ดั้งโด่งดอทคอม
ชื่อกระทู้:
ฉีดแล้วขาว แต่พอดูผลเสียแล้วมันไม่คุ้มกันเลย T T
[สั่งพิมพ์]
โดย:
l3.o.o.n.n.y
เวลา:
2010-4-28 16:04
ชื่อกระทู้:
ฉีดแล้วขาว แต่พอดูผลเสียแล้วมันไม่คุ้มกันเลย T T
ยันไม่ช่วยแก้ผิวดำ
ด้าน อย.สั่งตรวจสอบ
ศ.นพ.นิวัติ พลนิกร ประธานวิชาการสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ กล่าวว่า ขณะนี้มีคลินิกเสริมความงามหลายแห่งนำกลูตาไธโอนมาฉีดเข้าร่างกายให้ลูกค้า โดยอ้างว่าจะเปลี่ยนผิวให้ขาวผ่อง สว่างเรืองแสง มีการโฆษณาทั้งทางวิทยุและใบปลิว ซึ่งตามข้อเท็จจริงทางการแพทย์นั้น สารกลูตาไธโอนมีไว้รักษาผู้ป่วยโรคภูมิต้านทาน ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยสมองเสื่อมก่อนวัย เป็นสารที่ใช้กระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย
การที่ผิวคนไข้ขาวขึ้นเป็นเพียงผลข้างเคียงของการรักษาเท่านั้น ไม่เคยมีข้อมูลทางการแพทย์ว่าการฉีดสารกลูตาไธโอนจะแก้ผิวดำได้อย่างถาวร
และผลข้างเคียงที่อันตรายคืออาจ
ทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังและเซลล์รับแสงที่ดวง ตาเสื่อม
ศ.นพ.นิวัติ กล่าวต่อว่า หากนำสารกลูตาไธโอนมาฉีดเข้าร่างกาย โดยหวังผลให้ผิวขาวต้องใช้ยาในปริมาณที่สูงมากเพื่อให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีขาว ได้ ซึ่งจะมีอันตรายทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย
เ
พราะเซลล์สีถูกกดจากสารที่ฉีดก็จะสร้างเม็ดสีน้อยลง โดยเม็ดสีมีความจำเป็นในการป้องกันอันตรายจากแสงอัลตราไวโอเลต และเป็นองค์ประกอบสำคัญของจอตาในลูกตา การฉีดยาที่มีผลให้เม็ดสีลดลงส่งผลกระทบต่อจอตาและการรับแสงโดยตรง และเมื่อลดกระบวนการป้องกันอันตรายจากแสงอัลตราไวโอเลตเซลล์ก็จะเสื่อมเร็ว ขึ้น ผิวขาวมากเกินไปจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ที่สำคัญคือการฉีดสารชนิดนี้เข้าเส้นเลือดดำโดยตรงในปริมาณมากถือเป็นเรื่อง อันตรายมาก คนไข้อาจช็อกตายขณะฉีดได้ ซึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นมีรายงานเกี่ยวกับผู้แพ้ยาฉีดกลูตาไธโอนอย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งอันตรายขนาดเสียชีวิตได้ทันที หากแพทย์ไม่มีอุปกรณ์กู้ชีพเตรียมพร้อมไว้
"ปี ที่ผ่านมามีแพทย์ผิวหนังมาปรึกษาเรื่องนี้กับผมหลายคน มีการนำแผ่นใบปลิวของคลินิกเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งมาให้ดู รู้สึกตกใจมาก เป็นรูปเด็กผู้ชายมีผิวเรืองแสงขาวๆ ออกมา แล้วเขียนว่าเป็นผิวออร่าที่สว่างเรืองแสง เหมือนนางฟ้า เทวดา ราคาฉีดกลูตาไธโอนเข็มละ 3,000-5,000 บาท และต้องฉีดคอร์สละหลายเข็มเพื่อให้เห็นผล หมอรุ่นน้องบอกว่า มีดารามาฉีดกันเยอะแยะ รวมทั้งกลุ่มวัยรุ่นที่อยากผิวขาวใส ซึ่งวิธีการฉีดก็ต้องฉีดเข้าเส้นเลือดดำในปริมาณมาก เพราะถ้าฉีดเข้าใต้ผิวหนังจะไม่ดูดซึมพอให้ผิวเปลี่ยนสี ผมเข้าไปศึกษาการใช้สารกลูตาไธโอนในข้อมูลวิชาการการแพทย์และทางเว็บไซต์ ปรากฏว่า ไม่มีหลักฐานอ้างอิงจากสถาบันที่น่าเชื่อถือว่ามีการใช้สารชนิดนี้เพื่อทำ ให้ผิวขาว ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ มีแพทย์นำตัวอย่างกล่องยาที่ใช้ฉีดลูกค้ามาให้ดู ซึ่งมี 2 ชนิด คือ ของเยอรมนีและเวียดนาม และไม่มีการรับรองความปลอดภัยจาก อย. โดยเฉพาะของเวียดนามที่ดูน่ากลัวและไม่ปลอดภัยเลย" ศ.นพ.นิวัติ กล่าว
