แก้จมูกไบโอที่อยู่บนหน้ามาเกือบทศวรรษ กับคุณหมออรรณพันธ์

srinicha

เมื่อประมาณปี 2546 เราสนใจอยากทำจมูกมากเพราะกำลังจะเริ่มทำงาน อยากมีบุคคลิคที่ดีขึ้น แต่แอบกลัวเลือดกลัวการผ่าตัด ช่วงนั้นการฉีดสารไบโอฮิตมากค่ะ แบบว่าเห็นโฆษณาลงนิตยสารชื่อดังหลายฉบับแบบว่าทุ่มทุนโฆษณามากจนเราคิดว่าน่าจะโอเค ดูน่าเชื่อถือและเห็นบอกว่าไม่พอใจสามารถเอาออกได้และมีตัวอย่างนางแบบหลายคนที่ทำออกมาแยกไม่ออกว่าคนไหนจมูกโด่งธรรมชาติหรือคนไหนฉีดไบโอ กระตุ้นต่อมความอยากเข้าไปอีกค่ะ เลยตัดสินใจไปฉีดที่คลีนิคใหญ่สาขาดอนเมือง คุณหมอพ. เป็นคนฉีดให้เองเลยจับๆหน้าเราละบอกว่าสวยชัวร์55 สรุปผลออกมาเหมือนจะสวยค่ะถ้าไม่ได้ตั้งใจดู แต่สังเกตุดีๆตรงสันจะเบี้ยวค่ะ เราเลยกลับไปถามว่าทำไมแก้ได้ไม๊ หรือเอาออกได้ปล่าว คำตอบคือเอาออกไม่ได้ซึ่งไม่เหมือนกับที่โฆษณาเลย เรานี่เครียดจนปลงเลยอ่ะไม่รู้จะทำไง หลังจากนั้นไปหาหมอคนอื่นก็ไม่รับเคสแบบนี้ค่ะ เราเลยได้แต่ทำใจมาหลายปี จนเมื่อมาวันนึงเห็นข่าวเกี่ยวคุณหมอเจ้าของคลีนิคเรื่องคดีความ คราวนี้กลับมาเครียดมากอีกรอบอีกทั้งสันจมูกเริ่มมีคนทักว่ามันดูช้ำๆเขียวๆ บางวันก็เจ็บๆไม่มีสาเหตุ รูปทรงก็เริ่มเปลี่ยน เราก็คิดว่าต้องหาทางออกเจ้าไบโอออกจากชีวิตให้ได้ ใช้เวลาศึกษาข้อมูลนานเป็นปี เริ่มเจออยู่ไม่กี่ที่ที่รับแก้และเห็นคนให้เครดิตกับณพลักษณ์คลีนิคเยอะที่สุด รวมทั้งคุณหมออรรณพันธ์และคุณเฟียตด้วย เราไม่รอช้าค่ะที่จะติดตามผลงานอย่างละเอียด แต่เนื่องจากประสบการณ์อันเลวร้านที่ผ่านมาทำให้เราไม่อยากเชื่ออะไรง่ายๆค่ะ และเราคิดว่าการแก้ไขต้องลำบากและน่ากลัวมาก แต่หลังจากอ่านรีวิวเพื่อนๆที่เคยแก้มาแล้วจากที่นี่ และดูดวงมาเค้าบอกปีนี้ ปัญหาที่เราเจอมานานจะมีหมอเก่งหมอดีมารักษาได้55 เห็นใกล้จะหมดปีละรีบตัดสินใจเลยค่ะ โทรนัดเข้าไปคุยกะคุณเฟียตเพื่อหาคิวผ่าตัดเลย
