ดู: 14039|ตอบกลับ: 43
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม] เมื่อผู้ชายมาศัลยกรรมเกาหลี,จมูก,ตัดโหนกแก้ม,วีไลน์,ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม,ดูดไขมันเหนียง(ละเอียดยิบ)

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-9 23:01

เมื่อผู้ชายศัลยกรรมเกาหลี,จมูก,ตัดโหนกแก้ม,วีไลน์,ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม,ดูดไขมันเหนียง(ละเอียดยิบ)





สวัสดีครับเราชื่อเบียร์ (Line ID : merfy ,FB : Nopadol Muenthong, IG:merfy_beer)  






2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-9 22:51:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

เมื่อผู้ชายมาศัลยกรรมเกาหลี,จมูก,ตัดโหนกแก้ม,วีไลน์,ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม,ดูดไขมันเหนียง(ละเอียดยิบ)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-10 02:16




สวัสดีครับเราชื่อเบียร์ (Line ID : merfy ,FB : Nopadol Muenthong, IG:merfy_beer)  

ตอนนี้เราผ่าตัดกระดูกโครงหน้ามาได้ 3-4 วันแล้ว

ขอย้อนไปถึงการผ่าตัดศัลยกรรมก่อนหน้านี้แล้วกันนะ


รูปด้านบนเป็นรูปก่อนที่จะมาศัลยกรรมที่เกาหลี

จากรูป เราเคยเสริมจมูก 1 ครั้งเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว

นอกจากเสริมจมูก เราไม่เคยทำศัลยกรรมอะไรเลย แม้กระทั่งการฉีด Filler หรือ Botox ต่างๆ


ทำไมถึงแก้จมูกใหม่ ?

เพราะจมูกที่เสริมมาครั้งแรก เห็นชัดชึ้นเรื่อยๆ ว่ามันเบี้ยว ตรงสันจมูกเห็นเป็นแท่งๆ

ดูแล้วปลายจมูกเชิดเหมือนหมู รูจมูกก็เบี้ยว เพื่อนแซวว่า เอายาดมมายัดจมูกทำไม

เราอยากได้ปลายจมูกที่ยาวขึ้น โด่งขึ้น และดูเป็นธรรมชาติมากกว่านี้


เราแก้จมูกใหม่ที่เกาหลีเมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว ก่อนที่จะมาศัลยกรรมโครงหน้า


วิธีการผ่าตัด เป็นการผ่าตัดแบบวางยาสลบ

โดยการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงของตัวเอง ร่วมกับ ซิลิโคนตัวไอ

(ซิลิโคนที่เสริมมาครั้งแรกเป็นลักษณะตัวแอล พอนานไปปลายจมูกจะเชิ่ดขึ้นเรื่อยๆ)

- ทุบดั้ง

- แก้ปลายจมูกสั้น

- แก้จมูกเบี้ยว(คุณหมอบอกว่าแก้ได้นิดหน่อย)

- ทำผนังกั้นจมูกให้ยาวขึ้น

- ตัดปีกจมูก

ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 5 ช.ม.




หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 ช.ม.




หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 ช.ม.




หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 ช.ม.

มีผ้าก็อตปิดที่รูจมูกและวาง cool pack ประคบเย็น(ใช้ผ้าบางๆรองที่ประคบด้วยนะ)




เรานอนพักที่คลีนิคหลังจากผ่าตัด 2-3 ชม. แล้วก็กลับมาที่ที่พักครับ

หลังผ่าตัดรู้สึกมึนๆ กระหายน้ำ อยากดื่มน้ำมากเลย

แต่ต้องรออีก 2-3 ช.ม.เลยถึงจะดื่มได้ ต้องพยามยามหายใจทางปาก

ให้ก๊าชยาสลบออกจากปอดให้ได้มากที่สุด


ข้อควรปฎิบัติจากการศัลยกรรมเสริมจมูก


1.ให้นอนโดยยกหัวสูงกว่าหัวใจประมาณ 30 องศา จะช่วยให้อารการบวมของใบหน้าลดลงเร็วขึ้น

2.ช่วง 72 ช.ม.แรกเป็นช่วงที่มีอาการบวมเยอะที่สุด ให้ประคบเย็น

โดยการนำแผ่นเจลประคบ cool pack ไปแช่ในช่องฟรีส แล้วจึงนำมาประคบ

วันที่ 4 หลังจากการผ่าตัด ให้เปลี่ยนมาประคบอุ่น และนำแผ่นเจลประคบไปแช่น้ำอุ่น

ให้อุ่น แล้วจึงนำไปประคบ ระวังอย่าให้ร้อนเกินไปผิวอาจจะเกิดการลวกได้

3.อาการบวม และ ระยะเวลาการพักฟื้นของแต่ละคนจะแตกต่างกัน โดยปกติอาการภายใน 5-7 วัน

อาการที่บวมอย่างรุนแรงจะค่อยๆเริ่มหายไป 1 เดือนผ่านไปจะเริ่มดูเป็นธรรมชาติขึ้น

แผลข้างในจะเริ่มสมานดีประมาณ 6 เดือนขึ้นไป

4.รอยช้ำที่เกิดขึ้น ในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด การประคบอุ่นบริเวณที่ช้ำจะช่วยได้

ในช่วงที่มีรอยช้ำ ให้หลีกเลี่ยงการโดดแดดโดยตรง ควรจะสวมหมวกและทาครีมกันแดด

5.คนไข้บางรายอาจจะมีผ้าก็อตปิดที่รูจมูก ประมาณ 1-2 วัน สามารถเอาออกได้ ทาง ร.พ.จะเอาออกให้แล้วแต่กรณี

หากเลือดหยุดไหลแล้ว สามารถนำออกได้

ุ6.ตัดไหม และ เอาเฝือกที่ครอบจมูกออก 7 วันหลังผ่าตัด

7.สมารถแต่งหน้าและล้างหน้าได้หลังจากตัดไหมที่จมูกแล้ว ในวันถัดไป (วันที่ 8 หลังผ่าตัด)

ระหว่างที่ยังไม่ได้ตัดไหม ให้ใช้น้ำยาเช็ดหน้าแทน เพราะต้องระวังน้ำไม่ให้โดนแผลที่ผ่าตัด

8.หลังการผ่าตัดให้ใช้คัตเติ้ลบัต (สำลีก้าน) ชุบน้ำยาล้างแผลที่ทาง ร.พ.จัดให้ เช็ดแผลในจมูก

วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น แล้วจึงทาด้วยยา Fucidine (ขี้ผึ้ง) จะช่วยให้แผลหายไวขึ้น

9.ข้อควรระวังในช่วง 1 เดือนแรกหลังจากศัลยกรรม คือ ให้งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ บุหรี่ ซาวน่า

หรือ ไม่ควรอยู่ในที่ร้อนๆ ห้ามใส่แว่น งดออกกำลังกายหนักๆ งดการสั่งน้ำมูก

10.หลังจากการผ่าตัด ควรปฎิบัติตามข้อควรปฎิบัติอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้น

อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-10 02:11:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-10 02:23



หลังผ่าตัดวันแรก


ความรู้สึกหลังจากฟื้นจากยาสลบ

ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองอยู่หลายครั้ง เราก็ลืมตาขึ้นมา

ภาพตรงหน้ามันเป็นแสงสีขาวจ้าแต่พร่า

อารมณ์เหมือนคนโดนยาสั่ง 555 ใครให้ทำอะไรก็ทำ มันว่านอนสอนง่ายไปหมด

มันมึนๆเบลอๆ นอนอยู่กับที่ตรงนั้นอยู่ซักพักใหญ่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่บริเวณเข็มให้น้ำเกลือ

มันเจ็บแบบเจ็บมาก (นี่งงเหมือนกันนะ ปกติคนเค้าก็ไม่ค่อยเจ็บกัน)

แต่เจ็บเราก็อดทนเนาะไม่โวยวาย จนกระทั่งน้องล่ามและทีมวิสัญญีแพทย์พาเราออกจากห้องผ่าตัด

คือมันเป็นการเดินที่เหมือนลอยได้อะ 55555 (เวอร์ไปป่ะ!!!???)

พามาถึงห้องพักฟื้น.เค้าก็ให้เรานอนพักฟื้นตามชื่อห้องเนอะ

แต่เรานอนไม่ได้เลยเราเจ็บ อาการเจ็บบริเวณเข็มน้ำเกลือยังคงเหมือนเดิมเผลอๆเจ็บขึ้นด้วย

เราเลยบอกน้องล่ามว่าเอาสายน้ำเกลือออกให้หน่อยเราไม่ไหวแล้ว น้องล่ามรีบแจ้งทีมคุณหมอทันที

เพราะน้องล่ามก็สังเกตุเห็นอาการเรามาตั้งแต่แรกแล้ว คุณหมอพอทราบก็เดินมาฉีดยาแก้ปวด

แล้วเอาเข็มน้ำเกลือออกให้ พอเอาออกก็รู้สึกดีขึ้นไม่เจ็บบริเวณนั้นแหละ

แต่มันย้ายมาเจ็บบริเวณซี่โครงด้านซ้ายแทน มันไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นอะ มันจี๊ดๆแปล๊บๆ

ที่หน้าก็รู้สึกตึงๆ ซักพักเราก็เผลอหลับไป

รู้สึกว่าเราจะหลับไปประมานเกือบๆ 2 ชั่วโมง เราก็เดินทางออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน



คืนแรกเค้าเรียกกันว่าคืนวัดใจ...เพราะอะไรหนะหรอ

เพราะมันหมดฤทธิ์ยาแก้ปวดหนะซิ ในเคสของเราคุณหมอแกใช้เหมือนแผ่นซิลิโคนบางๆ

อุดไว้ในจมูกทำให้หายใจทางจมูกไม่ได้อยู่ 7 วัน

ช่วง 1-2 วันแรกยังไม่ชินกับการหายใจทางปากเท่าไหร่

ทำให้รู้สึกอึดอัดมากเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเรายังมีอาการปากลอกด้วยนะ

สงสัยเพราะหายใจทางปากอย่างเดียวอยู่ 7 วัน

คือช่วงวันแรกๆ เราจะรู้สึกเจ็บบริเวณซี่โครงด้านซ้ายตลอด จะลุก จะเดิน จะนอน จะนั่ง

ก็จะรู้สึกจี๊ด รู้สึกแปล๊บ แต่พอผ่านไปซักระยะ พอจับจังหวะได้ ก็จะไม่ค่อยรู้สึกและ

และการที่เราทำจมูกเนี่ย คุณหมอแกจะโกนขนจมูกออกด้วยนะ

ทำให้เราไอและจามง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามดูแลตัวเองดีๆ

อย่าให้ไอหรือจามบ่อยๆ ไม่งั้นเจ็บซี่โครงแย่เลย สำหรับเราอาการเจ็บจี๊ดๆแปล๊บๆ

บริเวณซี่โครงอยู่กับเราประมาน  1 เดือนนะ หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรละ

แผลหลังหูเนี่ยหายช้าสุด ประมาน 2 เดือนได้กว่าจะหายเจ็บ ความจริงเราแทบจะไม่รู้สึกเลยนะ

ถ้าเราไม่ไปนอนทับหรือโดนมันจังๆ




หลังจากผ่าตัด 72 ชั่วโมงแรก เป็นวันที่เราบวมเยอะที่สุด
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-10 03:07:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-10 03:29



แผลที่ผ่าตัดกระดูกอ่อนซี่โครง ครบ 7 วัน

ตัดไหมวันนี้ครับ




ครบ 7 วัน มาตัดไหมที่จมูก,หลังหู,บริเวณที่ผ่าตัดกระดูก

และแกะเฝือกที่จมูกออก

ไหมที่จมูกจะมีทั้งไหมละลาย และไหมไม่ละลายวันนี้ตัดไหมที่ไม่ละลาย

ไหมละลายจะหายไปเองภายใน 2-3 เดือนแล้วแต่เคส ห้ามไปแคะหรือตัดเองเด็ดขาด



7 วันหลังผ่าตัด (หลังจากถอดเฝือก ตัดไหม)




ช่วงแรกๆ ทานอาหารลำบากหน่อยครับ

ต้องทานของอ่อนๆ เพราะปากยังตึงๆ  อ้าปากลำบาก










โอ้ปป้ามาเองเลย ดูดีขึ้นค่ะดีใจด้วยนะคะ
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-10 20:58:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
jenniebeauty ตอบกลับเมื่อ 2016-7-10 16:58
โอ้ปป้ามาเองเลย ดูดีขึ้นค่ะดีใจด้วยนะคะ

ขอบคุณครับ กลับมารีวิวต่อครับ
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-10 20:58:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
jenniebeauty ตอบกลับเมื่อ 2016-7-10 16:58
โอ้ปป้ามาเองเลย ดูดีขึ้นค่ะดีใจด้วยนะคะ

