|
เราไปทำกับหมอแหววที่เอเม่คลีนิก มีใบอนุญาตถูกต้องเป๊ะ ร้านอยู่ตึกชั้น 2 หลังพระพิฆเนศ ใครขับรถไปหลังทุ่มนึงก็จอดรถตามหน้าตึกสำนักงาน เลี้ยวเข้าซอยรัชดา 11 นะ เสียค่าจอด 20 บาทจอดได้ถึงตี 5
เราทำคืนวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ตอนฉีดยาชาเจ็บมากน้ำตาร่วงเลย ถึงกับร้องโอ้ยๆ เจ็บสุดๆ น้ำตาไหลลงร่องหู เพราะนอนหงายเตรียมตัวผ่าตัด หมอฉีดยาชาไล่มาตั้งแต่จมูกกระหว่างคิ้ว กลางจมูกและที่เจ็บกว่าที่ไหนคือปลายจมูก เราขอทุกคนให้เตรียมใจไว้เลย ผู้ช่วยกับคุณหมอคุยไป ทำดั้งไปอย่างสนุกสนาน เปิดเพลงฟังกันอย่างเพลิดเพลิน ประหนึ่งว่าช่วยกันทำกับข้าว อิอิ หมอไม่อยากให้คนไข้กลัวไง ก่อนทำต้องฉีดยาชา หลังฉีดยาชาเพื่อรอหมอมาทำ เรากลัวมากเพราะเจ็บจากการโดนฉีดยาชา มือ เท้าเย็น ตัวสั่นไปหมด ทั้งๆ ที่เราก็เคยผ่านการผ่าตัดเล็กๆ มาบ้างนะ ยังหวิวๆ เลย หลังจากนั้นซักแป๊บเดียวก็หายเจ็บ จะมีความรู้สึกชาๆ ตึงๆ แน่นๆ มาแทนที่ ยาชาออกฤทธิ์ไง เราต้องให้น้องผู้ช่วยมานั่งในห้อง จับมือเราตลอดเวลา จนกระทั่งผ่าตัดเสร็จ สงสัยเราจะนอนน้อย พอดีวันนั้นทำงาน เลิกงานปุ๊บก็ขับรถขึ้นทางด่วนมาที่คลีนิกสาขารัชดาเลย เราแนะนำให้เพื่อน ๆ ที่จะทำหยุดงานเพื่อที่จะได้นอนเยอะๆ วันที่จะทำ เราไปถึงประมาณ 2 ทุ่ม เราไปกินโจ้ก สระผม กว่าจะได้ทำก็เกือบๆ 5 ทุ่ม (นับตั้งแต่เข้าไปนอนรอ เตรียมหน้าละก็ฉีดยา) พอถึงเวลาหมอมาที่เตียง เราเอาตัวอย่างที่อยู่ในโทรศัพท์ให้คุณหมอดูกับผู้ช่วยดู ประมาณ 3 แบบ เพราะเราไม่รู้ว่าแบบไหนมันจะรับกับหน้าเอา จริงๆ นะ เราจะบอกว่าเราไม่ได้มีโอกาสได้คุยกับหมอเลยนะ เราไปวางเงินจองคิวและมัดจำ 6,000 ประมาณต้นเดือน ก่อนทำ 2 อาทิตย์งดวิตามินทั้งหลายแหล่ ห้ามดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิด เพื่อเตรียมพร้อมร่างกาย ตอนทำกับหลังทำ ไม่ได้เจ็บ ปวดมากมาย เพราะกินยาก่อนทำ หลังทำก็ประคบเย็นทันทีประมาณ 10-15 นาที อีกอย่างเรากินยาครบ เรากินยาจีนที่เป็นแคปซูล สมุนไพรจีนต้มละก็ใบบัวบกอัดเม็ดด้วย (อันนี้สั่งซื้อจากที่เค้าขายกัน) และประคบเย็นตลอด ดูแลตัวอย่างอย่างเคร่งครัด นั่งหลับ 3 คืนแรก คืนที่ 4 นอนหัวสูงได้ ส่วนอาการบวม หน้าเราเริ่มบวมเต็มที่วันที่ 3 เป็นอวตารเลย ขำมาก หัวตามีแดงๆ นิดหน่อย หน้าตาไม่ได้ช้ำเลือดช้ำหนองเลย พลาสเตอร์ที่แป๊ะก็ไม่แกะออกนะ เพราะว่าถ้าเราสามารถเก็บไว้จนถึงวันที่ตัดไหมได้จะดีมาก เพราะจะช่วยป้องกันการเบี้ยวได้ดีมากๆ แต่ต้องใส่มาส์กปิดจมูกไว้ตลอด ป้องกันการติดเชื้อ อากาศและฝุ่นที่อยู่ข้างนอกสกปรก แผลอาจจะติดเชื้อได้ ที่คลีนิกบอกเรามา อีกอย่าง เราคิดเอาเองนะ ที่เราไม่ช้ำมากเพราะว่าหมอทำเร็วด้วย ไม่บอบช้ำมาก หลังจากนั้นก็ดีขึ้นตามลำดับ จนถึงวันนี้ครบ 1 อาทิตย์พอดีเป๊ะ ไม่ได้มีอาการเจ็บปวดหรือทรมานอะไรเลย ถือว่าดีมาก ขอให้ใจเย็นๆ อย่านอยด์ว่าไม่โด่ง ทำตัวสบายๆ นอนเยอะๆ ประคบเย็นบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าล้างหน้า มันโดนน้ำไม่ได้ แต่ทำความสะอาดหน้าด้วยน้ำอุ่นต้มสุกที่เย็นแล้ว ใช้สำลีชุบนะ เช็ดให้ทั่วหน้า เช็ดตาด้วย ส่วนแผลก็เอาคัตตอนบัดชุบน้ำเกลือที่เค้าให้มาเช็ดแผลแบบเบามือที่สุด ซัก 2 ครั้งต่อวันก็พอ ส่วนภายนอก เราทาเจลที่สั่งซื้อมากับยาจีนด้วย แก้ช้ำ อีกเรื่องห้ามตามใจปาก ห้ามอาหารทะเล ของหมักของดองทุกชนิดห้ามหมดเลย กุ้งแห้งก็ไม่ได้นะ ไข่ด้วย ของร้อนมากๆ ก็ไม่ได้นะ เดี๋ยวน้ำมูกไหลอีก ถ้ากินโจ้กก็รอให้มันอุ่นค่อยกิน ทำได้แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง คราวนี้ก็แค่รอให้หน้ากับจมูกมันหายบวมสนิท เพื่อให้เห็นจมูกที่แท้จริงของเราหลังเสริมดั้งแล้วว่ามันจะโด่ง พุ่งขนาดไหน หวังว่าที่เราเขียนในคืนนี้คงจะได้มีใครมาอ่านบ้าง เพราะก่อนเราทำ เราก็เปิดหา ศึกษาข้อมูล ดูมาเยอะ ตั้งใจจะทำมาหลายปีแล้ว สุดท้ายก็ลงตัวปีนี้ อ่อ อีกอย่างเราเห็นจมูกน้องที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาหน้า (ที่ร้านเราไปทำสวยประจำ) น้องเค้าไปทำมา ก็สวย โด่งแบบธรรมชาติมากๆ เราเลยตัดสินใจทำที่นี่เลย อย่างน้อยก็เป็นแนวทางในการตัดสินใจในการเลือกว่าจะทำที่ไหน อีกอย่างเราเพิ่งมาเป็นสมาชิกดั้งโด่งได้ไม่นาน โพสผิดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
|
|