ดั้งโด่งดอทคอม

ชื่อกระทู้: เห็นคนมีปัญหาเรื่องจมูกก็มากช่วงนี้..ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยนะคะ [สั่งพิมพ์]

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 16:01
ชื่อกระทู้: เห็นคนมีปัญหาเรื่องจมูกก็มากช่วงนี้..ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยนะคะ
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคะว่าที่ทำกระทู้นี้ขึ้นมา..เนื่องจากอยากจะแชร์ประสบการณ์
ที่เราได้รับมาให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่นที่อยากจะทำจมูกค่ะ..ซึ่งตอนนี้เราได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว..แต่เราก็ยังจำได้ทุกอย่าง

ปล. ไม่ได้อยากจะโจมตีหรืออะไรนะคะ..แต่อยากแชร์ประสบการณ์แก่ผู้ที่มีปัญหาและกำลังจำทำจมูกค่ะ...


   เรื่องมีอยู่ว่า  เราเคยทำจมูกครั้งแรกที่คลีนิคแถวแยกแคราย(เมื่อราว 2 ปีก่อน) ราคร 8000 บาทสำหรับเรา
ตอนนั้นเราคิดว่าช่างเป็นที่ทำที่ถูกจริงและก็ดังอีกต่างหาก (แน่นอนว่าตอนนั้นเราไม่ได้หาข้อมมูลเกี่ยวกับสิ่งนี้เลย) เราก็ไปทำที่นี่
ทำมาใหม่ๆ..บวมมาก...มากๆๆๆๆๆ....ซึ่งเราบอกหมอว่าขอโด่งแบบธรรมชาติ...การทำมาไม่มีปัญหาอะไร..จนกระทั่งผ่านไป 3 เดือน..
เราโดนเด็กน้อยเอาหัวโหม่งใส่ข้างจมูก (ประหนึ่งหน้าตรูเป็นลูกฟุตบอล)...ความเจ็บไม่ต้องบรรยายค่ะ...แต่จมูกตอนนั้นก้ไม่มีปัญหาอะไร..
จนเข้าเืดือนที่ 4 ..เรารู้สึกว่าขาของซิลี่ที่ปลายจมูกมันเอียงค่ะ..แล้วปลายแหลมๆที่ขามันก็ทิ่มที่ปลายจมูก..ทำให้ปลายจมูกนูนและแดง
เหมือนมีสิวอักเสบอยู่ที่ปลายจมูก และบริเวณจมูกก็เริ่มบวมเป็นระยะๆโดยไม่ทราบสาเหตุ....แบบว่าเดือนนึงบางทีจู่ๆมันก็จะบวมขึ้นมา
เหมือนเพิ่งทำจมูกได้ 5 วัน.....แล้วประมาณ 2 วันมันก็จะหายไป...เป็นแบบนี้อยู่ 3 เดือนที่เราเพิกเฉยปล่อยอาการแบบนี้ทิ้งไว้..
จรในที่สุด..เข้าเดือนที่ 7 กว่าๆของการทำจมูก..เราก็ตัดสินใจอยากจะแก้จมูก...โดยเข้าไปหาข้อมูลในเน็ท..ก็ไปเจอเว็บไซด์หนึ่ง..
ซึ่งเจ้าของเว็บไซด์เค้าไได้ไปทำจมูกจากที่ร้านตรงสถานีบางจากมา..ซึ่งเค้าบอกว่าแทบไม่บวมไม่ช้ำเพราะหมอมีเทคนิคในการ
ดูเอาเลือดและน้ำเหลืองระหว่าการผ่าตัดออกมาทำให้ช้ำบวมน้อยมาก....และก็กล่าวเพิ่มเติมว่า..หมอเค้าดูโหงวเฮ้งจากที่ใบหน้าเพราะ
ท่านได้ศึกษาทางด้านนี้มา..จึงสามารถทำจมูกให้เหมาะกับใบหน้าได้......แถมเค้าทิ้งท้ายไว้อีกว่า..ถ้าไปแก้ตอนนี้..แล้งอ้างชื่อจากเว็บนี้
จะฟรีค่าแก้.....เอาซิคะงานนี้...ข้อเสนอช่างแสนเร้าใจจนดิฉันอดใจไม่ไหว...ก็เลยตัดสินใจไปที่คลีนิคนี้...

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 16:22
วัที่ไปปรึกษาหมอก่อนทำ..เราก้ได้บอกเล่าเรื่องความรู้สึกผิดปกติกับจมูกของเราดังนี้..
1. จมูกบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
2. ภายในจมูกเหมือนแผลมันไม่สมานดี(ทั้งที่ 7 เดือน!?) และยังเหมือนมีสะเก็ดบางอย่าง
3. ปลายซิลี่มันแทงปลายจมูกซึ่งทำให้แดงๆเหมือนสัญญาณไซเรน

บอกเล่ากับคุณหมอไป..หมอเค้าก็จับๆ ส่องๆ ตรวจๆ..แล้วก็ตอบมาว่า..ที่เดิมเค้าทำจมูกสั้นไปนะ..น่าจะยาว
กว่านี้อีกสักเซ็นนึง...พรุ่งนี้ช่วงเช้ามาแก้เลยละกัน............ปิดประเด็น!!!...
เราก้ได้แต่งงๆนิดหน่อย..แต่ตอนนั้นก้เบาใจว่า..เอ่อ..บอกหมอไปแระ..แต่หมอไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไร
แถมให้มาแก้พรุ่งนี้ได้เลยอีกต่างหาก..........เราก็สบายใจ..ลั่นล้ากลับบ้านไป..พร้อมโทรลางาน
สำหรับพรุ่งนี้เรียบร้อย.....

วันรุ่งขึ้นได้เวลาเฉาะซิลี่เก่าออก....หมอก้ให้เลือกทรงไป แล้วก้ไปล้างหน้าเตรียมขึ้นเขียง....หน้าก็เปียก
แอร์เป่าลงตรงเตียงพอดี..หนาวเหลือเกิน...เค้าจะเจาะเส้นเลือดก้หาเส้นไม่เจอเพระาหนาวจนเส้นหดหมด -*-
เค้าให้ยาเบลอ + ยาชา..แต่สติเราก็ยังคงอยู่เกือบครบ..หมอผ่าๆงัดๆไป..แล้วก็พูดขึ้นมาว่า..
"นี่จมูกมันติดเชื้อนิ..ยังทำให้ไม่ได้หรอก..อีก 3 เดือนค่อยว่ากันละกัน"...เราก็เบลอๆว่า..เหอ..อะไรนะคะ...
แล้วหมอก็ผละออกจากห้องไป..ให้พยาบาลผู้ช่วยสานงานต่อ...และทิ้งความอึ้งและอึ้งและงงกับเรา...
มันกระทันหันมาก..หมอก้ไม่ได้รอตอบคำถามของเรา..มีแต่พยาบาลที่คอยปลอบ....ยอมรับว่าตอนนั้นเราสติแตกมาก..
จากที่เคยมีจมูก(ซิลี่)..ก็จมูก(ซิลี่)หายไป..ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลย....ได้แต่ถามเหมือนคนบ้ากับพยาบาลว่า..
ทำเลยไม่ได้เหรอคะ...ไม่ได้เหรอคะ......พยาบาลก็คงสงสาร..ไม่รู้จะปลอบยังไง..เลยโทรโอนขึ้นไปถามหมอ..
สิ่งที่พยาบาลได้กลับมาซึ่งเราก้ได้ยิน (พวกเราพักอยู่ชั้นลอย..หมออยู่ห้องชั้นบน)..เสียงหมอกำลังวุ่นและส่งเสียง
ค่อนข้างดังไม่พอใจที่มาจู้จี้จุกจิก...เราก้เลยจุกนิดหน่อย..ก็เลยถอยทัพกลับบ้าไปตั้งหลัก....พอลงไปที่เค้าเตอร์ด้านล่าง
เราก็ถามขอเงินคืนก่อนได้ไหมคะ..เพราะยังไม่ได้ทำ..ต้องรออีกเป็น 3 เดือน..ขอคืนก่อนได้ไหมคะ...
พยาบาลเค้าก็ทำหน้าลำบากใจ...และตอบมาว่า..ไม่สามารถคืนให้ได้ค่ะ...แต่ถ้าคุณจะเอาคืนจริง..ทางเราจะหักลบค่าที่คุณเอาซิลิโคนออก 5000 บาท..(เหอ..ไหนว่าแก้ฟรี..แล้วทำไมหักตังค์ตรูล่ะ)....เราก็จุกรอบ 3 ..ก็ได้แต่ตาลอยๆ
กลับบ้านไปเหมือนคนโดนกระชากวิญญาณจากร่าง...

โดย: nininews    เวลา: 2010-5-29 16:27
แล้วตอนนี้เป็นยังไงมั่งค่ะ ดีขึ้นแล้วยังอ๊า
ดูแลตัวเองเยอะๆนะ เป็นกำลังใจให้ ^_^

แต่หมอ น่ากลัว !!
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 16:43
@ คุณ nininews ..ณ ปัจจุบันนี้ดีแล้วค่ะ..แต่เรื่องมันยังอีกนิสส์..ระทึกมากค่ะ..

เรากลับมาที่บ้าน..นั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดี..หมอก้ไม่ได้บอกเลยว่ามันเกิดจากอะไรและเพราะอะไร  ไม่ได้ให้คำปรึกษาว่าต่อไปหลังจากนี้จะเป็นไงมั่ง......จนผ่านไปประมาณ 4 วัน....แม่เจ้า!!!..ทำไมปลายจมูกดิฉัน
มันบุบลงไป...บุบแบบเหมือนแมลงช้างมาสร้างแอ่งหลุมเล็กๆตรงปลายจมูก..กรี๊ดแตกสิคะงานนี้...จากเดิมที่สติแตกอยู่แล้ว
เพราะไม่มีจมูก..คราวนี้มาเพิ่มความบุบตรงปลายอีก..ไม่กรี๊ดก้ไม่รู้จะเป็นไงแล้ว....ก็เลยโทรไปที่คลีนิค..ทางคลีนิคเค้าบอกว่ามันคงต้องบุบลงไปอยู่แล้ว..เพราะมันอักเสบตรงปลายน่ะค่ะ...เีราก็บอกว่าแล้วทำไมไม่บอกนู๋ตั้งแต่แรกล่ะคะว่ามันจะเป็นแบบนี้..เค้าก็เงียบไป........เราก็เสียใจมาก..พยายามเลียแผลใจก้ไม่หาย...จนกระทั่งวันที่ 11 ยอมค่ะ..
ตอายเป็นตาย...เอาจมูกมาใส่ให้นู๋ที....ไปที่คลีนิค..เราก็บอกกับหมอ....หมอก็มองหน้า..แล้วก็บอกว่า..
โอเค..จะทำให้ก็ได้.....

และวันที่สมประสงค์เราก็มาถึง...วันที่หมอจะทำจมูกให้เราแบบไม่เต็มใจเท่าที่ควร..
..หมอเค้าบอกให้เซ็นต์ยินยอมก่อนว่า..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทางคลีนิคไม่รับผิดชอบนะ..
เพราะคุณทำก่อนหมอกำหนด..เราก็บอก "I do"....

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 16:49
หมอก็คงปลงๆกับเราแหล่ะ...วันนั้นที่เราไปทำคนไปคลีนิคเยอะมาก..ส่วนมากเห็นเป็นต่างชาตินะ.."ฟิลิปปินส์ อินเดีย อะไรงี้"..คิวผ่าตัดหมอก็แยะ..จนผู้ช่วยเค้ามาถามเราว่ามาวันอื่นได้ไหม..เราก็ใจแป้วๆ(อีกแล้ว)..แต่ก็ช่วยไมได้...แต่จู่ๆ..เจอหมอ..หมอก็บอกให้รอแป๊ปนึง..
เดี๋ยวจะลัดคิวให้........โอ....ตอนนั้นดีใจมากแทบจะกระโดดจูบหมอทีเดียว..

ตัดตอนไปตอนขึ้นเขียงเลยละกัน...ฉับบบบบบ...


บนเขียง..ทุกอย่างก็เหมือนเดิม..รอหมอมา..หมอก็ฉีดยามึนให้....และอาการภาพหลอนก็
ปรากฏกายมาสวัสดีเราอีกแล้ว...อารมณ์ลอยๆเหลือเกิน...รู้สึกว่าหมอก็เหลาซิลิโคนไป..
ใจเย็นเหลาๆ..ๆ..ๆ.....รู้สึกนาน..จน...ยามึนเหมือนจะเริ่มหมดฤทธิ์!!!...เริ่มรู้สึกตัว..ภาพหลอน
หายไปแล้ว..ไม่อำลากันเลย..ทิ้งหใรมองไฟขาวๆบนเพดานแบบเคว้งๆ...มันทำให้เรา
รู้สึกได้ถึง มีด เข็ม ซิลิโคน และด้าย..ที่มา กรีด มากด มายัด มาเกี่ยวจมูกเรา....
เราก็เบลอๆลืมตามอง...เลือดเต็มไปหมด..เราได้ยินหมอพูดว่า..
"เนื้อเยื่อยังไม่สมบูรณ์เลยดูสิ..เฮ้อ..."..และเราก็รู้สึกเหมือนตะขอเกี่ยวปีกจมูกเราเพื่อเปิดจมูกง้างแผลเพื่อใส่ซิลิโคน...หมอใส่ซิลิโคนเข้าไปครั้งแรก..มันรู้สึกแน่นจมูกไปหมด...
..หมอบอกว่า "เอาล่ะสิ..ใส่ซิลิโคนแต่เย็บไม่ได้..จะเปลี่ยนใจเอาออกไหม??"...
เราไม่ตอบ..ได้แต่นอนน้ำตาไหลพรากกับการผ่าตัด....หมอจึงเอาซิลิโคนออกไปเหลาอีกที
เพื่ออาจจะให้มันเล็กลงอีกสักหน่อย...และหมอก็เอาซิลิโคนมาใส่อีกครั้งหนึ่ง...คราวนี้รู้สึกไม่คับ ไม่แน่นเหมือนทีแรก..แต่เริ่มรู้สึกเจ็บแผลมากขึ้น..ยาชาคงเกือบหมดฤทธิ์แล้ว...
เราจึงรวบรวมสติบอกหมอว่า..."หมอคะ..ยาชามันหมอฤทธิ์ค่ะ.."......หมอก็บอก
ไม่เป็นไรนะ..เดี๋ยวฉีดเพิ่มให้.....โอ..พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์...ไม่เจอกับตัวจะไม่รู้
ว่าฉีดยาชามันจี๊ดขนาดนี้..รับรู้สึกได้ว่าปลายเข็มมันทิ่มผ่านแผลเข้าไปครึ่งจมูก....
อั่ค....แม้ฉีดยาชาแล้ว..ด้วยความที่เนื้อเยื่อเรา ไม่สมบูรณ์..ทำให้การเย็บแผลเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

ระหว่างที่หมอกำลังเย็บแผลจมูกทั้ง 2 ข้างเรานั้น...ใช่ค่ะ..เราต้องเย็บทั้ง 2 ข้าง..
เพราะข้าง 1 กรีดเพื่อเอาซิลิโคนเข้า..อีกข้างนึงเนื้อเยื่อที่เคยติดเชื้อ..มันยังไม่สมบูรณ์ค่ะ..
ทำให้ผิวมันแตก...เลยต้องเย็บ..

