ดู: 3735|ตอบกลับ: 17
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

++ว่าด้วยเรื่องของ วิตามิน ซี++

[คัดลอกลิงก์]


วิตามินซี คืออะไร
ประวัติการค้นพบ วิตามินซี เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัย ศตวรรษที่ 18 มีการสังเกตว่าพวกทหารเรือที่มีการรอนแรมออกเดินเรือไปในทะเลเป็นเวลานานๆ ซึ่งมักจะขาดแคลนพวกผักสดผลไม้สด จะป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิด และสุขภาพไม่ค่อยดี มีอาการอ่อนเพลีย อยู่บ่อยๆ แต่ก็มีคนสังเกตเห็นว่าจะไม่พบอาการดังกล่าวในทหารเรือที่รับประทานมะนาว เป็นประจำ และเมื่อต่อมาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้น ในปี 1982 ก็สามารถหาสารอาหารสำคัญที่เป็นต้นเหตุของโรคดังกล่าวได้ว่าสารที่พวกทหาร เรือขาดไปคือ “กรดแอสคอร์บิค (Ascorbic acid)” ซึ่งมันมีฤทธิ์สามารถช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้ ในปัจจุบัน กรดแอสคอร์บิค ก็ถูกรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อของ “วิตามินซี” และมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลถึง 2ครั้ง และมีอายุยืนยาวมากกว่า 90 ปีแม้จะป่วยเป็นโรค มะเร็ง มายาวนานถึง 20 ปีก็ตามคือ Dr.Linus Pauling ชาวเมืองพอรต์แลนด์ ได้เคยพูดไว้ว่า เหตุที่เขาสามารถมีสุขภาพดีและสามารถชะลอการลุกลามของโรค มะเร็ง ในตัวได้นานกว่า 20 ปี ก็เนื่องจาก วิตามิน และ เกลือแร่ ที่เขารับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินซี ซึ่งหลังจากที่เขารับประทานขนาดสูงทุกวัน เขาก็ไม่เคยเป็นหวัดอีกเลย Dr.Linus Pauling เริ่มรับประทาน วิตามินซี ชนิดเม็ดตั้งแต่อายุ 40 ปี และเพิ่มขนาดสูงถึง 18,000 มิลลิกรัม เมื่อรู้ว่าตนเองเป็น มะเร็ง ตั้งแต่อายุได้ 64 ปี เขายืนยันว่ามันช่วยให้ มะเร็ง ในร่างกายสงบลง

ประโยชน์ของ วิตามินซี
เราทราบ กันโดยทั่วไปแล้วว่า วิตามินซี มีประโยชน์มากมากหลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยปกป้องเซล เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับ เส้นเอ็น และคอลลาเจน ก็มีผลมาจากปริมาณ วิตามินซี ในร่างกาย และ วิตามินซี ยังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่ดี จึงสามารถป้องกันการทำลายเซลจากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และมันช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น

vitamin-C.gif (160.13 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 6)

vitamin-C.gif
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-27 21:53:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นอกจากนี้ วิตามินซี ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีก คือ

► วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด หากเริ่มรับประทาน วิตามินซี ตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัด จะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี 1995 พบว่าหากรับประทาน วิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวันตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซี สามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้

► วิตามินซี ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจาก วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซล ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านอาการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น ในทางกลับกันการขาด วิตามินซี ก็สงผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน

► หากรับประทาน วิตามินซี เป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาเซลที่ถูกทำลายและช่วยให้แผลที่เหงือกหายเร็ว

► เพิ่มความต้านทานต่อ โรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับ คลอเรสเตอรอล ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับ วิตามินอี โดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด

► เนื่องจาก วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี มันจึงอาจจะช่วยในการป้องกันและต่อสู้กับโรค มะเร็ง ได้ มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยว วิตามินซี กับการป้องกันและต่อสู้กับโรค มะเร็ง

► ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจาก วิตามินซี สามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรค ต้อกระจก ลดลงถึง 77%

► บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส ทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้ ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัส นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า วิตามินซี ช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น

► ช่วยป้องกันอาการไมเกรน เมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดย วิตามินซี จะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น

