ดั้งโด่งดอทคอม

ชื่อกระทู้: วิธี "เลิกกาแฟ" [สั่งพิมพ์]

โดย: creamnasai    เวลา: 2010-5-29 13:54
ชื่อกระทู้: วิธี "เลิกกาแฟ"
แก้ไขล่าสุดโดย creamnasai เมื่อ 2010-5-29 13:55

"นพ.สิรวิชญ์ เดชธรรม" แพทย์จากรพ.สมิติเวช ศรีราชา ให้ความรู้ว่า ในทางการแพทย์ได้กำหนดให้มีอาการที่เรียกว่า "ภาวะติดคาเฟอีน" (Caffeine dependence) เช่นเดียวกับสารเสพติดอย่างสุรา ซึ่งภาวะดังกล่าว ถูกกำหนดอยู่ในคู่มือการวินิจฉัยโรคทางจิตเวช ที่เรียกว่า DSM-IV เนื่องจากคาเฟอีน เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยมีสูตรโครงสร้างคล้ายสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า อะดีโนซีน (Adenosine) ทำให้สมองมีสารโดปามีน (Dopamine) และซีโรโตนิน (Serotonin) เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้มีฤทธิ์ทำให้สมองตื่นตัว และทำงานหนักขึ้น
      
       "ความรู้สึกพึงพอใจจากการดื่มกาแฟ หลังจากดื่มกาแฟแล้ว คาเฟอีนจะเข้าสู่กระแสเลือด และเข้าสู่สมองภายใน 45 นาที และมีฤทธิ์อยู่ประมาณ 3-5 ชั่วโมง คาเฟอีนจะผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่เรียกว่าการเมตาบอลิสม์ที่ตับ ดังนั้น ผู้ที่ควรจะต้องเลิกดื่มกาแฟ ก็คือ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องตับ เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักเกินไป ขณะที่ เด็ก และสตรีมีครรภ์ก็ควรงดดื่มกาแฟด้วยเช่นกัน เพราะการที่สมองถูกกระตุ้นด้วยคาเฟอีน จะทำให้เด็กมีปัญหาในเรื่องพัฒนาการของสมอง"
      
       นอกจากนี้ คาเฟอีน ยังทำให้เกิดการแท้งบุตรได้ ขณะเดียวกันยังกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะจึงควรงดการได้รับคาเฟอีน ทั้งจากชา กาแฟ โกโก้ ช็อกโกแลต
      
       สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือมีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ คาเฟอีนจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และหัวใจเต้นเร็วขึ้น นั่นแปลว่าหัวใจทำงานหนักขึ้น ตลอดจนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น เร่งการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก และยังมีผลต่อสภาพจิตใจในผู้ที่มีความวิตกกังวลอีกด้วย
      
       *** อยากเลิกกาแฟ ไม่ยากอย่างที่คิด
      
       สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพียงวันละไม่เกิน 1 แก้ว การเลิกกาแฟนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับผู้ที่ติดคาเฟอีน (caffeine dependence) การเลิกกาแฟอาจจะเป็นเรื่องยากสักนิด แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก เกณฑ์ในการวินิจฉัยว่าท่านติดคาเฟอีนหรือไม่นั้น พิจารณาจากหลักเกณฑ์ 3 ใน 4 ข้อต่อไปนี้ คือ
      
       1. มีการใช้คาเฟอีน หรือดื่มกาแฟอยู่ แม้จะมีความรู้ว่า กาแฟมีผลทำให้เกิดอาการทางร่างกายหรือจิตใจที่มีอยู่เรื้อรังหรือกำเริบ
      
       2. มีความต้องการได้รับคาเฟอีน หรือดื่มกาแฟอยู่ตลอด โดยไม่สามารถลดปริมาณลงได้
      
       3. มีภาวะถอนคาเฟอีน (Caffeine withdrawal) หรืออาการลงแดงกาแฟนั่นเอง ซึ่งอาการสำคัญก็คือ วันไหนไม่ได้ดื่มกาแฟ จะเกิดอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอนมาก ปวดศีรษะ และอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับคาเฟอีนหรือดื่มกาแฟครั้งสุดท้าย และจะมีอาการมากที่สุด ใน 2-4 วันแรก โดยมากภาวะถอนคาเฟอีน มักจะพบได้ในคนที่ดื่มกาแฟเกิน 2 แก้วต่อวัน หรือได้รับคาเฟอีนอย่างน้อย 100 มิลลิกรัมต่อวัน
      