โดย:
l3.o.o.n.n.y
เวลา:
2010-4-28 16:04
แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวหนัง ยังกล่าวเตือนอีกว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนและรับรองผลความปลอดภัยในการใช้สารกลูตาไธโอนฉีดเข้า เส้นเลือดดำ และไม่เคยมีผลรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้ในต่างประเทศ ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าปริมาณที่เหมาะสมในการฉีดเข้าร่างกายคือเท่าไร จะสะสมเกิดพิษหรือเกิดผลข้างเคียงทำอันตรายให้ร่างกายในอนาคตอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผิวขาวคงอยู่ตลอดก็จะต้องเสียเงิน จำนวนมาก เพราะเมื่อหยุดฉีดผิวสีก็จะกลับไปเข้มหรือดำเหมือนเดิม ไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะต้องเสียเงินครั้งละหลายหมื่นบาท เพราะไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนผิวสีอย่างถาวร โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ต้องฉีดสารนี้อย่างต่อเนื่องนั้น
ร่างกายอาจได้รับอันตรายหรือผลข้างเคียงอื่นที่ไม่รู้ตัวได้ เช่น ตาพร่ามัว ผิวหนังเสื่อม
ทั้ง นี้ ข้อมูลวิชาการจากเว็บไซต์ทางการแพทย์ระบุว่า ร่างกายสามารถสร้างสารกลูตาไธโอนได้เองจากปฏิกิริยาชีวเคมีในเซลล์ทั่วไป แต่ส่วนที่สร้างสารกลูตาไธโอนนี้มากที่สุดคือ ตับ แพทย์จะฉีดสารนี้เฉพาะกรณีฉุกเฉินต่อชีวิต เช่น การฉีดเพื่อรักษากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพราะมีเส้นเลือดอุดตัน หรือฉีดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดระหว่างการผ่าตัด เพราะสารกลูตาไธโอนสามารถกระตุ้นการสร้างไนตริก ออกไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดได้ แต่การขยายตัวของเลือดจะทำให้เกิดความดันต่ำ และทำให้หัวใจเกิดปัญหาได้เช่นกัน
นอก จากนี้ ยังทำให้เกล็ดเลือดไม่จับตัวกัน เลือดหยุดช้ากว่าปกติ ส่วนความนิยมในการใช้สารกลูตาไธโอนเพื่อให้ผิวขาวขึ้นนั้น เกิดจากความพยายามที่จะให้สารชนิดนี้ไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี
เพราะสามารถกดการทำงานของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีได้ชั่วคราวซึ่งต้องฉีดเข้าเส้นเลือดดำจึงจะเห็นผล
แต่หากร่างกายได้รับสารกลูตาไธโอนมากเกินไป จะทำให้มะเร็งลุกลามได้เร็วกว่าปกติ เพราะเลือดสามารถไปเลี้ยงมะเร็งได้มากขึ้น และกระบวนการทำลายมะเร็งก็จะลดประสิทธิภาพลง
อ่านแล้วรู้สึกทำไมมันดีแต่ขาว T^T ผลเสียนี่เยอะเป็นเบือ ที่เน้นแดงๆไว้อยากให้คนที่ฉีดแล้วลองอ่านดูอ่าคะ
เอามาจาก
http://www.oknation.net/blog/Sp-Report/2007/11/27/entry-2
โดย:
karat
เวลา:
2010-4-28 18:41
ช่างมันเถอะ...สวยแค่ชาตินี้ชาติเดว 55+
ล้อเล่นน่ะค้าบ
โดย:
pumpui
เวลา:
2010-4-28 19:07
แอบเหงด้วยอย่างแวร๊งส์!!!!!