► ช่วยเรื่องความจำ โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาสภาพของเซลประสาทและจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับ อาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10

ขนาดที่รับประทาน
ใน สภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน (แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน) อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพ ที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกันโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 – 1,000 มิลลิกรัม

หากเราได้รับ วิตามินซี น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิด ซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวัล ว่าจะได้รับมากเกินไป เนื่องจาก วิตามินซี สามารถละลายน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะ อีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิดจากการรับประทาน วิตามินซี แม้จะรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 6,000 - 18,000 มิลลิกรัม
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-27 21:54:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ข้อปฏิบัติในการรับ ประทานเพื่อประโยชน์สูงสุด

► เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัว อื่นๆ เช่น วิตามินอี ฟลาโวนอย จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ วิตามินซี

► เพื่อสุขภาพทั่วไป ควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน

► สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกัน ควรรับประทาน 1,000 – 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด

► การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวัน สามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน

► การรับประทาน วิตามินซี ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหาร หรือทานอาหารก่อนการรับประทาน

►ยัง ไม่มีรายงานว่า วิตามินซี ชนิดพิเศษพวก Esterifies วิตามินซี จะให้ผลดีกว่าวิตามินซีแบบธรรมดา

ข้อควร ระวัง

► การรับประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น Copper Selenium

►การรับ ประทานในปริมาณสูงๆ อาจจะมีผลต่อการผิดพลาดของผลตรวจระดับน้ำตาลในปัสสาวะได้

► วิตามินซี ทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี จึงอาจจะเกิดภาวะได้รับธาตุเหล็กเกิน

คะแนน

1

ดูบันทึกคะแนน

วิตามินซี ช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกายของคนเราได้น่ะครับ
เพราะในกระบวนการสังเคราะห์ synthesis of collagen จำเป็นต้องมีวิตามินซี หรือ Ascorbic acid เพราะ โมเลกุลของคอลลาเจน มี proline และกระบวนการเติม hydroxyl groups ให้กับ proline เพื่อให้มันทำงานได้ ต้องใช้ วิตามินซีช่วย ถ้าไม่มีวิตามินซี หรือขาดไปก็ไม่สามารถสร้างคอลลาเจนได้ในที่สุดเลยทีเดว

      ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการรับประทานวิตามินซีใน 1 วัน สำหรับคนสุขภาพปกติดี ไม่มีโรค หรือกำลังป่วย
เป็น ที่ถกเถียงกันมากในปัจจุบันถึงปริมาณที่เหมาะสม โดยรัฐบาลแต่ละประเทศได้กำหนดปริมาณที่เหมาะสมไว้ไม่เท่ากัน ดูได้จากตารางข้างล่าง
* 60 milligrams per day        the United Kingdom's Food Standards Agency
* 45 milligrams per day        the World Health Organization
* 60 mg/day        Health Canada 2007
* 60–95 milligrams per day        United States' National Academy of Sciences.

ในประเทศสหรัฐได้กำหนดไว้ว่าปริมาณ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ถือเป็นค่าสูงสุดที่รับได้ เกินนี้จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย

    อาการแสดงของการรับประทานวิตามินซี เกินขนาด
สำหรับ การทดลองในคนปกติ เมื่อรับประทานวิตามินซีเกินขนาดจะมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เป็นผื่นแดงที่ใบหน้า ปวดหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ
นอกจากนี้ในผู้ที่เป็นโรค G6PD อาจเกิดเม็ดเลือแดงแตกเฉียบพลันได้ ถ้ากินในปริมาณสูงเกินขนาดมากๆ
และยังไม่มีข้อสรุปสำหรับการสาเหตุการเกิดนิ่วที่ไต ว่าเกี่ยวข้องกับการกินวิตามินซีมากไปหรือไม่
การกินวิตามินซี เพือหวังผลให้แท้ง : เด็กอาจเกิดความพิการได้ และไม่มีงานวิจัยใดที่ยืนยันผลชัดเจน ยังถือว่าเป็นเพียงความเชื่อที่หลายคนพยายามทำแท้งโดยกินวิตามินซีมากๆ ถึง > 6 กรัม ต่อวันหรือบางคนใช้แบบสอด..
พบว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งออกเผยแพร่
นิ๊เลย....: "A Woman's Book of Choices: Abortion, Menstrual Extraction, RU-486" by Rebecca Chalker and Carol Downer. The books says to take 6-10 grams of ascorbic acid a day for 5-10 days. It says specifically ascorbic acid. Don't use vitamin C with bioflavoniods in it, because they work to prevent miscarriage....In my opinion, vitamin c (ascorbic acid) is one of the less toxic and less dangerous choices for terminating pregnancy, which seems to be fairly effective.......

