ดู: 5938|ตอบกลับ: 28
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

โทษของวิตตามินซี C ค่ะ

[คัดลอกลิงก์]
รบกวนเพื่อนๆน่ะค่ะ คือเราทานวิตตามินซี 1000 มิลลิกรัม แต่เราสังเกตุว่าเมื่อทานแล้วผิวเราแห้งมากๆ
เราจึงอยากทราบว่า วิตตามินซีนี่กินแล้วมีโทษอะไรบ้างค่ะ รบกวนเพื่อนๆช่วยตอบด้วยน่ะคะ
อาจมีผลข้างเคียงหรือร่างกายมีปริมาณวิตามินซีมากเกินไปง่ะ...และแพ้ยาได้
กินวันละ 1000 mg ไม่น่าจะมีผลข้างเคียงนะคะ เพราะวิตามินซีไม่ได้สะสมในร่างกายเรา หากมากเกินไป ร่างกายก็จะขับออกโดยการปัสสาวะ

อาจจะเพราะคุณพักผ่อนไม่เพียงพอหรือเปล่าคะ
เอามาฝากค่ะ ย้ำว่าต้องอ่านให้หมดนะคะ จะได้เข้าใจถี่ถ้วนก่อนทานวิตามินค่ะ

---
วิตามินซี ธรรมชาติ
ประวัติการค้นพบ วิตามินซี เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัย ศตวรรษที่ 18 มีการสังเกตว่า

พวกทหารเรือที่มีการรอนแรมออกเดินเรือไปในทะเลเป็นเวลานานๆ

ซึ่งมักจะขาดแคลนพวกผักสดผลไม้สด จะป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิด

และสุขภาพไม่ค่อยดี มีอาการอ่อนเพลีย อยู่บ่อยๆ แต่ก็มีคนสังเกตเห็นว่า

จะไม่พบอาการดังกล่าวในทหารเรือที่รับประทานมะนาวเป็นประจำ

และเมื่อต่อมาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้น ในปี 1982

ก็สามารถหาสารอาหารสำคัญที่เป็นต้นเหตุของโรคดังกล่าวได้ว่า

สารที่พวกทหารเรือขาดไปคือ “กรดแอสคอร์บิค (Ascorbic acid)”

ซึ่งมันมีฤทธิ์สามารถช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้ ในปัจจุบัน

กรดแอสคอร์บิค ก็ถูกรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อของ “วิตามินซี”

และมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้ง

และมีอายุยืนยาวมากกว่า 90 ปีแม้จะป่วยเป็นโรค มะเร็ง มายาวนานถึง 20 ปี

ก็ตามคือ Dr.Linus Pauling ชาวเมืองพอรต์แลนด์ ได้เคยพูดไว้ว่า

เหตุที่เขาสามารถมีสุขภาพดีและสามารถชะลอการลุกลามของโรค มะเร็ง

ในตัวได้นานกว่า 20 ปี ก็เนื่องจาก วิตามิน และ เกลือแร่ ที่เขารับประทานเข้าไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินซี ซึ่งหลังจากที่เขารับประทานขนาดสูงทุกวัน

เขาก็ไม่เคยเป็นหวัดอีกเลย Dr.Linus Pauling เริ่มรับประทาน วิตามินซี

ชนิดเม็ดตั้งแต่อายุ 40 ปี และเพิ่มขนาดสูงถึง 18,000 มิลลิกรัม

เมื่อรู้ว่าตนเองเป็น มะเร็ง ตั้งแต่อายุได้ 64 ปี เขายืนยันว่ามันช่วยให้ มะเร็ง

ในร่างกายสงบลง

ประโยชน์ของ วิตามินซี

เราทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า วิตามินซี มีประโยชน์มากมากหลายอย่าง

ไม่ว่าจะช่วยปกป้องเซล เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพและความแข็งแรง

ของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับ เส้นเอ็น และคอลลาเจน

ก็มีผลมาจากปริมาณ วิตามินซี ในร่างกาย และ วิตามินซี ยังมีฤทธิ์

ในการเป็นสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่ดี จึงสามารถป้องกันการทำลายเซล

จากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และมันช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิล

สารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน

วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน

ฟลาโวนอย เป็นต้น
นอกจากนี้ วิตามินซี ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีก คือ

- วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด

หากเริ่มรับประทาน วิตามินซี ตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัด

จะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี 1995

พบว่าหากรับประทาน วิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน

ตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21%

แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซี สามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้

- วิตามินซี ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจาก วิตามินซี

ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซล

ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านอาการอักเสบ

จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น ในทางกลับกันการขาด วิตามินซี

ก็สงผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน

- หากรับประทาน วิตามินซี เป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมี

สุขภาพแข็งแรง โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาเซลที่ถูกทำลายและช่วยให้

แผลที่เหงือกหายเร็ว

- เพิ่มความต้านทานต่อ โรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

ในการควบคุมระดับ คลอเรสเตอรอล ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

เมื่อรับประทานร่วมกับ วิตามินอี โดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่

ผนังหลอดเลือด

- เนื่องจาก วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี

มันจึงอาจจะช่วยในการป้องกันและต่อสู้กับโรค มะเร็ง ได้ มีการศึกษาอย่างมาก

ในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยว

วิตามินซี กับการป้องกันและต่อสู้กับโรค มะเร็ง

- ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจาก วิตามินซี

สามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่

แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก

มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี

พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของ

โรคต้อกระจก ลดลงถึง 77%

- บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส ทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว

วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้

ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัส นอกจากนี้ยังมีการศึกษา

พบว่า วิตามินซี ช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น

- ช่วยป้องกันอาการไมเกรน เมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid

โดย วิตามินซี จะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น

- ช่วยเรื่องความจำ โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาสภาพของเซลประสาท

และจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น

วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10
ขนาดที่รับประทาน

ในสภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน

(แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน) อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร

เสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทาน

อย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทาน

วันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกันโรคต่างๆ เช่น

มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 – 1,000 มิลลิกรัม

หากเราได้รับ วิตามินซี น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิด

ซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวัล ว่าจะ

ได้รับมากเกินไป เนื่องจาก วิตามินซี สามารถละลายน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้

ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะ อีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิด

จากการรับประทาน วิตามินซี แม้จะรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 6,000 -

18,000 มิลลิกรัม

- เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระ

ตัวอื่นๆ เช่น วิตามินอี ฟลาโวนอย จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ

วิตามินซี

- เพื่อสุขภาพทั่วไป ควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน

- สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกัน ควรรับประทาน

1,000 – 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด

- การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวัน สามารถแบ่ง

รับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน
ขนาดที่รับประทาน

ในสภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน

(แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน) อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร

เสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทาน

อย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทาน

วันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกันโรคต่างๆ เช่น

มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 – 1,000 มิลลิกรัม

หากเราได้รับ วิตามินซี น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิด

ซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวัล ว่าจะ

ได้รับมากเกินไป เนื่องจาก วิตามินซี สามารถละลายน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้

ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะ อีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิด

จากการรับประทาน วิตามินซี แม้จะรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 6,000 -

18,000 มิลลิกรัม

- เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระ

ตัวอื่นๆ เช่น วิตามินอี ฟลาโวนอย จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ

วิตามินซี

- เพื่อสุขภาพทั่วไป ควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน

- สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกัน ควรรับประทาน

1,000 – 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด

- การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวัน สามารถแบ่ง

รับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน
ข้อควรระวัง

- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ

เช่น Copper Selenium

- การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจ

ระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้

- วิตามินซี ทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี จึงอาจจะเกิดภาวะ

ได้รับธาตุเหล็กเกิน


ขอย้ำนะครับว่า

เป็นวิตามินธรรมชาตินะครับไม่ใช่สังเคราะห์ครับ

คะแนน

2

ดูบันทึกคะแนน

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-2-27 18:44:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กระจ่างเลยค่ะ คุณ santababe คนสวย ขอบคุณมากค่ะ ส่งสัยอาจเป็นเพราะอากาศ เชียงใหม่ช่วงนี้เย็นลงจึงทำให้ผิดแห้งงะค่ะ ยังไงขอบคุณมากน่ะค่ะ
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-2-27 18:45:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
8# santababe