ขอบคุณครับ กลับมารีวิวต่อครับ
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-10 20:58:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
jenniebeauty ตอบกลับเมื่อ 2016-7-10 16:58
โอ้ปป้ามาเองเลย ดูดีขึ้นค่ะดีใจด้วยนะคะ

ขอบคุณครับ กลับมารีวิวต่อครับ
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-10 20:58:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
jenniebeauty ตอบกลับเมื่อ 2016-7-10 16:58
โอ้ปป้ามาเองเลย ดูดีขึ้นค่ะดีใจด้วยนะคะ

ขอบคุณครับ กลับมารีวิวต่อครับ
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-10 20:58:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
jenniebeauty ตอบกลับเมื่อ 2016-7-10 16:58
โอ้ปป้ามาเองเลย ดูดีขึ้นค่ะดีใจด้วยนะคะ

ขอบคุณครับ กลับมารีวิวต่อครับ
ดูดีขึ้นมากเลยครับ  อยากทราบทำที่ รพ.ไหนครับ ราคาเท่าไหร่ อิอิ
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 14:05:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
fan ตอบกลับเมื่อ 2016-7-10 23:27
ดูดีขึ้นมากเลยครับ  อยากทราบทำที่ รพ.ไหนครับ ราคาเท่าไหร่ อิอิ

ทำที่โรงพยาบาลดีเอ ครับ รายละเอียดต่างๆ กำลังมาอัพเดทเพิ่มครับ
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 15:39:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-12 04:42




หลังจากทำจมูกครบ 3 สัปดาห์​

อาการช้ำที่ใต้ตาเริ่มหายไปตั้งแต่สัปดาห์ที่สองแรก จะเห็นแค่รอยเหลืองๆ จางๆ

อาการบวมจะเห็นชัดเจนบริเวณสันจมูกครับ แต่ปลายจมูกก็ยังดูตุ่ยๆ อยู่

แผลกรีดปีกจมูกดีขึ้นเยอะมาก







หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 1 เดือน

เริมใส่แว่นบ้าง เฉพาะเวลาถ่ายรูป เพราะกลัวจมูกเบี้ยว




หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 1 เดือนกว่า





หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 2 เดือน




หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 3 เดือน

ครบ 3 เดือนเราถึงใส่แว่นแบบปกติครับ


   
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 16:24:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



รูปก่อนทำ และ หลังทำจมูกได้ 4 เดือนกว่า


เกริ่นนำเรื่องจมูกไปแล้ว คราวนี้มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

สำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง เกี่ยวกับการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกโครงหน้า



คือพอทำจมูกมาแล้ว เราก็รู้สึกว่าเออ ดูดีขึ้นเหมือนกันนะเรา จากที่ไม่เคยคิดจะทำอะไรกับหน้าอีก

แต่พอทำมาแล้วมันดีขึ้นเยอะมากกก  แต่ก็รู้สึกว่า บางมุมมันยังไม่ใช่ บางทีก็หามุมถ่ายรูปยากเหมือนกัน

เวลาที่เราใส่เราหมวก หน้ามันดูบานๆ ใหญ่ๆ อยากให้หน้าดูเล็กลง

ดูซ๊อฟๆ ลงกว่านี้ กรามเราใหญ่มาก โหนกแก้มถ้าสังเกตุดีๆ ด้านข้างจะสูง ต่ำไม่เท่ากัน

เวลาเซลล์ฟี่ตัวเองเนี่ยกว่าจะได้รูปคือหมุนตัว ยกกล้องสูง กดกล้องต่ำ

น้ำหนักของเราก็เพิ่มขึ้นด้วยทำให้เหนียงก็มา ลดน้ำหนักแล้วเหนียงมันก็ไม่ไป

ทำให้หน้าเราดูกลมและบานมาก เราเลยถามตัวเองว่าจะเอายังไง

จะยอมรับว่าตัวเองดูดีได้แค่นี้หรือจะเดินหน้าต่อ คิดไปคิดมาก็...

เอาวะ!!!! มาถึงนี้แหละ เกิดมาทั้งทีขอเห็นหน้าตัวเองหน่อยเหอะว่าถ้าดูดี

เราจะดูดีได้ขนาดไหน...  




เราเลือกผ่าตัดที่โรงพยาบาลดีเอ หรือ D.A Plastic Surgery

ตั้งอยู่ตรงถนนกังนัม คุณหมอที่ผ่าตัดให้เราคือ คุณหมอ ลี ซัง วู

ซึ่งคุณหมอเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระดูกโครงหน้า

และยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลดีเออีกด้วย

คุณหมอเขียนบทความวิจัยในหนังสือดังๆ หลายเล่ม ประวัติหมอยาวเหยียดมาก

เคยออกรายการเมคโอเวอร์หลายๆ รายการ ตอนที่คุณหมออยู่โรงพยาบาลเดิม ก่อนจะออกมาเปิดเอง

คุณหมอมีคนไข้เยอะมาก รางวัลก็เยอะ และที่สำคัญคุณหมอได้รับรางวัล

โครงหน้ายอดเยี่ยมเมื่อปีที่แล้ว "Medical Asia 2015"

คุณหมอลี ขึ้นชื่อในการผ่าตัดที่รวดเร็ว และแม่นยำ ทำให้คนไข้เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวไว


15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 17:12:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-12 04:54

ก่อนที่เราจะผ่าตัด เราได้นัดเข้าไปปรึกษาคุณหมอก่อนนะครับ

ทางโรงพยาบาลให้เรากรอกประวัติ และ ไปทำ CT Scan ก่อนที่จะเข้าพบกับคุณหมอโดยตรง

แต่ก่อนจะพบหมอ จะมีผู้ให้คำปรึกษามาพูดคุย สอบถามและให้ข้อมูลเบื้องต้นกับเราก่อน

เอาล่ะ เราไปที่วันที่เข้าผ่าตัดกันเลยดีกว่า


6 กรกฎาคม 2559





ชื่อเล่น : เบียร์ (Line ID :merfy)

อายุ : 28 ปี

สูง : 168 cm.

หนัก : 65 kg.

8.00 น. เรามาถึงโรงพยาบาล DA ตามเวลาที่โรงพยาบาลนัดเลย

มาถึงก็เจอน้องล่ามมารอแต่เช้า  

รูปมุมนี้จะเห็นชัดว่าหน้าเราบานมาก (นั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกที่ Lobby ของ ร.พ.)




