สวัสดีค่าทุกคนนนนน ที่เห็นภาพล่างนั้นจมูกพิพลอยแบบไร้การเสริมแต่งใดๆ นั้นเอง สมัยนั้นยังวัยรุ่นใสใสอยู่เลยอ่า ก็ทำได้แค่ดัดฟันไป พอเข้ามหาลัยก็แอบที่บ้านไปถอยจมูกจ้า เริ่มจากเบสิคๆ คือเสริมจมูกซิลิโคนตามคนแถวบ้าน ที่เราเห็นว่าเค้าทำออกมาแล้วสวย ก็ไปถามเค้าจนได้คอนแทคไปทำสมใจ ตอนนั้นด้วยความที่ยังเด็กอยู่ด้วย ข้อมงข้อมูลหรอ ไม่มีค่า เค้าว่าดีเราทำตาม
“อยากเสริมจมูกรอบแรก”
ตอนที่เราไปทำที่คลินิกนี่เป็นแบบปรึกษาแล้วทำเลยค่ะ จ่ายไปประมาณ 12,000 ได้ เป็นเสริมซิลิโคนธรรมดา ได้คุยกับคุณหมออยู่ประมาณ 5 นาที เค้าบอกว่าเราเนื้อน้อยนะ อาจเสริมได้ไม่โด่งมาก เพราะหนังที่ตรงจมูกก็บาง ถ้าเสริมเอาแบบสวยๆปลายจะไม่ไหว แต่ด้วยตอนนั้นยังเด็กก็เลยตัดสินใจทำทันที ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอะไรเลยค่ะ
“วินาทีตอนเสริมจมูก...”
ตอนนั้นมือสั่นเหงื่อออกเต็มมือเลย แล้วก็เจ็บตอนฉีดยาชามากด้วย ได้ยินคุณหมอบอกว่า “ฉีดยาชานี้ดเดียวน้า ไม่เจ็บๆ” TT แต่น้ำตาเรานี่ไหลพรากเลย แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ มีรู้สึกว่ามีอะไรมากึกกักที่จมูกแค่นั้นแล้วความรู้สึกตอนทำมันนานมากๆ พอคุณหมอบอกว่าเสร็จแล้วเราลืมตาขึ้นมาดูนาฬิกา เอ้าผ่านไปแค่ 20 นาทีเอง หลังจากตั้งสติได้ขอบอกความรู้สึกแรกก่อนว่าปวดตึบที่จมูกเลยค่ะ แบบความรู้สึกตุบๆ เหมือนโดนต่อยที่จมูก(ประมาณนั้น 5555)
ช่วงนั้นด้วยความที่มันเป็นครั้งแรกของเราก็ไม่ค่อยดูแลอะไรมากหรอกค่ะ แค่ไม่จับจมูกเล่นแล้วกินยาตามที่หมอบอกก็พอ จมูกตอนนั้นไม่ค่อยช้ำและก็บวมไม่เยอะค่ะ น่าจะเพราะคุณหมอไม่กระทุ้งแรงมาก เลยไม่ค่อยช้ำ แต่ก็ไม่ค่อยได้ปลื้มจมูกใหม่อะไรมาก ทำไมน่ะหรอ เพราะมันไม่ค่อยโด่งน่ะสิคะ ทำมาเหมือนไม่ได้ทำ มันดูธรรมชาติมากกกกกก มากเกินไปด้วยซ้ำ
“ตัดสินใจแก้จมูก”
เราก็เป็นมนุษย์เพศหญิงเนาะ เสียเงินแล้วทั้งที เสริมจมูกแล้วไม่โด่งแล้วมันไม่ใช่อ่า เราก็เลยหาที่ทำใหม่คราวนี้ขอที่เค้าบอกว่าดัง ว่าเด็ด ไกลแค่ไหนเราก็ไป สรุปได้เสริมที่คลินิกนึงแถวทองหล่อ มีชื่ออยู่พอสมควร เราเห็นพริตตี้ไปทำกันเยอะ เราก็นัดคิวเข้าไปปรึกษาค่ะ ที่นี่ก็นัดปรึกษาแล้วทำเลยเหมือนกัน ช่วงที่ปรึกษากับคุณหมอเค้าบอกเรานะว่าหนังเราบางมาก แต่คุณหมอจะเสริมซิลิโคนแล้วรองปลายซิลิโคนด้วยกระดูกอ่อนหลังหูเพื่อป้องการทะลุให้ด้วย ค่าเสียหายอยู่ที่ 45,000 รวมแก้ ตอนนั้นทางคุณหมอและเซลล์ก็เชียร์ให้เรามาแก้จมูกกับเค้า แถมบอกว่าทำครั้งนี้โด่งพุ่ง ไม่ทะลุแน่นอน เราเลยโอเคที่จะเสริมจมูกกับที่นี่ค่ะ