ด้วยความที่ยามึนไม่มีผลกับเรอีกต่อไปทำให้เราเผลอลืมตาดู..ขณะหมอเย็บ..
เห็นทั้งเข็ม ทั้งด้าย..และรู้สึกถึงเข็มที่ทิ่มเข้ามาในเนื้อเลยค่ะ...โอย...น้ำตาเราไหล
ตลอดเวลาเหมือนนางเอกดาวพระศุกร์เลย..ใจก็ได้แต่สวดภาวนาขอให้ผ่านไปด้วยดี..
สงสัยทำกรรมไว้ที่ตกปลาตอนเด็กอ่ะ..เลยต้องมาชอใช้กรรมตอนนี้..ฮือๆๆๆ.....
ขอให้หมดเวรหมดกรรมกันซะทีนะ..สาธุ...

หลังจากที่ทำจมูกเสร็จ..หมอบอกเราว่า..ผมทำจมูกให้คุณได้แค่นี้นะ..เพราะเนื้อเยื่อจมูก
คุณแข็งมาก..มันไม่ค่อยยืดหยุ่น...และหมอก็รีบขอตัวไปผ่าตัดคนไข้เคสอื่น...
....อย่างน้อยถึงจุดนี้  หนูก็ต้องขอขอบคุณหมอมากๆเลยค่ะที่อย่างน้อยหมอก็ให้จมูกนู๋....

แต่เรื่องหลังจากนี้อีกเกือบ 2 เดือนกับจฒุกอันนี้น่ะสิคะ

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 17:07
ลั่นล้ากับดั้งใหม่ได้ไม่นาน...10 วันต่อมาต้องมากินไม่ได้นอนไม่หลับกับมัน...
มันเีริ่มมีน้ำหนองค่ะ..น้ำหนองสีข้นๆเหลืองๆแดงๆ เหมือนนมข้นหวานผสมเลือด...ไหลออกมาจากรูจมูกขวา..
กรี๊ดแตกอีกรอบฮ่ะงานนี้.......เราก็ภาวนาว่ามันคงไม่ได้เป็นอะไรมากมั้ง....วันรุ่งขึ้นได้เวลานัดตรวจกับหมอ
เราก้ไปให้หมอเค้าตรวจ..คือช่วงเช้านั้นแผลมันจะแห้งๆน่ะค่ะ..หมอเค้าก็ตรวจไป..บอกว่าเป็นไงดั้งใหม่สวยไหม..
เราก็ว่าสวยค่ะ....แล้วหมอก็เอาไฟส่องดูแผล...แล้วก็บอกว่าแผลดีมากไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ......
...เราก็นึกว่าเราคงนอยย์ไปเอง...พอกลับบ้าน.....ตกเย็น..มันเริ่มอีกแล้วค่ะ..มันไหลออกมาอีกระลอก..
เราก้ได้แต่ปลอบตัวเองว่า..หมอบอกว่าแผลดีก็คือดี..เดี๋ยวมันก็หาย...เราก็เช็ดทำความสะอาดแผลอย่างที่หมอ
บอก...แต่ตกกลางคืนมันก็ยังไหลออกมาอีก..เราก็ทนไปเรื่อยๆ....จนเกือบครบเดือน (โง่ใช่ไหมคะ..ทนอะไรบ้าๆแบบนี้..).....และแล้วจมูกเราก้เริ่มบามและแดง.....(ลืมบอกไปว่าก่อนหน้านั้นที่ทำจมูกเสร็จใหม่ๆ..เรากดดูตรงระหว่างตา..มันกระดกได้ค่ะ..มันกระดกเปิ๊ปๆเหมือนไม้กระดก..เราก็บอกหมอนะ..แต่หมอก็ตอบมาว่า..เออ..กระดกจริงๆด้วย...แล้วก็ปิดประเด็บเดินหายไป).......พอช่วงที่มันเริ่มแดงนั้น..มันแดงทั้งตรงสันและตรงปลายค่ะ...แดงและบวมเหมือนมีน้ำใสๆ..ร้อนจมูกปวดหัวหนึบๆ.....เราก็ไปหาหมอ..ขอหมอว่าช่วยเอาออกให้หน่ยได้ไหมคะ......หมอเค้าก็คงมองหน้าเชิงสมน้ำหน้าเรา
แหล่ะ..ว่าเราเตือนคุณแล้ว..แล้วผลเป็นไงล่ะ....และหมอก็ตอบมาว่า "คุณจะให้ผมเอาออกให้คุณวันนี้เลยเหรอ..วันนี้ผมยิ่งขี้เกียจอยู่ด้วย".....ค่ะ..หมอพูดแบบนี้จริงๆ...พยาบาลผู้ช่วยเค้ายังอึ้งเลย.....เราก็อึ้งไป...
หมอคงเห็นสีหน้าจะปรี๊ดแตก....หมอเลยกลับคำพูดเป็นว่า..เอางี้...ยังไม่ต้องเอาออกนะ....ลองฉีดยาและลองกินยาควบคู่ไปก่อน..เผื่อมันจะหาย..........

โดย: nininews    เวลา: 2010-5-29 17:18
หมอนี่ ใช่หมอ อ.อ่ะป่าวอ่ะ
พอดีไปเห็นที่พี่โพสไว้อีกกระทู้นึง
หนูชักกลัว นัดหมอแล้วด้วย แง่ๆY___Y
เล่าต่อเลยพี่ สู้...
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 17:42
[b][color=Magenta]วันนั้นหมอก้ได้ฉีดยาแก้อักเสบที่สะโพกให้...เจ็บมาาากกกค่ะไอยาเนี่ย...
อย่างกะใครมากัดกล้ามเนื้อเราแบบแรงๆตรงสะโพกเลย....แล้วก้ได้ยาแก้อักเสบเม็ดขนาดตอปิโดมากิน..
(ยาชุดแรกหมอให้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ).....ก็เป็นแบบประมาณนี้ไปทุก 5 วันก็ฉีด 1 เข็ม..แต่หลังจากชุดแรกนั้น
หมอบอกว่าต้องเก็บค่ายาแล้ว..เพราะยาก็แพงเหมือนกัน...ก็จัดการไป...
ค่ายาฉีด + ยากินชุดละประมาณ 1500 บาท....เรากินและฉีดไป 3 ชุด..อาการแค่ดีขึ้น..แต่ไม่หาย...มันก็ยังแดงๆ
และร้อนๆบวมๆอยู่..จนหมอเลยตัดสินใจว่าเอาออกเลยละกันนะ....
....แต่การเอาออกครั้งนี้..หมอบอกว่าเอาออกแล้วหมอจะแถมฉีดไขมันของคุณเองให้ด้วย..เพระาเอาออกคราวนี้
จมูกคุณคงจะน่าเกลียดมาก..ปลายจมูกคงจะบุ๋มลงไปมากเพราะปลายแดงเหลือเกิน...ฉีดไขมันซะจะได้ช่วยได้..
เราก็เชื่อหมอ..หมอบอกว่าคิดค่าเอาออก + ฉีด 15000 ละกัน....แล้วบอกด้วยอีกว่า..นี่ถือว่าถูกมากเลยนะ..
เพราะลำพังแค่ดูดไขมันธรรมดาผมก็คิดขั้นต่ำ 22000 แล้ว..นี่คุณได้ทั้งเอาออกได้ทั้งฉีด...เผื่อๆไม่แน่..ผมฉีด
ไขมันให้คุณ..คุณอาจจะไม่ต้องทำจมูกอีกเลยก็ได้...........เราก้เชื่ออีก...วินาทีนั้นหน้ามืด..สมองไม่ทำงาน
โง่มาเป็นเดือนแล้ว..เค้าบอกนกเป็นนกไม้เป็นไม้ละงานนั้น......
เราก็จ่ายเงินไป 15000 ..และก็ขึ้นเขียงพร้อมกับความหวังที่ว่า..ปลายจมูกจะดูไม่น่าเกลียดอย่างที่หมอแนะนำ..

ขึ้นเขียงเหมือนเดิม....หมอฉีดยาๆๆๆๆ...แล้วก็กรีดเอาซิลี่ออกมา....ซิลี่ก็ดันไปติดกับเนื้อเยื่ออะไรก้ไม่รู้...
ลักษณะเหมือนผังผืด (เราเบลอยานะ..แต่เราดูทุกอย่างเลย)..หมอก็งงๆว่าเดือนกว่าๆผังผืดมันเกาะแล้วเหรอ..หมอก็ลองดึงๆๆดู..(เจ็บนะน่ะ)..แล้วก้เลยเอากรรไกรมาตัด...แล้วก็ให้พยาบาลเอาผ้าก็อตมาอุดรูไว้..แล้วหมอก็ลงไปหาไขมันที่พุงของเรา.....หมอก็กรีดนิดๆ..แล้วก้เอาของเหมือนเหล็กแท่งเล็กๆ..กระทุ้งๆๆๆๆๆๆ!!!!!ที่ในแผลข้างสะดือของเรา
หมอกระทุ้งแรงหรือไม่...ตัวเรานี่เอียงไปตามแรงกระทุ้มไขมันทีเดียว.....
และสิ่งที่หมอได้มาอยู่ในหลอดฉีดยาขนาดหลางก็คือ..ไขมันก้อนกระจิ๋วหลิวสีเหลืองนวลๆจำนวนหนึ่ง..
แล้วก็นำมาฉีดเข้าจมูกเรา..มันเป็นไงน่ะเหรอคะ..
โดย: dowww    เวลา: 2010-5-29 18:03
อ่านแล้วเจ็บแทน  ทำที่ไหนคะบอกได้ไหม
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 18:04
เอ่อ....หมอ อ. นี่เค้าอยู่แถวสะพานใหม่นิคะ...คนละคนกันค่ะ...คลีนิคที่เรากำลังพูดถูงนี่คลีนิคเค้าชื่อ ต. ที่แถวบางจากน่ะค่ะ
โดย: dowww    เวลา: 2010-5-29 18:20
โตไก
โดย: ddarling    เวลา: 2010-5-29 18:42
โห้เป็นคนมีความอดทนมากเลย

เขียนต่ออีกนะค่ะ

สู้ๆค่ะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 19:33
@คุณ dowww ...ใช่ค่ะ...ที่นั่นแหล่ะ....

ต่อนะคะ...
เนื้อในโพรงจมูกของเราเมื่อเอาซิลี่ออกใหม่ๆ..ก้เหมือนเป็นโพรงน่ะค่ะ..ณ ตอนนี้..ฉีดไขมันเข้าไปได้..มันก็อยู่ในโพรงนั่นแหล่ะ...แล้วก็เย็บปิดซะ....จับดูจมูกตัวเองเวลานั้นความรู้สึกเหมือนลูกโป่งจริงๆค่ะ..แต่เป็นลูกโป่งที่หนังหนาๆแล้วมีน้ำหยุ่นๆอยู่ข้างใน.......ก็เอาวะ...ทำมาแล้ว...เสียตังค์ไปแล้วด้วย...สิ่งที่หมอบอกมาก็น่าจะเป็นจริงนะ...จมูกเราจะไม่น่าเกลียด..ไม่บุบ..แล้วอาจจะมีดั้งหน่อยๆด้วยซ้ำ.....

วันเวลาผ่านไป....10 วัน......อะไรเกิดขึ้นรู้ไหมคะ...ไขมันที่ฉีดมา..มันมลายหายไปหมดเลยค่ะ...ปลายจมูก..
ที่หมอปลอบใจว่าจะไม่ยุบถ้าฉีดไขมัน....มันก็ยุบค่ะ..ยุบแบบแย่มากๆด้วย...มันยุบแบบเนื้อปลายจมูกด้านนึงเหมือนหายไปเลย
จมูกปลายเลยดูเบี้ยวๆ....แทบจะอยากเอาหัวมุดโถส้วมตาย..ไหนว่าจะดี....นี่มันไม่ต่างจากไม่ฉีดไขมันเลยนะ...
ปลายจมูกยุบไม่พอ..ช้ำๆดำๆอีกต่างหาก(ก๊อดดดดดดดด!!)........คราวนี้เลยตั้งมั่นไล่ปรึกษาหมอเลยค่ะ....
หมอคนแรกที่เราไปปรึกษาเป็นคลีนิดแถวลาดพร้าว 35/2 ค่ะ....ยังไม่เคยเห็นผลงานหมอคนนี้ในเว็บนะคะ..แต่เห็นจากคนรู้จักค่ะ...เห็นเค้าว่าหมอดี..ก็เลยไปปรึกษา........คุณหมอกับภรรยาคุณหมอเห็นจมูกเราเค้าก็ตกใจหน่อยๆค่ะ...
ทางคุณหมอเค้าก็พูดเชิงการแพทย์รักษาน้ำใจแถมตัดไหมให้เราฟรีด้วย..ส่วนคุณภรรยา..เค้าออกเป็นคนตรงๆหน่อยน่ะค่ะ..เค้าจะออกแนวโกรธแทนแล้วก็พูดประมาณ...เค้าทำเราเหมือนคนพิการแบบนี้..มันเป็นความผิดของเค้าที่ควรจะดูแลดีดีตั้งแต่แรกนะ......แม่เจ้า.."พิการ"...ชั้นดูเป็นคนเสมือนพิการเหรอเนี่ย.....เค้าพูดแค่นี้มา..น้ำตาร่วงแบบกลั้นไม่อยู่เลยค่ะ...ตลอดเวลาที่ทำยุ่งกับเรื่องจมูกมาเนี่ย..ไม่มีร้องไห้เลยนะ..อดทนตลอด..แต่มาวันนั้นไม่ไหวจะกลั้นแล้วจริงๆ..ขอร้องไห้แบบไม่อายหน่อยเห่อะ......ทางพวกหมอที่ลาดพร้าวเค้าก็ปลอบใจนะคะ..เค้าบอกไปรักษาตัวก่อน..ซักเดือนนึงค่อยมาดูอีกทีว่าเราจะทำอะไรได้มั่งไหม....เค้าพูดเหมือนที่คุณจีจี้เคยว่าไว้ในเว็บนี้น่ะค่ะ....เค้าว่า..การทำศัลยกรรมจมูก..เราต้องทำให้ซิลิโคนนั้นแนบกับจมูกให้มากที่สุด..ไม่ใช่สักแต่ใส่ๆเข้าไปอย่างเดียว...เป็นคำพูดที่กระตุ้นสมองสำหรับเราดีค่ะ.....
ผ่านไป 1 เดือนกว่ากับการที่ต้องมีพลาสเตอร์แปะจมูกไว้ตลอด...ดูเด่นไปหน่อย..แต่ก็ดีกว่าให้ใครห็นจมูกอุบาทย์.... เราลองโทรไปหาที่คลีนิดแถวลาดพร้าวอีกทีค่ะ..คุณหมอพอจะเราได้..เราก็สอบถามการทำและราคา...คุณหมอกล่าวว่าเรื่องที่จมูกคุณพร้อมหรือไม่นั้น..คุณต้องมาให้หมอตรวจอีกทีก่อนนะว่าพร้อมไหม..ส่วนราคา..เคสคุณนี่ท่าทางงานหินเลย...ผมว่าราคาน่าจะอยู่ที่ราว 25000(ใช้กระดูกอ่อนหลังหูควบคู่)......ปรู่ดดดดดด...........ค่ะหมอ..ขอบคุณมากค่ะ..ไว้หนูจะติดต่อมาใหม่นะคะ....
ด้วยความที่บาดแผลในใจเกี่ยวกับจมูกเยอะ..เราตัดสินใจไม่เล็งไปที่ราคา..แพงก็อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้....แต่ประเด็นคือ....ต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายๆที่ซะก่อน...ซัก....3 ที่ละกัน......
ที่ที่ 2 ที่เราไปอยู่แถวจรัญสนิทวงศ์....หมอคนนี้เห็นเรา..พอฟังเรื่องราว..หมอบอกให้รอไปซัก..3 ปี...
อ่าาคคคคคคคคค....หมอขา..นู๋ไม่อยากสวยตอนเลข 3 อ่ะ.........3 ปี...นู๋ต้องไปหาหน้ากากเหล็กมาใส่แทนกน้าจริงแน่ๆ.....แล้วหมอก็บอกว่าถ้า 3-5 ปีไปเนี่ยดีเลย...ไม่ต้องใช้กระดูกหลังหูด้วย....อีก 3 ปีค่อยเจอกันนะจ๊ะ... (_"_)...

