ลงทะเบียน ลงชื่อเข้าใช้
ดั้งโด่งดอทคอม หน้าแรก

โปรไฟล์ของ Rosewc http://dungdong.com/?1810154 [บุ๊คมาร์ก] [คัดลอก] [แชร์] [RSS]

บล็อก

ข้อแตกต่างระหว่างฟิลเลอร์และโบท็อกซ์

เข้าชม/อ่าน 181 ครั้ง2020-2-21 19:39 |เลือกหมวดหมู่:ความรู้ศัลยกรรม

ถ้าจะพูดเรื่องการยกกระชับปรับรูปหน้า 2 อย่าง ที่อยู่ในใจใครหลายๆ นั่นคือ โบท็อกซ์และฟิลเลอร์ แต่ก็จะมีข้อดีและข้อเสียแต่งต่างกันออกไป วันนี้หมอขนมจะพามาดู ข้อแตกต่าง โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์ กันค่ะ ทั้ง 2 สิ่งนี้มีในวงการเสริมความงามมานานแล้ว หากต้องการปรับรูปหน้าด้วยโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ แต่ยังเป็นมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจใน ข้อแตกต่าง โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์ วันนี้หมอขนมจะมาอธิบายให้ฟังกันค่ะ

คุณสมบัติของโบท็อกซ์

โบท็อกซ์ คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่มาจากแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้มีพิษที่ทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายขยับไม่ได้ การฉีดสารโบท็อกซ์ หรือ “โบทูลินัม ท็อกซิน เอ” เข้าไปก็จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดไปนั้นขยับไม่ได้ ในบริเวณที่ขยับมากจนเกิดเป็นริ้วรอย อย่างเช่นริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก รอยย่นหว่างคิ้ว รอยตีนกา มื่อฉีดแล้วทำให้ริ้วรอยเหล่านี้จางลงไป เพราะกล้ามเนื้อไม่ขยับ ทำให้ภาพรวมของใบหน้านั้น ดูเด็กลง ดูอ่อนกว่าวัย เลยทำให้โบท็อกซ์นั้นเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโบท็อกซ์ https://rwcclinic.com/botulinum-toxin/

ตำแหน่งการฉีดโบท็อกซ์

• ลดกราม

• ลิฟท์กรอบหน้า

• ลดน่อง

• ลดริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก ตีนกา หางตา ระหว่างคิ้ว

• ผิวหนังบริเวณคอ มือที่เหี่ยว

• บริเวณใต้วงแขนเพื่อลดกลิ่นกาย

คุณสมบัติของฟิลเลอร์

เรานิยมใช้ฟิลเลอร์ เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องและเติมเต็มบริเวณใบหน้า เช่น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยต่างๆตื้นขึ้น และการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับแต่งส่วนต่างๆของใบหน้า ให้ดูสวยงามสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เช่น ฉีดฟิลเลอร์คาง ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
โดย Hyaluronic Acid จะช่วยกักเก็บน้ำให้แก่ชั้นใต้ผิว ช่วยทำให้ใบหน้าเต่งตึง ดูมีน้ำมีนวล อีกทั้งยังเป็นการเติมเส้นใยคอลลาเจนที่หายไป ให้ผิวนั้นดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ https://rwcclinic.com/filler-injection-expert/

ตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์

• ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตาลึก ช่วยให้ดูตื้นขึ้น ดวงตาสดใส ไม่หมองคล้ำ

• ขมับ เติมเต็มขมับตอบให้อิ่มเต็มยิ่งขึ้น ช่วยให้ใบหน้าไม่โทรมและดูเด็กขึ้น

• ร่องแก้ม ช่วยให้ร่องแก้มลึกดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด

• แก้มส้ม ช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าเอิบอิ่ม อ่อนเยาว์ ใบหน้าหวานละมุน และมีมิติขึ้น

• คาง แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม เมื่อฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มให้คางได้รูปสวยงาม

• จุดสุดท้ายที่เป็นที่นิยมสุดๆก็คือ ปาก เพราะจะช่วยให้ปากดูอวบอิ่มน่าจุ๊บยิ่งขึ้น

เปรียบเทียบข้อแตกต่าง โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์

เมื่อได้ทราบถึงคุณสมบัติของสารปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์และโบท็อกซ์กันไปแล้ว ตามมาดู ข้อแตกต่าง โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์ แบบละเอียดกันเลยค่ะ หมอจะเปรียบเทียบเป็นข้อๆ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของ 2 สิ่งนี้ได้ชัดเจนมากขึ้นค่ะ

ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์แตกต่างกันอย่างไร

• ฟิลเลอร์ (Filler) : เป็นสารเติมเต็ม มีอยู่2 ชนิด คือชนิดฟิลเลอร์แบบถาวร หรือที่เรารู้จักกันในชื่อพาราฟิน และอีกชนิดคือแบบไม่ถาวร หรือไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ซึ่งเป็นสารคงความชุ่มชื้นของผิวในร่างกายตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์ใช้ฉีดเข้าไป เพื่อเติมเต็มผิวบริเวณร่องลึกให้ตื้นขึ้นมา แต่จะใช้เติมเต็มรอยที่เราเห็นถึงแม้จะไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า อย่างเช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา

