ดู: 2437|ตอบกลับ: 10
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[เสริมจมูก] แก้จมูกไบโอโดยคุณหมออรรถพันธ์

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย janleng เมื่อ 2013-5-20 18:05

สวัสดีค่ะ
                วันนี้ฉันจะมารีวิวเรื่องการแก้จมูกไบโอให้ทุกคนได้รับรู้ภัยร้ายของมันค่ะ  ย้อนไปปี45เป็นช่วงที่ฉันเรียนอยู่ม.4ค่ะ
เป็นคนขี้เกียจมาก  สุดๆ แต่หัวดี และเกรดเฉลี่ยห่วย ที่สำคัญ หน้าตาของฉัน เลวร้ายมาก จนมีคนเคยตอกใส่หน้าฉันว่า หน้าตาบ้านนอก เพราะฉันเป็นเด็กที่ผมหยิก  ดั้งหัก ผิวดำ
แม่ไม่รู้จะทำเช่นไร แม่บอกว่า ถ้าสอบติดทุกที่ แม่จะพาไปเสริมจมูก พอเข้ามหาวิทยาลัยจะได้สวยๆ
                หลังจากนั้น ฉันใช้เวลาอ่านหนังสือหลายปี เพื่อให้สอบติด นอนห้าชั่วโมงเป็นเวลาติดต่อกัน  เพื่อให้สอบเอนทรานซ์ติด
แล้วฉันก็สอบได้โควต้าคณะวิศวะ โดยใช้คะแนนเอนทรานซ์แค่ครั้งแรกเท่านั้น ไม่ต่ำกว่า 5 ที่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
                พอปิดเทอม ม.6 แม่พาไปทำทันที แม่เลือกสถานที่ทำเป็น ไบโอคลินิก เพราะสมัยนั้นแพงที่สุด แม่เข้าใจว่า แพงที่สุดดีที่สุด
                รางวัลความตั้งใจเรียนของฉัน คือ ไบโอในจมูกนี่เอง ตอนทำมีนักเรียนหมอเข้ามาดูด้วย คุยกันเสียงดัง โดยไม่ได้ขออนุญาตฉันก่อน ซึ่งพอทำเสร็จฉันเดินลุยเข้าไปจะถามหมอว่า หมอไม่ได้ขออนุญาตหนู หมอให้นักเรียนเข้ามาดูได้อย่างไร แต่จะอะไรกับเด็กแค่ม.6 ฉันโดนพยาบาลลากตัวออกไป
               และแล้ว