       4. มีภาวะดื้อคาเฟอีน (caffeine tolerance) กล่าวคือ ปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงจะทำให้รู้สึกสดชื่นเท่าเดิม

------ต่อด้านล่างครับ-------
โดย: creamnasai    เวลา: 2010-5-29 13:54
*** สำหรับเทคนิคการเลิกดื่มกาแฟ โดยเฉพาะในคนที่มีอาการติดคาเฟอีน คุณหมอได้แนะนำวิธีการเบื้องต้นดังต่อไปนี้
      
       1. ให้ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันลง เช่น จากที่เคยดื่มวันละ 4 แก้วให้ลดลงเหลือ 3 แก้ว แต่หากจำเป็นต้องดื่มแก้วที่ 4 ให้ชงด้วยกาแฟสกัดคาเฟอีน (Decaffeinated) จนกระทั่งร่างกายเริ่มชินก็ให้ลดปริมาณลงอีก
      
       2. สำรวจว่า นอกจากกาแฟแล้ว ท่านยังได้รับคาเฟอีนจากอาหารชนิดใดอีกบ้าง เช่น ชา โกโก้ ช็อกโกแลต ซีเรียลรสโกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น จากนั้นให้ลดการบริโภคทุกอย่างร่วมกับการลดปริมาณกาแฟที่ดื่มในแต่ละวัน หรือเลิกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้
      
       3. นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอในตอนกลางคืน อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
      
       4. ดื่มน้ำสะอาดวันละประมาณ 1-2 ลิตร และการรับประทานวิตามินบีรวม ซึ่งจะช่วยทุเลาอาการอ่อนเพลีย
      
       5. การออกกำลังกาย จะช่วยให้สมองเพิ่มซีโรโตนิน (serotonin) และโดปามีน (dopamine) ได้เช่นเดียวกันกับการได้รับคาเฟอีน
      
       6. งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
      
       7. รับประทานอาหารเช้า เพราะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เพียงพอจะช่วยให้สมองและร่างกายทำงานได้โดยไม่อ่อนเพลีย
      
       8. หากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และควรหลีกเลี่ยงการไปร้านกาแฟ
      
       9. หากมีอาการปวดศีรษะระหว่างงดกาแฟ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล หรือแอสไพรินได้ ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดไมเกรนซึ่งมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่
      
       10. หากมีอาการหงุดหงิด ใจสั่น อาจจะใช้วิธีอาบน้ำเย็นช่วย
      
       เทคนิคทั้ง 10 ข้อนี้ นพ.สิรวิชญ์ บอกว่า ประยุกต์จากความรู้ทางวิชาการ และจากประสบการณ์การแนะนำผู้มาตรวจสุขภาพ รวมถึงประสบการณ์ของตัวเองในการลดปริมาณการดื่มกาแฟ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ผู้อ่านทุกบ้าน ลดปริมาณการดื่มกาแฟได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการเลิกดื่มกาแฟก็คือ ความตั้งใจและความมุ่งมั่น ของท่านผู้อ่านเอง ขอให้โชคดีนะครับ
โดย: JiFFyyy    เวลา: 2010-5-29 14:34
ขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ  จิ๊ชอบกินไมโล อิอิ
โดย: kurama    เวลา: 2010-5-29 23:55
แบบว่าม่ะกินกาแฟเหมือนกัน กินแต่นม เย้ๆๆๆๆ เราจะโตๆๆๆๆ
โดย: Mariz    เวลา: 2010-7-30 04:56
ขอบคุณนะคะ จะเอาวิธีพวกนี้ไปให้แม่ลองทำดูนะคะ
แม่เป็นคนที่ติดกาแฟ ไม่ดื่มมาก .แต่ต้องกินทุกวัน
แกบอกว่าถ้าวันไหนไม่ได้กิน แกจะปวดหัว แกเลยเลิกกินกาแฟไม่ได้
จริงหรอค่ะ?

เพราะเมื่อก่อนแกเป็นโรคไมเกรน แต่พอมาอยู่เยอรมัน แล้วเพราะอากาศหนาวๆ ไม่ร้อน
เลยทำให้ไม่ปวดหัว ... แล้วก้ดื่มกาแฟด้วย
ไมเกรนเลยหายไปสักพัก แต่พอแกหยุด แกกลับบอกว่า ปวดหัว..