วันนัดคุณเฟียตจะช่วยดูว่าเรามีปัญหากะไบโอในระดับไหนพร้อมทั้งให้คำแนะนำต่างๆกับเราในการเตรียมตัวผ่าตัดอย่างละเอียด ให้การบ้านไปหารูปแบบจมูกที่ชอบมาด้วย ถ้ามีรูปก่อนฉีดไบโอมาด้วยยิ่งดีค่ะ พร้อมกับให้เอกสารมาให้เรากลับไปอ่านที่บ้าน ไม่ได้ให้รีบอ่านแบบผ่านๆแล้วเซ็นเหมือนคลีนิคอื่นค่ะ เพราะรายละเอียดเยอะจริงๆ เราต้องทำความเข้าใจก่อนค่ะ หลังจากนั้นก็ได้คิวผ่าวันที่3 ธ.ค. 2555
สิ่งที่ต้องเตรียมค่ะ
- ทานยา Transamin 500mg ก่อนผ่าตัด4เวลาเพื่อไม่ให้เลือดออกมากเวลาผ่าตัดค่ะ ทางคลีนิคจะให้มา
- งดอาหารเสริมและวิตามินทุกชนิดค่ะ เพราะวิตามินบางชนิดมีผลต่อการไหลของเลือดขณะผ่าตัดค่ะ
- งดแอลกอฮอล์และของหมักดอง เพราะจะทำให้แผลอับเสบรุนแรงได้
- รักษาสุขภาพไม่ให้เป็นหวัดก่อนผ่าตัดค่ะ เพราะจะทำให้มีน้ำมูกเป็นอุปสรรคแก้การผ่าตัด
- ถ้าเป็นสิวบนจมูกให้ทานยา cloxacilin 500 mg เพื่อให้สิวยุบลงค่ะ เพราะถ้าสิวอับเสบมากเห็นบางคนผ่าไม่ได้ค่ะ ของเราก็ขึ้นตอนก่อนผ่า ปรากฎว่าทานยาแล้วสิวยุบทันค่ะ
-เตรียมหมอนรองคอไว้ตอนนอนค่ะ ตอนเราใช้หมอนปะมาณ 3 ใบซ้อนกันตอนนอนด้วยนอนสบายอยู่
-เตรียมยาลดน้ำมูกและยาแก้แพ้ไว้ก็ดีค่ะ หลังเราทำนี่หวัดก็ไม่เป็น ไมน้ำมูกไหลตลอดก็ไม่รู้  
-Normal Saline(น้ำเกลือ) แบบขวดไว้ชุบสำลีเช็ดหน้าค่ะ ฆ่าเชื้อได้แล้วก็ซับตรงสิวได้ถ้าสิวขึ้น ซื้อที่ร้านขายยาหรือวัตสัน
  มาถึงทางคลีนิคให้ไปทานข้าวให้อิ่มแต่ตอนนั้นเราไม่หิวมากเลยทานไม่เยอะ แล้วก็กลับมาล้างหน้าทำความสะอาดรอการผ่าตัดค่ะ เสร็จแล้วคุณเฟียตจะดูหน้าเราพร้อมกลับดูแบบจมูกที่เราชอบค่ะว่าไปด้วยกันได้ไม๊ ของเราอยากได้แบบลูกครึ่งค่ะโด่งๆหน่อย แต่เนื้อจมูกน้อยเลยอาจจะไม่ได้ขนาดนั้น คุณเฟียตตัดกระดาษทรงจมูกมาเทียบกับหน้าด้วยค่ะ แบบว่าสนใจในสัดส่วนใบหน้าของเราจริงๆไม่ใช่แค่จะเสริมให้มันโด่งๆแล้วก็จบ สุดท้ายสรุปและให้เราทำความเข้าใจกับทรงจมูกที่จะได้ค่ะ เรียกว่ามั่นใจมากว่าออกมาต้องเป๊ะ หลังจากนั้นยังได้กลับไปทำความสะอาดต่ออีกนะ สะอาดมากจริงๆขอบอก หลังจากนั้นห้ามเอามือแตะหน้าแล้วนะคะ แต่แอบคันเลยลืมตัวเอามือมาเกาหน้า ได้กลับไปล้างใหม่อีกรอบ T-T คิดดูสะอาดเกินมาตราฐานแค่ไหน เดี๋ยวมาต่อขั้นตอนการผ่าตัดพร้อมรูปค่ะ ไปทำงานต่อก่อน^^