             จมูกของฉัน มันก็ไม่โด่ง แต่หมอได้พูดกันไว้ก่อนว่า ถ้าไม่โด่ง เดี๋ยวเพิ่มให้อีก เพราะว่าเติมได้ ตอนนี้ขั้นแรกไปก่อน หลังจากนั้น มันก็ยังไม่โด่ง แต่ก็ถือว่าพอใช้ได้เท่านั้น พอดูเป็นคน ฉันจึงบอกแม่ว่า จะไปเติมเพิ่ม อีกอาทิตย์นึงกำลังจะไปเติมเพิ่ม ก็มีข่าวหมอมีเรื่องกับคนไข้และฆ่ากันตายออกมา
            ฉันหยุดความคิด และตั้งใจเรียนต่อทันที โดยหวังว่าสักวันนึง ถ้ามีเงินโดยไม่รบกวนพ่อแม่ จะหาหมอใหม่  ระหว่างนั้น ฉันมักโดนเพื่อนสนิทที่หล่อมากๆ ทักเสมอโดยไม่รู้เรื่องว่า เธอๆ ทำไมวันนี้ดั้งเธอแบน วันนี้ดั้งเธอดูใช้ได้หล่ะ
            ผ่านไป 9 ปี ฉันทำงาน และเริ่มหงุดหงิดกับจมูก จึงเปิดอินเตอร์เนตหาข้อมูล ตกใจมากกๆๆๆ เพราะเค้ามีปัญหากัน และเอาออกโดยไว ฉันมัวแต่เรียนหนังสือ จบป.ตรี ป.โท และทำงาน โดยไม่สนใจอะไรเลย
            ฉันหาข้อมูล โดยคิดว่า ครั้งนี้ ต้องคนดีที่สุด ขอให้ได้คนดีที่สุด ที่ช่วยฉันได้จริงๆ เพราะฉันส่งเด็กเรียนหนังสือหลายคน แม่บอกว่าฉันกตัญญูที่สุด แม่ภูมิใจในตัวฉัน ไอ้เด็กผมหยิก ตัวดำ ดั้งหักคนนี้ ขอให้ผลบุญนั้นส่งมายังฉันบ้าง
           ฉันติดต่อคุณเฟี้ยตทันที และบอกว่าฉันมีปัญหา โดยระหว่าง9ปีนั้น เป็นโรคประจำตัวเพิ่มมาด้วย คือ หอบหืด ทั้งที่ตอนเด็กไม่เคยเป็น   4 ปีเป็นแค่หวัดอย่างเดียว คุณเฟี้ยตบอกว่า ไม่ใช่ นั่นแหล่ะ ไบโอ ระหว่างทางกลับ ฉันนั่งรถร้องไห้ตลอดเวลา เจ็บใจ แค้นใจกับคำว่าหมอ เพิ่งรู้ว่าบางคน มันก็เลวได้ใจ  มันจะรู้บ้างไหมว่า ฉันทรมานแค่ไหน ฉันพยายามแค่ไหน กว่าจะได้เสริมดั้ง
           คุณเฟี้ยตนัดผ่า แต่ฉันขอผลัดไปก่อน เพราะบอกคุณเฟี้ยตไปตรงๆว่า ติดสอน คุณเฟี้ยตบอกว่า นัดวันที่14นะ เพราะเป็นวันเกิดคุณหมออรรถพันธ์ คุณหมอชอบวันที่14 และเลข14 ฉันตอบตกลง
           วันผ่า ฉันไม่กลัวอะไรเลย แม่ถามว่า ทำไมไม่กลัว ฉันตอบว่า...คิดว่าไปหาพ่อกับแม่...เพราะฉันไปอ่านประวัติมา คุณหมอและคุณเฟี้ยตแต่งงานกันปีที่ฉันเกิด ฉันคิดว่า ถ้าคนนี้ช่วยไม่ได้ ก็คงไร้คนช่วยแล้วจริงๆ
           พอไปถึง ลมแทบใส่ คุณเฟี้ยตถามว่า...ทำไมจมูกหนูดูเขียว ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เป็น ฉันยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจคิดว่า...แต่หนูอยู่กับพ่อกับแม่แล้วนะ ยังไงพ่อก็ต้องช่วยหนูได้...


            
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-20 18:37:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย janleng เมื่อ 2013-5-20 18:06


            คุณเชื่อไหมว่า แม่ฉันเคยเป็นพยาบาลในห้องศัลยกรรมมาก่อนด้วยซ้ำ แม่ยังไม่ฉีดยามือเบาเท่าคุณหมอเลย  ฉันเลยบอกคุณหมอว่า มือหมอเบากว่ามือแม่อีก ไม่เจ็บจริง หมอบอกว่า หนูลืมตาดูยาชานะ หมอกำลังดันยาลงไปที่ดั้งของหนู ย่ากำลังไหล  ฉันคิดในใจ คุณพระ หมอดันยา แต่ฉันไม่เจ็บอะไรเลย
            หมอทำดั้งฉัน ระหว่างนั้น หมอเปิดเพลง แนวคันทรี่ที่ฉันกับพ่อชอบฟัง ฉันคิดในใจ นี่พ่อฉันชัดๆ แล้วหมอก็บรรยายระหว่างทำ ว่ากำลังทำอะไรบ้าง กลัวไหม อย่ากลัวนะ ไม่มีอะไร ถ้าเจ็บให้บอก หมอไม่ให้หนูเจ็บ ทำเหมือนทำให้ลูกเลย
            ระหว่างทำ ฉันรู้สึกว่าหมอออกแรง ดึง แงะ แซะ ไอ้เจ้าไบโอนี้ออกมาด้วยความยากลำบาก เหมือนหมอรู้ความคิด หมอบอก "ลองคิดดูสิ หมากฝรั่งติดรองเท้า เวลามันแห้ง ดึงยากขนาดไหน บางทียังมีหนังรองเท้าติดมาด้วยเลย แล้วนี่เป็นเนื้อเรา เนื้อเยื่อจะเสียหายแค่ไหน แต่หมอจะพยายามช่วย หมอไม่พูดว่าหมอเอาออกได้100เปอร์เซนต์ แต่หมอจะเอาออก 95 เปอร์เซนต์ ส่วนตรงตาที่มันอันตราย หมอไม่เอาออก แต่ถึงปล่อยไว้ มันไม่เยอะ มันไม่ทำร้ายดวงตาเรา ปล่อยมันเฉยๆจะดีกว่าไปกระตุ้นมัน"
            