โดย: dowww    เวลา: 2010-5-29 20:00
ตอบกลับ 13# whitevanilla


    มีรูปไหมคะ แบบว่าไม่ต้องตอนนี้ก็ได้ตอนที่ยังมีซิลี่อยู่  ตอนปลายแดง

เหนใจมากๆๆเลยคะ  ที่แรกทำที่ไหนอ่าคะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-29 20:01
คุณหมออีกคนที่เราไปหาอยู่แถววิภาวดีค่ะ...เป็นหมอผู้หญิง..เคยเห็นผลงานเค้าครั้งนึง
..หมอคนนี้เค้าก็ทำซิลี่แนบกระดูกค่ะ(หมอบอก)และหน้าคนไข้บวมและบาน....ไปปรึกษา..หมอบอกว่าซัก 2 เดือนค่อยทำเอนะ...และก้ไม่ต้องใช้กระดูกหลังหูหรอก...ราคาก็ประมาณ 12000....อืมม...ขอไปอีกที่น่า..

หมออีกคนที่เราไปคือ..หมอที่รพ.ค่ะ..คุณหมอ น. ...ท่านใจเย็นในการให้คำปรึกษามากค่ะ..
เค้าบอกว่าเดือนครึ่งแทำยังได้ไม่สวยหรอก..เพระาผังผืดมันยังยึดแน่นอยู่เลย..ดูสิ..แล้วคุณหมอก็สอนวิธีแนะนำการนวดจมูกให้ผังผืดคลายตัวดีขึ้น..และก็บอกว่าอีกซัก 2 เดือนค่อยมาให้ดูใหม่ก้ได้นะ..ส่วนราคาไม่ได้สอบถามค่ะ..แต่วันนั้นเสียค่าเปิดบัตร..แป่ววว......เอ่อ..เริ่มหลายหมอแระทำไงดี.......ขออีกซักหมอละกัน...

หมออีกท่านอยู่ที่สะพานใหม่ค่ะ...คุณหมอ อ.ให้คำปรึกษาละเอียดดี...เพราะท่าทางการวางตัวของเค้าออกจะวัยรุ่น..อายุไม่
ห่างต่างจากเรามาก(มั้ง..หมอหน้าเด็กอ่ะ)...เลยทำให้เรารู้สึกสบายๆ...เลยถามไปซะทุกอย่างที่อยากรู้..หมอก็ให้ความกระจ่างดีค่ะ....หมอบอกๆดูๆตรวจๆ...บอกว่าอีกเดือนนิดๆก็ครบ 3 เดือน..มาทำได้เลยล่ะครับ...ราคาก็ค่ากรีดกระดูกอ่อน 10000 บาท + กับราคาซิลี่ที่เราเลือก.......

โอเค...หลายหมอมากๆละ..ได้เวลาเลือกซะที...จมูกก็อุบาทย์จนไม่สามารถจะไปโชว์หนังหน้ากะใครได้..ต้องตัดสินใจให้ดี..คราวนี้ขอฉับเดียวสุดท้ายได้ก้ดี...นั่งคิดต่ออีกเดือนครึ่ง(กับการเป็นมนุษย์กบดาน)...ก็ตัดสินใจเลือกที่สะพานใหม่ค่ะ..

โดย: beautyfool    เวลา: 2010-5-30 00:14
เฮ้ออออ อ่านไปสะดุ้งไป จขกท.เข้มแข็งมากค่ะ เอาใจช่วยให้หายไวไวนะคะ
โดย: Bom13    เวลา: 2010-5-30 00:32
อยากเห็นรูปเพื่อเป็นอุทาหรณ์

แต่คุงพี่ทนทานกับการโดนเข็มทิ่มแทงมาก

ไงก็ขอให้ออกมาสวยดูดีนะค๊าฟ

อีกอย่างก็ขอให้หายไวๆๆๆค๊าฟๆ
โดย: terkira    เวลา: 2010-5-30 00:37
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆๆๆๆๆๆ
โดย: chalisas    เวลา: 2010-5-30 01:30
ง่า!! นึกว่าดูหนังสยองขวัญปนแอ็คชั่น

แนวบู้ เลือดสาดจอ...

โดย: kurama    เวลา: 2010-5-30 08:57
โห...สู้มากมายอ่ะ ไงก้เป็นกำลังใจให้น๊า
โดย: cholla    เวลา: 2010-5-30 11:06
โอ้ย ว่าพวกเราเจอกันหนักแล้ว เจอคุณหนักกว่าอีก สู้ๆนะคะ
โดย: nininews    เวลา: 2010-5-30 16:53
เอ่อ....หมอ อ. นี่เค้าอยู่แถวสะพานใหม่นิคะ...คนละคนกันค ...
ต้นฉบับโพสต์โดย whitevanilla เมื่อ 2010-5-29 18:04



    โล่งขึ้นเยอะ โฮกกก !!

สู้ อ่านประสบการณ์พี่ต่อแล้วสยิวตามด้วยเลยอ่ะ แต่พี่นี้ใจเด็ดแล้วก็อึดมากเลยนะ ถ้าเป็นหนูคงฟูมฟาย ทำไรไม่ถูกอย่างเดียวเลยง่ะ
โดย: noodle    เวลา: 2010-5-30 18:57
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ  ^_______^

เรื่องของเรากลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย
โดย: misho    เวลา: 2010-5-30 21:54
พี่เก่งจังเลย ยังไงขอให้หายไวๆนะคะ เป้นกำลังใจให้
โดย: nikijung    เวลา: 2010-5-30 22:11
แล้วตอนนี้ รอยบุ๋ม หายยังอ่ะคะ แล้วเสริมหรือยังเอ่ย
แก้ไขยังไงคะ
โดย: yuyanami    เวลา: 2010-5-30 23:47
หลังจากเลือกหมอ อ. ที่สะพานใหม่แล้วเป็นไงมั่งค่ะ โอเครึป่าว หรือมีเรื่องอีกแล้ว
รอติดตามอยู่นะคะ พอดีเราก็หมอ อ. เช่นกัน ชักกังวลเำพราะตอนนี้ก็มีปัญหาเหมือนกันค่ะ แหะๆ

แต่พี่อดทนมากเลยค่ะ เจอเรื่องร้ายๆแต่ยังใจสู้ นับถือมากเลยนะค่ะ
ตอนนี้ดีแล้วขอให้สวยวันสวยคืนนะค่ะ ^^
โดย: yuyanami    เวลา: 2010-5-30 23:48
แก้ไขล่าสุดโดย yuyanami เมื่อ 2010-5-30 23:52

อยากเห็นรูปจังค่ะ   -:)
โดย: gigalike    เวลา: 2010-5-31 04:50
จากการวิเคราะห์..(ถ้าคำพูดคำใดทำให้ไม่สบายใจก็ขอโทษด้วยละกันนะครับ)
1.เจ้าของกระทู้มีจืตใจที่ไม่ได้เข้มแข็ง และไม่ได้อ่อนแอครับ.. กลางๆ จะว่าเข้มแข็งก็ไม่ใช่
2.เจ้าของกระทู้เป็นคนมีน้ำใจ
3.คุณน่าสงสารมากที่สุดในเว็ปนี้เลยนะครับ ที่ผมเคยได้อ่านรีวิวมา
4.คุณสามารถบรรยายเรื่องได้อย่างน่าตื่นเต้น การเขียนแบบนี้คือการพรรณนาโวหารเลยนะครับ ผู้อ่านสามารถนึกภาพตามได้อย่างมีจินตนาภาพที่ชัดเจน
5.ตอนที่หมอที่โตไกคลินิกบอกต้องเว้นไปก่อน คุณน่าจะทำตามหมอตั้งแต่แรก อาจจะไม่ต้องเสียตังค์ฟรีๆ
+ เจ็บตัวอย่างรุนแรง + สุดท้ายเกิดปัญหามากกว่าเดิม ต้องยอมรับเลยว่าคุณเป็นคนใจกล้า(กล้ามากจนเกินตัว..) กล้าได้กล้าเสีย ขนาดหมอที่โตไกเค้าพูดอยู่ว่าต้องเซ็นต์รับรองว่าถ้ามีปัญหาใดๆจะไม่รับผิดชอบ..คุณก็ยังจะกล้า ผลสุดท้ายที่เกิดขึ้น มันไม่คุ้มกันเลย.. อันนี้เป็นข้อคิดอย่างหนึ่งนะครับ ตรงกับสำนวนไทย ช้าๆได้พล้าเล่มงามมมม......

ยังไงก็ขอให้สู้ๆ เลือกหมอที่ คนที่ทำแล้วไม่เคยมีปัญหาดีกว่าครับ หาข้อมูลมากๆ เอ่อ..แล้วตอนนี้ทำกับหมอ อ. เรียบร้อยแล้วหรือยังครับ

.......

ขออนุโมทนาบุญใดที่ข้าพเจ้าได้ทำช่วยส่งผลต่อ เจ้าของกระทู้นี้ ให้มีแต่ความสุข ความสวย ตลอดไป..

จากใจจริง จงโชคดี นะครับ
โดย: Chompu_lady    เวลา: 2010-5-31 12:58
โฮ พี่เป็นคนที่อดทนมากๆ เลยนะคะ

หนูทำได้ไม่กี่วันก็อยากเอาออกล่ะ

มันดูแปลกปลอมไงไม่รุ เฮอๆๆ

สาเหตุที่บุ๋มนี่เกิดจากอะไรอ่ะคะ

ถ้าถอดซิลี่อันเก่า เราก้อต้องใส่ซี่ลี่อันใหม่ใช่ไหมอ่ะ

โอ๊ยจะบ้าตาย ตอนนี้ ก้อรู้สึกว่าปลายจมูกมันมีจุดสีแดงๆ

ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร  เป็นกำลังใจให้นะคะคุณพี่

เป็นหนูไม่กล้าเล่าหรอก คงจะพิมพ์ไปน้ำตาเล็ดไป
โดย: milojung    เวลา: 2010-5-31 14:23
พี่อดทนมากเลยค่ะ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
คราวนี้ถ้าทำมาใหม่ก็ขอให้ออกมาสวย และหายไว ๆ นะค่ะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-31 15:10
ขอบคุณทุกความเห็นที่ให้กำลังใจมากนะคะ...สำหรับบางความเห็นที่เกรงว่าคำพูดจะรุนแรงไป..
ไม่มีปัญหาค่ะ..พูดได้..คนเราต้องเปิดรับความคิดเห็นของคนอื่นอยู่แล้ว...เราเห็นด้วยกับคุณนะที่บอกว่าหมอเตือนแล้วแต่เราไม่ฟัง..ใช่..เราดื้อจริงน่ะแหล่ะ...ประเภท"ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา".."ไม่ใกล้ตายจะไม่โวยวายว่าเจ็บ"...เราเป็นคนแบบนี้ค่ะ
...ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา..ทีแรกเราก็ทั้งโทษตัวเองและโกรธหมอตรงที่ตอนที่เราขอเอาออก(จ่ายตังค์ด้วย)หมอคงเล่นแง่นิดหน่อยว่าไม่เอาออกให้..แต่จุดนั้นมันผ่านไปละค่ะ....เราก็คิดแค่ว่าเป็นเวรเป็นกรรมเราเองที่ไปแกว่งเท้าหาเสี้ยน....เสี้ยนอันเท่าทั่งด้วย.....
..ตอนนี้ทุกท่านคงสงสัยว่ากับดั้งใหม่เราเป็นไงมั่ง...จะบอกว่าเราพอใจไหม..ก็พอใจค่ะ...แต่มันเบี้ยวนี่สิ....ด้วยโพรงเดิมของเรามันเบี้ยวมั้งคะ..ของใหม่เลยเบี้ยวด้วยหน่อย..แต่ถ้าไม่จ้อง..จ้อง..ก็ไม่เห็นค่ะ...แต่ใจตอนนี้คือ..ก้อยากแก้อีกทีค่ะ...อยากทำกับคุณหมอเฉลิม..หรอืไม่ก็หมอวรวิทย์...แต่ต้องรอคิวไป..ก็โอเคค่ะ....บางสิ่งรอได้ก็รอไปดีกว่า...