เหงคนใกล้ตัวที่ฉีดมาหมดเงินก้อแยะ....แต่ก้อยังเปงน้องดำดอทคอมอยู่ดี..
อย่าคิดริไปฉีดเปงดีที่สุด...ขอบอก!!!! นะเออ
[attach]39151[/attach]
โดย:
kurama
เวลา:
2010-5-1 10:45
ถ้าเปลี่ยนจากฉีดมาเป็นการใช้ AHA ลอกผิวแทนล่ะคับ
ผลมานจาเหมือนกันมะเนี๊ยะ...งืมๆ ใครรู้บ้าง
โดย:
pompamp
เวลา:
2010-5-6 15:51
ถ้าเปลี่ยนจากฉีดมาเป็นการใช้ AHA ลอกผิวแทนล่ะคับ
ผลม ...
ต้นฉบับโพสต์โดย kurama เมื่อ 2010-5-1 10:45
รู้จักพี่คนนึงลอกผิว แล้วแบบโดนแดด ผิวเป็นด่างๆหมดเลย น่ากลัวมาก
ฉีดดีกว่าค่ะ xD
โดย:
kurama
เวลา:
2010-5-7 19:25
จะขาวทั้งทีนี่ก็ลำบากเหมือนกันเนอะ
โดย:
lhospital
เวลา:
2010-8-20 18:20
เราเคยลอกๆๆๆ
ไม่ด่างนะ แต่ก็ เห้ออ....เหนื่อยใจไม่ดูแลก็กลับมาดำอ่ะ ลอกบ่อยๆๆผิวก็บ้าง
จะขาวทั้งทีมันลำบากจริงๆค่ะ เปลืองเงินด้วย
โดย:
estin
เวลา:
2010-8-21 03:14
อ่ะนะ ไมน่ากลัวจัง
โดย:
lovearmy
เวลา:
2010-9-24 22:36
จะเทค ก็ระวังกันหน่อยละกันครับ
โดย:
แทนไท
เวลา:
2010-9-25 04:16
ฉีดกลูต้าก็เหมือนตัดไส้ติ่งหนะครับ
โดย:
milkzii
เวลา:
2010-9-30 11:49
กำ เปรียบได้ไงเหมือนตัดไส้ติ่ง55
เริ่มกลัว อุส่าฉีดมาง่ะ
NCจะช่วยข้าได้มั้ย สาธุ ขาวๆๆ 55
โดย:
iamaorm
เวลา:
2011-1-9 09:14
เก็บรายละเอียด..