“เสริมจมูกครั้งก็ว่าเจ็บ...ครั้งที่ 2 ...เจ็บกว่า”
เสริมจมูกครั้งนี้ไม่กลัวเท่าครั้งแรกแล้วค่ะ เพราะรู้ว่ามันไม่มีอะไรมาก ครั้งนี้ทำนานกว่าครั้งแรก น่าจะเพราะต้องเอากระดูกอ่อนหลังหูมาทำด้วย อยากบอกว่าตอนทำรอบนี้เจ็บกว่ารอบแรกมาก เพราะต้องฉีดยาชาถึงสองรอบ พอทำเสร็จมีแผลสองที่คือที่ในจมูกและหลังหูด้วย รอบนี้เราดูแลดีหน่อยเพราะมีแผลหลายจุด พอครบอาทิตย์เราก็ไปตัดไหม ตอนนั้นสันจมูกสูงโด่งพุ่งมากค่ะ แต่พอจมูกเริ่มรัดแกนก็เห็นทรงชัดขึ้น ช่วงนั้นแฮปปี้ดี๊ด๊ากับจมูกใหม่มาก เริ่มแต่งตัวแต่งหน้ามากขึ้น สนุกกับการแต่งหน้าแต่งตัวมากค่ะ
อันนี้ซิลิโคนอันเก่า คุณหมอให้เก็บมาดูเป็นที่ระลึก
ช่วงที่ทำเสร็จใหม่ๆ ค่ะ ปลายจมูกมนสวย ปลายพุ่งดีมากค่ะ
อันนี้ตอนปรึกษากับคุณหมอเบนซ์ เค้าก็บอกข้อดีข้อเสียให้ฟังว่าต่างกันยังไง
ราสรุปให้เห็นภาพแบบง่ายๆ นะคะ
เสริมจมูกซิลิโคน+กระดูกอ่อนหลังหู
-ข้อดี
1.ช่วยให้ปลายจมูกมีหยดน้ำสวย
2.กระดูกอ่อนหลังหูเป็นวัสดุธรรมชาติทำให้ไม่เกิดพังผืดที่ปลายจมูก
-ข้อเสีย
1.ไม่ได้ช่วยกันจมูกทะลุได้จริงๆ แค่ลดโอกาสเสี่ยงได้บ้าง
2. กระดูกอ่อนจะติดไปในผิวหนังปลายจมูก ถ้าจะแก้ จะเอาออกต้องทำโอเพ่นเท่านั้น (แก้ยาก) ไม่งั้นเอาออกได้แต่ซิลิโคน
3.สำหรับคนที่เนื้อน้อย นานไปจะเห็นกระดูกอ่อนเป็นแผ่นๆ เหลี่ยมๆ ที่ปลายจมูกชัดจนทำใจไม่ได้
4.ต้องเจ็บตัว(หลายที่ หลายที) แต่ไม่จบ
เสริมจมูกแบบใช้กระดูกอ่อนกลางจมูก
ข้อดี
1.ช่วยให้ปลายจมูกโด่ง ยาว และมีสโลปที่สวยงามเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นกระดูกส่วนที่ตรงและบางที่สุด
2. มีเทคนิค สำหรับแก้ไขรูปร่างจมูกได้ทุกแบบ
3.ไม่มีการใช้ซิลิโคนปลายจมูกเป็นร่างกายเราเองทั้งหมด ไม่มีวันทะลุ
4.เป็นเทคนิคเฉพาะจากเกาหลี ที่คุณหมอในเกาหลีนิยมใช้ในการเสริมจมูก
ข้อเสีย
1.ต้องดูแลตัวเองดีๆหลังผ่าตัดเพราะแก้ไขไปถึงระดับโครงสร้างของจมูก
2.ต้องการเวลาพักฟื้นแน่ๆ 1-2 วัน
“ตัดสินใจจะแก้จมูกกับที่นี่”
พอเราตัดสินใจจะแก้จมูกกับที่นี่ ก็จะมีพนักงานมาบอกการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดค่ะ สำหรับจมูกรีคอนหมอเบนซ์ ไม่ได้เป็นแบบปรึกษาแล้วทำเลย แต่จะต้องปรึกษาก่อนแล้วค่อยนัดวันมาทำศัลยกรรมทีหลัง ก็พนักมาบอกเรื่องวิธีการดูแลไม่มีอะไรมากค่ะ ส่วนใหญ่จะให้งดของจำพวก แอลกอฮอล์, วิตามิน, อาหารเสริม และดูแลร่างกายให้แข็งแรงก่อนผ่าตัดค่ะ
