|
ซิลิโคนเหลว แพทยสภา แจงเหตุเลิกใช้ ชี้ฉีดฟิลเลอร์ ทำหน้าผิดรูป
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก DuangAestheticII สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ซิลิโคนเหลว ยกเลิกใช้แล้ว เลขาธิการแพทยสภา ชี้แจงสาเหตุ พบฉีดฟิลเลอร์ในระยะยาวเนื้อเยื่อของผู้ทำศัลกรรมด้วยสารดังกล่าวจะถูกทำลาย จนใบหน้าเสียรูป ไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ที่แพทยสภา นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภาและประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองประชาชนจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับการศัลยกรรมตกแต่ง การเสริมสวย และการโฆษณา กล่าวหลังประชุมพิจารณาผลกระทบจากการใช้ซิลิโคนเหลว (Liquid Silicone) ว่า ปัจจุบันได้รับการร้องเรียนและพบว่า ซิลิโคนเหลวที่นำมาฉีดคาง เสริมจมูก ทำให้ผู้ใช้บริการบางรายมีรูปหน้าเสียทรง เนื่องจากซิลิโคนเหลวเป็นฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มที่ไม่สลาย
เบื้องต้น ทางคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า ควรมีการควบคุมอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงสั่งยกเลิกการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ย่อยสลายทั้งหมด เช่น ซิลิโคลนเหลว ไบโอพลาสติก โดยจะนำข้อสรุปดังกล่าวเสนอให้ทางคณะกรรมการแพทยสภา พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายน เพื่อพิจารณา และออกเป็นประกาศห้ามใช้ โดยมีการกำหนดบทลงโทษกรณีมีผู้ฝ่าฝืนด้วย
ด้าน นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่ง ประเทศไทย ในฐานะอนุกรรมการดังกล่าว กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ฟิลเลอร์ที่นิยมนำมาใช้ฉีดคาง เสริมจมูกนั้น เป็นสารเติมเต็ม ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1. สารเติมเต็มที่ไม่สลายตัว ได้แก่ ซิลิโคนเหลว
2. สารเติมเต็มที่สลายตัว ได้แก่ ไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic acid)
ซึ่งการใช้สารเติมเต็มที่ไม่สลาย ตัวอย่างซิลิโคนเหลวนั้น มีโอกาสเกิดผลกระทบสูง โดยที่ผ่านมา ตนเคยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช ติดตามผู้ฉีดซิลิโคนเหลวจำนวน 45 ราย แบ่งเป็นหญิง 43 ราย ชาย 2 ราย มีอายุระหว่าง19-60 ปีพบว่า ใน 1-6 เดือนแรกหลังการฉีด ใบหน้าจะดูสวยได้รูป ต่อมา 1 ปีแรก จะดูสวยขึ้น
แต่หลังจากนั้นช่วง 3-5 ปี จะเริ่มมีปฏิกิริยา เช่น คลำพบก้อนเนื้อ เป็นผื่นแดง เหมือนมีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก และทำให้ผิวขรุขระเหมือนผิวมะระ ซ้ำบางรายอวัยวะเริ่มผิดรูป เพราะเนื้อเยื่อและเซลล์ถูกทำลายจึงเกิด อาการบวมและอักเสบ นอกจากนี้ สารซิลิโคนเหลวจะค่อย ๆ ไหลมากองรวมกัน ทำให้มีการห้อยย้อย แข็งตึง และมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งการรักษาทำได้ยาก เนื่องจากเกิดการทำลายเนื้อเยื่อใต้เซลล์ผิวหนังไปแล้ว
สำหรับวิธีรักษา คือ เริ่มจากรักษาอาการอักเสบก่อน จากนั้นใช้วิธีการขูดเนื้อเยื่อและเซลล์ที่ตายออก เพื่อให้เซลล์สร้างขึ้นใหม่ โดยวิธีรักษาดังกล่าวใช้เวลานาน และใบหน้าไม่สามารถกลับไปมีสภาพเหมือนเดิมได้ แต่ปัจจุบันมีเทคนิคในการรักษาใหม่ โดยการใช้ไขมันของตัวเองจากหน้าท้องหรือบริเวณก้น มาสกัดเป็นสเต็มเซลล์ (Fat and Fat Stemcell) เพื่อฉีดรักษา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการยกเลิกการใช้ซิลิโคนเหลว แต่ปัจจุบันก็ยังสามารถใช้ไฮยาลูโรนิกแอซิด หรือสเต็มเซลล์จากไขมันในการทำศัลยกรรมเสริมความงามได้เช่นกัน
http://women.kapook.com/view69470.html
จากใจAkue>>>รู้อย่างนี้แล้วก่อนที่คิดจะเสริมสวยโดยน้องฟิวเลอร์ก็คิดดีๆก่อนทำด้วยนะค่ะ เพราะAkueเป็นห่วงทุกคนนะค่ะ |
|