Helter_Skelter

สู้ๆค่ะ แก้กับคุณหมอคนเดียวกันเลย

srinicha

มาต่อกันเรื่องขั้นตอนการผ่าตัดนะคะ หลังจากที่ทำความสะอาดหน้าเองเรียบร้อยใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่(เพราะผ่าตัดนานค่ะ) แล้วก็เข้าห้องผ่าตัดค่ะ(เอ..เห็นคนอื่นรีวิวได้ทานยาคลายเครียดแต่เราไม่ได้ทาน สงสัยดูไม่เครียด แต่จริงๆแล้วแอบตื่นเต้นนะเพราะไม่เคยผ่าตัดใดๆเรยบนร่างกาย) คุณพยาบาลจะอธิบายวิธีการปฏิบัติตัวระหว่างผ่าตัดอย่างละเอียดนะคะ แล้วก็เปิดเพลงให้เราฟังค่ะอิอิ ในห้องผ่าตัดมีคุณพยาบาล 3 คนรวมคุณหมอคุณเฟียตก็ 5 คนร่วมกันดูแลและอำนวยควาสะดวกให้เราคนเดียวค่ะ รู้สึกอุ่นใจมากๆ แล้วคุณหมอก็ใส่ชุดผ่าตัดมิดชิด ทำความสะอาดหน้าเราให้อีกรอบ แล้วก็เริ่มฉีดยาชาเข็มแรก ขอบอกว่าเจ็บน้อยกว่าฉีดยาสิวอีก ถือว่าชิวๆสบายๆค่ะ รู้ตัวอีกทีคุณหมอบอกฉีดไป 120 เข็มแล้ว จมูกเริ่มตึงๆแข็งๆ ไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ พอเริ่มผ่าก็จะมีเลือดและยาชาไหลลงคอบ้างให้กลืนเข้าไปนะคะ ไม่ยากค่ะ ระหว่างผ่าไปก็คุยกะคุณหมอไปค่ะ ได้ยินเสียงขูดไบโอ กึ่กๆๆ55 แต่เราก็มีแอบนอยด์บ้างเพราะไม่เคยผ่าตัด ถ้ารู้สึกนิดๆจะบอกคุณหมอเลย คุณหมอก็ฉีดยาชาให้เพิ่มค่ะ ถือว่าเราดูดยาชาเยอะมากเพราะโดนไป 200 กว่าเข็ม เง้อออ ท้องเริ่มร้องด้วยเพราะทานมื้อกลางวันไม่มากพอ(จริงๆต้องทานก่อนผ่าตัดเยอะๆนะคะ) ผ่าเสร็จสองทุ่มครึ่งค่ะ จากบ่าย3ครึ่ง 5ชั่วโมงคะคุณผู้ชม หลังจากนั้นคุณหมอก็อธิบายปัญหาของเราว่าส่วนดั้งเราตรงที่ม่วงๆเขียวๆมันโดนสารไบโอทำร้ายไปเยอะค่ะ พอขูดไบโอออกเลยเหลือหนังที่บางมาก ถือว่าอันตรายมากถ้ามาหาคุณหมอช้ากว่านี้ค่ะ พอตอนเอาออกหมดแล้วคุณหมอให้เราตัดสินใจว่าจะเสริมสิริโคนต่อไม๊เพราะหนังที่เหลือบางมาก ถ้าเจอหมอที่ฝีมือไม่ดีส่วนนั้นอาจขาดหรือทะลุได้เลยนะคะ เราตัดสินใจเสริมต่อค่ะ แต่ไม่สามารถเสริมตรงดั้งส่วนนั้นให้โด่งเหมือนฝรั่งได้55 เนื่องจากจะมีปัญหาตามมาภายหลังค่ะ คุณหมอถือความปลอดภัยของคนไข้มาก่อนค่ะ อีกทั้งฐานจมูกเดิมเราก็ไม่ตรงอีกตางหาก T-T ต้องขอชื่มชมความสามารถของคุณหมอและคุณเฟียตที่เหลาสิริโคนและวางตำแหน่งให้ตรงได้ค่ะ คุณเฟียตก็ใส่ใจในความงามของเราเป็นอย่างดีค่ะช่วยดูรูปทรงให้ทุกอย่าง ทุกคนทำงานเป็นทีมเวิร์คได้ดีมากค่ะ ต้องขอขอบคุณคุณหมออรรณพันธ์ คุณเฟียตและคุณพยาบาลทุกคนจากใจจริงๆค่ะ รู้สึกอุ่นใจมากเพราะทางคลินิคดูแลเราเหมือนญาติไม่ใช่แค่ลูกค้าที่หวังผลแต่ทางธุรกิจเหมือนคลีนิคอื่นเลย เราไปปรึกษามาหลายคลีนิคแล้วพูดได้จริงๆว่าการผ่าตัดครั้งนี้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆค่ะ มาดูรูปกันค่ะ

srinicha

ขออธิบายรูปข้างบนเพิ่มเติมค่ะ
รูปที่1=> เป็นจมูกไบโอค่ะเห็นได้ชัดว่าสันจมูกเบี้ยว เริ่มเสียรูปค่ะ

รูปที่2=> ตรงดั้งมีรอยเหมือนเป็นรอยช้ำม่วงๆเขียวๆในรูปดูไม่เยอะนะคะ แต่จริงๆแล้วคนอื่นทักมากเยอะแล้วค่ะว่าจมูก เป็นอะไร

รูปที่3=> เอาไบโอออกแล้ว เหลือแต่จมูกจริงๆค่ะซึ่งโดนไบโอทำร้ายไปเยอะมาก จริงๆก่อนฉีดไม่ได้แบนแบบนี้นะคะพอมีดั้งอยู่แล้ว T-T