..ถ้าจะพูดถึงหมอที่สะพานใหม่...สำหรับเรา..เค้าเป็นหมอที่ทำสันจมูกได้สวยค่ะ..แต่ติดทำโด่ง...แล้วเค้าก็คงฝังซิลี่ได้ลึกอยู่ค่ะ...เพราะจำความรู้สึกตอนทำได้อยู่..หมอฉีดยาที่แขน...ฉีดยาชา....อ่อ..อขงเรานี่หมอไปเริ่มจากเอากระดูกอ่อนที่หู
ก่อนค่ะ..พอได้กระดูกที่หน้าตาเหมือนวุ้นขุ่นแบนๆมา..เค้าก็เริ่มมาสารวนกับจมูก...แง่ะ...ของเรานี่หมอบอกก่อนหน้านั้น
ว่าหมอจะตัดผังผืดที่มันยึดๆอยู่ในผิวให้ด้วย..หน้าตาของผังผืดที่หมอตัดๆออกมา....มันเหมือน..หมูสับ...
หมูสับยุ่ยๆอ่ะค่ะ..แดงๆ..บรึ๋ยย...เป็นคนชอบดูโน่นดูนี่ค่ะ....แล้วเคลียร์โพรงเปิดจมูกได้..หมอก็เอาอะไรซักอย่างเหมือนตะไบ..มาขูดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...กระดูกตรงแถวระหว่างคิ้วเราค่ะ..เสียง..ครืดๆๆๆๆ..(แอบปวดหนึบๆนะ.สงสัยยาชาลามไปไม่ถึง..)......แล้วพอจะเอาซิลี่เข้า..หมอจะเอาเห็นคงคล้ายเหล็กรูปตัวเอสค้ำงัดเปิดโพรงไว้หน่อยน่ะค่ะ.....
ประมาณนั้นน่ะค่ะ....ก้ได้จมูกอันนี้มา.....เห่อะๆ...

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-5-31 15:30
สำหรับบางคนที่อยากเอาซิลี่ออก..ด้วยถ้าเดิมคุณจมูกไม่มีปัญหาอะไรก้เอาออกได้ค่ะ..คุณก็จะได้จมูกคุณกลับมา...แต่ช่วงแรกที่เอาออกจมูกอาจจะดูเชิดหน่อยๆ..เพราะผังผืดมันยึดเหมือนเส้นยางน่ะค่ะ..แต่ซักพักไปก็จะคลายตัว...
ส่วนปลายที่แดง..อาจจะเพราะทำปลายยาวไป..เนื้อเยื่ออาจจะเริ่มปรับตัว..แต่อาการแดงนี้ควรจะหายในอย่างช้าไม่เกิน 2 เดือนค่ะ..ถ้านานกว่านั้น...มันคงมีอะไรไม่ค่อยดีละล่ะ...

อ่อ..ลืมเล่าไปอีกอย่างนึงค่ะ...ถ้าใครจะไปตัดไหม..ให้หมอตรวจดีดีนะคะว่าไหมหมดจริงไหม..ถ้าหมดไม่จริง..
มันอาจจะทำให้แผลเกิดการอักเสบได้ค่ะ.......ของเราไหมเส้นนึงมันไปกลบอยู่ใต้ผิวหนัง(หมอก็คงไม่เห็นหรอก..แต่เราเป็นหระเภทโรคจิตหน่อยๆ..ดูอะไรก็ต้องดูให้สุด...แฟนเราเลยซื้อไฟฉายแบบหลอด LED มาให้..โอวว...สว่างได้อารมณ์ทะลุกะโหลกไปเลยค่ะ....เอาก็เอาไฟฉายอันนั้นแหล่ะ..มากทะแยงส่องๆๆๆๆๆๆรูจมูก..จนเห็นเหมือนเส้นอะไรหว่า..จะว่าขนจมูกก็ไม่ใช่..เพราะขนจม฿กตรูคงไม่หนาแบบนี้....ด้วยความที่มือบอน(อย่าทำตามนะคะ)..เพราะเราคิดว่ามันค้างๆ..ถ้าดึงมันก็ออกมา..เราก็เลยพยายามเอาเเหนบล้างน้ำเกลือ+แอลกอฮอล์มาค่อยๆดึงออก..ต้องพยายามอย่างมากเลยค่ะ..เพราะเส้นมันสั้นนนน...แล้วก็ต้องส่องดูไปด้วย...จนคลำเจอเส้น..เราก็ค่อยๆดึงออกมา...ดึงออกมาได้นิดนึง..มันก็ติดอะไรก้ไม่รู้..ดึงไม่ได้..แถมเลือดสดๆไหลมาอีกต่างหาก...งงและตกใจ..รีบเช็ด+ล้างแผล+โปะยากันเชื้อที่หมอให้...พอเช้ารุ่งขึ้นเราก็ไปหาหมอค่ะ...บอกสิ่งที่เราพบเจอ..หมอก็งงกับเรานิดหน่อย..เอาไฟฉาย(ไฟแบบที่ยามเค้าชอบใช้สมันก่อนน่ะ..ไฟกระบอกใหญ่..สีส้มๆไฟจางๆ)...หมอเค้าก็ส่องไป..บอกว่าไม่เห็นมีเลยนะ....ไอเราคิดอยู่แล้วว่าไฟฉายหมอคงจะไม่เห็นแน่...เลยจกไฟฉายส่วนตัวจากกระเป๋าให้หมอ..บอกหมอว่าลองใช้ไฟฉายของหนูไหมคะ...หมองงไปเลย..แบบว่างงมากกับพฤติกรรมนังนี่....หมอเค้าก็บอกว่านี่มันใช่ไฟฉายแบบที่ยามเค้าใช้รึเปล่า...-*-...เอ่อ...สว่างกว่านั้นค่ะหมอ..ลองดูค่ะ..ลองดู..แล้วหมออาจจะติดใจ....หมอเค้าก็ใช้ไฟฉายเราส่องดู..ปรากฏว่าเห็นแฮะคราวนี้..หมอบอกว่าเออ...มีอยู่นิดนึงจริงๆ..หมอเค้าก็ค่อยๆเอาแหนบ(ของหมอ)ดึงออกมา...ผลสรุปคืด..มันก้ไม่ยอมออกอยู่ดีค่ะ...หมอบอกว่าสงสัยมันไปติดผังผืดด้านในแล้ว..แต่ไม่เป็นไร..หมอจะตัดให้สั้นที่สุดแล้วก็เอายากันเชื้อทาให้นะ........นั่นล่ะค่ะ...
ประเด็นที่ต้องการบอกคือ...การทำศัลยกรรมบางทีเราก็อาจจะช่วยหมอดูบ้าง..ไม่ได้หมายความว่าเราผยองหรืออวดดีที่จะเก่งกว่าหมอนะคะ..แต่คำโบราณเค้าว่า "4เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง"...มันคือความจริงค่ะ...หมอเค้าอาจจะเก่ง..ไม่มีผิดพลาดเลยมา 9 ราย...แต่ใครจะรู้ว่ารายที่ 10 ..เค้าอาจจะพลาดอะไรเล็กๆน้อยๆไป...

โดย: nininews    เวลา: 2010-5-31 16:11
เยี่ยมเลย พี่สุดยอด !!
โดย: jam_treetippa    เวลา: 2010-5-31 16:25
แบบว่าขอนับถือในความอดทนเลยอะ ขอบคุณนะค่ะที่มาให้ความรู้
โดย: ju_dahima    เวลา: 2010-5-31 18:06
อ่านไปเสียวจมูกไปด้วย คุณอดทนเก่งมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ
โดย: nikijung    เวลา: 2010-5-31 21:27
ตบมือให้อีก 1 เสียงค่ะ ต้องมีคนมาเปิดเผยแบบนี้สิคะ ดีจังเลยค่ะ เป็นวิทยาทาน แก่คนอื่นเนอะ
แล้วจมูกที่บุ๋มนี่หายไปแล้วใช่ไหมคะ แล้วถ้าแก้อีก ตรงที่บุ๋มจะมีปัญหาอะไรป่าวอ่ะคะ

ขอบคุณมากๆ เลยที่มาให้ข้อมูลค่ะ
โดย: cholla    เวลา: 2010-5-31 22:35
ขอบคุณสำหรับความรู้ และประสบการณ์ที่เอามาแชร์ค่ะ
เป็นวิทยาทานที่ดีมากๆเลย....

ชอบสไตล์การเล่า เห็นภาพชัดเจน แจ่มแจ้ง
อย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้หายไวๆ ยุบไวๆ ได้จมูกอย่างที่ต้องการนะคะ
โดย: Missannie    เวลา: 2010-6-1 08:40
ขอเปงกะลังใจให้ด้วยคนค่ะ สู้ๆนะ
โดย: chew    เวลา: 2010-6-1 18:13
สำหรับบางคนที่อยากเอาซิลี่ออก..ด้วยถ้าเดิมคุณจมูกไม ...
ต้นฉบับโพสต์โดย whitevanilla เมื่อ 2010-5-31 15:30



    ชอบอ่านทู้นี้จัง ... หนุกหนาน ได้อรรถรส ...
ตอนนี้กะลังเครียดจมูกของตัวเองอยู่พอดี  ได้อ่านทู้นี้ ขำซะท้องแข็งเลยค่ะ
โดยเฉพาะตรงจก ไฟฉายเนี่ยแหละ ... 5 5 5 ...


ขอให้สวยๆยิ่งขึ้น และสู้ๆ นะคะ ...

โดย: Chompu_lady    เวลา: 2010-6-1 19:26
ขอใหผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-1 19:26
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ...
สำหรับเรื่องจมูกที่ยุบตอนนี้ที่ทำ..ถามว่าดีขึ้นไหม...หมอทำให้ดีขึ้นเยอะค่ะ...
แต่ถ้าจ้องๆๆๆก็ยังจะเห็นว่าด้านนึงเหมือนมันพิการๆไป...ทำกับหมอ อ. มาเกือบปี...
เมื่อวันก่อนแฟนมาจ้องหน้า..ถามว่า..เอ่อ..เหมือนปลายจมูกมันเบี้ยวนิดๆป่ะ.....ฮึ่่ยยยยย...
รู้เรื่องเป็นมาแล้วยังมาย้ำ...เดี๋ยวก็ไล่ไปนอนระเบียงซะนี่...
จริงๆ..ใจก็อยากกลับไปหาหมอ อ. อีกอ่ะค่ะ...แต่รอผ่านไปอีกซักพักก่อนค่อยดูว่าจะแก้กะใครอีกที...

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-1 19:48
อ่อ..มีเรื่องเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ..(ไม่รู้ใครเป็นบ้างหรือเปล่า..)...ช่วงที่เรากำลังรักษาจมูกที่เป็นหนองติดเชื้ออยู่นั้น..ที่หมอเค้าจะให้ฉีดยาแก้อักเสบนรก(เรียกงี้เพราะฉีดทีไรเจ็บตรูดม๊าากก)..แล้วก็ยากินเม็ดขนาดตอปิโดน่ะค่ะ..ไม่รู้ว่าช่วงนั้นร่างกายเป็นอะไร...ตามเส้นกล้ามเนื้อและข้อต่อจะปวดมากเลยค่ะ..ปวดแบบเหมือนเส้นในร่างแต่ละเส้นมันดึงกันไปดึงกันมา..เราทนปวดอยู่ 5 วัน..จนแฟนก็เซ็งๆด้วยว่าอีนี่จะตายไหมเนี่ย...เราก็ไปหาหมอ..อบกอาการว่าไม่ไหว..เอาจมูกนู๋ออกเต๊อะ..ยาหมอแรงอ๊ะเป่า...หมอก็ไปค้นชื่อยาที่สั่งจ่ายให้เรามา...หมอก็บอกว่า..ยาพวกนี้ไม่น่ามีผลกับระบบกล้ามเนื้อนะ..แค่มีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทบางอย่าง..เช่นสายตา การรับรส.....แต่ของเราปวดตัวมากๆ..ปวดแบบจะตายจริงๆ....หมอก็หาสาเหตุให้ไม่ได้..เพียงแต่สรุปว่าอาจจะเป็นเพราะร่างกายต้องต้านหลายอย่างน่ะ....
ยังไม่พอค่ะ..เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนในช่วงนั้น...นอกจากจะจมูกจะแย่แล้ว  จิตก็ตก  ร่างกายก็ปวดมาก...กลายเป็นเหมือนซากศพที่ใกล้จะรออีกามากินจริงๆ.....คุณแฟนค่ะ..ยังมาส้นตรีนใส่อีกช่วงนั้น...เราเจ็บ..แต่เราไม่เคยไปอ้อนหรือทำไมดีใส่..แต่ด้วยความที่ผู้ชายเค้าคงไม่ชินกับการที่จะเห็นคนป่วยมั้งคะ..เค้าเลยมาพูไม่ดีใส่.....เราก็งง..เลยได้สัจธรรมว่า...การที่เราเป็นสุขภาพไม่ดีนี่..ทำให้ชีวิตคู่มีปัญหาด้วย (เกี่ยวป่ะเนี่ย)........เราก็เลยลองถามเค้าประโยคเดียวว่า...
นี่ที่ชั้นเป็นนี่ยังเป็นแค่ชั่วคราว..เธอยังสันดานใส่ขนาดนี้..แล้วถ้าชั้นเป็นมะเร็ง...เธอจะไม่ทิ้งชั้นเลยหรอ....
..โห...ตอนนั้นเรื่องพวกนี้ไม่น่าจะเอามาเป็นเรื่อง..แต่ก็มาเป็นเรือ่งชีวิตคู่ได้อีกเนอะ...จนเราเกือบจะเลิกกันจริงๆละค่ะ..ตอนที่เราพูดประโยคนั้นไป..เค้าก็คงสะอึกคิดอะไรได้อยู่อ่ะ..(ดีนะที่คิดได้..).......
ช่วงนั้นเป็นอะไรที่ชิวิตสุดโต่งจริงค่ะ...ในช่วงปีติดๆกันนั้นอ่ะ..ชีวิตแบบว่า adventure in real life มากๆ...
เล่ามากไปเดี๋ยวจะพากันออกนอกทะเลเนอะ....กลับเข้าฝั่งก่อนดีกว่า....อิอิ

โดย: babizuko    เวลา: 2010-6-1 19:49
เปนกำลังจัยหั้ยนะค่ะ สู้ๆค่ะ
โดย: betagen19    เวลา: 2010-6-1 21:12
ยินดีด้วยกับจมูกไหม่นะค่ะ ตอนนี้โอเคแล้วไม่มีปัญหาอาไรไช่ไหมค่ะ
โดย: Nanzy29    เวลา: 2010-6-1 23:56
หัวอกเดียวกันเลยค่ะ....เราเข้าใจเลยอ่ะ
เราก็ทำจมูกครั้งแรกที่โตไกเหมือนกัน หลังจากทำประมาณ2-3วัน เริ่มมีหนองเป็นจุดๆอยู่ตรงปลายจมูก
เลยวิ่งแจ้นกลับไปหมอทันทีเลย...ปรากฏว่าจมูกอักเสบค่ะ
ช่วงแรกก็โดนฉีดยาแก้อักเสบเหมือนคุณเลยค่ะ จำได้ว่าปวดระบมตั้งแต่ก้นถึงขาเลย
เราต้องไปฉีดอยู่ประมาณสามวันได้ แล้วไอจุดๆหนองๆก็หายไป

หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ สันจมูกก็เริ่มชัดมาก จนถึงมากที่สุด
แถมปลายจมูกแข็ง แล้วไม่ยอมหายแดงสักที ไปไหนก็มีแต่คนทักจนเราหมดความมั่นใจไปเลย
ในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว หลังจากนั้นหนึ่งเดือนเลยกลับไปหาหมออีกครั้งนึง
สรุปหมอบอกว่าปลายจมูกแข็งเพราะหมอเสริมให้ยาวไป แล้วบอกกับเราว่าจะแก้ตอนนี้มั้ย เด๋วหมอจะเหลาให้เล็กลงนิดนึงแล้วกัน เราก็กลัวมันจะมีปัญหาอะไรมาอีก เลยบอกหมอว่าเอาออกก่อนดีกว่า
...หลังจากที่เราเอาออก ปลายจมูกเราก็หดขึ้นไปข้างนึง ทำให้มองหน้าตรงแล้วรูจมูกไม่เท่ากัน
...ช่วงแรกพูดจริงๆว่าเราอยากร้องไห้มากๆ แทบจะไม่ออกไปไหนเลย มองกระจกทีไรก็สะเทือนใจทุกที

แต่ตอนนี้ก็เริ่มทำใจกับมันแล้วค่ะ ช่วงนี้ก็พยายามนวดๆบี้ๆจมูกหวังให้พังผืดมันคลายลงบ้าง
ต้นกรกฏานี้เราตัดสินใจจะไปแก้จมูกกับหมอนพรัตน์ ยังไม่รู้เลยว่าต้องตัดปีกด้วยมั้ย=[
แล้วตอนนี้จมูกคุณไม่มีปัญหาแล้วใช่มั้ยคะ เราก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆๆ

ไม่ทราบว่าพักจมูกไว้6เดือนพอกับการแก้รึเปล่าอ่ะคะ แล้วของคุณตัดปีกเพื่อให้เท่ากันด้วยมั้ยคะ จะได้เตรียมตังไปแก้ค่ะฮือๆๆ T_T

โดย: nikijung    เวลา: 2010-6-2 09:32
ขอบคุณนะคะ สำหรับประสบการณ์ที่มาเล่าให้ฟัง
เพราะว่า เราก็หัวอกเดียวกะคุณ whitevanilla และ Nanzy29 ทำที่โตไก เหมือนกัน ครั้งแรกด้วย แล้วปลายมันแดงไม่หาย ก้ไปตรวจและฉีดยา เหมือนคุณๆ เลย จนก้นระบมไปหมด สรุปดั้งโด่งกะเค้าได้แค่ 3 อาทิตย์ หมอก็บอกว่า มันคงสูงไปต้องลดปลายลงหน่อย ให้เอาออก ณ วันนั้นเลย โอ่ย แม่เจ้า ตายๆๆ ไม่ได้เตรียมตัวมาเลยว่าจะมาผ่าตัดอีก แต่หมอว่าต้องเอาออก ก้เอาออกวะ เพราะก็กลัวว่าอนาคตจะมีปัญหา แต่เราก้ถามหมอ ถามผู้ช่วยนะว่า เอาออกแล้วจะเหมือนเดิมไหม ทุกคนก้บอกว่า เหมือนเดิม แต่พูดไม่เต็มปากอ่ะ หมอก็เอาออกให้ แล้วตอนผ่าตัดก็บอกว่า เอ้ามันทะลุนิ ทะลุได้ไงววะ ยังใส่ไม่ได้หรอก เนื้อไม่ดี รอให้เนื้อดีก่อนค่อยทำนะ เดี๋ยวแก้ให้ใหม่ แล้วหมอก้หายไป เหอๆๆ
สรุปวันนั้นก้กลับบ้านด้วยความเจ็บ ปวด เศร้ามาก แล้วก็คอยดูอาการว่าจมูกจะเป็นยังไงต่อไป ประมาณอาทิตย์นึงผ่านไป ปลายก็จากแดงกลายเป็นดำๆ อ่ะ เราก้นึกว่ามันเขียวเดี๋ยวก้หาย แต่หลังจากนั้นก้ไม่หาย จนถึงวันนี้ ปลายมันบุ๋มอ่ะ แล้วมันก้เป็นไตแข็งๆ ด้วย ทำไงดี ตอนนี้ไม่กล้าสบตาใครเลย
เราอยากรู้ว่าเราจะขอเงินคืนได้ไหม ไม่มั่นใจหมอที่นี่แล้ว หรืออาจจะไม่ทำเลยก้ได้ แต่อยากได้เงินคืนมากๆ ใครมีประสบการณ์เรื่องขอเงินคืน รบกวนเล่าให้ฟังได้ไหมคะ
แล้วคุณ Nanzy29 ที่ว่าจะไปทำใหม่ที่อื่น ได้คุยกะหมอที่โตไกเรื่องเงินบ้างไหม ทำไงเราจะได้เงินคืน ตั้ง 15000 แถมหน้าเสียโฉมอีก จิงๆ แล้วเค้าต้องให้เงินคืนพร้อมค่าเสียโฉมด้วย หรือต้องฟ้องร้องเอาคะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-2 20:01
@ คุณNanzy29 และ คุณnikijung
ไม่ได้อยากจะว่าหมอนะคะ...แต่เท่าที่อ่านๆใน club dungdong เนี่ย...
คาดว่าการทำจมูกของหมอที่โตไก..เทคนิคคงคล้ายกับของหมอ ศ.ที่กำลังงานเข้ามากมายตอนนี้น่ะค่ะ..
คือฝังตื้น...คุณ 2 คนทำมา..ผลที่ได้..หมอก็ดันบอกว่าทำโด่งเกินไม่ก็ปลายยาวเกินเนี่ยนะ.....แปลว่าหมอ
ไม่ละเอียดตั้งแต่ทีแรกสิคะ...นึกว่าปลายเราจะแดงคนเดียว..แต่คุณ 2 คนมาปลายแดงเหมือนเราเลย...งงดีแท้..

.....สำหรับคุณNanzy29.....ของเราที่ทำใหม่มา..ไม่ต้องตัดปีกค่ะ..หมอ อ. เค้าเอากระดูกหลังหูเสริมรองตรงปลายให้...แต่ตอนนี้ก็ยังดูเบี้ยวนีสส์นึงค่ะ..แต่ถือว่าดีกว่าเดิมมาก....เราเข้าใจความรู้สึกจิตตกของคุณนะคะ..
เพราะตอนที่เราจมูกปลายบุบไปนั้นน่ะ..(ของเราบุบเยอะหน่อย...)....เราซื้อพลาสเตอร์สีเนื้อมาแปะจมูกไว้เลยค่ะ..
(เราตัดเป็นแผ่นเล็กๆขนาดพอๆกับรอยบุบค่ะ)..แล้วเราพักฟื้นประมาณ 2 เดือนครึ่งค่ะ.....สำหรับคุณ..ลองซัก 2 เดือนกว่าๆก็ไปให้หมอตรวจดูอีกทีก็ได้ค่ะ...เพราะเราก็เคยไปหาหมอนพรัตน์เหมือนกัน...หมอบอกว่า 2 เดือนก็มาดู..อาจจะทำได้เลย..ต้องให้หมอดูก่อนค่ะ.......ขอให้สวยกว่าเดิมมากๆนะคะ...เพี้ยงงงงง..

...สำหรับคุณnikijung...เรื่องขอเงินคืนเต็มจำนวนจากหมอเค้าคงยากอ่ะค่ะ..อย่างมากสุดที่เราจะได้คืน..คือส่วนที่เค้าหักค่าเอาจมูกเราออกไปแล้ว(อาจะหักออกซัก 5000...อย่างที่เค้าเคยพูดกับเรา)....ใจเย็นๆนะคะ...เราเคยเจอมา..
ช่วงนี้ให้พักจมูกไปก่อน..ซัก 1 เดือน..แล้วก็ลองไปทยอยปรึกษาหมอท่านอื่นให้เค้าช่วยรับแก้ไขค่ะ.....
เราว่า..คุณไปรับเงินส่วนที่เหลือมาเพื่อไปแก้ที่อื่นให้มันดีไปเลยดีกว่า...เพราะเท่าที่เราเคยไปโตไกคลีนิค..
แล้วดูประกาศนียบัตรโน่นนี่มา...รู้สึกเค้าไม่ได้จบด้านหมอศัลยกรรมโดยตรงนะคะ...แต่เค้าไปเรียนเอาวุฒิหมอเพิ่มเติมจากต่างประเทศน่ะค่ะ..(ซึ่งเคยมีหมอศัยฯท่านอื่นกล่าวว่า..ประกาศนียบัตรพวกนี้ใครก็ไปเอาได้...?)....
ถ้าเรื่องจมูก..ที่คุณจิตตกอยู่นั้น..เราแนะนำเหมือนเดิมค่ะ..คือไปซื้อพลาสเตอร์มาแปะส่วนที่ยุบไปพลางๆก่อน..อย่างน้อยก็ช่วงพลางไปได้บ้างค่ะ.......สู้ๆนะคะ..........

โดย: pLoiD    เวลา: 2010-6-3 01:32
สู้ๆน่ะคะ เปนกำลังจัยหั้ย อดทนมากจิงๆ ขอหั้ยจมูกสวยไวๆ แล้วอย่าลืมมารีวิวหั้ยดูน้า..
โดย: nbsun    เวลา: 2010-6-3 12:52
เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีค่ะ :)
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-3 15:39
สวัสดีทุกท่านอีกรอบค่ะ...
สวัสดีพี่จีจี้ด้วยค่ะ...ขอบคุณพี่ที่แวะมาเยี่ยมกระทู้หนูนะคะ.....
พอมาตั้งกระทู้นี้..แล้วเมื่อคืนเราก็นั่งคิดทบทวนรายละเอียด..แต่ละเหตุการณ์ที่เราไปทำจมูกมาค่ะ..
รายละเอียดที่ติดใจเรามากที่สุด..ก็คือหมอแพทที่โตไกนี่ล่ะค่ะ..เรามานั่งคิดดีดี...แบบไม่ได้อคตินะคะ..
(ตัดเรื่องจมูกติดเชื้อของเราไปก่อน..)...ตอนที่เราไปทำจมูกกับหมอเค้าอ่ะ....ทั้งการใส่ซิลี่เข้าจมูก..
และตอนที่เอาซิลี่ออกแล้วหมอใส่ไขมันแทน...
เอาเรื่องใส่ซิลี่ก่อนนะคะ...คือ..ตามที่มีคนกล่าวว่า (ทั้งแพทย์ท่านหนึ่งที่ลาดพร้าวนะคะ)...การเสริมจมูก
ใส่ซิลิโคนนั้น..จะต้องเกลาเนื้อเยื่อกระดูกเพื่อให้ซิลิโคนแนบกับโคนจมูกมากที่สุด...ซึ่งนั่นก็หมายถึง...
เวลาคุณโดนเปิดจมูกนั่น..ก่ิอนใส่..หมอต้องตะไบกระดูก่อน ครืดคราดๆๆๆๆ....แต่หมอแพท..ไม่มีค่ะ...
เราไม่รู้ว่าเค้าจะบอกว่าหมอใช้เทคนิคไหน...แต่ที่เราจำได้..หมอเปิดจมูกเราปุ๊ป...หมอก็ให้พยาบาลผู้ช่วย
มาเอาผ้าก็อตมากดปากแผลก่อยเล็กน้อย...แล้วหมอก็ใส่ซิลี่เข้าไปเลย..?..ไม่มีการเกลากระดูกค่ะ....
แล้วด้วยความที่หมอเค้าคงดังกับต่างชาติ...ก็จะมีคนไข้เยอะหนอ่ย..ทำให้หมอทุ่มเทกับเราได้ไม่เต็มที่..
ทำกับเราแป๊ปๆ..ก็จะผละจากห้องไปไหนอีกก็ไม่ทราบ...และหายไป....งิ....
ส่วนเรื่องที่หมอเคยฉีดไขมันให้เราน่ะค่ะ...ตอนที่หมอบอกกับเรา..หมอบอกว่าเป็นไขมันดีที่หมอจะฉีดให้..
แต่เท่าที่เราศึกษาดู..(เล็กๆ)...ไขมันที่หมอเอามาให้เราเป็นลักษณะค่อนข้างเหลว..เป็นก้อนเล็กกระจิ๋ว..
ซึ่งเป็นไขมันที่คงทนน้อยมาก....ซึ่งไขมันที่สมควรนำมาใช้จริงๆ..ควรมีลักษณะคล้ายมันเปลว..เป็นก้อนนุ่มและอยู่ตัว..
ทุกวันนี้(เมื่อคืนนี้เอง)..ปัญหาที่คาใจเราก็หมดไป..ว่าทำไมไขมันที่หมอฉีดให้มันถึงหายไปหมด.......เป็นเพราะไขมันที่หมอเอามา(ควักจากข้างสะดือเรานี่ล่ะ)...มันเหลวไป...ควรจะเอาที่แข็งกว่านี้มา......ตอนนี้คำถามที่ก้องในใจมานาน..
คลายตัวลงละค่ะ...แต่จะจำหมอแพทไว้เลย.....นู๋ยังจำคำพูดหมอที่เคยพูดประโยคนั้นกับหนูได้นะ...ยอมรับว่า..
คิดถึงคำพูดที่หมอบอกว่า "ขี้เกียจ" ขึ้นมาเมื่อไหร่..นู๋ก็ยังจี๊ดๆอยู่บ้าง....แต่ก็ขอขอบคุณหมอส่วนนึงค่ะ...
ที่หมอทำให้หนูมีสติในเรื่่องพวกนี้มากขึ้น...

โดย: Minastirith    เวลา: 2010-6-3 19:31
****ยิ่งกว่ามหากาพย์ lord of the ring อ่านแล้ว เจ็บปวดแทน****
โดย: witsanus    เวลา: 2010-6-3 21:07
เป็น กำลังใจให้ จขกท นะครับ และขอ ด่า ไอ้หมอ คนนั้นด้วย แย่มาก ๆ เลย จะเอา แต่เงิน แต่ไม่มองเลยว่า เราก็เป็น คน ๆ หนึ่ง เราก็มี จิตใจ
โดย: ashii    เวลา: 2010-6-3 22:25
อ่านจนจบ จี๊ดเลยคับ  เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้ครับ
โดย: Nanzy29    เวลา: 2010-6-3 22:54
คุณจขกทคะ
หนูขออนุญาตลงรูปจมูกหนูในกระทู้พี่ได้มั้ยคะ
อยากให้เป็นตัวอย่างที่ไปทำมาอ่ะค่ะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-4 16:33
@คุณ Nanzy29...ยินดีมากค่ะ..ลงรูปได้เลยค่ะ..ไม่มีปัญหา..ทีแรกเราก็อยากลงรูปให้ดูเ้หมือนกัน..แต่
มีปัญหานิดหน่อยตรงที่ว่าเวลาผ่านมาเป็นปี..รูปเลยกระจัดกระจายอยู่ 3-4 ที่...รอรวบรวมมาก่อนค่ะ..แล้วจะค่อยๆลงให้ดูนะคะ..


