บล็อก
ประสบการณ์ แก้ไขการขูดคางที่ฉีดซิลิโคนเหลว
สวัสดีเพื่อนๆนะคะ
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์จากการฉีดซิลิโคนเหลวที่คางโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อ 8 ปีที่แล้ว และได้ไปแก้ไขเอาออกนะคะ
เนื่องจากคางที่ฉีดซิลิโคนเหลวมามันย้อยลงเยอะมาก ก็เลยตัดสินใจไปเอาออก
1 ครั้งแรกไปทำที่ รพ.เดชา กับหมอปัญญานะคะคุณหมอใจดี คิดราคาค่าขูด 18,000 เป็นการเปิดแผลในปากค่ะ
หลังจากทำมาแล้ว ซิลิโคนก็ดูยุบไปนะคะ แต่ว่าปัญหาตามมาคือ เนื้อที่ขูดออกไปมันย้วยมาก แล้วคางดูไม่เป็นรูป
เพราะเนื่องจากคุณหมอขูดออกไปตามความต้องการของเราค่ะ โดยส่วนตัวแล้วครั้งแรกทำมาพอใจนะคะ แต่มันดีอยู่
แค่ 2 เดือน ผลที่ตามมาก็อย่างที่บอก ย้วย เนื้อบุ๋ม คางไม่เป็นรูป จับดูแล้วเนื้อนิ่มๆ เหมือนไม่มีอะไรให้ยึดเลยค่ะ ลืม
บอกว่าคุณหมอใช้วิธีให้ยานอนหลับ และฉีดยานอนหลับนะคะ ออกมาเบลอมากค่ะ อิอิ
หลังจากหาข้อมูล และตัดสินใจว่าจะแก้ไขอีกครั้ง คราวนี้เลือกคุณหมอจุฑาค่ะ
2 ไปพบคุณหมอจุฑา ให้คุณหมอดูหน้า คุณหมอบ่นค่ะ T_T ว่าคุณไปทำอะไรกับหน้ามา ฉีดทำไมบ่นๆนิดเดียวค่ะ
คุณหมอก็แนะนำว่า คางที่ขูดเนื้อออกไปมันมีเนื้อดีเราด้วย ทำให้เนื้อที่มันเคยเต็ม ตอนนี้มันมีพื้นที่ว่าง เลยทำให้คาง
ย้วยและไม่เป็นรูป วิธีแก้ คุณหมอแนะนำให้เสริมคาง หรือยืดคางด้วยกระดูกของเรา แล้วโดยส่วนตัวเราเป็นคนแก้มเยอะมาก
หลังจากขูดคางไปครั้งแรก หน้าสั้นลง แก้มมาเป็นพวงเลยค่ะ แล้วก็ย้อยห้อยด้วย คุณหมอก็แนะนำให้ตัดกรามด้วย เพื่อที่จะ
ได้ดึงเนื้อตรงแก้มลงมา ราคาแสน หรือแสนนิดๆ จำไม่ได้ค่ะอันนี้ทำมาเกือบปีแล้วแต่คุณหมอไม่ได้ขูดซิลิโคนให้เพิ่มนะคะ
ผลที่ทำออกมาเวิร์คค่ะ เป็นที่น่าพอใจมาก แต่อยู่ไปสัก 7 เดือน คางก็จับกันเป็นก้อน แต่ครั้งนี้ไม่น่าเกลียดมากนะคะ
ก็กลับไปให้คุณหมอดูให้อีกค่ะ เนื่องจากพอใจในฝีมือหมอพอสมควรแล้วก็ทำใจไว้แล้วด้วยค่ะเพราะหลังจากทำตัดกรามยืดคาง
คุณหมอบอกว่า รอให้กระดูกหรือหน้ามันเข้าที่ก่อน เพื่อดูว่าเนื้อที่เป็นตรงส่วนคางจะไปเกาะกับกระดูกคางที่หมอยืดลงมาไม๊
ถ้าไม่ คุณหมอแนะนำให้ขูดหลังจากนั้นอีกทีค่ะ ปรากฎว่ามันไม่ยึดก็เลยทำกับคุณหมอครั้งที่ 3
3 ครั้งนี้คุณหมอจุฑาให้ยานอนหลับระยะสั้นๆ ร่วมกับฉีดยาชา คุณหมอคิดค่าใช้จ่าย 30,000 บาทในการแก้ไข ผลที่ทำออกมานะคะ
