ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า เจตนาในการรีวิวครั้งนี้เพื่ออยากเผยแพร่ข้อมูลให้กับทุกคนในเวบเด็กดีที่สนใจการศัลยกรรมจมูกเสริมความงาม เจ้าของกระทู้ไม่มีส่วนได้เสียกับทางสถาบันเสริมความงามค่ะ
ก่อนหน้าที่จะเสริมจมูก ได้ฟิลเลอมาก่อนประมาณ 4 เดือน เลยคิดหนักกับการเสริมครั้งนี้มาก เพราะจากการที่ศึกษาข้อมูล ในกรณีเคสที่ฉีดฟิลเลอร์เวลาเสริมจะเกิดความเสี่ยงมากกว่าเคสงานแก้แบบซิลิโคนค่ะ เข้าปรึกษากับหมอมาประมาณ 3 ท่าน สุดท้ายเลยตัดสินใจทำที่ Blink Clinic เหตุผลเพราะตอนเข้าไปปรึกษา ได้รับคำตอบที่กระจ่างและอธิบายกรณีเคสฟิลเลอร์ได้ละเอียดสุดค่ะ เข้าไปปรึกษาวันที่ 15 มีนาคม 2557 ตัดสินใจเสริมวันที่ 20 มีนาคม 2557 เวลา 13.00 น.
สำหรับที่ Blink Clinic จะแบ่งเป็น -สิลิโคนเกรดพรีเมี่ยม แบ่งเป็น เกาหลี หยดน้ำ ปลายเชิด (งานเหลา)
-ทรงซอฟทิพย์ -เอกตร้าซอฟต์ และ ทรงตั๊กแตน (ซึ่งเป็นสิลิโคนสำเร็จรูป)
เจ้าของกระทู้ชอบแบบมีเคิร์ฟปลายเชิดค่ะ เลยตัดสินใจเลือกทรงเอกตร้าซอฟต์ ในราคา 23,000 บาท (ราคาบวกงานแก้) ค่ายาประมาณ 300 กว่าบาท
ช่วงขึ้นเขียง
ไปถึงคลินิคก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง เพื่อเตรียมตัวล้างหน้า และเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นไปนอนรอคุณหมอใหม่ ณ ห้องผ่าตัดชั้น 2 บรรยากาศในห้องชวนให้เคลิบเคลิ้มน่าหลับเสียจริง ๆ เสียงเพลงขับกล่อมเบา ๆ พร้อมพนักงานผู้ช่วย 1 ท่าน กำลังจะเคลิ้มหลับ ต้องสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก ลืมตาขึ้นมา คุณหมอก้าวเข้ามาแล้ววววว เลยแนะนำตัวพร้อมเปล่งเสียงเบา ๆ ว่า "ตื่นเต้นจังค่ะ อยากได้จมูกแบบพี่คนนี้นะค่ะ" พร้อมโชว์รูปทรงจมูกที่เซฟใส่โทรศัพท์โชว์ คุณหมอพูดแบบเบา ๆ ว่า "ได้ค่ะปลายเชิดมีเคิฟเนอะ"
หลังจากนั้นถึงเวลาคลุมผ้าปิดหน้า เอามือทั้งสองข้างไว้ข้างลำตัว
พนักงาน: ฉีดยาชานิดนึงนะค่ะ
จิ้ม ๆ ๆ ๆ ทั่วจมูก เจ็บสุดคงเป็นตรงปลายจมูกค่ะ แต่สำหรับเจ้าของกระทู้คิดว่า เฉยๆ ค่ะ อาจเพราะเคยร้อยไหมมา เลยรู้สึกว่า เจ็บไม่ต่างกัน
คุณหมอ : จับ ๆ ขยำ ๆ "เจ็บไหมค่ะ"
เจ้าของกระทู้: ไม่ค่ะ ไม่รู้สึกอะไรค่ะ
หลังจากนั้น รู้สึกค่ะว่ามีการขูดฟิลเลอร์ออก แล้วเช็ด ขูด แล้วเช็ด
คุณหมอ : ฟิลเลอร์เยอะมากค่ะ ออกหมดแล้วนะ
ตอนนี้รู้สึกคับ ๆ ที่โพรงจมูก คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นขั้นตอนการยัดซิลิโคนใส่แล้ว แถมยังสัมผัสได้ว่า ผ้าที่คลุมหน้าเปียกชุ่มไปหมด คาดเดาไปอีกว่าคงเป็นเลือดที่ไหลพรั่งพรูออกมา ขณะนั้นก็จะมีพนักงานคอยนวดตามแขนให้ พร้อมเสียงแว่ว ๆ ตลอดเป็นระยะ ๆ ไม่ต้องเกร็งนะค่ะ เดี๋ยวก็สวยแล้ว จะเสร็จแล้ว อีกนิดนะค่ะ ก๊อกแกก ก๊อกแกก เสร็จแล้ว คุณหมอก็จะเอายาฆ่าเชื้อเช็ดให้ทั่วบริเวณใบหน้า นวด ๆๆๆๆ อ๊าห์ ....... สบายจัง
คุณหมอ : เสร็จแล้วค่ะ ค่อย ๆ ลุกนะ ของหนูอาจจะช้ำมากกว่าเคสอื่นหน่อยนะค่ะ เพราะขูดฟิลเลอร์ไป