@คุณ Minastirith...รูปผู้ชายใน Display Pic. หุ่นน่าลูบ..เอ๊ย..หุ่นล่ำดีจังค่ะ...555++
ขอบคุณนะคะที่อ่านจบ..ขนาดเป็นมหากาพย์เชียว...


@คุณ witsanus และคุณ ashii...ขอบคุณที่ช่วยโกรธด้วยนะคะ...แต่เรื่องพวกนี้มันคงดวงใครดวงเค้าด้วยมั้งคะ...ของเราเริ่มที่ความดื้อ..และจบลงที่ซวยสุดขีด(ขอให้อย่าเจอเรื่องพวกนี้อีกเลย..สาธุ)...แต่ของคนอื่นที่ปัญหาคล้ายกันนี่...เอ่อ...พูดไม่ถูกเหมือนกันค่ะ...แต่ขอให้พวกเค้าแคล้วคลาดโดยเร็วค่ะ...
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-4 16:46
ทุกวันนี้..มานั่งคิดกับตัวเองว่าชีวิตผ่านเรื่องอะไรมากก็มากระดับหนึ่ง...
เราเลยขอให้คำจำกัดความการเลือกหมอศัลฯ..(ความคิดส่วนตัวนะคะ)...

การเรลือกที่จะทำศัลยกรรมกับหมอซักคน..เพื่อให้ตัวเองสวย/หล่อ/ดูดีขึ้นมาบ้างนั้น..เราเปรียบเหมือนการเลือกเครื่องสำอางค์.....แบรนด์ดี โฆษณาดี การลงทุนในงบสูง...แต่บางทีไม่ใช่บทสรุปที่จะบอกว่า..สิ่งนั้นจะมาช่วยประทินหนังหน้าเราให้เด้งได้มากมาย..เหมือนตังค์มากมายที่เราเสียไป...การเลือกสิ่งที่ตัวเราเอง..ทุกวันนี้..ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน..ความรู้และข้อมูลมีมากมาย..อยู่ที่ว่าเราจะใส่ใจมาขวนขวายก่อนไหม..หรือรังแต่จะรอฟังเสียงจากปากคนอื่นก่อน?...การที่เรามีข้อมูลที่ดีเบื้องต้นในมือเรา..ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด..เสียงจากปากคนอื่นนั้น..เราถือว่าเป็นแต่เสียงประกอบเสริม..เหมือนกับน้ำที่รินอยู่ในแก้วที่มีก้อนกรวด..ก้อนกรวดคือสิ่งที่เรามี..แต่มันยังเต็มไม่พอ..เราจึงต้องหาน้ำ..เพื่อมาแทรกซึมเพื่อความเติมเต็มที่มากขึ้น.......
...ทุกวันนี้ไม่ว่าสถาบันศัลยกรรม หรือแบรนด์เครื่องสำอางค์..ต่างผุดขึ้นมาตามที่ต่างๆทั่วไปมากมาย...ใช่..ตรงจุดที่ว่าเราสามารถจะเดินเข้าไปหาที่ไหนก็ได้..ที่ไหนก็ต้องรับเรา..เพราะเราเอาเงินมาให้เค้า...แต่คุณอย่าลืมมองตัวคุณเอง...ว่าคุณจะไว้ใจคนอื่นที่คุณกำลังหยิบยื่นตังค์ให้..เพื่อให้เค้ามาบอกกล่าวข้อมูลอันดีเลิศของเค้าฝ่ายเดียวหรือ?...
จงอย่าหลงมัวเมาไปกับคำโฆษณา..แต่จงใช้ปัญญาของท่านเอง..เป็นสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุด...

โดย: nikijung    เวลา: 2010-6-4 17:49
ว้าว วันนี้คุณ whitevanilla มาแบบปรัชญาด้วย
เราอยากเห็นรูปคุณ whitevanilla ตอนนี้ด้วยอ่ะค่ะ ว่าเป็นยังไงแล้วบ้าง ส่วน รูปในอดีตอันโหดร้ายก้ค่อยๆ มาทะยอยลงก้ได้ค่ะ
เราจะตามมาคุย คุ้ย กระทู้นี้เรื่อยๆ นะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-4 18:17
เรื่องรูปจะค่อยๆทะยอยลงให้นะคะ..ไปเก็บมาได้บางส่วนละค่ะ...
ห่ะห่ะห่ะ..ช่วงนั้นที่จมูกอักเสบ..จมูกบวมไม่พอ..พาบวมไปทั้งหน้าเลย..(ไปดูภาพแล้วตกใจเล็กน้อย...-*-)..
พอเอาจมูกออก..หน้าก็เรียวเหมือนเดิม..แปลกดีแท้...
ใครเคยมีประสบการณ์อะไรแปลกๆ...ก็แชร์กันบ้างเน้อ...ช่วยๆกันแชรื..ช่วยๆกันฟัง..จะได้สบายใจค่ะ..

โดย: Nanzy29    เวลา: 2010-6-4 23:04
หนูขออนุญาตจขกทด้วยนะคะ
รูปนี้คือก่อนทำเลย


หลังจากเสริมจมูกที่โตไกสองวันเริ่มเป็นจุดหนองๆตรงปลายจมูก แล้วมันก็ลามใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงวันที่สี่..ก็ไปหาหมอ
เราลองลูบๆมันก็ไม่นูนนะ
ในรูปคือเช้าวันที่4นะคะ


หลังเสริมประมาณสองอาทิตย์จมูกเราเริ่มเห็นสันชัดมากขึ้น
แถมตรงหัวตาแอบเบี้ยวขวานิดนึงอีกต่างหาก เฮ้ออ.......


หลังถอดซิลิโคนประมาณสองอาทิตย์ จมูกเราก็แข็งมากขึ้น
ก็คิดว่าน่าจะเป็นพังผืด.....
แต่ที่เจ็บใจที่สุดคือ ปลายจมูกเราหดขึ้นไปนี่แหละ
แถมวันที่เราไปถอด เค้าก็ตอบอย่างมั่นใจว่า จมูกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆที่เราถามว่า จมูกหนูเคยอักเสบนะ
Heก็ย้ำเหมือนเดิมว่า เหมือนเดิมแน่ครับ เพราะตอนนั้นจมูกคุณไม่ได้อักเสบมาก
หลังถอดทันทีเราไม่ได้ถ่ายไว้อ่ะ แต่เราลงรูปปัจจุบันแล้วกัน


ช่วงนั้นเราเข้าไปในเวบๆนึงล่ะค่ะ ตามที่พี่จีจี้ได้กล่าวไว้
เห็นผลงานของหมอท่านนั้น และหลายๆคนไปทำแล้วออกมาสวย
ซึ่งตอนแรกเราเลือกไว้ระหว่างหมอแพท กับหมอนพรัตน์  แต่เราเข้าไปปรึกษาหมอแพทก่อน
ด้วยเหตุผลที่เราอยู่เมืองไทยไม่นาน และเราตัดสินใจเร็วไปด้วย เลยทำกะแกเลยล่ะค่ะ
ตอนแรกกะจะทำตาสองชั้นเฉยๆ ยังไม่คิดจะเสริมจมูก
พี่ๆผู้ช่วยเค้าก็เชียร์ให้เสริมจมูกด้วย ไหนๆก็กลับมาแล้ว คิดไปคิดมาเลยทำทั้งสองอย่างเลย..

ไม่รู้ว่าลงรูปแบบนี้จะโดนลบป่าวหว่า... เหอะๆๆ
แต่ก็ไว้เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆที่คิดจะศัลยกรรมนะคะ ว่าการที่เราจะเสริมอะไรเข้าไปในร่างกายต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ
เข้าไปปรึกษาหมอหลายๆท่าน แล้วค่อยตัดสินใจทำ  

ส่วนเรื่องตาสองชั้นที่ทำมาก็มีปัญหาเหมือนกัน คือเค้าไม่ได้เอาไขมันบนเปลือกตาออกเลย
ตอนนี้ชั้นตาเลยตกลงมาทับกัน เอาแบบว่าออกไปเดินอากาศร้อนๆข้างนอก..
เหงื่อมันออกในชั้นตาที่มันทับกันอ่ะ.. จนต้องเอากระดาษทิชชู่ซับชั้นตาอ่ะ นึกออกมั้ย5555+ สมเพสตัวเอง

เรานัดแก้ตากับจมูกวันที่2กรกฏากับหมอนพรัตน์แล้วล่ะค่ะ
แล้วจะกลับมารีวิวกันนะคะ

โดย: nikijung    เวลา: 2010-6-4 23:32
คุณ Nanzy29 คะ ตอนนี้จมูกเราก้ดูข้างๆ ก้เป็นแบบคุณเลย
เรากะลังดูแก้ไข และดูรีวิว หลายๆคนอยู่เหมือนกัน แล้วก้มีหมอ นพรัตน์ อยู่ในใจด้วย
ยังไง แก้ไขกับหมอนพรัตน์แล้วมา รีวิวให้ดูด้วยนะคะ

เอาใจช่วยค่ะ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-5 15:15
@คุณ Nanzy29...โอ...ไม่เป็นไรนะคะคุณแนน...เท่าที่ดูจากรูป..ของคุณยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ค่ะ...คาดว่าถ้าแก้ออกมาจะทำให้จมูกคุณกลับมาสวยได้ค่ะ...เพราะขนาดของเราบุบเข้าไปยิ่งกว่าคุณแนนอีก...บุบุบ..แบบเหมือนแหว่งไปน่ะค่ะ...ของเรายังกลับมาได้ใกล้เครียงเดิมมากๆ....และเราคิดว่าถ้ากลับไปแก้ไขอีก..น่าจะดีขึ้นกว่านี้..แต่เราขอรอเวลาไปก่อน...แต่ของคุณแนน..ได้คิวกับคุณหมอแล้ว..สู้ๆค่ะ..อีกเดือนกว่าๆก็ได้จมูก(ที่สวยกว่าเดิม)กลับมาละค่ะ...ว่าแต่..ก่อนหน้านั้นคุณแนนได้บอกเล่าเกี่ยวกับจมูกให้หมอฟังแล้วใช่ไหมคะ..เพราะถ้ายิ่งบอกหมอละเอียด..หมอเค้าก็จะได้เอาข้อมูลไปพิจารณามากขึ้นด้วยนะคะ...^^
โดย: amp_cute    เวลา: 2010-6-5 20:57
มาเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
โดย: chaya    เวลา: 2010-6-5 21:55
นับถือใจคุณจริงๆ  สู้ๆนะคะ ผู้หญิงอย่าหยุดสวยคะ
โดย: Nanzy29    เวลา: 2010-6-5 22:46
@คุณ Nanzy29...โอ...ไม่เป็นไรนะคะคุณแนน...เท่าที่ดูจากรูป..ข ...
ต้นฉบับโพสต์โดย whitevanilla เมื่อ 2010-6-5 15:15

ขอบคุณมากค่ะ เราเองก็หวังว่าแก้ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตเรา(ถ้าเราไม่โลภมากอยากได้โด่งกว่าเดิมอีกนะ 5555)
ขอบคุณคุณจขกท.ที่ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาให้เราได้ออกมาระบาย ออกมาพูดความจริงบ้าง
แต่ก่อนคิดว่าเป็นเราคนเดียวที่มีปัญหาซะอีก= = เพราะดูจากที่รีวิวมาไม่เคยมีใครมีปัญหาแบบเรา
ตอนนี้ที่เราเครียดมากกว่าคือปลายจมูกมันแข็งๆนี่แหละ ไม่รู้ว่าเราต้องเอากระดูกอ่อนรองปลายด้วยรึเปล่านี่สิ
ไม่รู้ต้องบวกชาร์ตเท่าไหร่ ทำเสดพอดีกระเป๋าแบนกลับบ้านแหงมเลย
โดย: hidek    เวลา: 2010-6-5 22:54
สุสุน่ะครับ เพื่อนเพื่อน ทุกคน ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากเสริมจมูก แต่พอได้มาอ่านแล้วถึงกลับอึ้งไปเลย

กลัวผลที่จะตามมาหลายๆอย่าง
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-6 17:02
คุณแนนลองถามราคารวบยอดกับหมอก่อนก็ได้ค่ะ..จะได้เตรียมใจเตรียมตังค์ด้วย..
...จมูกคุณแนน..ทำได้สวยแน่ค่ะ..เพราะรูปทรงเดิมก็ดีอยู่แล้ว..แล้วรูปที่จมูกเสียไป..แต่รูปเดิมก็ยังคงสวยอยู่..
ส่วนเรื่องจะใช้กระดูกอ่อนหรือไม่..ลองถามหมอก็ได้ค่ะ..แต่จะใช้หรือไม่จริงๆนั้น..เดี๋ยวหมอเค้าคงประเมิณตามความเป็นไปได้ค่ะ......


อ่ะ..แท่นแท๊น...ได้เวลาลงรูปอันมากมายของเราค่ะ...(ลงไม่ค่อยเป็นเนอะ)...
เราคัดๆเท่าที่จะเป็นค่ะ.....ไล่ตั้งแต่รูปที่ 1-11 ดังนี้...
1.  ปลายจมูกที่ทำมาครั้งแรกเริ่มแดงและเจ็บ..พอไปเอาออกที่ ต. หมอบอกว่าติดเชื้อ..
2.  ไปหาหมอที่ ต. และได้ขอหมอทำให้ใหม่(ฮือๆ)...หมอระอาใจจึงทำให้...แต่หมอทำเบี้ยวตั้งแต่แรก??
     เราก็ถามหมอว่า..เอ่อ..เบี้ยวรึเปล่าคะ..หมอมาจับๆและก็บอกว่า..เอ่อ..นั่นสิ..แล้วเดินจากไป.....T T
3.  ผ่านไปวันที่ 2 ของจมูก..รู้สึกดีว่าจมูกเหมือนจะสวย..แม้จะเบี้ยวนิสส์..พอทำใจได้...แต่สันแดงมั่ก...
     ช้ำด้วย..เจ็บนิสๆ..(จริงๆเป็นตั้งแต่ตอนก้าวออกจากที่ผ่าตัดแระ)
4.  วันที่ 12 เริ่มบวมฮ่ะ...สันจมูกและปลายจมูกก็เริ่มแดงระเรื่ออย่างเป็น(ผิด)ธรรมชาติ...ได้ขอหมอเอาออก..
     แต่หมอแอบสมน้ำหน้าเรานิสๆ..จึงรวนเล็กๆว่า.."ยังขี้เกียจอยู่"......."เอาว่าฉีดยาละกันเผื่อดี"..
5.  วันที่ 16 หลังจากกลับจากการหาหมอมา(หมอฉีดยานรกให้..โอ๊ย..โอ๊ย..)..ก็ยังคงบวมและแดงมากอยู่..
6.  วันที่ 21 ไปหาหมอเพื่อฉีดยาอีก..(โอ๊ยย..โอ๊ยยยย).....ก็ยังบวมอย่างไม่ย่อท้อ...
7.  วันที่ 26 ไปหาหมอฉีดยาครั้งสุดท้าย..(ระบมทั้งตัวแย๊วว)..พร้อมขอหมอให้เอาออกให้...โฮๆ..
8.  วันที่ 30 หมอได้เอาจมูกออกให้พร้อมทั้งบอกว่าจะเอาไขมันฉีดให้แทน(ไขมันตัวเอง)..ตอนทำออกมาใหม่ๆ
ก็เหมือนลูกโป่งใส่น้ำอ่ะค่ะ..สันช้ำมาก ปลายช้ำมาก....จิตใจ..ชีช้ำกะหล่ำปลีมาก~
9.  5 วันผ่านไปกับการฉีดไขมัน...ไขมันหายไปหมด!!??..ปลายเชิดแถมปลายบุบด้วย.....
10.  ปลายบุบค่ะ...ที่เห็นสีน้ำตาลๆตรงปลายน่ะ...เราเอาปลาสเตอร์มาแปะไว้..เนื่องจากมันแย่มากกก...
       บุบลึกมาาากกกกกกกกก.....