รูปที่4=> ส่วนดั้งที่เป็นรอยเขียวๆม่วงๆในตอนแรกค่ะ เป็นส่วนที่โดนไบโอทำร้ายมากที่สุด เหลือแต่หนังที่เกือบทะลุค่ะ คุณหมอเอาไฟส่องให้ดูเลยค่ะ ว่ามันบางมากกจนใกล้ขาดแล้วจริงๆ น่ากลัวมากๆๆๆ

รูปที่5=> เป็นสารไบโอตัวร้ายค่ะ มันออกมาจากจมูกเราแล้ว ดีใจมากกๆๆๆ มันน่ากลัวมากค่ะ แข็งมากด้วย คุณหมอให้เราลองจับด้วย

รูปหลังผ่าตัดเสร็จใหม่=> หน้าบวมมากก เพราะยาชาค่ะ อย่าตกใจไป แต่ลืมตาไม่ขึ้นเลย

รูปหลังผ่า1วัน=> อาการบวมดีขึ้นมากค่ะ แต่กลายเป็นช้ำๆออกสีม่วงๆดำๆแถวหัวตาแทน เราโชคดีไม่มีเลือดซึมออกมาจากผ้าก็อตเลย แต่ก่อนถอดผ้าก็อตดันไปทานของเผ็ดซึ่งเราคิดว่ามันไม่เผ็ดมาก แต่จริงๆเราคิดว่าช่วงนี้จมูกมันsensitiveมากนะคะ ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะจากอาการดีๆเราแสบๆรูจมูกนิดนึง แล้วตอนดึงผ้าก็อตออกเลือดไหลเรยค่ะ ตกใจมาก ต้องเลี่ยงอาหารเผ็ดเป็นอย่างยิ่งๆไม่ว่าจะเผ็ดน้อยก็ตาม

day2=> ยาชาจะเริ่มไหลไปแถวแก้มละคะ ส่วนตาเริ่มหายช้ำ

day3=> ส่วนตาดีขึ้นเรื่อยๆ จากสีม่วงกลายเป็นสีเหลืองๆ

เดี๋ยวมาอัพรูปให้ดูเพิ่มพร้อมวิธีปฏิบัติตัวหลังผ่าค่ะ ^^

ทั้งนี้ขอขอบคุณ"คุณบ๊อบบี้และเวปไซด์ดั้งโด่ง"ที่ช่วยเป็นสื่อกลางให้เรามีพื้นที่ที่สามารถให้เราแชร์ประสบการณ์และความรู้กันนะคะ เราได้สัมผัสประสบการณ์จริงๆของซึ่งกันและกันได้เพราะคุณและสื่อกลางนี้ ถือว่าเป็นบุญและกุศลมากๆค่ะ ดิชั้นขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำบุญครั้งนี้ด้วยนะคะ

