|
แก้ไขล่าสุดโดย slimjene เมื่อ 2010-11-23 05:17
แผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ ส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรมด้วยค่ะ เป็นโรคที่ไม่เป็นอันตรายแต่ทำลายความสวยงามโดยตรง ตอนนี้ยังไม่มีวิธีใหนรักษาให้หายขาดได้ค่ะ ต้องอาศัยการทำใจไว้เลยค่ะ วิธีการรักษาก็แล้วแต่ตำแหน่ง บาดแผลพยาธิ และดุลพินิษของแพทย์ค่ะ ยิ่งเกิดในตำแหน่งที่ตึงของผิว เช่น หู หรือ หัวไหล่ ยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ
การรักษาอาจควบคู่ไปกับ การฉีดเสตียรอยด์,แปะเจล,ผ่าตัด,จี้เย็น,ฉายรังสี,ทายา(จริงๆไม่ได้ช่วยเยอะเลยค่ะ แค่ให้หายคันเท่านั้น อย่าเชื่อคำโฆษณาเลยค่ะ) วิธีทั้งหมดนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ
สำหรับรอยแผลของคุณ เกิดที่เปลือกตา และมันก็ไม่ได้นูนอะไรมาก ดิฉันแนะนำว่าอย่าไปยุ่งอะไรกะมันเลยค่ะ แต่อาจจะใช้การทาเพื่อแก้คัน เพราะยิ่งเกาก็ยิ่งปูดเหมือนกัน หรือถ้าไปผ่าตัดแล้ว มันจะทำให้รอยแผลปูดใหญ่น่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม ถ้าฉีดคุณก็ต้องฉีดตลอด ถ้าหยุดฉีด แผลมันก็จะกลับมาคันและปูดเหมือนเดิมค่ะ ที่สำคัญเจ็บมากๆ ต่อนี้ไปถ้าคุณรู้แล้วว่าผิวของคุณง่ายต่อการเป็นคีลอยด์ แนะนำว่าให้งดการถูกของมีคมหรือการเกิดบาดแผลของผิว การสักหรือการเจาะส่วนต่างๆของร่างกาย เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลยนะค่ะ ถ้าเป็นคีลอยด์มาแล้วไม่คุ้มอย่างมากเลยค่ะ
ตอนนี้ข่าวออกว่า นักศีกษาปอโทของมหาลัยมหิดล ทำวิจัยเรืองการรักษาคีลอยด์ทางพันธุกรรมได้สำเร็จ ดิฉันก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด หวังว่าสักวันหนึ่งทางเทคโนโลยีการแพทย์จะหาทางรักษาโรคคีลอยด์ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบกับปัญหานี้ เคยผ่าตัดแผลเป็นปูดคีลอยทีหูมาแล้ว และยังเป็นแผลเป็นใหญ่ที่หัวไหล่อีก ตอนนี้ก็ได้แต่ฉีดยาประทังมาเกือบ5ปีเพื่อไม่ให้มันปูดขึ้นมา ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ อย่ากังวลเลย ใหนๆมันก็เกิดขึ้นแล้วเราก็ค่อยๆแก้ไขกันไปนะค่ะ มีอะไรพูดคุยกันได้จ้า
ป.ล ผิดถูกก็ขออภัยด้วยนะค่ะ เพราะเป็นความรู้ที่เคยศึกษามาบวกกับประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ :)
ลิงค์ของข่าวhttp://www.bangkokbiznews.com/ho ... B8%94%E0%B9%8C.html |
|