--->การใช้วิตามินซีที่อยู่ในรูป ascorbic acid ที่ไม่มี Bioflavoniods เพราะสารนี้จะช่วยไม่ให้แท้ง .......

จากข้ิิอมูลดังกล่าวยังไม่ใช่ผลจากการวิจัยและมีโอกาสเสี่ยงต่อความพิการของเด็กที่จะเกิดขึ้นได้

ดัง นั้นการพยายามทำแท้งด้วยวิธีนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม
...ถ้าทานวิตามินชนิดเม็ดในขนาด 1 กรัมขึ้นไป ควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์ หรือ สังเกตว่ามีการปวดท้อง ท้องเสียควรลดปริมาณที่ทานลงน่ะจ้า

1170636281.jpg (1.77 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 8)

Vit.C

Vit.C
ผลไม้ มีเยอะในมะขามป้อม   และ ฝรั่งน่ะครับ ส้มก้ไม่เท่าครับ
จิงๆเเล้ว vitamin c หรือ ascorbic acid เปนกรดไม่ควรกินมากเกิน2000มก.ต่อวันครับ เพราะมันไประคายเคืองระบบทางเดินอาหาร เอาง่ายๆ คือท้องเสีย เเล้วมันละลายน้ำได้กอจิงเเต่ไม่ควรเกิน2000.มก/วันอยูดีเพราถ้ามันละลายไม่หมดกอเปนนิ่วที่ไต เเล้วอีกอย่างข้อมูลที่เอามาลงเชื่อถือได้น้อยเพราะไม่ผลการศึกษาระยะยาว (referenceจาก drug fact and comparison) rx
ขอเเถมไครกินเกิน2000
มก.มันกอฉีออกหมด recepter มันไม่จับกับยาเเล้ว มันover dose ที่ฉีออกมาคือเงินของคุณเอง rx
มิน่าล่ะฟาถึงได้ผิวสวยซะขนาดนี้ เคล็ดลับอยู่นี่น่ะเอง งิงิงิ
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-27 22:32:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
มิน่าล่ะฟาถึงได้ผิวสวยซะขนาดนี้ เคล็ดลับอยู่นี่น่ะ ...
ต้นฉบับโพสต์โดย kurama เมื่อ 2010-5-27 09:52



    แล้วรู้ได้ไงว่าฟาผิวสวย
ก็แอบเห็นเนินอกมาแว้วนิ อิอิอิอิอิ รึว่าม่ะจิง
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-27 23:17:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ก็แอบเห็นเนินอกมาแว้วนิ อิอิอิอิอิ รึว่าม่ะจิง ...
ต้นฉบับโพสต์โดย kurama เมื่อ 2010-5-27 23:01



    ว๊ายยยยย
ว๊ายยยยย
ต้นฉบับโพสต์โดย doremefa เมื่อ 2010-5-27 23:17



    55555 พูดจาแอบติดเรทเนอะ
จดๆๆๆๆๆ ขอบคุณค่า
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-6-18 16:22:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แต่กินแล้วผิวใสจริง ๆ นะคะ เห็นกะตัวเองเลย ไม่กินมันจะคล้ำ ๆๆๆ
ถามหน่อยค่ะ..
แล้ววิตตามินซีนี่ยี่ห้ออะไรอ่ะคะ หรือว่ากินตัวไหนก้อได้
ไม่เคยกินเลยอ่ะค่ะแล้วก็ไม่ค่อยทานผลไม้ด้วย-*-
ผมว่ายี่ห้ออะไร ก็ไม่ได้ต่างกันมากนะครับ เล็กๆน้อย เอาความสะดวกเราดีกว่าครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้