เราก็ทำตามทุกข้อเลยค่ะ พอถึงวันทำอยากบอกว่าหิวนิดหน่อย เพราะอดข้าวอดน้ำตั้งแต่ก่อนนอน แต่เราได้เสริมจมูกจริงๆ ตอนเที่ยง ระหว่างนั้นก็มีพนักงานคอยมาคุยด้วยตลอด ให้เซ็นเอกสารเอายามาให้ชุดใหญ่มาก ก่อนเข้าห้องผ่าตัด เค้าก็ให้เราไปถ่ายรูปก่อนทำเก็บไว้เป็นหลักฐาน แล้วก็ไปใส่เสื้อคลุม หมวกคลุมหัว สุดท้ายต้องล้างหน้าด้วยค่ะ เค้าบอกว่าเพื่อป้องกันเชื้อโรคและการติดเชื้อในห้องผ่าตัดค่ะ พนักงานบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมากยิ่งเป็นการศัลยกรรมที่ใกล้หน้าเท่าไหร่ ยิ่งต้องสะอาดมากเท่านั้น
พอเราเดินเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอวิสัญญีแพทย์เค้าก็ถามว่าเรากินข้าวไปล่าสุดเมื่อไหร่ เราสูงเท่าไหร่หนักเท่าไหร่ เคยดมยาสลบมาก่อนมั้ยแบบนี้ค่ะ ซึ่งเราเคยดมยาสลบมาแล้ว เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ คุณหมอก็ให้เรานอนที่เตียง แล้วก็มีฉีดยาสักพักเราก็สลึมสลือแล้วหลับไปเลย ตื่นขึ้นมารอบแรกคือรู้สึกเหมือนมีคนเรียกชื่อ เราก็อึนๆ ลืมตามาแป๊ปเดียวก็หลับต่อค่ะ ตื่นมาจริงๆ อีกที ก็ตอนเข้ามาอยู่อีกห้องแล้วค่ะ ตื่นขึ้นมาเห็นมีพยาบาลมานั่งข้างๆ พี่พยาบาลก็เอาน้ำกับข้าวต้มมาให้กินค่ะ ตอนนั้นแบบเหมือนขึ้นสวรรค์เพราะตอนตื่นมามันมึนๆ อึนๆ เจ็บๆ แต่พอได้กินของร้อนๆ แล้วมันโล่งค่ะ รู้สึกดีขึ้นมาเลย พอกินเสร็จได้ซักพัก ก็กลับบ้านค่ะ พนักงานก็เอายาเอากระเป๋ามาให้ แล้วก็เรียกแท็กซี่ให้เราด้วย
พี่พนักงานถ่ายให้ตอนเรานอนพัก น่ากลัวมาก
ก่อนกลับก็ถ่ายรูปไว้อีกรอบค่ะ ตอนนั้นพูดอู้อี้มาก
“หลังแก้จมูกแล้วนั้น...”
กลับมาถึงบ้านตอนเย็นๆ แต่ด้วยความที่มันมึนมาก เราก็นอนต่อเลยค่ะ แต่นอนราบก็ไม่ได้เพราะกลัวเลือดมันค้างในจมูก แต่ด้วยความมึนของเราจะไปซื้อที่หนุนคอก็ไม่ไหว เราเลยเอาหมอนมาหนุนหลังเยอะๆ แทน ตื่นมาอีกครั้งก็บ่ายๆ ของอีกวันแล้วค่ะ ช่วงนั้นเราก็กินโจ๊ก 3 มื้อเลย เพราะมันไม่อยากกินอะไรแข็งๆ หรือเผ็ดๆ เลย มันแบบไม่อยากแสบจมูกน่ะค่ะ พอเข้าวันที่ 3 ก็เริ่มกินข้าวปกติแต่เป็นแบบพวกอาหารที่รสไม่จัด พวกผัดผัก ต้มจืด ประมาณนี้ค่ะ ส่วนเรื่องดูแลเราจะประคบเย็นที่ช่วงแก้มข้างๆ จมูกแทนค่ะ ไม่กล้าเอาคลูเจลมาวางตรงจมูกตรงๆ เพราะกลัวมันเบี้ยว
โดย: piploy_charoon
เวลา: 2017-8-8 18:27
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย piploy_charoon เมื่อ 2017-8-8 18:48
“ติดตามผล...”
