาอัพอีกเรื่อยๆนะคะ รอค่ะรอ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้