เจ้าหน้าที่ให้เรามานั่งรอที่ห้อง consult (VIP1)







เจ้าหน้าที่เอาเอกสารเซ็นต์ยินยอมก่อนเข้าห้องผ่าตัดมาให้เซ็นต์

เอกสารจะมีเป็นทั้งภาษาเกาหลี และ ภาษาไทย

เนื้อหาใจความก็ตามโรงพยาบาลศัลยกรรมทั่วไปครับ เราต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา




หลังจากนั้นก็ไปถ่ายรูป ก่อนเข้าห้องผ่าตัดไว้ก่อน




ไปถ่าย CT Scan อีกครั้ง

อยากจะบอกว่าเราโชคดีมาก

เพราะทางโรงพยาบาลได้สั่งซื้อเครื่องนี้มาใหม่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด  

มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท




มีรูปเราขึ้นที่น่าจอด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องนี้จะละเอียดมาก

ก่อนหน้านี้เราได้เข้ามาตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

ที่โรงพยาบาลแล้วครับ



X-Ray ปอด




พบคุณหมอก่อนเข้าห้องผ่าตัด

โดยเรากับคุณหมอจะร่วมกันดีไซน์โครงหน้าว่าจะออกมาให้ประมาณไหน

หมอให้เอาตัวอย่างรูปหน้าที่ชอบให้ดู เพราะบางทีแบบที่เรากับหมอชอบอาจจะไม่ตรงกัน

แต่เอาจริงๆแล้วเราวางใจคุณหมอมาก เราแค่บอกคุณหมอว่าอยากได้รูปหน้าแบบนี้ แบบนี้ๆ  

เอามือชี้ๆ ล่ามก็แปลตาม

ขอหน้าเล็กลงกว่านี้ คุณหมอแกพิจารณาหน้าเราอีกที

แกอธิบายเราบนหน้าจอ ct scan ที่เป็นรูปหัวกระโหลกเราว่าจะเอาตรงกรามกับคางออกนิดนึง

โหนกแก้มออกนิดนึง ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม และก็เลเซอร์เอาเหนียงออกด้วยจะได้เห็นกรอบหน้าชัดๆ

โดยคุณหมอลีเป็นคนผ่าตัดให้เองทั้งหมด




นี่เบียร์ไง .....




คุณหมออายุ 40 กว่าแล้วแต่ยังดูไม่แก่เลย

เพราะหมอไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แถมยังอารมณ์ดียิ้มแย้มตลอดเวลา

เราถามมากแค่ไหนก็ไม่มีบ่น




หมอจะป๊อบมาก

ก่อนออกจากห้องปรึกษาเราเลยขอหมอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักรูป

คุณหมอแกก็ใจดียิ้มแย้มถ่ายกับเราพร้อมบอกว่า "หลังผ่าตัดต้องออกกำลังกายด้วยนะ"

จะได้เห็นผลผ่าตัดที่ชัดเจน


หลังจากนั้นเราก็เดินลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับผ่าตัด

ลืมบอกไปว่า D.A. มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 2 พันกว่าตารางเมตร

เราสามารถ ตรวจเลือด ตรวจสุขภาพ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่นี่ได้เลย

ไม่ต้องออกไปตรวจที่คลีนิคอื่น

เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์ เครื่องมือทันสมัย และ ครบครัน ที่เกาหลีมีโรงพบาลอยู่ไม่กี่แห่ง

ที่มีอุปกรณ์ครบครันแบบนี้




9.30 น.ได้เวลาเข้าห้องผ่าตัดแล้ว คือตอนแรกเราไม่ตื่นเต้นนะ แต่ตอนนี้ตื่นเต้นมากเลย

เข้าไปในห้องทีมแพทย์ก็จับเรานอนลง ฉีดยา และเราก็หลับไป


รายการผ่าตัดครั้งนี้

- ตัดโหนกแก้ม ให้เล็กลงนิดหน่อย ให้ได้สมมาตร โหนกแก้มด้านข้างเพราะสูงต่ำไม่เท่ากัน

และใช้ไทเท้นียมยึดไว้ ในการตัดกระดูกโหนกแก้มด้านขาง

จะมีแผลผ่าตัดประมาณ 1 cm. ที่ไรผมข้างหู

ส่วนกระดูกโหนกแก้มด้าน 45 องศา จะมีแผลในปากด้านบน


- ทำวีไลน์ หรือ ตัดกราม ให้เล็กลง หมอจะตัดกระดูกส่วนที่อยู่ใต้เส้นประสาทลงมา

(จะเห็นว่าในการผ่าตัดแต่ะอย่าง แต่ละเคส จะมีข้อจำกัดนะครับ) และ ตัดกระดูกคาง ให้เล็กลงนิดหน่อย

พร้อมกับเลื่อนมาด้านหน้า โดยใช้ไทเทเนียมยึดไว้ จะมีแผลในปากด้านล่าง กรีดยาว

- ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

- Accu lift ใช้เลเซอร์สลายไขมันที่เหนียง และบริเวณกรอบหน้าด้านล่าง และดูดออก

มีแผล 2 จุดเล็กๆ ใต้ติ่งหู ไม่ต้องตัดไหม

16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 17:51:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้













13.15 น. ออกมาแล้วววววว ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว

หลังจากออกจากห้องผ่าตัด ก็มาอยู่ที่ห้องพักฟื้นก่อน

(เราอยู่ห้องนี้ประมาณ 1 ช.ม.เพราะร่างกายเราค่อนข้างแข็ง แต่บางเคสอาจจะต้องอยู่นานกว่า)

ส่วนนี้จะมีเตียงคนไข้เรียงกันหลายเตียงเลย

เพราะพอผ่าตัดเสร็จปุ๊บ เค้าจะย้ายเรามาตรงนี้ก่อน

จะมีวิสัญญีแพทย์ กับพยาบาลมาดูแลอย่าใกล้ชิด

จนกว่าความดันเราจะเป็นปกติ และ เรามีอาการที่ดีขึ้น

ถ้าเราสามารถถอดหน้ากากออกซิเจน และ สายวัดความดัน

และอุปกรณ์ต่างๆได้แล้วเค้าถึงจะส่งตัวเราเข้าไปห้องพักคนไข้ปกติ


เค้าดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดมาก

หมอเดินมาดูอาการหลังจากผ่าตัดด้วย แต่ตอนนั้นเรายังมึนๆอยู่



เคสเราใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดทั้งหมด ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่เวลาที่หมอลงมือผ่าตัดจริงๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ

เพราะเวลาที่จะผ่าตัดแต่ละส่วนต้องมีการทำความสะอาดบริวณนั้นๆ

และเตรียมเครื่องมือสำหรับการผ่าตัดด้วย

(เวลานี่คือมารู้ทีหลังนะ น้องล่ามบอกมา)




เราย้ายออกจากห้องผ่าตัดมาห้องพักปกติ (รอย้ายขึ้นไปห้องพัก VIP)

ช่วง 1 ชั่วโมงต่อจากนีแหละพีคสุดสำหรับเรา  

พอเราย้ายมาถึงห้องพักฟื้นปุ๊บ เรารู้สึกปวดที่หน้า ปวดมันไปหมด

ไม่รู้ปวดตรงไหนบ้าง มันมึนๆ วิ้งๆ รู้สึกง่วงนอน อยากนอน

แต่พยาบาลก็บอกว่าให้เราพยายามลืมตาตื่นก่อน




ภาพมันออกแนวกึ่งจริงกึ่งฝัน แต่เราก็รู้ตัวและหละว่าเออๆฟื้นแล้วๆ

ตอนนี้ที่ทรมานที่สุดคือหิวน้ำ อยากกินน้ำมาก คอแห้งไปหมด

เจ็บตรงเข็มน้ำเกลือมาก นอนดิ้นไปดิ้นมาซักประมานชั่วโมงนึงก็รู้สึกดีขึ้น

ไม่เจ็บและ สงสัยยาแก้ปวดจะเริ่มออกฤทธิ์







ที่นี่เค้าจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ

อย่างเช่นถุงเลือดของเรา จะเป็นแบบสูญญากาศ มีสปริง

ป้องการอาการ การเกิดเลือดคั่ง สายเดรนและถุงเลือแบบนี้จะดีกว่าถุงเลือดปกติทั่วไป

ถึงแม้ว่าโอกาสการเกิดเลือดคั่งจะน้อยมากก็ตาม




เจ็บตรงเข็มสายน้ำเกลือ ซะงั้น >_<




หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก  



หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก



หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก



หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก



ยาแก้ปวดที่เค้าให้ อยู่ในถุงใสๆ เหมือนลูกโป่งเลย 5 5 5



เล่นมือถือได้นะ



ดูวอลเล่บอล นัดสำคัญ



เราจะจิบน้ำได้หลังจากผ่าตัดประมาณ 5-6 ช.ม.







ต้องค่อยๆจิบน้ำอุ่นนะครับ จะช่วยให้อาการเจ็บคอดีขึ้น

อย่าใช้หลอดดูดเด็ดขาด !!! แผลข้างในปากอาจจะปริได้



เซลล์ฟี่ส่งให้เพื่อนๆดู

17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 17:58:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-11 18:04



18.00 น. ย้ายห้องกันอีกรอบจร้าาาาา สำหรับคนพิเศษ

ย้ายไปอยู่ห้องวีไอพีกันเลยจร้าาา

คือห้อง vip ขนาดใหญ่กว่าห้องพักคนไข้ปกติมาก

อุปกรณ์ดีกว่า ครบกว่ามาก โดยเฉพาะเตียง เราชอบเตียงที่สุด

แต่ต่อให้เตียงสบายยังไง เราก็ไม่ได้นอนหลับยาวๆนะ

พยาบาลจะเข้ามาวัดไข้กับวัดความดันพร้อมเทเลือดเราทิ้งทุกๆ 2 ชั่วโมง

บวกกับเราคงจิบน้ำเยอะมากเพราะรำคาญเสลดที่ติดอยู่ในคอ

ทำให้เราเดินฉี่ทั้งคืน































ห้อง VIP จะมีเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียง

ถ้าหากมาทำเป็นคู่ ก็พักด้วยกันสบายเลย

หรือหากมีญาติมาเฝ้า ก็นอนข้างกันได้เลย

ที่นี่จะมีล่ามนอนเฝ้าทั้งคืน เพราะทางโรงพยาบาลจะห่วงเรื่องการสื่อสาร

มีห้องอาบน้ำภายในตัว มีโซฟา โต๊ะทำงาน ทีวี ตู้เสื้อผ้า ครบครันมาก !!!
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 18:05:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พักแป๊บนึงนะครับ จะมาต่อให้ฮะ

ขอบคุณทุกๆคน ที่เข้ามาอ่าน และช่วยแชร์นะครับ

แสดงความคิดเห็น

test...  โพสต์ 2016-7-12 15:16
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-11 22:28:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-12 15:23




8 ช.ม. หลังผ่าตัด


7 กรกฎาคม 2559 (วันที่ 1 หลังจากวันผ่าตัด)

9.00 น. ตื่นนอนแล้ว ก็ขอส่องกระจกนิดนึง ตกใจเล็กน้อยเพราะหน้ามีอาการบวมมากกว่าเมื่อวาน

อาการเจ็บคอรู้สึกดีขึ้น หลงเหลืออาการแสบๆไว้นิดหน่อย เสลดลดลง

เราว่าจิบน้ำอุ่นไล่เสลด ห้ามพยายามขากมันออกมานะ

หลังจากตื่นนอนแป๊บนึง

พยาบาลและล่ามพาเราลงมาถอดสายเลือดในปากหรือสายเดรนออก

คุณหมอลีเป็นคนถอดเองเลย ก่อนถอดเรากังวลมาก

เรากลัวว่ามันจะเจ็บ หน้าเรานี่ถอดสีเลย แต่พอถอดเข้าจริงๆก็ไม่เจ็บนะ

คือมันรู้สึกแต่มันไม่เจ็บอ่ะ เสร็จปุ๊บคุณหมอก็ทำความสะอาดแผลให้

พร้อมเอาเข็มน้ำเกลือออกให้ด้วย หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยเราก็ขึ้นมานอนต่อ

คราวนี้หัวถึงหมอนปุ๊บ ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลยหลับเป็นตาย




