|
3. กินแบบ "หมีอะแลสกา"
เทคนิคนี้ คุณหมอผิง ให้ความกระจ่างว่า หมีอะแลสกา เป็นหมีตัวโตที่อาศัยอยู่ในแถวขั้วโลก ซึ่งพบว่า เจ้าหมีตัวนี้เป็นสัตว์กินได้ทั้งพืช และสัตว์ โดยอาหารที่หมีนิยมกินก็คือ ปลาแซลมอน ต้นอ่อนพืชผักต่าง ๆ รวมไปถึงผลเบอรี่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะกินแต่ของที่ดี มีประโยชน์แทบทั้งนั้น ซึ่งสามารถนำมาเชื่อมโยงกับการรับประทานของเราได้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นจากปลา พยายามทานปลาให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะปลาแซลมอน เพราะนอกจากจะให้โปรตีนอิ่มสบายพุงแล้ว ยังให้ไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย ซึ่งไปช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี คือ LDL Cholesterol และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี คือ HDL Cholesterol ได้ ยิ่งไปกว่านั้น กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีคุณสมบัติเป็นอาหารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ส่งผลช่วยชะลอความเสื่อมตามวัยของร่างกายอีกด้วย อย่างไรก็ดี นอกจากปลาแซลมอนแล้ว อาจเลือกรับประทานเป็นปลาฮาลิบัต ทูน่า ซาร์ดีน หรือปลาทู สลับกันไปบ้างก็ได้
ขณะเดียวกัน ควรเตือนตัวเองให้รับประทานผลไม้เป็นประจำทุกวัน อย่างหมีอะแลสกามักจะทานผลเบอร์รี่ ซึ่งจัดเป็นผลดีเด่นทางด้านการต้านอนุมูลอิสระ นอกจากเบอร์รี่แล้ว ยังมีพรุน แพร์ แอปเปิ้ล ฝรั่ง ทับทิมรวมอยู่ในกลุ่มผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีน้ำตาลไม่มาก ดังนั้น ในแต่ละวันควรถือเอาการรับประทานผลไม้ทดแทนขนมหวานไปเลยก็ได้
นอกจากผลไม้แล้ว ผัก และบรรดาต้นอ่อนของพืชผักต่าง ๆ เช่น ถั่วงอก ถั่วงอกหัวโต ต้นอ่อนบรอกโคลี เป็นต้น ก็มีคุณค่าทางโภชนาการไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ควรเลือกหามาดัดแปลงกับเมนูจานโปรดของคุณก็ดูน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
4. สำหรับบ้านที่ใช้หลักลดอาหารเพื่อสุขภาพด้วยการรับประทานมังสวิรัติ
ในส่วนนี้ คุณหมอผิงบอกว่า อาจมีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน บี 12 ได้สูงกว่าคนรับประทานอาหารทั่วไป เพราะวิตามินชนิดนี้มีแหล่งที่มาจากเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ เมื่อขาดไปแล้ว จะทำให้ร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลีย และไม่มีแรง นั่นเพราะขาดวิตามินบี 12 โดยไม่รู้ตัว
"อาหารมังสวิรัติ ทานได้นะ แต่เราต้องหาแหล่งโปรตีนจากพืชทดแทน เช่น เต้าหู้ ถั่วเหลือง ไม่ควรเน้นแป้งเป็นหลัก แต่ต้องมีผัก และโปรตีน ที่สำคัญสำหรับคนทานมังสวิรัติเคร่ง ๆ เรื่องของวิตามินบี 12 ถ้าไม่แน่ใจว่าขาดหรือไม่ แนะนำให้ไปเจาะเลือดตรวจดู เพราะส่วนใหญ่จะขาดวิตามินตัวนี้ หรืออาจหาวิตามินบี 12 ชนิดเม็ดมาทานเสริมทดแทนก็ได้" คุณหมอผิงแนะนำ
เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่สามารถนำไปปฏิบัติด้วยตัวเองที่บ้าน แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมเรื่องการออกกำลังกายด้วย โดยคุณหมอผิง แนะนำว่า ในแต่ละวันควรเดินบ่อย ๆ ไม่ควรนั่งอยู่กับที่ตลอดวัน อย่างน้อยควรเดินให้ครบ 19,000 ก้าวต่อวัน เพราะมีงานวิจัยพบว่า การเดินตามจำนวนก้าวข้างต้น เทียบเท่ากับการออกกำลังกายแบบแอโรบิค 30 นาที หรือถ้าไม่มีเวลาจริง ๆ พยายามเดินขึ้นบันได หรือจอดรถไกล ๆ เพื่อที่จะได้ออกกำลังขาและย่อยอาหารไปในตัวด้วย
ที่สำคัญไปกว่านั้น อย่าลืมดูแลเรื่องสภาวะจิตใจของตัวเราเองด้วย เริ่มจากพยายามนอนให้ถึง 8 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการออกงานปาร์ตี้และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ถี่เกินไป เหล่านี้เป็นตัวก่ออนุมูลอิสระ ทำให้แก่เร็ว นอกจากนี้ พยายามอย่าให้เครียดบ่อย ๆ เพราะความเครียดทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดริ้วรอย และผมหงอกด้วย วิธีลดความเครียดง่าย ๆ คือ การนั่งสมาธิให้ได้ประมาณ 15-30 นาทีเป็นอย่างต่ำทุกวัน
ลองนำไปปฏิบัติใช้กันดูนะครับ
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ |
|