|
แก้ไขล่าสุด AurA' Ar!eS~o เมื่อ 2010-2-8 00:32
คนส่วนใหญ่สมัยนี้ชอบโด่งๆ กันครับจากที่สังเกตุ ...
คือรู้ว่าชอบโด่งๆ กันแต่ก็คำนึงถึงอนาคตนิด หลายๆปีไป มันจะเปลี่ยนยิ่งแห้งขึ้นๆ ชัดขึ้นๆ ขนาดคนเสริมนิดๆ นานๆไปยังเห็นเป็นแท่งซิลี่เลยอะ อาจจะเห็นนิดๆ ตัวเองสังเกตุได้ (แต่ที่เปลี่ยนกันแก้กันทำกันก็เพราะว่าตัวเองสังเกตุเห็นซะส่วนใหญ่ถึงได้ทำเพื่อความสบายใจส่วนตัว) แล้วคนที่ทำโด่งๆ หละ.. มันคงสวยสุดดูเป็นธรรมชาติในปีแรกๆ ที่ทำอะครับ
ถึงจะดูถึงเรื่อง ความหนาของผิวหนัง แต่ยังไง น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนได้ นับประสาอะไรกับผิวของคน ถ้าคุณหมอไม่ได้เหลาซิลิโคลนให้ยึดอยู่กับที่ไว้ให้ลดการดึงรั่งคงจะหนีไปได้ยากในเรื่องนี้ อย่าทำจนมากไปผิวเรามีความยืดหยุ่นที่ดีจริงแต่ก็ควรทำแต่พอดี ที่เหลือก็คงต้องขึ้นอยู่กับเวลาของแต่ละคนแล้วหละครับว่า จะพอใจกับมันและอยู่กับมันได้ โดยไม่เบื่อได้นานแค่ไหน
ผมคิดว่า อีกหลายปีข้างหน้าอาจจะต้องมีคนจำนวนมาก ต้องมาพากันทำใหม่ และก็คงจะทำใหม่เรื่อยๆ เพราะว่าก็คงจะเอาโด่งๆ เหมือนเดิม เวลาที่มันเห็นชัดขึ้นๆ ไปเปลี่ยนแท่งใหม่ แต่พอแก้ก็ต้องลดความโด่งของซิลิโคลนลง
เพราะตอนเอาออกนี่สิ ซิลิโคลนมันก็พาเนื้อเยื้อข้างเคียงไปด้วย ผิวก็เริ่มบางลงไปตามในแต่ละครั้งที่เปลี่ยน ซ้ำผิวหนังที่เคยยืดหยุ่นดีก็จะมีพังผืดมาเกาะทำให้เสียความยืดหยุ่นไปอีกด้วย สรุปสุดท้ายจะจบที่เอาออกแล้วไม่เสริมเลยหรือป่าวนะ เพราะเปลี่ยนกี่แท่งๆ ลดความสูงไปก็ยังเห็นเป็นสันเป็นแท่งเหมือนเดิมเพราะผิวมันบางลงและความยืดหยุ่นของผิวก็น้อยลงตามในแต่ละครั้งที่แก้ใหม่ เพราะเหตุนี้เองหรือป่าวที่คนจำนวนนึงถึงบอกว่า เสริมจมูกจะต้องเสริมใหม่ ทุกๆ 2 ปี 3 ปี 4 ปี 5 ปี ว่ากันไป
แต่มันก็มีวิธีแก้ถ้าผิวที่จมูกบางไปเหมือนกันก็คือ ใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายเรานี่แหล่ะพันซิลิโคลนแล้วค่อยเสริม แต่ไม่ค่อยมีหมอคนไหนทำกันซะเท่าไหร่ เพราะคงยุ่งยากและต้องเจ้บหลายที่มีแผลสองที่ แล้วเนื้อเยื่อที่เอามามันจะอยู่ได้ทั้งหมดหรือจะตายไปบางส่วนไหมก็ต้องเสี่ยงกันอีกที