โดย:
mafirefire
เวลา:
2011-1-10 00:11
อยากฉีด พออ่านแล้ว ก็ แอบ ๆ กลัว แต่ม่ะเปงไร ลองดูสักตั้ง ขอขาวสัก 1-3 เดือน แล้วค่อยกลับสู่สภาพเดิมก็ยังดี คงไม่อยากขาวฉีดตลอดไป กลัวตายเหมือนกัลลลลล
โดย:
dream007
เวลา:
2011-2-28 00:04
นอร์ท คลินิก
ซ.พหลโยธิน 52 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
ติดต่อ (+66) 0-2972-6931 office 08.00 - 21.00
(+66) 0-86994-0006 dr. jenny 10.00 - 17.00
โดย:
โฟน
เวลา:
2011-4-29 20:48
แวะมาเก็มข้อมูลคะ
โดย:
fangjung777
เวลา:
2012-6-4 12:52
น่ากัวแต่อยากฉีด TT ดำทำไงได้
โดย:
kanangzarr
เวลา:
2012-6-4 13:50
Anaphylaxis
เป็นการแพ้ชนิดที่รุนแรงที่สุด หากรักษาไม่ทันก็เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต สาเหตุที่สำคัญได้แก่อาหาร เช่น ถั่วต่างๆ อาหารทะเล ปลา กุ้ง ไข่ รวมทั้งเหล็กในจากผึ้ง และต่อ มดแดง
กลไกการเกิด เมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ครั้งแรกร่างกายก็จะสร้างภูมิต่อสารนั้นโดยมากเป็นชนิด IgE เมื่อร่างการได้รับสารก่อภูมิแพ้อีกครั้งก็จะเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้น
อาการของโรค
อาการของแพ้ชนิดนี้จะเกิดอาการทุกระบบโดยเฉพาะผิวหนัง ทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนและหลอดเลือด ตา คุณควรจะสงสัยหากอาการต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นในเวลาเป็นนาที หลังจากที่คุณได้รับสารก่อภูมิแพ้
• อาการเริ่มต้นจะมีบวมและคันบริเวณที่ได้รับสารภูมิแพ้ เช่น หากได้รับอาหารที่แพ้ จะมีอาการ บวม คันปากและคอมีอากาปวดท้องและถ่ายเหลว
•ถ้าเกิดจากแมลงกัดต่อยก็จะมีอาการบวมและคันบริเวณที่ถูกกัด
•มีผื่นลมพิษลามทั่วตัวโดยอาจจะเริ่มที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ศีรษะ ผื่นจะลามทั้งตัวและคัน หนังตา รอบปากจะบวม ผิวหนังจะแดง บางคนอาจจะมีหนังตาบวม ปากบวม
•รู้สึกเหมือนมีก้อนในคอ เสียงแหบเนื่องจากกล่องเสียงและสายเสียงบวม laryngeal edema
•หลอดลมตีบทำให้หายใจลำบาก ผู้ป่วยจะกระสับกระส่าย
• ความดันโลหิตต่ำ หน้ามือเป็นลม และในที่สุดผู้ป่วยจะหมดสติภายในไม่กี่นาที
•อ่อนเพลีย ชีพขจรเร็ว
อาการอื่นๆที่อาจจะพบในผู้ป่วยที่แพ้
•อาการทางระบบหัวใจได้แก่ เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
•อาการระบบทางอาหาร แน่ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
•อาการระบบทางเดินหายใจ คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม หายใจเสียงดังพูดลำบาก กลืนลำบาก
•อาการทางปอด ไอ แน่หน้าอก หายใจมีเสียงหวีด
•อาการทางผิวหนัง ลมพิษ หนังตา ปากจะบวม
ถ้าหากคุณหรือสมาชิกในครอบครัวเป็นภูมิแพ้ชนิดรุนแรง คุณจะต้องเตรียมพร้อมยาที่จำเป็นและวิธีป้องกัน
สารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้
สารที่สามารถทำให้เกิดแพ้ชนิดนี้ได้แก่
1.ยาได้แก่ยา penicillin sulfonamide ยาสลบ insulin