ช่วง 7 วันแรกเป็นอะไรที่จมูกอ่อนแอมาก ถ้ายังไม่ถอดเผือก เราไม่จับจมูกเด็ดขาดเลยค่ะ เรื่องการทำแผลเราก็เข้าคลินิกให้ที่คลินิกทำแผลให้เพราะเรารู้สึกว่าการแก้จมูกครั้งนี้เป็นงานใหญ่และเซนซิทีฟมาก เราให้พยาบาลดูแลแผลให้น่าจะดีกว่าเราเข้าคลินิกไปทุกวันเลย พอแก้จมูกครบ 7 วัน ต้องไปเอาเฝือกออก จมูกก็เป็นทรงดีแล้วแต่คุณหมอแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปบิดหรือแตะต้องมาก ต้องระวังการโดนกระแทกที่จมูกด้วย แล้วทางคลินิกก็ให้ถ่ายภาพไว้ด้วยค่ะ จากที่ดูก็ยังมีช้ำแดงๆ อยู่ ตรงหัวตา เราลองแตะที่จมูกดูก็ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ยังไม่กล้าจับเต็มๆ ค่ะ แล้วคุณหมอก็ให้มาติดตามผลตอน 1 เดือนเพื่อมาดูอาการอีกที
ช่วง 1 เดือนแรก มีคนทักมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นตอนโพสรูป หรือ Live ก็จะมีคนมาถาม หรือชมจมูกตลอดเลยค่ะ ว่าดูสวย ดูธรรมชาติ ที่สำคัญตอนแรกปลายจมูกเรามันดูแหลมๆ เชิดๆ ตอนนี้จมูกเราดูสโลปและมีปลายหยดน้ำ เหมือนสาวเกาหลีเลยค่ะ เวลาไปถ่ายงานเค้าก็บอกว่ารู้สึกว่าหน้าดูละมุนขึ้น ดูหวานขึ้น คือตอนเสริมจมูกซิลิโคนก็หน้าคมดี แต่พอแก้จมูกแล้วก็หน้าดูหวานไปอีกแบบเลยค่ะ ตอนครบ 1 เดือนเราก็ไปคุยกับคุณหมออีกรอบ คุณหมอก็เช็คเนื้อจมูกและปลายจมูกว่ามีปัญหาอีกหรือเปล่า ซึ่งจากที่เช็คเสร็จก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ จมูกไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณหมอบอกว่าจะแก้ปลายจมูกเพิ่มให้อีกนิดหน่อยนะ เราก็งงนะตอนนั้นแบบทำไมต้องแก้เพิ่มด้วยล่ะ จมูกก็สวยดีแล้วนิ คุณหมอก็เลยบอกว่าตอนนี้เนื้อจมูกมันยังบางอยู่ถ้าไม่แก้ก็อาจจะทำให้มีปัญหาได้ในอนาคต คุณหมอขอให้เนื้อจมูกมันสร้างใหม่อีกนิดรออีกซัก 3 เดือน รอให้เนื้อจมูกมีเยอะกว่านี้แล้วแก้ใหม่จะดีกว่า
ก่อนแก้จมูก และหลังแก้ด้วยกระดูกอ่อนกลางจมูก1 เดือนค่ะ
“สุดท้ายแล้ว...”
เราขอฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ไว้ให้สาวๆ กันด้วยและหวังว่าจะทำให้คนที่คิดจะเสริมจมูกได้ประโยชน์กันบ้างนะคะ เพราะตอนแรกๆ ที่เราไปเสริมจมูกเราก็ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเหมือนกัน ได้แต่ถามจากคนที่เคยเสริมจมูกไปแล้วว่าต้องดูแลยังไงบ้างแค่นั้นเองค่ะ ขอให้คนที่คิดอยากจะเสริมจมูกนะคะว่าหาข้อมูลเยอะๆ การเสริมจมูกสำคัญมากนะคะ ถ้าเสริมไปแล้วไม่ดีต้องแก้ใหม่ เนื้อจมูกเรามันก็จะบางลงเรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดีเลยค่ะ อย่างเรากว่าจะได้แก้จมูกก็เก็บเงินอยู่ตั้งนานถ้ารู้ว่าคุณหมอใจดีแบบนี้เราไม่เก็บเงินให้เสียเวลาหรอกค่ะ 5555 ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนด้วยนะคะ
โดย: Khun_f
เวลา: 2017-8-10 22:40
ชอบพี่พลอยตั้งแต่สมัยยังมาไม่ไกลขนาดนี้ ตอนแรกก็คิดว่าสวยอยู่แล้วนะคะ
แต่พอมาแต่งเติมก็ยิ่งสวยเข้าไปอีก ดีใจมากที่ได้มาอ่านประสบการณ์ดีๆแบบนี้
พี่พลอยเป็นหนึ่งในใจแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย สวยมากค่ะ
โดย: piploy_charoon
เวลา: 2017-9-5 19:06
ขอบคุณมากนะคะ ดีใจมากเลย
ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com:8080/) |
Powered by Discuz! X3.2 |