• โบท็อกซ์ (Botox) : เป็นชื่อการค้าของยา ซึ่งชื่อเต็มๆ ก็คือโบทูลินั่มท็อกซิน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างและสกัดจากแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบท็อกซ์ยังรักษาอาการเหงื่อออกเยอะ ตามบริเวณมือ เท้า รักแร้ หรือลดกล้ามเนื้อทำให้ดูเล็กลง ฉะนั้นการฉีดโบท็อกซ์ ก็เพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นตรงหน้าผาก รอยตีนกา รอยย่นตรงหว่างคิ้วเวลาขมวดคิ้ว

หลังจากฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ จะคงสภาพได้นานแค่ไหน

• ฟิลเลอร์ (Filler) : สำหรับฟิลเลอร์ต้องแยกประเภทดังนี้ ได้แก่ HA Filler (ไฮยาลูโรนิกแอซิด) จะมีลักษณะคงตัว ใช้ในการฉีดเติมเต็มในส่วนที่ขยับย่อยๆ เช่น ร่องแก้ม ปาก อยู่ได้ 4–6 เดือน แต่ถ้าเป็นการฉีดทดแทนไขมันที่เสื่อมใต้ผิว เติมเต็มคางหรือจมูก จะอยู่ได้ 1–2 ปี อีกประเภทคือ Filler แบบ Skin Booster อันนี้จะเป็นลักษณะเป็นเจลนิ่ม ใช้ฉีดตื้นๆ ในผิวฉ่ำน้ำ เติมเต็มส่วนที่บางๆ แก้ปัญหาหลุมสิว อยู่ได้ 6 เดือน

• โบท็อกซ์ (Botox) : การฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละจุด จะส่งผลให้อายุขัยนั้นแตกต่างกัน โดยการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย บริเวณใบหน้าส่วนบน จะสามารถอยู่ได้ 3–6 เดือนเท่านั้น ส่วนการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม แขน น่อง จะอยู่ได้ 6–12 เดือน โบท็อกซ์ลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อ อยู่ได้ 4–6 เดือน โบท็อกซ์ลดความมันและลดรูขุมขน อยู่ได้ 3 เดือน

ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์

• ฟิลเลอร์ (Filler) : การฉีดฟิลเลอร์ จะส่งผลให้คอลลาเจนใต้ผิวที่มีอยู่เดิม เกิดการเสื่อมสลายไปบ้าง และหลังการฉีดฟิลเลอร์ อาจจะมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงรุนแรงมาก เช่น เกิดผื่นแดง จุดแดง หรือจ้ำเลือดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จากรอยเข็มที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง หรือเกิดรอยนูนเมื่อฉีดปริมาณมากเกินไป หรือฉีดตำแหน่งที่ตื้นเกินไป หรือปัญหาการไหลย้ายของฟิลเลอร์ และถ้าฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป อาจทำให้เนื้อเยื่ออักเสบและติดเชื้อได้ ในบางรายอาจส่งผลเสียอย่างมาก คืออาจทำให้เส้นเลือดตีบและเสียชีวิตได้

• โบท็อกซ์ (Botox) : หลังการฉีดโบท็อกซ์อาจเกิดปัญหาแทรกซ้อนได้ เช่น หนังตาบนตก คิ้วตก มุมปากตก รูปปากเบี้ยว รอยจ้ำเลือดตำแหน่งที่ฉีดยา การเกิดภูมิต้านทานต่อโบท็อกซ์และอาจพบอาการตาแห้งหลังการฉีด แต่ถ้าฉีดโบท็อกซ์มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และผลข้างเคียงอื่นๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ คือ มีความรู้สึกเจ็บที่ใบหน้า ปวดศีรษะ ผิวเห่อแดง มีอาการวิงเวียนศีรษะ เป็นต้น

สรุป
ข้อแตกต่าง โบท็อกซ์ VS ฟิลเลอร์ 2 สิ่งนี้เป็นสารที่ใช้ในการปรับรูปหน้า แต่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันคือ โบท็อกซ์ ใช้ฉีดในบริเวณที่เราอยากลด ให้เล็กลง และใช้ฉีดเพื่อลดริ้วรอยให้จางลง ส่วนฟิลเลอร์ ใช้ฉีดในจุดที่เราต้องการเพิ่มปริมาตร หรือ ใช้เติมเต็มริ้วรอยที่เป็นร่องลึกได้อีกด้วย


อืม..ดีๆ ใช้ได้

อะไรก็ไม่รู้

เห็นด้วยๆ

ซึ้งจังเลย

ขำฮาตรึม

ความคิดเห็น (0 ความคิดเห็น)

facelist

คุณต้องลงชื่อเข้าใช้ก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ขึ้นไปด้านบน