คุณหมอจะเขียนใบสั่งยาให้ เราต้องเอาไปซื้อที่ร้านขายยาเอง

ทางโรงพยาบาลขะไม่จ่ายยาให้เรานะครับ เป็นกฎหมายของประเทศเค้า

วันนี้น้องล่ามเป็นธุระไปจัดการให้ ค่ายาปกติจะไม่เกิน 100,000 วอน

หรือราวๆ 3,000 บาท

โรงพยาบาลจะให้เอกสารข้อควรระวังหลังการผ่าตัดมาให้ด้วย

13.00 ออกจากโรงพยาบาล กลับมาที่ห้องก็กินข้าวต้มที่พี่สาวเตรียมไว้ให้แล้วก็กินยา




ตอนแรกคิดว่ายาจะเยอะ เอาเข้าจริงๆเช้ากับเย็นกิน  3 เม็ด

ส่วนกลางวันกิน 1 เม็ดเอง

ยาที่คุณหมอให้มาจะเป็นยาหลังอาหาร ทานข้าวไปซัก 10 นาทีก็ทานยาตามได้เลย

พยายามทานอาหารให้ได้เยอะๆ เพราะยาจะแรงมาก อาจจะกัดกระเพาะได้




ช่วง 2 สัปดาห์แรก ต้องทานอาหารอ่อนๆ ห้ามออกแรงเคี้ยว เช่นโจ๊กบดละเอียด

แต่ไม่ค่อยมีใครทำได้ถึง 2 อาทิตย์หรอก เราคิดว่ากินแต่โจ๊กได้ 3 วันก็เก่งมากแล้ว

รสชาติโจ๊ดบดเกาหลี จืดๆ เลี่ยนๆ พี่เราเลยต้มข้าวให้แบบเละๆ เป็นโจ๊ก

ปรุงนิดหน่อยพอให้มีรสชาติ แต่ถ้าใครทานแบบข้าวต้มจืดๆ ได้จะดีมากเลย

  


น้ำบริสุทธิ์ ที่เอาไว้ใช้ผสมกับน้ำยาบ้วนปาก ช่วงแรกๆ คุณหมอห้ามแปรงฟัน

ให้บ้วนปากแทน ต้องบ้วนปากทุกๆ 2 ชั่วโมง เราจะดูเวลาเป็นเลขคู่

เช่น 8 โมง 10 โมง เที่ยง บ่าย 2 เป็นต้น จะได้จำง่าย

และต้องบ้วนปากทั้งตอนตื่นนอน ก่อนนอน หลังทานอาหารทุกครั้ง

หากบ้วนปากก่อนทานอาหาร ต้องบ้วนก่อน 10 นาทีขึ้นไป

เราต้องรักษาความสะอาดช่องปากดีๆ อย่าให้ติดเชื้อ มีบางเคสเคยเกิดอาการอักเสบขั้นรุนแรง

ต้องวางยาสลบ ผ่าตัดล้างทำความสะอาดบริเวณด้านในแผลผ่าตัดใหม่

ถ้าอักเสบนิดหน่อยทานยา ล้างแผลปกติก็หาย

เรารู้สึกว่าหลังจากผ่าตัดแล้วฉี่ยากขึ้น คือกว่าจะฉี่บิ้วนานมาก

หรือว่าการถ่าย ปกติเป็นคนที่ถ่ายทุกเช้า รู้สึกท้องอืดๆ

นางพยาบาลบอกว่า อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติหลังจากการวางยาสลบนะจ๊ะ

ไม่ต้องคิดมาก อาการเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นและหายไปเอง ให้ดื่มน้ำเยอะๆ

20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-12 01:31:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-12 02:01




ข้อควรระวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้า

1.การนอน

- เป็นเวลา 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด ควรนอนโดยยกหัวสูงกว่าหัวใจ 30 องศา

จะช่วยให้อาการบอมลดลงอย่างรวดเร็ว และ ระวังไม่ให้คอโดนพับ ให้นอนหน้าตรง  

- นอนตรงๆจะดีที่สุดและสามารถนอนตะแคง 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด แต่ควรจะนอนตรง

2.การทานอาหาร

- คนไข้สามารถจิบน้ำอุ่นๆได้ ประมาณ 5- 6 ช.ม. หลังจากผ่าตัด

- วันถัดไปหลังจากวันผ่าตัด คนไข้ควรทานทานข้าวต้มแฉะๆหรือโจ๊กอย่างน้อย 7 วัน

หลังจากนั้นค่อยๆทานอาหารอ่อนๆ ที่ไม่ต้องอ้าปากกว้างหรือออกแรงเดี้ยวเยอะๆ

เช่นขนมปังนุ่มๆ เต้าหู้ ไข่ตุ๋น น้ำซุปจืดๆ ปลา และอื่นๆ

- กรุณาหลีกเลี่ยงอาหารผลิตภัณฑ์จากนมหรืออาหารที่ไฟเบอร์เยอะ

เช่น โจ๊กฟักทอง นมถั่วเหลือง โยเกริ์ต น้ำเต้าหู้

เพราะสามารถทำให้ต้องเสียงหรือถ่ายเป็นน้ำได้

- กรุณาหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด 2 อาทิตย์หลังผ่าตัด โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็ม และ เปรี้ยว

จะทำให้อาการบวมลดลงช้า

- ห้ามกินของแข็งหรือของเหนียว อาหารที่ต้องออกแรงเคี้ยวเยอะๆ

เช่น ต๊อก ลูกอม หมากฝรั่ง ปลาหมึก ถั่ว และอื่นๆ 2 เดือนหลังผ่าตัด

โดยเฉพาะ กรณีที่ทำศัลยกรรมโหนกแก้มต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ

- ควรดืมน้ำอุ่นให้ได้มากกว่าวันละ  1 ลิตร จะช่วยให้อาการบวมลดลงเร็วขึ้น

และเป็นการช่วยทำให้ช่องปากสะอาด รวมถึงช่วยละลายเสมหะออกไปด้วย


3. อาการบวมและการประคบ

- 72 ช.ม. แรกหลังผ่าตัด จะมีอาการบวมและช้ำมากสุด หลังจากนั้นความบวมและความช่ำ

จะค่อยๆลดลงภายใน 2-4 อาทิตย์ อาการของแต่ละเคสอาจจะแตกต่างกัน

ขึ้นอยู่กับสุขภาพ และ ร่างกายของแต่ละคน

- ให้ประคบเย็น 3-4 วัน หลังการผ่าตัด โดยการนำ cool pack แช่ในช่องฟรีสก่อนจึงนำมาประคบ

ให้สังเกตุว่าถ้าอาการบวมเริ่มยุบ (โดยปกติจะเริ่มยุบวันที่ 4 หลังจากผ่าตัด) แล้วค่อยประคบอุ่น

หรือไม่ต้องประคบก็ได้ ส่วนบริเวณที่มีรอยช้ำการประคบอุ่นจะช่วยให้รอยช้ำจางลงเร็วขึ้น

การประคบอุ่นให้นำ cool pack ไปแช่ในน้ำอุ่น ห้ามนำ cool pack ไปต้ม หรือ เอาเข้าไมโครเวฟเด็ดขาด