ก็ดีค่ะ คางดูเล็กลงเยอะมาก และดูปกติมากค่ะ ถ้าไม่โคสอัพใกล้ๆ ดูไม่ออกเลยว่าคางเคยขูดซิลิโคนเหลวมาแล้วผ่านการขูดมา
เราไม่เคยไปฉีดสลายพังพืดเลยนะคะที่ทำมาหลายๆครั้ง ถ้าฉีดอาจจะลดการเป็นก้อนได้เยอะ แฮะๆ ^^" พอทำมาได้สัก 2 เดือนกว่าๆ
คางไม่ได้มีปัญหานะคะ แต่ว่ามันแอบเบี้ยวนิดนึงจากรอยเย็บ ถ้าแก้ตรงรอยเย็บหน้าก็จะโอเคขึ้นกว่าเดิม อันนี้หลายๆคนบอกมานะคะ
เหมือนเดิมค่ะ กลับไปให้คุณหมอจุฑาดูอีก หมอบอกว่าครั้งนี้น้อยลงเยอะ ทำแค่ตัดหนังแล้วเย็บเก็บหน้าก็โอเคแล้ว
ดูปกติ ไม่ต้องขูดเพิ่ม ครั้งนี้คุณหมอนัดให้เดือนมกราปลายเดือนค่ะ คุณหมอบอกว่าลดให้เนื่องจากทำกับแกมาจนสนิทกันแล้ว ^^
คิดค่าเย็บ 8,000 ค่ะ แต่ว่าเราใจร้อนแล้วก็ไม่อยากรอค่ะ
เลยเข้าไปพบคุณหมอสมศักดิ์ คุณจักร จากที่หลายๆคนบอกว่าคุณหมอดุ ไม่จริงเลยค่าาาา คุณหมอใจดีม๊ากกกกกกกกกกก แล้วก็อธิบาย
ละเอียดด้วย หมอบอกว่าคางเป็นอะไรที่ยิ่งรื้อก็ยิ่งบวม ทำได้แค่ให้มันทุเลาลง หรือดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง จริงๆ เราก็รู้ว่ามันคงไม่เหมือนเดิมแล้ว แค่อยากให้มันดีขึ้น เพราะคิดว่ายังมีวิธี คุณหมอก็จับเราถ่ายรูปหน้าตรง เอียงซ้าย เอียงขวา แล้วบอกว่าคางไม่ได้ห้อยนะ ไม่ย้อยแล้วด้วย เพียงแต่มีส่วนเกินทางด้านซ้าย แล้วหน้าดูเบี้ยวตรงคางเยอะ หมอก็จับๆแล้วก็ถ่าย เสนอราคาที่ 50,000 ก็นัดทำค่ะที่คลินิคนั้นแหละ
4 และแล้วก็ถึงวันทำ ครั้งนี้ไปรอหมอตรวจก่อนค่ะ .เราไปทำมาวันที่ 7 ธันวานี่เองค่ะ วันที่ 8 เป็นวันเกิดหมอ อิอิ หมอให้เข้าห้องผ่าตัดที่คลินิค
ตอนประมาณ คนอวดผีเข้าอ่ะคะ หมอก็เข้ามาแล้วก็จับหน้า เอาปากกามาวาดๆๆๆๆที่คาง หมอชวนคุยนู่นนี่นั่น ตลกมาก คุณหมอบอกพี่น้อยภรรยาแกว่า เอาผ้ามารองตรงคอเยอะเลย " เพราะเลือดโชกแน่ " = =" 55555 แต่คุณหมอน่ารักนะคะ ภรรยาคุณหมอ
ก็น่ารัก ตลกด้วยค่ะ จากนั้นหมอวาดจนโอเคแล้วหมอก็จับฉีดยาชาเลยค่ะ เจ็บประมาณนึงแต่ทนได้่ หลังจากนั้นหมอก็ใช้มีดกรีดที่เนื้อค่ะ
แต่ว่า... มีจุดนึงที่หมอฉีดยาชาแล้วไปไม่ถึง ตรงปลายด้านซ้าย ตอนหมอเอามีดลงเจ็บมากค่ะร้องไห้เลย แต่ยังโง่ทน 555 เพราะคิดว่า
สงสัยหมอคงทำตรงนั้นนิดเดียว และหมอก็กรีดซ้ำแถวนั้นอีกไล่ๆมา เจ็บค่ะ จิกมือสั่นไปหมด ปากอ้าไม่ออก ไม่ยอมบอกหมอ คราวนี้หมอกรีดอีกครั้ง แล้วมีเสียงชั๊บ น่าจะเอากรรไกรตัดหนังคิดว่างั้นนะคะ ทนไม่ไหวแล้วคร่ามือสั่นปากสั่นไปหมดเจ็บมากกกกกก เลยอ้าปากบอกหมอได้ค่ะ
" หมอคะ หมอคะ ตรงนี้หนูเจ็บคะ "