2.วัคซีนโดยเฉพาะผู้ที่แพ้ไข่ขาว หรืออาจจะแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
3.ยาง
4.เลือดและส่วนประกอบของเลือด
5.แมลงกัดต่อย เช่นผึ้ง ต่อ มดแดง
6.สารจากอาหารก่อให้เกิดภูมิชนิดนี้บ่อยที่สุด ได้แก่ นม ไข่ ถั่ว แป้งสาลี ถั่วเหลือง ปลา
7.สารถนอมอาหาร เช่น sulfite ที่มีในอาหารมักดอง สุรา มันฝรั่ง
8.การออกกำลังกาย
ระยะเวลาตั้งแต่ได้รับสารภูมิแพ้จนกระทั่งเกิดอาการกินเวลาไม่กี่นาที แต่บางคนอาจจะเกิดอาการหลังได้สารนั้น 2-3 ชั่วโมง
โดย:
kanangzarr
เวลา:
2012-6-4 13:58
ข้อมูล จาก http://www.siamhealth.net/ (พอดีอยากรู้ว่า "ซึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นมีรายงานเกี่ยวกับผู้แพ้ยาฉีดกลูตาไธโอนอย่างรุนแรง (Anaphylaxis)" มันคือ อะไรเลยถามพี่ กู ดู เว็บนี้เขาบอกไว้ แบบนี้อะครับ
โดย:
Pinkmaya
เวลา:
2012-6-4 22:27
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Pinkmaya เมื่อ 2012-6-4 22:29
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Pinkmaya เมื่อ 2012-6-4 22:28
การที่ผิวคนไข้ขาวขึ้นเป็นเพียงผลข้างเคียงของการรักษาเท่านั้น ไม่เคยมีข้อมูลทางการแพทย์ว่าการฉีดสารกลูตาไธโอนจะแก้ผิวดำได้อย่างถาวร และผลข้างเคียงที่อันตรายคืออาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังและเซลล์รับแสงที่ดวง ตาเสื่อม
หมายถึงว่า
ผลข้างเคียงของกลูต้าไธโอนไปยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสี โดยต้องใช้แบบโอเวอร์โดส ถ้าไม่เกินจะไม่เกิดผล เพราะจะไปช่วยแค่ล้างพิษในตับ ต่อต้านอนุมูลอิสระเท่านั้น
เซลล์เม็ดสีช่วยป้องกันรังสี และพิษจากแสงแดด การที่เซลล์เม็ดสีมีน้อยจากกลูต้า ทำให้ผิวหนังโดนแสงได้ตรงๆ จึงเกิดมะเร็งผิวหนัง
และเซลล์เม็ดสีนัยย์ตา ทำให้จ้องมองแสงตรงๆ ไม่ได้ ทำให้นัยย์ตาเสื่อม
ผู้แพ้ยาฉีดกลูตาไธโอนอย่างรุนแรง (Anaphylaxis)
หมายถึงว่า
ผู้ที่ไม่สามารถรับยา L-Glutathione ได้ เพราะตัว L หมายถึง สารที่ถูกสร้างขึ้นทดแทนสารธรรมชาติของ Glutathione ทั้งนี้ขึ้นกับว่า กลูต้าไธโอนถูกสร้างขึ้นจากอะไร
ในทางการแพทย์ผู้ที่แพ้ Glutathione ยังรวมถึง แพ้ วิตามินซี สารอาหารกลุ่มวิตามินด้วย เช่น สาร OPC เมล็ดองุ่น เป็นต้น
การที่ไม่มี อ.ย.
หมายถึงว่า
บริษัทที่ผลิตยา ไม่ได้มีการส่งเข้าขอเลข อ.ย. เพราะเห็นเป็นเรื่อง นาน และเสียเวลา
การผลิตยา จำเป็นต้องส่งตรวจ และขอเลข อ.ย. แต่ที่กลูต้าไม่ผ่าน อ.ย. เพราะไม่มีการส่งเข้าไปขอเลข อ.ย.
ไม่ได้หมายความว่า มีการส่งไปแล้วไม่ผ่าน อ.ย.
อีกทั้งการได้รับ อ.ย. จะต้องใช้เวลา สรุปผลว่า ยากลูต้าฉีดแล้วขาวขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งใช้เวลานานเกินหลายปี
จึงไม่ค่อยมีบริษัทที่นำเข้า ส่งเข้าไปขอ อ.ย.
อย่า มอง แค่ ประเด็นเดียว ทุกอย่างมีข้อดี และข้อเสีย
หรือว่าไม่จริง
ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com:8080/)
Powered by Discuz! X3.2