ไม่รอช้า อยากชมจมูกใหม่ที่สิงสถิตย์แล้ว ลุกขึ้นอย่างไว ออกมาจากห้องผ่า ดิ่งตรงไปหากระจกหน้าห้องเป็นอันดับแรก อุ๊ยตาย บวมค่ะแต่เห็นทรงโด่งมาแต่ไกล เป็นอันว่า ชอบค่ะ ลงมาชั้นล่างเพื่อมาแปะพลาสเตอร์อย่างหนาตราช้างค่ะ (ป้องกันการขยับเขยื้อนของสิลิโคน)
ชำระค่าเสียหาย พร้อมรับยาลดบวม, ยาแก้ปวด, ยาลดน้ำมูก, ยาฆ่าเชื้อ, ออยเม้นท์ทำความสะอาดจมูกเช้ากับก่อนนอน, Mask ปิดจมูกกันฝุ่น, เจลเย็นประคบ พร้อมโลชั่นเช็ดหน้าระหว่างช่วงที่ไม่ได้ล้างหน้า, ยาฆ่าเชื้อสิว ยอดต่างหากอีก 1,700 บาท นัดอีก 2 ครั้ง เปลี่ยนพลาสเตอร์ครั้งที่ 1 หลังจากทำวันแรกนับไป 7 วัน อีก 7 วันกลับมาตัดไหม รวมการปิดพลาสเตอร์ 14 วัน
ช่วงพักฟื้น แนะนำจากประสบการณ์ของตัวเองที่ได้สังเกตุจากอาการช้ำน้อยมาก
-รับประทานอาหารอ่อน ๆ จืด ๆ หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารเผ็ด เพราะน้ำมูกอาจส่งผลให้แผลติดเชื้อได้ค่ะ อาหารแสลง แอลกอฮอร์ รวมถึงไข่ด้วยนะค่ะ
-ทานยาให้ตรงเวลา นอนหมอน 2 ใบ หน้าตรง ใน 3 วันแรก ปะคบเจลเย็นตรงหน้าผาก ข้างแก้มทั้ง 2 ข้าง เป็นเวลา 2 วัน
-ยาแก้ปวดกินเฉพาะเวลาปวดเท่านั้น ไม่ควรกินติดต่อกันเพราะส่งผลกระทบต่อตับมาก
-วันที่สามจนถึงวันตัดไหม สามารถนอนหมอนใบเดียวได้แล้ว แต่ควรนอนหงายเป็นเวลา 4 สัปดาห์
วันที่ 27 มีนาคม 2557 เจ้าของกระทู้มีนัดเปลี่ยนพลาสเตอร์ค่ะ คาดเดาว่าคงได้เห็นผลงานของคุณหมอใหม่ได้แป๊บนึง หลังจากนั้นต้องแปะต่ออีก 7 วัน เศร้าจัง !!!!!!!
ช่วงแนะนำ จากมุมมองที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัว
ขอเกริ่นเกี่ยวกับฟิลเลอร์พอคร่าว ๆ ค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่า สำหรับท่านไหนที่ฝันว่าอยากมีดั้งเป็นของตัวเองไปตลอดชีวิต แนะนำเสริมเป็นซิลิโคนเลยดีกว่า หรือรอเมื่อกายพร้อม ใจพร้อมดีกว่าค่ะ เพราะฟิลเลอร์จริงๆ แล้วที่บอกว่า ฉีดแล้วสลายหมด เอาจริง ๆ มันไม่มีโอกาสที่จะสลายหมดเลยค่ะ มีแค่เพียงสลายไปบางส่วน แต่จะมีบางส่วนที่ยังสิงอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของส่วนนั้น ๆ ที่ฉีดไป ซึ่งมันก็ไม่ได้ส่งผลอันตรายอะไรกับตัวเรา ถ้ากรณีที่เจอฟิลเลอร์แท้ แต่จะไม่เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่มีแพลนอยากเสริมสิลิโคน มันจะมีปัญหาตามมาเวลาผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาที่จะสูงกว่าเคสแก้อื่น ๆ เป็น 2 เท่า เกิดวามเสี่ยงในกรณีฟิลเลอร์ขูดไม่หมดแล้วมีโอกาสทำให้สิลิโคนเคลื่อน เกิดกรณีผ่าอยู่ แล้วฟิลเลอร์ไหลลงไปสู่ส่วนอื่น ๆ หมอจึงต้องจำเป็นที่จะต้องดูแลคนไข้เคสฟิลเลอร์เป็นพิเศษ เพราะกลัวผลที่จะตามมาขณะผ่าตัด *เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่มีเจตนาทำลายหรือบิดเบือนข้อมูลนะค่ะ*
สำหรับรูปก่อน-หลัง เจ้าของกระทู้จะมารีวิววันหลังนะค่ะ
ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020
Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc. All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style