           
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-20 18:37:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย janleng เมื่อ 2013-5-20 18:37

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย janleng เมื่อ 2013-5-20 18:35

            ฉันลืมเล่าไปว่า ระหว่างที่นั่งคุยกัน คุณเฟี้ยตเอาซิลิโคนมาเปิดซองให้ฉันดู ว่ามาจากอเมริกาจริงๆ แล้วนั่งเหลาดั้งให้ฉัน ลองไปลองมา แล้วบอกว่า นี่ดั้งหนู ทำให้เยอะไม่ได้นะ หน้าสั้น เอาแค่พอดี แต่เดี๋ยวมีเทคนิคทำให้ดูโด่งสวย รับกับหน้าด้วย แต่มั่นใจว่า โด่งกว่าไบโอที่ทำมากๆ


            หลังจากนั้น ความซวยยังไม่หมด คุณเฟี้ยตขึ้นมา จะเอาดั้งใส่จมูกให้ เช็คไปเช็คมา คุณเฟี้ยตกับคุณหมอร้อง แล้วถ่ายรูปให้ดูตลอดเวลา
            บอก หนู อย่าใส่เลยตอนนี้ เพราะถ้าใส่ตอนนี้ทะลุแน่ เนื้อมันบางจริงๆ หมอเกรงว่าจะทะลุ หนูกลับไปกินโปรตีนมาให้ดีก่อน แล้วมาเช็คอีกทีว่าเนื้อใส่ได้ไหม อย่าฝืนเลย อันตราย รอ 6 เดือน ถ้ากินอาหารถึง ก็ทำได้ ไม่อันตราย อย่าเสี่ยง แต่ถ้าหนูดื้อ มันจะมีปัญหา ถ้าฝืนใส่ มันอาจดี หรืออาจไม่ดีก็ได้ อดทนรอ แล้วมันจะดีเอง ถ้าดีมากๆ 2 เดือนก็ทำได้แล้ว
           ฉันคิดสับสนในใจ ใจนึงอยากสวย ไม่อยากเจ็บตัว แต่อีกใจล่ะ ความปลอดภัยสำคัญที่สุดในชีวิตนะ ชีวิตฉันมีค่านะ  ฉันตัดสินใจบอก เอาแค่ไบโอออกพอค่ะ รอบหน้ามาใส่ใหม่ รอกินโปรตีนสร้างกล้ามเนื้อก่อนดีกว่า
           พอหมอเย็บแผลให้เสร็จ ฉันลุกขึ้นมา คงเป็นเพราะการเอาไบโอออกมาก และฉีดยาชาเยอะ ทำให้หน้าบวม จนหน้าฉันคล้ายแป๊ะยิ้ม หมอรอจูงมือฉันลงมาจากเตียง หมอเดินมาส่งที่หน้าห้องน้ำ หมอบอกว่า หนู หนูอย่าตกใจหน้านะ มันเป็นแบบนี้แหล่ะ เสียงหมอเป็นห่วงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หมอจับมือฉันแน่นเป็นเชิงให้กำลังใจ พยาบาลเดินตามมาข้างๆ ฉันส่องกระจก คิดในใจ เออ เหมือนไม่ใช่ฉันเลย แต่ฉันเชื่อหมอ ฉันเชื่อฝีมือ