ก่อนประคบอุ่น ให้ลองนำ pack ประคบ แตะที่ท้องแขนดูก่อน หากร้อนเกินไป อาจจะทำให้

ผิวหนังที่ใบหน้าเกิดการลวกไหม้ได้


4. การดูแลรักษาความสะอาดของแผลในช่องปากและการใส่ที่รัดใบหน้า

- บ้วนปากหลังจากตื่นนอน ก่อนนอน หลังจากทานอาหารทุกครั้ง

และถ้าหากคนไข้ต้องบ้วนก่อนทานอาหาร

ให้ทานอาหารหรือดื่มน้ำได้หลังจากบ้วนปากไปแล้ว 10 นาทีขึ้นไป

และต้องบ้วนปากทุกๆ 2 ชั่วโมง คนไข้อาจจะดูนาฬิกาเป็นเลขคู่หรือคี่

เช่น 8 am, 10 am, 12 pm, 14 pm เป็นต้น


วิธีผสมน้ำยาบ้วนปาก

น้ำบริสุทธิ์ 1 ลิตร ผสมกับน้ำยา Hexamedin 20 cc.


วิธีบ้วนปาก

- ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากกลั้วปากประมาณ 10 ที่ต่อครั้ง และให้ให้บ้วน 10 ครั้ง

จนกว่าน้ำที่บ้วนออกมาจะใส เพื่อเป็นการกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามแผลในช่องปาก

ให้บ้วนปากเป็นเวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ จนกว่าจะตัดไหมในช่องปาก หรือ ตามที่แพทย์สั่ง

- สามารถแปรงฟันได้หลังจากผ่าตัดแล้ว 7-8 วัน หรือตามที่แพทย์สั่ง

โดยให้ใช้แปรงสีฟันเล็กๆ นุ่มๆ ก่อน  


- ให้ใส่ที่รัดใบหน้าตลอดเวลา 3 วันหลังจากวันผ่าตัด (ถอดเฉพาะเวลาทานอาหาร และเวลาบ้วนปาก)

หลังจากนั้นให้ใส่เฉพาะตอนกลางวัน ใส่ๆ ถอดๆ ระวังไม่ให้ใส่แน่นไป

และถ้ามีความเจ็บปวดส่วนศรีษะหรือไม่สะดวกนั้น สามารถถอดออกได้

แพทย์จะให้ใส่ผ้ารัดใบหน้าไว้ 1-2 สัปดาห์ แล้วแต่เคส


5.การล้างหน้า อาบน้ำและแต่งหน้า

- ในช่วง 7 วันแรก ก่อนตัดไหมที่แผลผ่าตัดข้างหู ให้ใช้สำลีชุบน้ำยาทำความสะอาดใบหน้า

หากใบหน้ามัน ให้ใช้กระดาษซับหน้ามัน

- หลังจากตัดไหมข้างหูแล้ว วันถัดไปสามารถล้างหน้าตามปกติได้

แต่ควรเช็ดและใช้ลมเย็นเป่าบริเวณแผลให้แห้ง

- สามารถอาบน้ำได้แต่ไม่ให้โดนน้ำส่วนที่ใบหน้า

- 1 เดือนแรกหลังผ่าตัดห้ามเข้าซาวน่า หรือไม่ควรอยู่ที่ที่ร้อนๆ

- ไม่ควรก้มหน้าสระผม ให้ใช้วิธีเอนนอนไปด้านหลัง แล้วจึงสระผม

- ปกติทางโรงพยาบาลจะสระผมให้วันที่ 3 หลังจากผ่าตัด
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-12 01:43:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

6.การออกกำลังกาย


- สามารถเดินเล่นเบาๆได้ตั้งแต่ 2 - 3 วันหลังผ่าตัด การออกกำลังหรือการเดินเล่น

จะช่วยให้อาการบวมยุบไวขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ

เช่น การว่ายน้ำ ชกมวย เตะบอล เข้ายิม ปีนเขา เป็นต้น  

สามารถออกกำลังกายเบาๆได้ตั้งแต่ 2 - 3 อาทิตย์หลังการ่ผ่าตัด

และสามารถออกกำลังกายหนักๆได้ตั้งแต่ 1 เดือนหลังการผ่าตัด

- ห้ามยกของหนักๆ ในช่วง 1 เดือนแรก เวลาที่ยกของแล้ว

รู้สึกเกร็งที่ใบหน้าให้หยุดยก



22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-12 01:54:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

7.การรับประทานยา

- กรุณารับประทานยาตามเวลา ถ้าทานยาแล้วมีอาการท้องเสียหรือมีเกิดลมพิษ

ให้ติดต่อโรงพยาบาล


8.การดื่มเหล้าและการสูบบุหรี่

- การดื่มเหล้าและการสูบบุหรี่ ทำให้แผลหายช้าและทำให้เกิดอาการอักเสบ

จึงควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อยเป็นเวลา 1 เดือนหลังผ่าตัด


9.อาการหลังทำศัลยกรรม

- ถ้ามีเลือดไหลออกมาจากปากหรือจมูกห้ามสั่ง

ให้เช็ดออกเบาๆหรือปล่อยให้ไหลยืดออกมา

- ความรู้สึกชาบริเวณส่วนผ่าตัดเป็นอาการปกติ

ความรู้สึกจะค่อยๆกลับมาในไม่กี่เดือน

- อาจจะมีอาการปวดหัวหรือปวดฟันแต่ถ้าเวลาผ่านไปจะค่อยๆดีขึ้น
  
- ในกรณีที่ทำโหนกแก้ม อาจจะอ้าปากไม่ค่อยได้หรือเวลาอ้าปาก

อาจจะมีเสียงจากขากรรไกร เวลาผ่านไปจะดีขึ้นและหายไป


10.ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

- ถ้าหายใจลำบากมาก มีเลือดไหลออกมาเยอะเกินไป จนต้องกลืน

มีอาการบวมส่วนที่ผ่าตัดแบบกระทันหัน หรือเลือดไม่หยุดไหล

ควรจะติดต่อโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

ขอทราบราคาทำโหนกหน่อยได้ไหมคะ และถ้าไปแล้วต้องการทำแค่โหนกจะได้ไหม
เพราะหมออาจแนะนำอย่างอื่น แต่ถ้าอยากทำแค่โหนก หมอจะโอเคปล่าวคะ
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-12 03:03:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



7 กรกฎาคม 2559 (วันที่ 1 หลังจากผ่าตัด)