11.  รูปสุดท้าย..เป็นรูปจมูกใหม่ล่าสุดกับหมอ อ. ค่ะ..แก้ให้ดูดีขึ้นมาก..แต่เนื่องจากของเดิม..รูปทรงมัน
       อาการโคม่าจัด..หมอทำให้ดีที่สุดแล้ว..แต่ก็ยังพอเหลือร่องรอยอารยธรรมตรงหลายเล็กๆ..
        (ซึ่งปัจจุบัน ณ ตอนนี้..จมูกเกือบปี..ปลายได้ดูฟูขึ้นมาเนื่องจากจมูกเริ่มเข้าที่เข้าทาง..ทำให้ดูดีขึ้นมากแล้ว

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-6 17:09

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-6 17:12
แต่ละภาพให้สังเกตุสันจมูก กับปลายไว้ค่ะ...
โดยเฉพาะภาพที่ 5 (ด้านบน..) ปลายจะเริ่มตกลงมาก..ปลายหยดน้ำช่างแหลมมาก...และแดงมากๆค่ะ..
แถมสันบวมด้วย..(ลามบวมไปทั้งหน้า..เกี่ยวเปล่าหว่า..อิอิ..)

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-6 17:17

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-6 17:21
ปลายจมูกที่บุบไป...ของจริงแยากล่านี้ค่ะ..บุบไปลึกพอตัว..แต่มันดูไม่ลึกมาก..
เพราะในภาพเราเอาปลาสเตอร์ตัดชิ้นเล็กๆมาแปะไว้ค่ะ......คือตอนนั้นรับตัวเองไม่ได้..แต่ก็พยายามถ่ายเก็บไว้..

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-6 17:24
แล้วนี่คือจมูกล่าสุด..แต่ภาพนี้ตอนทำได้ประมาณเดือนครึ่งนะคะ..


โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-7 14:22
จากภาพจมูกด้านบน..สังเกตุตรงปลายนะคะว่ามันดูแหว่งไป...
ซึ่งก่อนแก้นั้น..มันดูแหว่งลึกกว่านี้มาก......ส่วนตุ่มๆตรงข้างจมูก...รู้สึกจะเกิดจากเข็มที่หมอฉีดยาชาให้..
มันดูเป็นตุ่มสิวหัวขาวเนอะ...เห่อะๆ...ทุกวันนี้ก็ยังอยู่..ใครพอช่วยบอกวิธีรักษาหน่อยได้ไหมคะ...
ต้องไปกดออกรึเปล่า...เพราะยาสลายสิวหัวขาวเราก็ใช้มาแล้ว..แต่มันไม่ยุบ....

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-7 14:31
ชื่อกระทู้: RE: UPรูปจมูกที่เคยมีปัญหา..กับจมูกที่แก้ไขปัจจุบันค่ะ
ดูโด่งตั้งแต่หัวตามาเลยเอนะ...แต่ตอนนั้นมันยังยุบไม่หมดค่ะ...


โดย: jam_treetippa    เวลา: 2010-6-7 15:18
ขอบอกว่าเจ้าของกะทู้ตาสวยมากๆ  นอกเรื่องหน่อยน้า อดไม่ได้จริงๆ ตาสวยจนเด้งออกมาเรย
โดย: milojung    เวลา: 2010-6-7 16:15
ขอบอกว่าเจ้าของกะทู้ตาสวยมากๆ  นอกเรื่องหน่อยน้า อด ...
ต้นฉบับโพสต์โดย jam_treetippa เมื่อ 2010-6-7 15:18


เห็นด้วยค่ะ ตาสวยมากอ่ะ
โดย: kitty_a    เวลา: 2010-6-7 17:53
อะไรที่แย่ๆ ที่เลวร้ายๆ ที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์ค่ะ ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป นับจากนี้ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามานะคะ

หลังฝนซา ... ฟ้าใส สวยงามเสมอคะ... สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจ
โดย: ashii    เวลา: 2010-6-7 20:03
ตอนนี้ จขกท. อาการดีขึ้นมากแล้ว

ขอให้กลับมาสวยเหมือนเดิมนะครับ

รู้สึกว่าจมูกดูดีขึ้นมากมายหลังจากที่ได้แก้ไขครั้งล่าสุด

แต่.. ตาสวยมากเลยครับ

สู้ๆ ครับ เอากำลังใจมาฝากเต็มที่เลยครับ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-7 20:08
แก้ไขล่าสุดโดย whitevanilla เมื่อ 2010-6-7 20:09

ตอบกลับ 75# jam_treetippa

^///^.....ขอบคุณค่ะคุณแยม...คุณแยมก็สวยนะคะ..หน้าตาคมแบบหวานๆ..
มองเพลินดีค่ะ....อุอุ

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-7 20:12
ตอบกลับ 77# kitty_a


ขอบคุณค่ะ...เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำมากมาย...เป็นสิ่งที่ได้มาไว้สอนตัวเองในหลายเรื่องได้เป็นอย่างดีค่ะ...^^
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-7 20:25
ตอบกลับ 78# laink

นับว่าพี่จีจี้ยังบุญรักษามากเลยค่ะที่เลือกที่ไม่ผิด..ดีใจกับพี่ด้วยค่ะที่ได้จมูกสวยและปลอดภัย...แต่ว่าไป..ก็นับเป็นความโง่และตาบอดของเราเองด้วยแหล่ะ..เพราะเห็นทั้งเห็นกับตาตอนที่ระหว่างรอหมอ..ว่าหมอเค้าไม่ได้่จบด้านหมอศัลยกรรมมาโดยตรง..แต่มีประกาศนียบัตร(ไม่ใช่ใบปริญญานะคะ)จากนอก..ไม่แน่ใจว่าของฝรั่งเศสรึเปล่า......นั่นแหล่ะค่ะ..สำหรับการที่เคยคุยกับคุณหมอ..ก็รับรู้ว่าหมอเค้าเป็นคนออกแนวพูดห้วนๆหน่อย..แต่เราก็ ignore ไป..เพราะคิดว่านิสัยคนอาจจะไม่เหมือนกัน...มีสัญญาณเตือนหลายอย่างละค่ะ....เชื่อป่ะพี่..ว่าแม้กระทั่งสัญชาติญาณยังเตือนเลย..เพราะเช้าวันที่หมอนัดทำจมูกน่ะ...เรารู้สึกไม่อยากไปมากๆ...มันมากจนผิดปกติจัด...แต่เราก็ยังคงฝืนสัญชาติญาณไป......ทุกวันนี้ก็ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ค่ะ....

ได้ข่าวว่าจะมีน้อง...อีกกี่เดือนคลอดคะ...ขออวยพรล่วงหน้านะคะว่า..ขอให้น้องน้อยคลอดง่าย เลี้ยงง่าย และเป็นคนที่ดีของพ่อกับแม่ค่ะ........ยินดีด้วยนะคะ

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-7 20:29
ตอบกลับ 79# ashii


ขอบคุณสำหรับอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ...
มีคนพูดถึงตาบ่อยแฮะ..เพิ่งมีคนที่ DD นี่ล่ะค่ะที่ชมว่าตาสวย...เพราะส่วนใหญ่จะได้ยินบอกว่าตาเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกมองเหยื่อ....(ฟังดูไม่ดีเลยเนอะ)...-*-..

โดย: ashii    เวลา: 2010-6-7 20:36
ตอบกลับ  laink

นับว่าพี่จีจี้ยังบุญรักษามากเลยค่ะที่เ ...
ต้นฉบับโพสต์โดย whitevanilla เมื่อ 2010-6-7 20:25



ขอค้านนิดนุงนะครับ..

ชิว่า จขกท. ไม่ได้โง่และไม่ได้ตาบอดด้วย (เราแค่มองโลกในแง่ดีในตอนนั้นไงครับ)

เป็นธรรมดานะครับ คนเราอาจจะมีการตัดสินใจผิดพลาดไปบ้าง (ชิอ่านตามแล้วยังจี๊ดไปด้วยเลย)

แต่..อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ เสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ

ตอนนี้เรามาชมจมูกอันใหม่ที่ดีขึ้นมากมายแล้วดีกว่า

ประสบการณ์เอาไว้แค่เตือนตัวเราพอครับ

แต่อย่าให้มันมาทำร้ายจิตใจเรา

ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ แม้ผิดพลาดไปบ้าง

แต่มีประโยชน์ มีคุณค่าสำหรับคนที่คิดจะทำศัลยกรรมทุกคนให้ไตร่ตรอง  คิดตามไปด้วย

สู้ ๆ นะครับ แอบได้ยินมาว่าจะอัพให้สวยอีกหลายโครงการ

เอาใจช่วย + เป็นกำลังใจให้ครับ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-7 20:50
ตอบกลับ 84# ashii

ซิก..ซิก..ขอบคุณมากเลยค่ะ...
เรื่องโครงการในอนาคตที่จะทำอีก..ก็คงจมูกนี่ล่ะค่ะ..อยากจะแก้ไขให้ดีไปเลย..แต่รอให้เจ้าจมูกอันนี้ผังผืดเดิมมันเข้าที่และคลายตัวสุดๆก่อน...อาจจะซักปลายปี..ไม่ก้ปีหน้าเลยน่ะค่ะ...
แล้วคุณอชิหัดทำอาหารอยู่เหรอคะ...จากรูปท่าทางมุ่งมั่นมั่ก~

โดย: ashii    เวลา: 2010-6-7 20:57
แหะ ๆ โดนทักเป็นครั้งที่ 2 ของวัน

กำลังหัดทำกิมจิน่ะครับ  โดนพี่เขาแอบถ่ายนะครับ

วันแรก สยองตัวเอง เหมือนจะกินไม่ได้  แต่อาจารย์เขาบอกว่าไม่เป็นไร

เด๋วจะส่งไปให้เด็กในเกาหลีเหนือ T_T สงสารเด็กอ่ะครับ

ตอนนี้พัฒนาแย้ว อิอิ ทำได้ละครับ แต่ไม่จำหน่ายครับ ชิทานได้คนเดียว   กรำ ๆๆ  *_*' ไม่แตกต่างครับ อิอิ

สาเหตุที่ใช้รูปนี้เพราะ ตอนนี้รอคิวทำตะหมูกอยู่ครับ ยังไม่ผ่าน อย. เด๋วไม่มีคนคุยด้วย

ถ้าก้ม ๆ แบบนี้ จะดูหล่อมากๆ ครับ


โดย: ashii    เวลา: 2010-6-7 23:59
เก่งจังไปเรียนทำกิมจิถึงเกาหลี
นับถือมากๆเลยค่ะ

ถ ...
ต้นฉบับโพสต์โดย laink เมื่อ 2010-6-7 22:21



ที่ชิไปเรียนนี่ พอดีไกด์เขาพาไปอ่ะครับพี่จีจี้ จริงๆแล้วมุ่งมั่นไปเล่นสกี อิอิ

แต่ด้วยความที่ชอบกินกิมจิอยู่แล้วเลยขอให้อาจารย์ที่นั่นช่วยสอนเป็นพิเศษ

การทำก็ยุ่งยากพอสมควร  แต่ก็พยายามจนทำได้จริงๆอ่ะครับ แต่คงเปิดร้านไม่ไหวอ่ะครับ

เพราะทั้งร้านชิคงมีแต่กิมจิอ่ะครับ แหะๆๆ อายจัง

อีกอย่างหน้าไทยด้วยครับ หน้าไม่ผ่าน

ถ้าให้กลับไปสอนร้องเพลงอยู่บางกอก  เหมือนมะก่อนถ้าจะดีกว่าครับ

แต่ก็ติดภารกิจ เป็น ขรก. อยู่ ตจว. อ่ะครับ ตอนนี้
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-8 16:30
ตอบกลับ 88# laink


คุณนกน้อยเสียค่าทำจมูกกับคางแพงจังค่ะ..(ถึงจะเป็นเคสแก้จมูกก็เห่อะ)...
ทีแรกมีคนรู้จักเค้าอยากทำตาแบ๊วแบบเกาหลี..ก็ไปถามที่หมอแพทเนี่ยอ่ะค่ะ..หมอคิด 30000...เย็บ 3 จุดหรือไรซักอย่าง...เพื่อนกระอักเลย...30000....รีบถอยทัพกลับบ้านไปหาข้อมูลที่ใหม่ไป...เพื่อนบอกแพงเวอร์..แต่เราก้ไม่มีความรู้ข้อมูลด้านทำตาอ่ะนะ..ก็เลยไม่รู้ว่าราคาที่สมเหตุสมผลควรจะเป็นเท่าไร่......แล้วมีเพื่อนอีกคนค่ะ..เค้าไปปรึกษาอยากทำจมูกกับหมอดังที่แถวซอยรัชดาฯ(ไม่ใช่ที่ฟอร์จูนนะคะ)...หมอถามเพื่อคำแรกเลยว่าทำเพื่อไปเป็นดารารึเปล่า..เพื่อนก็งงๆ..เลยบอกไปว่าก็อาจจะค่ะ..(เพื่อมีโครงหน้าคล้ายนุ่น วรนุช น่ะค่ะ)....พอบอกหมอไปงั้น..หมอเลยบอกว่า..งั้นถ้าจะไปเป็นดาราก็ราคา 250000....ค่ะ..สองแสนห้า....แอร็กกกส์.....หมอบอกว่าจะตะไบกระดูกตรงจมูกให้ได้ทรงและวค่อยเสริมซิลี่........เพื่อนก็ถอยทัพเช่นกันค่ะ......250000...ดาวน์รถกันได้เลย....แต่ถ้าคนมีตังค์คงไม่มีปัญหาน่ะค่ะ.....