" อ้าว เจ็บหรอ เจ็บบอกเลยๆ " แล้วหมอก็เดินไปเอายาชามาฉีดเพิ่ม
หลังจากนั้นก็ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ว่ามันเครียดมาก แล้วก็รู้สึกตัวอยู่ตลอด มีเสียงครืดๆๆๆๆ ชั๊บๆ กรีดมีด โอยยย สารพัดค่ะ จากห้องแอร์ที่
หนาว แต่เราเหงื่อท่วมตัวเลยอ่ะ แล้วมือก็สั่น แขนสั่นพับๆๆเลยค่ะ ภาวนาคิดแต่ว่าขอให้เสร็จเร็วๆ แต่หมอปราณีตมากนะคะ ค่อยๆทำ
จนตอนเย็บแผลก็เจ็บอีกค่ะ เพราะว่ารู้สึกแต่ว่าก็ยังแบบทนได้ แต่ถามว่าเจ็บไม๊ขอตอบเลยค่ะ เจ็บมากกกกก หลังจากเย็บก็มีสายโทรเข้ามา
ที่มือถือหมอ หมอรับแล้วคุยค่ะ มีคนไข้โทรมาอวยพรหมอวันเกิด ปลายสายถามว่าหมอติดผ่าหรือเปล่า หมอบอกว่า ใช่ผ่าตัดอยู่แต่จะเสร็จแล้ว 5555 แอบคิดในใจ ดีเหมือนกันหมอคุยโทรศัพท์ เมื่อกี้เย็บเจ็บมากได้รีแล็กซ์ให้หายกลัวได้แปปนึง ไม่นานหมอก็วางโทรศัพท์ เย็บแผลอีกสักพัก ปิดแผลอะไรเรียบร้อย หมอก็บอกว่าเสร็จแล้ววว เราก็รีบลุกเลยค่ะ หมอก็นัดมาตัดไหมแล้วก็จับๆรูปหน้าดูว่าโอเคไม๊ ตอนทำออกมา
มันยังไม่บวม เราว่าหน้าโอเคเลยนะคะ แต่ต้องรอตอนยุบแล้วก็รอดูหลังจากนั้นอีกที อย่างว่าแหละค่ะ ก็ทำใจในระดับนึงนะคะเพราะว่าคางมันแก้ไขยากจริงๆ หลังจากนั้นยกมือไหว้หมอ ลงมาชั้นสองเรียกแฟนขับรถกลับบ้าน มือสั่นไม่หายค่ะกลัว
จบแล้ว ไว้หลังทำมาแล้วเป็นยังไงสำหรับผลที่ออกมาจะไว้มาเล่าให้ฟังนะคะ
ปล.ลืมบอกค่ะ ขูดคางครั้งแรก บวมมาก 1 ถึง 2 อาทิตย์แรกและบวมนาน เกือบ 3 อาทิตย์
ตัดกราม ยืดคางครั้งที่สอง หน้าบวมสุดๆ อาทิตย์แรก ทรมานที่สุดแล้วของการศัลยกรรม ร้องไห้ทุกวันอันนี้ก็แล้วแต่คนนะคะแต่เราเดินยังต้องมีแฟนคอยพยุง อาจจะเพราะเราไม่ค่อยแข็งแรงด้วย แต่ขอบอกว่าทรมานมากค่ะ
ขูดคางครั้งที่สาม บวมมากค่ะเขียวช้ำเยอะสุดๆ แต่ว่าบวมแค่อาทิตย์เดียว ขึ้นอาทิตย์ที่สองคางปกติแล้วค่ะ มีเหลือแค่รอยเขียวช้ำจางๆ
แต่งหน้ากลบได้
ขูดคางครั้งที่ 4 แปลกมากค่ะ ไม่เขียว ไม่ดูบวมเป่งๆ ดูปกติมากถ้าไม่ติดผ้ากอสใต้คางไว้ แทบดูไม่รู้ว่าไปทำไรมา ไม่ช้ำ ไม่เขียว ปกติของเราเขียวง่ายบวมง่าย ทำมาวันแรกก็จะเห็นแล้ว แต่นี่ไม่มี ก็ยังรอดูอยู่ แต่ว่าเจ็บมากค่ะ เจ็บแล้วสยองด้วย เหอๆ
จบแล้วค่า ^ ^ ปล.ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่เคยฉีดซิลิโคนที่หน้ามาด้วยนะคะ ค่อยๆแก้ไขไปค่ะ
อย่างเรา ถือว่าผลที่ออกมาแต่ละครั้งคางดีขึ้นนะคะ คาดว่าครั้งที่ทำกับหมอสมศักดิ์ จะไม่ต้องไปทำอีกค่ะ