                 ระหว่างลงมากินยา เนื่องจากฉันเป็นคนแพ้ง่าย แพ้ยาที่เค้าว่าดีที่สุดในโลก หมอต้องนั่งเฝ้าฉันกินยาตัวอื่นแทน ครึ่งชม. ฉันคิดในใจ แหม ฉันเอาคนมียศมีตำแหน่ง มานั่งเฝ้าฉัน หมอมีงานตั้งเยอะ กลับต้องมานั่งเฝ้าฉันคนเดียว ว่าฉันแพ้ยาอะไรหรือไม่ สั่งยาใหม่ และลดยาบางตัว เพื่อให้ร่างกายฉันปลอดภัยที่สุด หมอตอบว่า เนื่องจากฉันเป็นครู ขอให้นำวิทยาทานนี้ไปเผยแพร่ อย่าให้คนทำไบโอ มันอันตรายมาก ถ้าจะสวยให้ใช้ซิลิโคน มันปลอดภัยที่สุด แล้วหมอถามว่า ฉันหายใจเป็นอย่างไร ฉันตอบด้วยความสัตย์สุดๆ


                "นี่คือการหายใจที่โล่งที่สุด ตลอด9ปีที่เคยมีมา"


            แล้วหมอก็ให้ฉันจับไบโอที่ออกมาจากจมูกของฉัน แล้วฉันก็อึ้งมากกว่าเดิม
            "รู้ไหมว่าเค้าฉีดไบโอ เข้าไปฝังในเนื้อช่วงปากบนหนูด้วย หมอเอาออกมาแล้ว หน้าหนูสั้นขนาดนี้ เค้าฉีดให้เท่านี้ เมื่อเทียบกันอันตรายมากๆเลย"ฉันลองจับ มันตุ้มๆ แต่แข็ง จากที่บอกหมอว่าไม่เยอะ ฉันเห็นแล้วว่าไบโอที่เค้าฉีดให้ฉัน อันใหญ่กว่าซิลิโคนที่คุณเฟี้ยตจะใส่ให้อีก

               แล้วหมอก็บอกวิธีการดูแลตัวเอง ภายหลังการผ่าตัด ฉันไม่เจ็บอะไรเลย ที่เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตอนนี้หมอให้ออกกำลังกาย ฉันถ่ายรูปให้คุณเฟี้ยตดูทางอินเตอร์เนตทุกวัน คุณเฟี้ยตก็ตอบทุกวัน 60000ที่จ่ายไป แต่การบริการหลังการรักษาที่เค้าต้องคอยตอบคำถาม ให้กำลังใจฉันทุกวัน คุณคิดดูสิ  ว่าหลังจากนี้ หมอต้องดูแลฉันไปจนกว่าฉันจะทำดั้งใหม่อีก
              
              คุณคิดว่า คุณจะหาหมอแบบนี้ได้ที่ไหน วันนี้ฉันกลับมาเป็นคนน่าตาธรรมดาแบบเดิม(เหมือนที่หมอบอก ไม่ได้น่าเกลียดสักหน่อย) แต่ฉันสัญญา ว่าถ้าหาย ฉันจะกลับไปเสริมให้ดูดีขึ้น รอกินอาหารให้ดีก่อน  เหมือนที่หมอบอกว่า ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ดั้งที่เนื้อฉันไม่ปลอดภัย อยู่ในจุดที่รองรับน้ำหนักของซิลิโคน คุณเรียนวิศวะมา คุณย่อมรู้ว่ามันจะไม่ปลอดภัย รอฐานดีก่อน ค่อยเสริม คุณจะสวยเอง
แล้วฉันจะทยอยเอารูปมาลงให้เรื่อยๆ เพื่อเป็นวิทยาทานนะคะ ขอให้ผลบุญนี้ หนุนนำให้ฉันสวยในอีก6เดือนข้างหน้าด้วยเทอญ

ที่สำคัญ อย่ารอให้ดั้งเขียวแล้วเสริมไม่ได้แบบฉัน มันอันตรายมาก แต่ที่ฉันมองไม่เห็นมัน เพราะฉันผิวคล้ำ มองไม่ค่อยเห็น