นอกเรื่องไปไกล....สำหรับคุณนกน้อย..แล้วจมูกของเค้าเป็นอย่างไรบ้างคะ...หรือเค้าเอาออกเฉพาะคางคะ......แต่เรื่องแผลคีรอยน์นี่...ที่หมอกรีดรอยที่ข้างสะดือเพื่อเอาไขมัน..(ไขมันเปราะๆ..หึหึ)...ขนาดแผลแค่ครึ่งเซ็นฯของหนู...มันยังเป็นคีรอยน์เลยค่ะพี่จีจี้..งงดีเหมือนกัน....แผลนิดเดียวก็กลายเป็นคีรอยน์.....แล้วแผลคีรอยน์ของคุณนกน้อยนี่..ชัดมากไหมคะ....ถ้าชัดมา..อาจจะต้องรักษาด้วยเลเซอร์ควบคู่ใช่ไหมคะ...

ส่วนเรื่องกำหนอการคลอดลูกของพี่....คลอดช่วงหน้าหนาว(หนาวมาก)พอดี....คลอดออกมาคงกอดกับคุณแม่อุ่นกันเลยล่ะค่ะ.....หึยยย...นึกถึงเด็กขาวๆตัวนุ่มๆแล้วหมั่นเขี้ยว....

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-8 16:37
ตอบกลับ 91# ashii

แค่กิมจิอย่างเดียวก็ทำได้หลายเมนูอร่อยแล้วค่ะคุณอชิ...
แล้วว่าแต่...ขรก. คืออะไรน่ะคะ......

โดย: ashii    เวลา: 2010-6-8 17:33
ตอบกลับ  ashii

แค่กิมจิอย่างเดียวก็ทำได้หลายเมนูอร่อย ...
ต้นฉบับโพสต์โดย whitevanilla เมื่อ 2010-6-8 16:37



ข้าราชการอ่ะครับ พอดีย่อไปหน่อย

แต่ช่วงนี้งานเข้าครับไม่ค่อยได้ทำอะไรทานเองเลย
โดย: ashii    เวลา: 2010-6-8 17:35
แก้ไขล่าสุดโดย laink เมื่อ 2010-6-8 17:30




    ตาเกาหลีเย็บทำ ...
ต้นฉบับโพสต์โดย laink เมื่อ 2010-6-8 17:20



แพงระยับจับจิตมากๆเลยครับพี่จีจี้

สงสัยชิคงต้องแว๊บไปสอบถามคุณหมอสอง ท่าจะดีกว่า
โดย: ashii    เวลา: 2010-6-8 21:47
แก้ไขล่าสุดโดย ashii เมื่อ 2010-6-8 21:48
ทำกิมจิขายส่งก็สามารถเปิดกิจการได้แล้วค่ะน้องช ...
ต้นฉบับโพสต์โดย laink เมื่อ 2010-6-8 17:48



ตอนนี้ฝีมืออยู่ในระดับทานได้ในครอบครัวคับ ไม่กล้าขาย เด๋วไว้เก่งๆกว่านี้ก่อนครับ ไม่แน่

ถ้ามีโอกาสจะส่งให้พี่ๆ ไปลองทานดูว่าจะท้องเสียป่ะ อิอิอ

ตอนแรกที่บ้านตกกะใจว่า ลูกทำไมซื้อถุงมือมา แบบมุ่งมั่นมาก ชิกลัวไม่สะอาดครับ

อาจารย์เน้นย้ำเรื่องความสะอาดมากๆ จะได้ไม่เสียชื่อท่าน  

ปล. ครั้งแรกที่ทำแม่บอกว่า มันใช่กิมจิแน่หราลูก หน้าตามันเหมือนผักดองแถวบ้านเราเลยนะ กรำ  
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-9 15:03
ตอบกลับ 97# laink

อยากทำตาแบ๊วๆบ้าง...แต่เห็นเค้าก็ว่าประเภทเย็บจุดนี่มีทั้งข้อดีข้อเสียเหรอคะ..เห็นแว๊บๆว่า..จุดที่เย็บอาจจะคลายตัวหลุด.....แต่เคยเห็นภาพที่เค้าทำเหมือนกันค่ะ..ตาโต๋โต....ปกติตามรูปตาที่เห็นในภาพของเรา...เราเป็นคนหางตาชี้ขึ้นน่ัะค่ะ..(ตามันเลยดูแปลกๆกว่าคนอื่น?)....เลยมานั่งคิดว่าถ้าเย็บตาแบ๊ว..จะทำให้ตาดูดีขึ้นรึเปล่า.......แต่เรื่องทำตานี่..ต้องขอแว่บไปคุยกะหมอนพฯอีกรอบแระ...สนใจๆ......

อ้อ..ช่วงที่ท้อง..พี่จีจี้อย่าลืมทานโยเกิร์ตด้วยนะคะ..เพราะตอนท้องจะทำให้เราท้องอืดท้องเฟ้อน่ะค่ะ...
ทานวันละซัก 2 ถ้วยก็ดีค่ะ...จะส่งผลดีถึงระบบขับถ่ายลูกด้วย..(เราเคยทานมาแล้ว..ดีค่ะๆ)

โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-9 15:12
ตอบกลับ 95# ashii

อ่อ..คุณอชิเป็นข้าราชการเหรอคะ...ดีจัง..ยังมีเวลาเที่ยวด้วย...เพื่อนเราคนนึงก็เพิ่งผันตัวมาเป็นข้าราชการ..แต่ยังต้องฝึกไปก่อน 2 ปี..แล้วค่อยหาที่ลงว่าจะลงจังหวัดไหน..ตอนนี้เห็นตระเวณเหมือนทัวร์ทั่วไทยเลยค่ะ...(เป็นข้าราชการช่างเข้ายากเหลือเกิน..)..
ส่วนกิมจิ..สงสัยมานานละค่ะ..ว่ารสกิมจิจริงๆนี่มันควรจะเด่นรสไหน....เป็นบางที่ที่ไปผักเหี่ยวๆเปรี้ยวๆ....บางที่ผักอวบกรอบ..แต่เค็ม+เปรี้ยวนำ.....บางที่รสที่ออกเปรี้ยว+หวาน+เค็มเป็นรสเด่น..........
หรือว่าแต่ละคนที่ทำเค้าจะมีมาตราฐานรสลิ้นของเค้าเองคะ?....แห่ะๆ..อยากรู้น่ะค่ะ...
โดย: ashii    เวลา: 2010-6-9 21:09
ตอบกลับ  ashii

อ่อ..คุณอชิเป็นข้าราชการเหรอคะ...ดีจัง..ย ...
ต้นฉบับโพสต์โดย whitevanilla เมื่อ 2010-6-9 15:12



ที่ได้ไปก็ลาไป 1 อาทิตย์หลังเคลียร์งานเสร็จ ไปหลั่นล๊า ลั่นล๊า ครับ ให้รางวัลกับชีวิตบ้าง ไปเพื่อศึกษาชีิวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม สภาพภูมิประเทศ อากาศที่ไม่เหมือนบ้านเรา (พูดซะดูดี จริงๆ ไปเล่นสกีเป็นหลัก แหะๆ)

กิมจิ รสเด่นๆ ผักที่นำมาปรุงนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากครับที่จะทำให้รสชาติ ออกเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานนิดๆ

ตอนชิไปเรียน จริงๆ อาจารย์เขามีน้ำปรุงสำเร็จรูปให้เราครับ แต่ด้วยความอยากรู้และความมุ่งมั่นมาก  ว่าอยากทำเป็นจริงๆ อาจารย์เขาก็ใจดีครับ สละเวลาเพิ่ม ประกอบกับวันนั้นทางทัวร์มาที่โรงเรียนเป็นที่สุดท้าย และเพื่อนๆที่ไปด้วยกันไม่ขัดข้อง และท่านอื่นๆก็อยากทราบเช่นกัน  ซึ่งอาจารย์บอกว่าดีใจที่คนต่างชาติชื่นชอบในวัฒนธรรมบ้านเขา  ซึ่งจริง ๆ กิมจิจะเป็นการถนอมอาหารเพื่อนำมารับประทานในฤดูหนาวที่ไม่ค่อยมีผัก โดยสมัยก่อนจะใช้พวกเศษผัก มาปรุง (คนเกาหลีจะอดทนสูง และทำงานหนักมากๆ มีความเป็นชาตินิยม และเป็นสังคมชุมชนที่เข็มแข็ง) เขาถ่ายทอดเป็นภาษาอังกฤษนะครับ เนื่องจากภาษาเกาหลีของชิ ไม่กระดิกเลย อิอิ  ใจความก็ประมาณนี้ครับ

แต่ปรากฎว่าเขาทำแล้วอร่อยจนเป็นที่เลื่องชื่อ
ถ้าผักที่นำมาปรุงยังสดใหม่ ไม่แก่จนเกินไป รสชาติจะหวานๆมากกว่า แต่ตอนเราดองแหละครับ ตัวกำหนดรสชาติที่แท้จริงก็คือ เวลาและภาชนะที่บรรจุ จะกำหนดรสชาติ

ซึ่งรสชาติที่คนเกาหลีนิยมจะเค็มๆ เผ็ดๆ เปรี้ยวนิดหน่อย อาจไม่ค่อยถูกปากคนไทยอย่างเราเท่าไหร่นัก (ค.ห. ส่วนตัวจากประสบการณ์ที่สังเกตนะครับ)

จริงๆ การปรุงอาหารไม่มีกฎอะไรตายตัวหรอกครับ เอาเป็นว่าชอบแบบไหน เอารสนั้นนำก่อนเลยได้ครับ

ถ้าถามว่าชิชอบทำอาหารไหม คำตอบคือเป็น 1 ในกิจกรรมที่สนใจครับ ชิจะพยายามเรียนรู้ทุกอย่างให้ได้มากที่สุด
รถยนต์ก็ชอบ กีฬา ดนตรี พวกนี้ก็จะมีความรู้มากเป็นพิเศษหน่อยครับ แต่เด่นสุดคือร้องเพลง เพราะสามารถทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้สมัยเรียน ป.ตรี (ยิ่งพูดยิ่งแก่ 555)
โห..ยาวจัง โม้เพลิน ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะได้รับประโยชน์หรือจะงงมากกว่าเดิมก็ไม่รู้ครับ อิอิ


โดย: ashii    เวลา: 2010-6-9 21:45
ดีจังเลยรับราชการแล้วได้ไปเมืองนอกด้้วย
น่าอิจฉา

...
ต้นฉบับโพสต์โดย laink เมื่อ 2010-6-9 21:23


สำรับที่โรงเรียนที่ชิไป ชิว่าบอกหมดเลยนะครับ แต่อาจารย์ท่านย้ำว่าคุณต้องฝึกฝนต่อไป

บอกมากกว่าสูตรที่เคยซื้อมาอ่านอีกนะครับพี่

อาจารย์บอกว่า การทำอาหารเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ซึ่งพอท่านรู้ว่า เราเคยอ่านเคยศึกษามาบ้างก็ยิ่งประทับใจ

แต่เนื่องจากเวลาที่เรียนน้อยครับ แต่ท่านก็บอกว่า หากฝึกฝนต่อไปก็จะทำได้แน่นอน

กลับมากำลังใจดีจนที่บ้านตกใจเลยครับ

นำวิถีชีวิตดีๆที่นั่นมาปรับใช้ได้พอสมควรเลยครับ เราอดทนมากขึ้น ทำเพื่อคนส่วนรวมมากขึ้น

เกิด "จิตสาธารณะ" ขึ้นมา คือจิตใจที่ไม่ได้คำนึงถึงแ่ค่ตนเอง แต่มุ่งหวังเพื่อคนอื่นและสังคม

และการมอบโอกาสให้ผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน แต่มีความสุขและยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นประสบความสำเร็จ

อันนี้ชิว่าพี่จีจี้คงทราบดีกว่าชิ เพราะชิเคยอ่านหนังสือเจอว่า ส่วนใหญ่ชาวยุโรป จะคำนึงถึงเรื่องนี้มากๆ

คงจะจริงครับเพราะระบบสวัสดิการโดยภาครัฐให้แก่พลเมือง

และการเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมเป็นตัวอย่างในข้างต้นที่เห็นได้ชัดเจน

อิอิ.. ออกนอกเรื่องอีกแระครับ


โดย: ashii    เวลา: 2010-6-9 22:18
Practice makes perfect

้เห็นด้วยครับพี่จีจี้ ทุกเรื่องถ้าเราทำเยอะๆ ก้อจะชำนาญจนเกิดทักษะขึ้นมา

มิน่าละ "พยายามหน่อยนะ" จึงเป็นเหมือนภาษิตที่คนญี่ปุ่นใช้จนประเทศมีความเจริญก้าวหน้า
โดย: nicelovebunny    เวลา: 2010-6-11 00:46
สู้ๆๆนะค่ะ เอาจัยช่วยค่ะ
โดย: noyzii    เวลา: 2010-6-11 21:29
นับถือค่ะ
ของเราตอนนเ่เพิ่งทามมา 2เดือน เบี้ยวเหมือนกาน
อยากแก้ แต่ไม่รุจาแก้ทีไ่หน
กลัวค่ะ
โดย: oodpk    เวลา: 2010-6-12 16:39
อ่านกระทู้แล้วรู้สึกสงสารเจ้าของกระทู้มากเลยคับ ขนพองอีกต่างหาก
เข้มเเขงมากเลยนะคับ ขอเป็นกำลังใจไห้อีกแรงนะคับ
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-13 18:00
ตอบกลับ 97# noyzii

2 เดือนบางทียังยุบไม่เท่าที่ควรค่ะ...อาจจะเบี้ยวจริงแต่เบี้ยวไม่มาก...ถ้ายังพอใจทรงก็ยังไม่ต้องแก้ก็ได้นะคะ...เพราะของเราที่ทำมาล่าสุด 2-3 เดือนแรกนี่ดูเบี้ยวสุดเดช..แต่ก็ผลักๆดันๆ(ด้วยความสิ้นหวัง)..แต่พอผ่านไปจนครึ่งปี..ที่เบี้ยวก็ดูไม่เบี้ยวมากเหมือนตอนแรก.....ใจก็อยากแก้เหมือนกันค่ะ...แต่ตอนนี้ยังพอทำใจกับจมูกและทรงได้อยู่..(เพราะหมอทำสันสวยอ่ะ)...ก็เลยว่าจะปล่อยๆไปก่อน..รอเก็บตังค์ได้เยอะๆแล้วค่อยไปปรึกษาหมออีกทีน่ะค่ะ......สำหรับเราคิดว่าเรื่องจมูกเบี้ยว(ถ้าเบี้ยวไม่มากนะคะ)เป็นเรื่องเล็กน้อย...ถ้าเรายังพอใจกับทรงนั้นๆอยู่จ๊ะ.......แต่ถ้ารับไม่ไหวอยากจะแก้จริงๆ...ก็ลองเซิร์ชหาข้อมูลหมออื่นๆก็ได้ค่ะ..หมอเก่งๆมีเยอะแยะเลย...แต่หาข้อมูลดีดีนะจ๊ะ..
โดย: whitevanilla    เวลา: 2010-6-13 18:08
ตอบกลับ 98# oodpk

ขอบคุณค่า




ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com:8080/) Powered by Discuz! X3.2