ถ้าตายบางส่วนก็อาจจะทำให้ทรงผิดรูปร่างไปบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคงสลายหายไปหมดเพราะมันพันก่ะซิลิโคลนที่ไม่มีชีวิตไม่มีเลือดไปเลี้ยงต้องอาศัยเลือดจากผิวหนังที่บางๆเป็นสันที่ลำพังจะเอาเลือดไปเลี้ยงผิวส่วนนั้นก็ยากอยู่แล้ว จะให้เอาไปเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ปลูกเข้าใหม่อีกคงจะยาก และในที่สุดก็กลายเป็นพังผืดยิ่งบีดรัดเข้าไปหนักกว่าเดิม
หมอหลายๆ ท่านจึงเลือกที่จะลดขนาดซิลิโคลนแทน และเลือกที่จะให้กระดูกอ่อนมาป้องกันและแก้ปัญหาในส่วนของปลายกันทะลุเพราะ กระดูกอ่อนอยู่ได้นานกว่าและ ถึงแม้จะมีโอกาสฝ่อไปได้แต่ก็มีเปอร์เซนที่มากกว่าดีกว่าการใช้เนื้อเยื้อมาปลูก
แต่คนที่ไม่สนใจเรื่องความเป็นธรรมชาติ ก็ไม่ต้องกังวลในจุดนี้ ก็ค่อยไปมองเรื่องว่าจะเกิดปัญหาอย่างอื่นไหมถ้าจะทำโด่งๆ พุ่งๆ เช่น ทะลุ หรือ ผังพืดบีบรัดแน่น และแน่นมากเพราะผิวตึงจากการเสริมจมูกโด่งเกินไปถึงจะไม่ใช่ซิลิโคลนแบบนิ่มก็เถอะ จนทำให้ซิลิโคลนบิดเบี้ยวได้
แต่ปัญหาตรงนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณหมอท่านเหลาซิลิโคลนครอบคุมทุกปัญหาของฐานจมูกของเราดี คงยากที่จะเกิดปัญหาถ้าพังผืดจะมารัดให้เบี้ยวได้ คงอาจจะเป็นแค่เรื่องเห็นเป็นแท่ง เห็นรอยต่อ แทน ที่ต้องมาคอยระวัง แต่คงหาคุณหมอที่ใส่ใจแบบนั้นยากซักหน่อยเพราะการผ่าตัดคงต้องใช้เวลาอย่างมากกับคนๆ นึงถ้ามีปัญหามากกับจมูก อาจจะต้องใช้เวลา 5-6 ชม ก็ยังมีครับ
ในความคิดผม เอาที่ตัวเองสบายใจดีที่สุดครับ จะเอาออกกับหมอไหนเค้าก็เอาออกได้ทั้งนั้น บวมไม่นานคับ คงไม่เกินสองอาทิตก็ดูไม่รู้แล้วมั้งว่ายังบวมอยู่นิดๆ หรือลองสำรวจจมูกตัวเองดูว่าผิวหนังบางไหมตีงมากแค่ไหนทำมานานแค่ไหนแล้ว
อาจจะใช้วิธีพื้นฐานง่ายๆ คือ ลองนวดเพื่อช่วยให้เลือดเข้าในเลี้ยงผิวหนังส่วนนั้นให้มากขึ้น และให้เกิดความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น ทำให้ความเป็นสันเป้นเงาเพราะหนังตึงคงจะดีขึ้นได้ ถ้ามีวินัยทำเป็นประจำ หรือถ้าเป็นรอยต่อก็ไปฉีดสารต่างๆ ที่ไม่อันตราย ปกปิดรอยต่อนั้นก็ได้แต่ต้องไปฉีดทุกๆ กี่เดือนแล้วแต่สารตัวนั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหนอะครับ |
คะแนน
-
1
ดูบันทึกคะแนน
-
|