ดู: 1836|ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[โปรโบท๊อกซ์/ฟิลเลอร์/ร้อยไหม] โบทอกซ์ และ ฟิลเลอร์ สารเสริมความงามที่ควรทำความรู้จักให้ดี

[คัดลอกลิงก์]
นงานประชุมวิชาการประจำปี 2554 ของสมาคมศิษย์เก่าสถาบันโรคผิวหนัง ณ สโมสรกองทัพบก มีการจัดแถลงเผยแพร่ข้อมูลการเลือกวิธีการรักษาปัญหาผิวพรรณอย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัยแก่ประชาชน เนื่องจากปัจจุบันค่านิยมในการใช้โบท็อกซ์และฟิลเลอร์ เสริมความงามแก่ใบหน้าและเรือนร่างในสังคมไทย ทวีมากขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่
พล.ต.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่น่าวิตกในขณะนี้ก็คือ สังคม ไทยมองแต่คุณประโยชน์ของเทคโนโลยีความงาม ส่วนผลเสียกลับไม่มีใครคิดพูดถึง โดยเฉพาะในส่วนของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากอยู่ในขณะ นี้

Botox
โบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือที่รู้จักกันในนาม โบท็อกซ์ นั้น เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียมโบทูลินั่ม ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลายความตึงตัว ผู้ที่นิยมความงามมักใช้ฉีดเพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและลำคอ บางส่วนก็ฉีดเพื่อให้หน้าเรียวตามกระแสแฟชั่นเกาหลี หรือใช้ฉีดเพื่อลดภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และรักแร้  อันนี้คือข้อดี
แต่ !  เอฟเฟ็กต์ที่พบมากสำหรับโบท็อกซ์ก็คือฉีดแล้วหนังตาตก หางคิ้วชี้ขึ้น ระดับคิ้วไม่เท่ากัน หรือมุมปากเบี้ยว และด้วยความที่ฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้นอยู่ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ราว ๆ 4 เดือน-1 ปี จึงจำเป็นต้องฉีดซ้ำอยู่เรื่อย
  ในระยะยาวสารโบท็อกซ์อาจทำให้กล้ามเนื้อที่รองรับการเคี้ยวและการสบฟันมี ปัญหาได้ จากข้อมูลพบด้วยว่าผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์ร้อยทั้งร้อยเกิดภาวะเคี้ยวยาก ขณะที่สหรัฐระบุวิธีการใช้โบท็อกซ์ไว้อย่างชัดเจนว่า อนุญาตให้ใช้เฉพาะการลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากเท่านั้น ส่วนการนำมาใช้ให้หน้าเรียวเป็นการใช้แบบพลิกแพลง และไม่มีการรับรองผลว่าปลอดภัย ฉะนั้นผู้ที่คิดใช้ต้องตรองดูให้ดี เพราะการใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ในปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ เพราะฤทธิ์โบท็อกซ์จะไปคลายกล้ามเนื้อหัวใจให้หยุดทำงาน ผมขอเสนอวิธีการง่าย ๆ ใครอยากมีรูปหน้าเรียวหรือเกิดการบานเหลี่ยมน้อยที่สุด ต้องหยุดพฤติกรรมการเคี้ยวของที่มีความหนืด เช่น ข้าวเหนียว หมากฝรั่ง" นายกสมาคมศิษย์เก่าสถาบันโรคผิวหนังระบุ


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-10-21 13:45:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ที่นี้ เรามาดูเกี่ยวกับ Filler กันบ้าง
  นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รอง ผอ.สถาบันโรคผิวหนังระบุว่า คนเราพออายุ 20 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนของผิวจะลดลงแต่การทำลายยังมีอยู่ต่อไป ทำให้เกิดภาวะผิวเหี่ยวเป็นรอยย่น จึงมีการคิดค้นนำสารเติมเต็มจากภายนอกใส่เข้าไปแทน ซึ่งในปัจจุบันมีสารฟิลเลอร์อยู่ 3 แบบ คือ...   
1.แบบชั่วคราว อายุการใช้งาน 4-6 เดือน มีความปลอดภัยสูงแต่มีราคาสูงเช่นกัน เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติย่อยสลายเองได้
2.แบบกึ่งถาวร แบบนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี ความปลอดภัยอยู่ในระดับปานกลาง
3.แบบถาวร เช่น ซิลิโคน หรือพาราฟิน แบบนี้มักพบผลข้างเคียงระยะยาวเพราะฉีดแล้วจะอยู่ในผิวตลอดไป
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ถ้าเลือกชนิดของฟิลเลอร์ไม่ดี หรือผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญพอ อาจทำให้ริ้วรอยที่มีอยู่เกิดปัญหาหนักขึ้นกว่าเดิม เบาะ ๆ คือ เป็นตุ่มแดงนูนปรากฏให้เห็นชัดเจน หากแทงเข็มฉีดตื้นเกิน หนักหน่อยก็จะเป็นเหมือนแผลคีลอยด์นูนขึ้นตามร่องริ้ว ซึ่งถ้าใช้ฟิลเลอร์ประเภทชั่วคราวก็สามารถเลือนหายได้เอง แต่หากเป็นฟิลเลอร์ประเภทถาวรก็จะเป็นแผลเป็นตลอดชีวิต หนักหน่อยเป็นกรณีการอักเสบใต้ผิวหนัง กลุ่มนี้ถ้าใช้ฟิลเลอร์ชนิดแข็งมากไปก็จะไปกดทับเส้นเลือด หรือถ้าเผลอฉีดเข้าไปในเส้นเลือดเลย จะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงและกลายเป็นแผลเน่าในที่สุด แต่ที่ร้ายแรงสุดคือส่งผลต่อชีวิต เพราะทั้งการใช้สารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์นั้น เป็นการนำสารสู่ร่างกายผ่านทางการฉีด ถ้าเข็มไม่สะอาด ระบบการให้บริการไม่สะอาด ก็อาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดจนทำให้ตายได้
   เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการในสถานบริการที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การ อาหารและยา ควรสอบถามข้อมูลให้กระจ่างทุกครั้งที่เข้ารับบริการ ควรรับบริการจากแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น และไม่ควรนำสารเสริมความงามไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือแม้แต่กูลต้าไธโอนมาฉีดให้กันเอง เนื่องจากมีอันตรายมากกว่าที่คิดไว้ โดยในส่วนของกลูต้าไธโอนนั้น หากฉีดบ่อยๆ ในระยะยาวอาจทำให้แก่เร็วมากขึ้น เพราะตัวสารจะเกิดปฏิกิริยากลายเป็นอนุมูลอิสระ แทนที่จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระครับ" รอง ผอ.สภาบันโรคผิวหนังย้ำเตือนอีกครั้ง
ขอบคุณที่มา หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์
(บทความนี้ทางเราได้ตัดเอามาเฉพาะส่วนที่สำคัญ แต่ไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในส่วนใดๆทั้งสิ้น)
นำเสนอดีค่ะ
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-10-26 11:55:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เป็นข้อมุลที่สามารถหาได้ทั่วไปนะค่ะ ขึ้นอยู่กับว่า เราตั้งใจหาและแยกแยะยังไง
ปล. ทำท่าซะน่ากลัวเชียวนะค่ะ ^^
เป็นข้อมูลที่ดีมากครับโดยเฉพาะโบทอก
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้