โดยส่วนมากที่เกาหลี จะนับวันถัดไปจากวันผ่าตัดเป็นวันที่ 1 หลังผ่า

ตามรูป หลังจากกลับมาที่พักแล้ว (30 ช.ม.หลังจากผ่าตัด)

อาการบวมเริ่มมา หน้าเริ่มแดง แก้มกำลังปริ

ตกกลางคืนมาจะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนจะมีไข้ แต่ไม่มี

เป็นอาการปกติหลังจากผ่าตัดในช่วงวันแรกๆ

ถ้าหากมีไข้ก็ทานยาลดไข้ได้ แต่ควรแจ้งกับทางโรงพยาบาลให้ทราบด้วย

ถ้าไข้สูงมาก ให้รีบไปโรงพยาบาล เพราะอาจจะเกิดอาการช็อคได้




พยาบาลส่วนตัว




ท่านอน

พยาบาลส่วนตัวเฝ้าไม่ยอมห่างเลยจริงๆ




วันที่ 8 กรกฎาคม 2559 (วันที่2 หลังจากวันผ่าตัด)

8.00 น. สะลึมสลือตื่นมากินข้าวต้มที่พี่สาวทำไว้ให้และกินยา

เข้าห้องน้ำส่องกระจก รู้สึกว่าหน้าบวมขึ้นกว่าเมื่อคืน แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร

16.00 น. หลังจากนอนเฉยๆที่ห้องทั้งวัน

พี่สาวก็ลากเราเดินไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เกตแถวบ้าน

ลึกๆก็อายนะไม่อยากให้ใครมามองเรา ซึ่งพอออกมาปุ๊บ เออหวะ...

ไม่มีใครสนใจเราจริงๆทั้งๆที่เราพันหน้าพันตาเต็มไปหมด

ไหนจะหน้าบวมเป็นเด็กสมบูรณ์อีก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ

นั่นหมายความว่า คนที่นี่เค้ามองเรื่องศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติมาก

เราเดินได้แป๊บนึงก็ลืมอายไปเลย เดินเล่นดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย

ซึ่งการออกมาเดินเล่นเป็นสิ่งที่ดีนะ มันจะช่วยบรรเทาอาการบวมบนใบหน้า

ปกติหลังจากชอปปิ้งเสร็จเราจะต้องเป็นคนแบกทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่ๆๆๆๆ...แต่วันนี้พี่สาวเรา นางถือให้ทุกอย่างเลย

เพราะว่าหมอห้ามไว้เลยว่าห้ามถือของหนักหรือออกกำลังกายหนักเด็ดขาด

อย่างน้อย 1 เดือน (ว่ะฮ่ะฮ่า...ถึงทีของข้าแล้วหละที่จะเป็นคนชี้นิ้วบ้าง)




ทำน้ำผลไม้ปั่น (งดผลไม้เปรี้ยวๆนะครับ)

วันนี้เข้านอนเร็ว ประมาณ 4 ทุ่ม
25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-7-12 03:42:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-7-12 16:19



9 กรกฎาคม 2559 (วันที่3 หลังจากวันผ่าตัด)

##วันนี้เป็นวันที่มีอาการบวมมากที่สุด

8.00 น. ได้เวลาตื่นนอนเพื่อมากินข้าวต้มและยาเช้าแล้ว

เอาจริงๆแล้วจะบอกว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนก็ได้นะ

คือเราสะดุ้งตื่นทุกชั่วโมงเลย สงสัยอาจจะเป็นเพราะหายใจไม่ค่อยออก

บวกกับต้องมานอนในท่าที่เกือบจะเหมือนท่านั่งทำให้รู้สึกปวดหลัง

12.00 น.วันนี้มีนัดเข้ามา check up และทำ skin care ลดบวม(ครั้งแรก)

พร้อมกับสระผมที่โรงพยาบาลครับ

ปกติสำหรับเคสที่ผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกโครงหน้า

ทางโรงพยาบาลจะนัดเข้ามาให้ check up และรับ skin care

ในวันที่ 3,7,14 หลังจากผ่าตัด

พยาบาลขำหน้าเรา ... ถึงกับจำหน้ากันไม่ได้เลย



นั่งรอน่องล่ามซักพัก แล้วล่ามก็พาเราไปทำความสะอาดแผลก่อน

พยาบาลทำความสะอาดแผลบริเวณภายในช่องปากให้

พยาบาลบอกว่าบริเวณปากด้านบนไม่ค่อยสะอาด อาจจะมาจากอาการบวมที่มาก

เลยกลั้วน้ำยาเข้าไปไม่ถึง




แผลข้างหูประมาณ 1 cm.




พยาบาลเช็ดแผลให้พร้อมเปลี่ยนพลาสเตอร์ใหม่



พยาบาลสอนวิธีกลั้วปากให้ มีน้องล่ามคอยแปล

บอกว่าอย่ากลั้วแรงเกินไปแผลอาจจะฉีกได้




จากนั้นเราก็ไปที่แผนก skincare เพื่อไปทำเลเซอร์ลดอาการบวม ดีใจมาก

อยากทำเลเซอร์ลดบวมมาก คือวันนี้เป็นวันที่ 3 หลังการผ่าตัดไง

หน้างี้บวมแบบเปล่งได้ที่เลย

พอเราขึ้นมานอนบนเตียงพนักงานก็จะเอาอุปกรณ์เย็นๆมาปิดตา

และก็จัดการเปิดเครื่องฉายเลเซอร์ที่ช่วยลดอาการบวมสีเหลืองส้ม

ฉายแสงอุ่นๆที่หน้าเราประมาณ 20 นาที ระหว่างที่ทำเลเซอร์

เราแอบเผลอหลับไปอีกต่างหาก




มาตื่นตอนที่พนักงานปลุกไปสระผม

อยากบอกว่าพอรู้ว่าจะได้สระผม ดีใจมาก (ก.ไก่ 8 ล้านตัว)




คือปกติเป็นคนสระผมทุกวันวันละ 2  ครั้ง

แต่นี่ปาเข้าไป 4 วันละผมไม่โดนน้ำซักหยดรู้สึกยี้มาก

หลังจากสระผมและไดร์ผมเสร็จ เราก็เดินทางกลับห้องด้วยความสดชื่น (โดยเฉพาะบริเวณหัว)




แผลจากการผ่าตัดโหนกแก้มตรงไรผมข้างหูเล็กมาก 1 cm.

วันนี้พยาบาลบอกว่าไม่ต้องใสผ้ารัดหน้าตอนนอนแล้ว ให้ใส่ช่วงกลางวันอย่างเดียว


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้