คุณๆ ทั้งหลาย อย่ารอ สุขภาพสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด สวยให้ตาย หายใจไม่ออก คุณจะทนทำไม

จงรักตัวเอง อย่าทำแต่งาน อย่าเอาแต่เรียน แล้วคุณจะเสียใจ เหมือนที่ฉันเป็น
รักทุกคนนะคะ
พี่ก็เพิ่งไปแก้มาเหมือนกันค่ะ จากการฉีดไบโอเหมือนกันเลย มันเขียวคล้ำและขรุขระตรงดั้งจนมีคนทักมากขึ้นทุกวันก็เลยไปจัดการเอามันออกซะ  ขอให้เนื้อเยื่อเติมเต็มไวๆ นะค่ะ
นู่ก็ฉีดไบไอไม่ทราบว่าที่เดียวกันหรือป่าวตอนนั้นเด็กไปทำไม่รุ็เรื่องแต่ตอนนี้แก้เป็นซิลี่แล้วแต่ปัญหาคือมีรอยช้ำตรงดั้ง

ไม่หายหลังจากการแก้มา หมอบอกว่าเค้าฉีดไบโอตื้นพอแก้มาเลยช้ำๆเขียวๆตรงดั้งไม่มีวันหายเลย เสียใจมากทุกวันนี้

เหมือนเป็นฝ้าที่ทายาก็ไม่หายคะ แล้วอีกอย่างตอนแก้ก็ได้ทรงเอียงๆมาอีกอย่างเห็นได้ชัด ถามหมอว่าทำไมเป็นแบบนี้

หมอบอกว่าขูดไบโอไม่หมอเลยเหลาซิลี่เล็กใส่ออกมาเลเอียงจนถึงปัจจุบัน
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-21 10:01:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต้นฉบับโพสต์โดย jinjirut เมื่อ 2013-5-21 09:14
พี่ก็เพิ่งไปแก้มาเหมือนกันค่ะ จากการฉีดไบโอเหมือนก ...

ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้กินโปรตีนอย่างเดียวเลยค่ะ พี่โชคดีจัง อย่างน้อยก็ได้ใส่ดั้ง
แล้วก็คิดในใจว่าถ้าแก้ให้ตรงรอยช้ำตรงดั้งคงอาจจะดำกว่าเดิมก็ได้เลยตัดสินใจไม่ให้หมอแก้ผ่านมาหลายปี แอบเสียใจว่าไม่เคยถามหมอว่าแก้ได้ไหมจะช้ำกว่าเดิมไหม (คิดไปเองทั้งนั้นว่าจะดำกว่าเดิม) แล้วเคยฉีดฟิลเลอร์ตรงที่เอียงแล้วผลคือหายไปหมดเลย ก็เหมือนเดิม ตอนนี้อยากทำใหม่เหมือนกันแต่กลัวช้ำและดำกว่าเดิมเศร้าใจ ลอยช้ำ
จะหายยังไงไม่รู้
ใคพอรู้ช่วยหน่อยคะ แต่คงไม่มีใคเป็นแบบนู๋แน่เลย
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-21 10:37:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต้นฉบับโพสต์โดย namkang2217 เมื่อ 2013-5-21 10:03
ใคพอรู้ช่วยหน่อยคะ แต่คงไม่มีใคเป็นแบบนู๋แน่เลย ...

ลองไปปรึกษาที่ณพลักษณ์คลินิคสิคะ กับคุณเฟี้ยตและคุณหมออรรถพันธ์น่ะค่ะ
2ท่านนี้ เค้าให้คำปรึกษาได้ค่ะ เค้าพูดกันตรงๆเลยนะคะ ว่าทำได้ หรือทำไม่ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวล และหม่นหมองใจค่ะ

แสดงความคิดเห็น

ขอบคุนคะ  โพสต์ 2013-5-21 10:39
คุณ namkang2217  ไปแก้ที่ไหนมาค่ะ ที่บอกว่าช้ำไม่หาย และเอียง นะค่ะ อยากทราบค่ะ
ตอนนี้เนื้อเต็มหรือยังคะ แล้วหลัง3อาทิตผ่านไปจมูกเอียงหรือเบี้ยวบ้างหรือป่าวคะ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้