srinicha

เนื่องจากไปตรวจจมูกมาแล้ว2ครั้งกับคุณหมอและคุณเฟียต เจอคนไข้เคสเดียวกันบอกว่าไม่ค่อยมีใครรีวิวเรื่องการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดเท่าไหร่ค่ะ ส่วนเราก็ทำตามคำแนะนำของคลินิคเกือบ 100%ละนะ แต่มีเผลอบ้างไรบ้าง ไว้แชร์ให้เพื่อนๆนะคะ
- ให้ดึงผ้าก็อตที่อุดจมูก 24 ชั่วโมงหลังจากการผ่าตัด ของเราผ่าเสร็จ 2 ทุ่มวันที่ 3 ธ.ค. ก็ดึงออก 2ทุ่มในวันที่4 ธ.ค.
- ให้นอนหมอนสูงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ค่ะ เราใช้หมอนธรรมดา 3 ใบและหมอนล็อคคอ 1 อัน หมอนข้างวางข้างลำตัวอีก 55 หลับสบายดีค่ะ วันแรกๆอุปกรณ์น้อยนอนไม่ค่อยสบาย เมื่อยมาก
- ประคบเย็นอย่างสม่ำเสมอหลังผ่าตัด 3 วันค่ะประคบให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะใช้น้ำแข็งก้อนใหญ่ดีที่สุดค่ะ ซื้อเจลประคบเย็นแล้วเย็นไม่พอและเย็นไม่นานด้วย ห้ามประคบร้อนนะคะ
- ขยับร่างกายให้เยอะค่ะ อย่านอนเยอะเดี๋ยวหน้าบวมเพราะเคยมาแล้วค่ะ แอบนอนกลางวันตื่นขึ้นมาหน้าบวมเยอะเลย คราวนี้ฝืนเลยค่ะไม่กล้านอนกลางวันเลย
- ตั้งเวลาปลุกไว้ทานยาให้ตรงเวลาค่ะ ตีสองก็ต้องลุกมากินจะหายไวค่ะ
- เมื่อครบ 3 วันแล้วไม่ต้องประคบเย็ยแล้วค่ะเริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่งหรือฟิตเนส ยิ่งบ่อยยิ่งดีค่ะทำเป็นประจำ
- ห้ามในน้ำเข้ารูจมูกนะคะ เราใช้น้ำเกลือหรือ normal saline ชุปสำสีแผ่นแล้วเช็ดหน้าค่ะ
- งดอาหารรสจัดทุกชนิด งดโปรตีน อาหารเสริมเป็นระยะเวลา 10 วัน เราเผลอทานเผ็ดทีไรเลือดออกทุกทีเรยค่ะ ต้องระวัง
- ห้ามใช้เครื่องสำอางค์ทาบริเวณจมูก
- ถ้ามีสิวขึ้นจมูกห้ามบีบสิวเอง ต้องมาให้คุณหมอดูอาการค่ะ เราขึ้นตรงปลายจมูกเพียบเลยเพราะคุณเฟียตบอกเป็นช่วงที่สิวเก่าระบายออกตอนอยู่ใต้ไบโอค่ะ จะมีเยอะทั้งสิวอับเสบ สิวเสี้ยน ต้องมาให้คุณหมอหรือคุณเฟียตจัดการนะคะ ห้ามแกะเองเดี๋ยวเป็นเรื่องนะจ๊ะ ซื้อยาแก้อับเสบมาทานด้วยก็จะยุบเร็วขึ้นค่ะ (Dicloxacilin 500 mg.)ทานทุก 6 ชั่วโมง
- ห้ามรับประทานของแสลงทุกชนิด ของหมักของดอง แอลกอฮอล์ อาหารกระป๋อง อาหารทะเล
- ถ้ามีอาการน้ำมูกไหลให้ทานยาลดน้ำมูก หรือยาแก้แพ้ถ้ามีอาการไอจามค่ะ

มาอัพเดทรูปกันต่อหลังจาก 1 สัปดาห์ผ่านไปนะคะ

day7=> คิดผิดเอาเทปที่จมูกออกเองค่ะ เพราะต้องไปเจอลูกค้า ตามที่เห็นในรูปค่ะยังบวมอยู่บ้างแต่ยังมีรอยช้ำเหลืองอยู่
day10 =>วันนัดตรวจครั้งแรกค่ะ คุณเฟียตบอกจมูกเอียงนิดนึงเพราะเราเอาเทปออกก่อน T-T ที่บอกนี่ห้ามนะคะห้ามทำตามเด็ดขาด แต่คุณเฟียตพยายามช่วยนวดให้เข้าที่ค่ะ นวดไล่น้ำเหลืองข้างๆจมูกไปไว้บนหน้าผากด้วย มึนไปเรยทีเดียวแต่พอทนได้ค่ะ ต้องทำใจค่ะเพราะหลังนวดเสร็จจมูกสวยเลยทีเดียว จมูกหายอ้วนแล้ว หลังจากนั้นก็โดนแปะเฝือกอีกรอบค่ะ
day12=> เป็นช่วงสิวปะทุมากค่ะ ซึ่งช่วงนี้ปกตินะคะถ้าจะมีสิวหรือสิวเสี้ยนขึ้น เหมือนเป็นช่วงผลัดความสกปรกที่คั่งค้างออกจากร่างกายส่วนนั้นค่ะ ห้ามทำสิวแตกหรือแกะสิวนะจ๊ะ
day18=> นัดตรวจรอบสองวันที่ 19 ธ.ค. ค่ะ คุณหมอสะกิดสิวออกให้พร้อมแต้มยาฆ่าเชื้อให้ ได้แกะเฝือกออกละจ้า ล้างหน้าได้ปกติแล้ว รู้สึกดีกับจมูกตัวเองขึ้นทุกวันเพราะ รูปทรงเปลี่ยนไปในทางที่ดีค่ะ คุณเฟียตdesignการกินให้ กรณีเราต้องทานโปรตีนให้มาก เพราะต้องการให้จมูกโด่งๆมีเนื้อเยอะๆ พรุ่งนี้วันที่ 3 ม.ค. 56 มีตรวจอีกรอบค่ะ ไว้มาเล่าใหม่น๊า   

inline

มารอชมรีวิวต่อนะคะ อย่าลืมมาอัพเดทนะคะ