|
เอามาแปะเป็นความรู้ค่ะ หลังจากหลายๆคนเดากันไปต่างๆนานา เราเองก็เคยสงสัยและไม่มั่นใจกับการลอกผิว
ถ้าสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ www.facetebypuu.com นะคะ :)
ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจจะมาขายของนะคะ (ร้อนตัว หุหุ)
เคล็ดลับการถนอมผิวพรรณ
ตอน การลอกหน้า
นพ.ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์
--------------------------------------------------------------------------------
การลอกหน้า
การลอกหน้าทางการแพทย์เป็นวิวัฒนาการ การทำให้หน้าดูหนุ่มสาวขึ้น ได้ทำกันมานานกว่า 100 ปี เป็นวิธีที่ง่าย ๆ ในการทำให้ผิวหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ทำลายผิวหนัง สารเคมีที่ใช้มีมากมายหลายสิบชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ต้องการให้ลอกลึกเพียงใด
ทำไมถึงต้องลอกหน้า
ตามปกติผิวของคนเราชั้นหนังกำพร้า ล่างสุดมีการแบ่งตัวเพื่อการเจริญเติบโตเคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนจนออกเป็นขี้ไคล เป็นภาวะปกติ การลอกหน้าเป็นการเร่งการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ใหม่เซลล์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น
จุดประสงค์ของการลอกหน้า
เป็นการกระตุ้นให้เซลล์เร่งการผลิตขี้ไคล และเป็นการทำให้ผิว หนังหนาขึ้น (ไม่ใช่บางลง) และผิวของสีจากลง ทำให้ฝ้าจางได้ และลดการอุดตันของรูขุมขน ที่เป็นสาเหตุของสิว
เป็นการทำลายเซลล์ ซึ่งถูกทำลายจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น แผล เป็นจากสิว เป็นการลบรอยขรุขระบนใบหน้า ก่อให้เกิดผิวหน้า ที่เรียบขึ้น
ทำให้เกิดการอักเสบใน ชั้นลึกของผิวหนัง ก่อให้เกิดการสร้าง ใยคอลลาเจน และใยยืดหยุ่นใหม่ ทำให้เกิดการสร้างน้ำและสารบางอย่าง ซึ่งมีผลต่อความชุ่มชื้นของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูหนุ่มสาวขึ้น เป็นวิธีชะลอความชรา
ชนิดความลึกของการลอกหน้า
1. การลอกชนิดตื้น หมายถึง น้ำยาลงไปถึงชั้นหนังกำพร้า สารที่ใช้กันมากคือ กลุ่มสาร AHA มีหลายชนิด เช่น กรดไลโคลิก ความเข้มข้นที่ใช้ในการลอก ประมาณ 30-70% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาที่ทาด้วย ถ้าทิ้งไว้นาน น้ำยาอาจลงลึกได้ ร้านเสริมสวยส่วนใหญ่ใช้สารนี้
ปัญหาของกรดไกลโคลิก ถ้าคนผิวหนา ใช้น้ำยาทานานหลายนาทีไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าคนผิวบางละเอียด เกิดภาวะหน้าเปียก มีน้ำเหลืองไหล หลังจากทำ หรือบางทีหน้าบวม ซึ่งใช้ยาแก้ลำบาก และไม่ใช่สารมหัศจรรย์ ในการแก้ไขผิวหนังที่เสียจากการเป็นสิว
2. การลอกชนิดลึกปานกลาง
คือ น้ำยาลงไปถึงชั้นหนังแท้ด้านบน น้ำยาที่ใช้มักเป็นสาร TCA สารตัวนี้ลึกและดีกว่า กรด AHA แพทย์ผิวหนังเท่านั้นที่ใช้ยาตัวนี้ ให้ผลประสิทธิภาพดีกว่าสาร AHA รอยผิวหนังขรุขระจากการเป็นสิว ดีขึ้นหลังจากทำ เดือนละ 1 ครั้งนาน 1 ปี รอยย่นต่าง ๆ ก็ดีขึ้น
หลังจากทำการลอกหน้าให้คนไข้มา 30 ปี ทำมากกว่า 100,000 ครั้งพบข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ไม่สามารถทำในบุคคล ต่าง ๆ เช่น
คนผิวคล้ำทำแล้วหน้าจะดำคล้ำขึ้นกว่าเดิมในบางราย
คนที่ได้รับยามหัศจรรย์ กรดวิตามินเอ ชนิดรับประทาน ซึ่งรักษาสิวได้ทุกรูปแบบ อย่างหายขาด จะลอกไม่ได้เพราะแสบมาก
คนเป็นฝ้า ผู้ที่เคยได้รับยาชนิดแรง ๆ
คนที่ผิวละเอียดอ่อนเกินไป มีปัญหา
ผิวเด็กวัยรุ่น
สารอื่น ๆ เช่น น้ำยาเจสเนอร์ ให้ประสิทธิภาพดีกว่า AHA แต่ มีข้อเสีย คือ มีอัตราการแพ้ 2% ทำให้เกิดอาการหน้าบวม ขึ้นได้ เสียชื่อคนทำ ถึงแม้ว่าในตำราบอกว่า ไม่มีการแพ้ แต่ผู้เขียนพบว่า มีการแพ้
ดังนั้น ผู้เขียนซึ่งได้คิดน้ำยาสูตรใหม่ขึ้นมา เป็นสารผสมระหว่าง AHA ที่ไม่ใช่กรดไกลโคลิก ร่วมกับสาร BHA ให้ชื่อว่า บูลพีล blue peel ข้อดีของสารนี้คือ ในคนดังกล่าวข้างต้นที่ใช้สาร TCA ลอกหน้าไม่ได้ สารนี้กลับลอกได้ โดยไม่มีปัญหาและการลอกสม่ำเสมอกว่าแสบน้อยกว่า บางรายให้ความเห็นว่าหน้านุ่มหลังทำ แต่การที่ทำให้หน้านุ่มขึ้นไม่ใช่เหตุผลในการทำ เพราะได้ผลเพียง 10% เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น ดังนั้นบูลพลีจึงดีกว่าสาร AHA ชนิดไกลโคลิก ในแง่ประสิทธิภาพ และไร้การระคายน้อยกว่าสาร AHA การใช้บูลพลี จึงเป็นการลอกชนิดตื้นอีกชนิดหนึ่งที่ลึกกว่าสารเดิม การบอกให้คนไข้ ดื่มน้ำมาก ๆ หลังทำช่วยให้น้ำยาซึมเข้าสู่ร่างกาย ถูกขจัดลอกโดยเร็ว ในบางรายที่ต้องการลอกชนิดปานกลางเราใช้สารบูลพลี ร่วมกับ TCA จะให้ประสิทธิภาพดีมากในการลอกฝ้าและรบรอยด่างดำ |
|