ขอบคุณ คนสวย จ้า
ยินดีค้า เพราะวิตามินซีส่วนใหญ่จะให้คุณมากกว่าให้โทษน่ะค่ะ อย่างไรอย่ากินเกินวันละ 1000mg จะดีกว่า เพราะกินเกินไปก็เท่านั้น ร่างกายรับไม่ได้ ก็ฉี่ออกหมดค่ะ

ทานตอนเช้า ตอนท้องว่าง โอเคสุดเลย
ออ..
ขอบพระคุณสำหรับข้อมุลครับ
ขอบคุณข้อมูลอย่างสูงเรยค่า
อาทิตย์ก่อนผมนั่่งฟังเรื่องอาหารเสริมมาอ่ะครับ..ผู้รุ้เค้าบอกมาว่า...

การรับวิตตามินซีเข้าไปในร่างกายปริมาณมากๆเช่น 1,000 ml ต่อวัน ซึ่งเกินความต้องการของร่างกายในแต่ะวันนั้น

แม้จะไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายใดๆแต่ในการดูดซึมนั้นกินเข้าไปหนึ่งพันร่างกายก้อดูดซึมไปเพียงห้าร้อย

แล้วการรับประทานเกินความต้องการติดต่อกันจะทำให้ร่างกายจดจำจำนวนที่ได้รับแล้วพอหยุด จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดวิตามีนซีครับ...แล้วก้อจะมีผลข้างเคียงอะไรตามมาตามโรคที่ขาดวิตซีคร้าบบบบบ
ถูกต้องนะคร้าบ รีบน

แต่จริง ๆ การกินวิตามินซีเพิ่ม ก็ไม่ร้ายแรงอะไร เพราะอย่างไร เราก็ยังทานพวกผัก ผลไม้อยู่ด้วยเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน
อออ...เหมือนมานั่งฟังวิชาการอิๆๆๆ
อย่างนี้แหละ อิอิ อยากสวยก็ต้องรู้ลึก รู้จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

รู้ว่าต้องกินตอนไหน ร่างกายจะได้เอาไปใช้ประโยชน์มากสุด อิอิ

แสดงความคิดเห็น

ตกลงว่าต้องกินตอนไหนค่ะ ทานตอนท้องว่างมันกัดกะเพาะนี่ค่ะ  โพสต์ 2011-5-21 13:45
โอ้ว ต้องรีบไปซื้อกินแระ อิอิ
ขอบคุณมากๆๆๆๆค่าพี่มด กระจ่างแจ้งมากกกกกกกกกกก ^______^
แวะเข้ามาอ่านแล้วได้ความรู้มากมายค่ะ :)
ขอโทดค่ะ วิตามินซีควรทานพร้อมอาหารค่ะ (มื้อหลัก) จะดูดซึมได้ดี ไม่ควรทานตอนท้องว่าง เพราะเป็นกรด จะไปกัดกระเพาะได้ค่ะ และอีกอย่างในส้มที่สดๆเก็บใหม่ๆ มีปริมาณวิตซี 80-100 มิลลิกรัม แต่ส้มที่เรากินๆกันมีเหลือแค่15มิลลิกรัมเท่านั้น ถ้าคนปกติควรทานแค่1000มก แต่คนที่สูบบุหรี่ หรืออยุใกล้คนที่สูบ ควรทานวันละ2000มก จ๊ะ ^^
วิตามินซี ไม่มีโทษครับ ร่างกายรับได้วันละ 1000mg หากเกิน
จะขับออกทางปัสสาวะ แน่นอน 100%
มีแต่ข้อมูลดีๆๆทั้งนั้นเลยครับ
ขอบคุณนะครับที่นำขอมูลดีๆๆ
มาแบ่งปันครับ
แต่เราได้ความรู้อ่ะ
http://www.aragonworld54.com/ProductInt/zplex_int.htm เข้ามาดูได้นะคะ วิตตามินซีสูตรฟู้แมทริกซ์
โทร.0892480815
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้