ไม่อยากให้แม่กินกาแฟเลยคะ มันมีผลตอนแก่
โดย: pod909    เวลา: 2010-7-30 21:52
เลิศมากค่ะ
โดย: HongdaE    เวลา: 2010-7-31 00:05
ปกติกินอเมริกาโน่เย็น 3 ช๊อต/แก้ว วันละ3 แก้ว ไม่มีอาการใจสั่นอะไรเลย

เป็นโรคติดกาแฟจริงๆ ไม่กินจะอ่อนเพลียมาก
โดย: kurama    เวลา: 2010-7-31 09:04
ตอบกลับ 7# HongdaE


    เต้ติดกาแฟหยอออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
โดย: HongdaE    เวลา: 2010-7-31 16:58
ตอบกลับ  HongdaE


    เต้ติดกาแฟหยออออออออออออออออออออออ ...
ต้นฉบับโพสต์โดย kurama เมื่อ 2010-7-31 09:04



    ติดกาแฟจ่ะ 55555
โดย: kurama    เวลา: 2010-7-31 22:47
ตอบกลับ 9# HongdaE


    เปลี่ยนจากติดกาแฟ มาเป็นติดนม...สดดีก่ามะ อิอิอิ
โดย: tsuke    เวลา: 2010-8-1 11:49
ผมกินกาแฟไม่้ค่อยได้อ่ะครับ  กินแล้วมันจะจู๊ดๆๆ  ทันที ฮ่าๆ  ก็เลยดีไป  แต่ในบางอารมณ์ก็อยากกินกะเค้ามั่ง แหะๆๆๆ
โดย: awesome    เวลา: 2010-9-14 00:25
ติดกาแฟอ่ะ ดื่มวันละ2-3แก้ว
อร่อยชื่นใจ

แต่พอดีตอนท้อง แพ้ขนาดหนัก เหม็นกาแฟ
พอคลอดก็กลับมากินเหมือนเดิม
โดย: littletiger    เวลา: 2010-9-14 16:56
เสือน้อยชอบกาแฟมากเลยอะครับ เพราะมีช่วงนึงอยากเปิดร้านกาแฟ ก็เลยเปงนักชิมทุกๆที ทั้วกรุงเทพฯ  ก่อนที่จะเปิด ตอนหลังอยากเปิดร้านชามากกว่าอะ  หลังจากดื่มกาแฟบ่อยสังเกตุตัวเองว่าฟันมักจะเหลือง เพราะเปงสารสีอะ จะซึมสู่เนื้อฟันหากไม่ดื่มน้ำเปล่าตาม ตอนแรกอยากจะไปฟอกสีฟันด้วยอะ แต่เพื่อนที่เปงหมอฟันบอกว่าอย่าไปทำอะ เพราะมันจะทำลายเคลือบฟันอีนาเมลอะ เคลือบฟันนี้ไม่สามารถสร้างได้อีกแล้ว สร้างได้แค่ช่วงนึงเท่านั้น ฟันปกติคนเราไม่ขาวจะเป็นทีงาช้างอะ แต่ทำทำไมเราโตถึงเหลืองเพราะโตขึ้นเนื้อฟันจะสร้างมากขึ้นเลยดูเหมือนเหลืองอะ คนละตัวกับอีนาเมลนะ ก็เลยไม่ฟอก  เหมือนเป็นการปลอบตัวเองด้วยจะได้ไม่เสียเงิน หากมีมากคงฟอกละ เอิกๆๆ  นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เลิกดื่มกาแฟ หนมาดื่มน้ำเปล่าแทน เพราะความอยากดูดี แถมไม่เสียเงินด้วย
โดย: แทนไท    เวลา: 2010-9-14 20:02
แล้วมีวิธีเลิกกับแฟนมั้ยครับ....ฮิ้ว




แอบย่องออกไปนอกห้อง...เบาๆ
โดย: treetawan    เวลา: 2010-9-21 14:06
ที่จริงไม่ต้องเลิกก็ได้นะ ถ้าเปลี่ยนมากินกาแฟโสม เพราะมีคาเฟอีนแค่ 0.1% ซึ่งจะไม่ทำให้ติดคาเฟอีนซึ่งเป็นสารเสพติด และช่วยกำจัดไขมันในเส้นเลือดได้ด้วย แต่ต้องศึกษาข้อมูลดีๆนะครับ ผมไม่ได้มาขายของนะเพียงแต่แนะทางเลือก แล้วให้คุณไปศึกษาหาข้อมูลเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะอาจจะมีกาแฟแบบอื่นที่ดีกว่า แต่ผมยังไม่มีข้อมูล




ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com:8080/) Powered by Discuz! X3.2