|
กรด (m-Tranexamic Acid)
-- มีผลต่อการรักษารอยแผลเป็นจากสิว ลดริ้วรอย สร้างความยืดหยุนให้ผิว
-- เป็นอาหารของเซลล์ สร้างพลังงานให้เซลล์
-- ช่วยในการผลัดเซลล์ แก้ไขโครงสร้างของเนื้อเยื้อ และอวัยวะ
-- ป้องกันไม่ให้เซลล์เสื่อมสภาพเพราะถูกทำลายจากความเครียด
ความเข้าใจเกี่ยวกับ ทรานซามิค (Tranexamic Acid)
-- กรดทรานซามิคถูกพบ และใช้โดยคนญี่ปุ่นเป็นเจ้าแรก เพื่อผิวขาว และมันเงา โดยผสมลงในเครื่องสำอางค์หลายตัว
ซึ่งตามปกติเซลล์เมลานิน จะมีเอนไซม์ Tyrosine เป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลดำ
กรดทรานซามิคจะไปยับยั้ง Tyrosine ด้วยการปิดกั้นไม่ให้สังเคราห์เซลล์เมลานินออกมาเลย เพราะจะไปควบคุมการทำงานของเซลล์ผิวหนังทั้งหมดไว้
และเนื่องด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นต้นตอของการเกิดเมลานินจากภายนอก
-- ความสามารถของกรดทรานซามิค มีดังนี้
1.) ลด และไม่สร้างเซลล์เม็ดสีน้ำตาล หรือน้ำตาลดำ ออกมาเลย
2.) ป้องกัน และรักษาโรคผิวหนังไหม้แดด เช่น กระแดด ผิวไหม้คล้ำจากรังสีอัลตราไวโอเลต และผิวเสียจากการใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ และยาเสพติด
3.) กำจัดจุดด่างดำเนื่องจากการสัมผัสแสงแดด
4.) ป้องกันการอักเสบของผิวหนังจากการถูกแสงแดด.
5.) รักษาอาการผิวหยาบจากการถูกรังสี UVA/UVB มลพิษ หรือปัจจัยภายนอกอื่นๆ
6.) ควบคุมไม่ให้ผิวสร้างเมลานิน จากการถูกรังสีอัลตราไวโอเลต
7.) ป้องกันการสะสมของเมลานิน
8.) หยุดกระบวนการ melanocyte tyrosinase ทำให้แก้ปัญหาผิวอักเสบจากการถูกรังสีอัลตราไวโอเลต
-- การใช้กรดทรานซามิคในการผ่าตัด มีไว้เพื่อ บรรเทาอาการของแสงเลเซอร์ทุกชนิดอันเป็นกระบวนการอักเสบจากการถูกรังสีจากแสงเลเซอร์ (กระบวนการ Phototherapy)
-- กรดทรานซามิคยังมีผลว่าสามารถรักษา เกลื่อน จุดด่างดำ และผิวไหม้ได้ดีที่สุดอีกด้วย
-- รอยแผลเป็นจากสิว และรอยสีดำจากแผลเป็นสิว จะค่อยๆ ถูกฟอกจนหลุดลอกออกมาทีละนิดจนหมด แต่ยังแก้รอยหลุมไม่ได้ เว้นแต่รอยหลุมที่แปลยังไม่หายดี
-- กรดทรานซามิคสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันอาการแพ้แสงแดดได้ด้วย
***ข้อพึงระวังในการใช้ กรดทรานซามิค
-- ไม่ควรใช้เกิน 250 mg ต่อ สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบการเผาผลาญพลังงานของแต่ละคน)
-- กรดทรานซามิคจะได้ผลหากถูกฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเท่านั้น [intravenously (IV)]
-- การใช้กรดทรานซามิค ห้ามใช้ร่วมกับ ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิด และฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) เพราะกรดทรานซามิคจะถูกทำลายในทันที
-- ห้ามใช้กับสตรีที่ให้นมบุตร และผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้วิตามินในการฉีดยาด้วย
|
|