12345
กลับไป ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: joy234
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[ดูแลผิว] เคล็บลับดูแลผิวพรรณ

[คัดลอกลิงก์]
101#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:44:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
น่ารู้! ประโยชน์เลเซอร์
วันนี้พาคุณ ๆ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงรักความงามมาทำความรู้จักเกี่ยวกับประโยชน์เลเซอร์ที่ คุณจะได้รู้ว่า เลเซอร์สามารถทำอะไรบ้าง เพราะโดยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ประโยชน์เลเซอร์ มีมากมายนัก แต่ก็ต้องรู้ว่าควรจะใช้แบบไหนและเลเซอร์แบบไหนบ้างที่จะเหมาะกับอาการที่ คุณเป็น นั้นเรามาดู ประโยชน์เลเซอร์ กันเลยดีกว่าค่ะ


ประโยชน์เลเซอร์

เลเซอร์ (Laser: Light Amplification by Stimulated) คือ พลังงานที่มีความเข้มสูงมีความยาวคลื่นเสียงเดียววิ่งเป็นเส้นตรงไปยังเป้า หมายที่ต้องการทำลาย วิวัฒนาการของเลเซอร์เพื่อความงามมีมากกว่า 30 ปี แต่เดิมใช้ตัดไฝ ลบรอยสัก รอยแผลเป็น ต่อมาจึงมีการพัฒนาให้หลากหลายมาดูกันว่าปัญหาผิวแต่ละแบบจะแก้ไขด้วย เลเซอร์ชนิดใดบ้าง

- ไฝ รอยด่างดำ หูด ใช้เลเซอร์ คาร์บอนไดออกไซด์กำจัดเนื้อเยื่อผิวหนังที่บกพร่อง โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวไม่เจ็บปวด วิธีนี้ใช้เวลาน้อยแต่ให้ผลดีจึงทำเพียงครั้งเดียว

- ปานแดง แผลเป็นนูน (Keloid scar) หูด ที่รักษายากและเส้นเลือดฝอย เลเซอร์แบบ PDL (Pulsed Dye Laser) เลเซอร์ชนิดนี้ทำให้หลอดเลือดมีความร้อนสูงมีลักษณะเป็นแสงวาบความเข้มข้น สูงแต่อ่อนโยน จึงไม่สร้างความเสียหายต่อผิวหนังโดยรอบ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูงและใช้กับเด็กได้

- ปานดำ รอยคล้ำ รอยสัก กระแดด หรือกระที่เกิดขึ้นตามวัย เทคโนโลยี Q-Switched Nd: YAG Laser รักษาความผิดปกติของสีผิวด้วยเลเซอร์ โดยใช้ครีมยาชาทาก่อนแล้วยิงเลเซอร์คลื่นแสงสั้นผ่านผลึก YAG หลังการรักษาจะให้ทายาปฏิชีวนะและจะมีสะเก็ดแผลสีน้ำตาลอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ กระแดดรักษาหายได้ภายใน 1-2 ครั้ง แต่รอยสีเข้มหรือรอยสักต้องรักษามากกว่า 3-4 ครั้ง

- ขน การถอน โกน แวกซ์ หรือ การใช้ยาเคมีที่ทำให้ขนร่วง ยุ่ง ยาก เจ็บ และกำจัดขนได้ชั่วคราวเท่านั้น ต่างจากการใช้เลเซอร์ Lightsheer Giode Laser และ CoolGlide long-pulsed Nd: YAG Laser ที่ทำให้เส้นขนหยุดการเจริญเติบโตและหลุดร่วงในที่สุดแต่ต้องทำซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง


-        ลบริ้วรอยแบบไม่มีแผล เป็นการใช้แสงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นให้หนังแท้สร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนเป็นการรักษาที่ไม่เจ็บและไม่มีแผล

- การยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ใบหน้า ลำคอ ท้องแขน หน้าท้อง และสะโพก เริ่มหย่อนคล้อย วิธีนี้ใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) แต่ต้องทำบ่อย ๆ และเห็นผลช้า

- แผลหลุมและรูขุมขนกว้าง แผลหลุม จากสิวรักษาด้วยยาไม่หาย ปัจจุบันจึงใช้เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์สำหรับรักษาแผลหลุมที่ค่อนข้างลึก ใช้เลเซอร์ Erbium : YAG สำหรับแผลที่มีระดับความลึกปานกลาง และ Cool Glide สำหรับแผลตื้นและรูขุมขนกว้าง


ผลกระทบจากเลเซอร์ : คุณยอมรับได้แค่ไหน

แม้การทำเลเซอร์จะเห็นผลได้รวดเร็วแต่ก็มีผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหลักการทำงานของเลเซอร์คือทำให้เกิดความร้อน ผิวหนังจึงอักเสบง่ายเมื่อหายจากการอักเสบอาจจะมีรอยดำ ในคนผิวขาวอาจเกิดรอยแดงหลังการทำประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่คนผิวคล้ำอาจเกิดรอยดำ ประมาณ 1-2 เดือน รอยด่างถาวรหรือรอยแผลเป็นคีรอยด์


รู้ก่อนหลังทำเลเซอร์

ควรทำเลเซอร์กับแพทย์ที่มีความรู้ด้านผิวหนังเพราะรู้จักโรคและสภาพของโรค เช่น หูดเกิดขึ้นในชั้นบนหนังกำพร้าถึงหนังแท้ส่วนบน กระเนื้อเกิดขึ้นที่ชั้นหนังกำพร้า ถ้าแพทย์ไม่ชำนาญอาจยิงเลเซอร์ลึกเกินไปจนทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้

สำรวจราคาและจำนวนครั้งที่ต้องทำเลเซอร์ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณครั้งละ 1,000-3,000 บาท ก่อนทำเลเซอร์ไม่ควรตากแดด และต้องทาครีมบำรุงผิวเพื่อให้สีผิวปกติ สำหรับคนผิวเข้มแพทย์จะให้ยาปรับสีผิวให้ขาวขึ้น ภายใน 2-4 สัปดาห์ หลังทำเลเซอร์ทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดได้ตามปกติ แต่ต้องเลี่ยงแดดและงดกิจกรรมกลางแจ้งเพราะผิวยังอ่อนแออยู่


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Health&Cuisin

102#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:46:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ลดเลือนริ้วรอย "Aramis"
เมื่ออายุเริ่มมากสิ่งที่มาพร้อมกับอายุคงจะหนีไม่พ้นเรื่องริ้วรอยโดยเฉพาะบริเวณผิวหน้า แม้ผิวพรรณที่ร่วงโรย ตามอายุคงไม่เป็นปัญหาเท่าไร แต่ริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนวัยจะทำอย่างไรเห็นทีคงจะทำเฉยไม่ได้แล้วค่ะ วันนี้เราม ลดเลือนริ้วรอยด้วย "Aramis" กันเถอะค่ะ

โดยทั่วไปการดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสมถูกวิธีในแต่ละช่วงวัยย่อมทำให้คุณมี ผิวพรรณที่สวยงามตามวัย แต่บางทีเผลอใส่ใจน้อยไปนิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก็มาเยือนเสียแล้ว ใครที่เจอปัญหาทำนองนี้คงต้องรีบหาทางแก้ไขเสียแต่เนิ่น ๆ อย่าปล่อยให้ริ้วรอยเล่นงานจนเสียสุขภาพจิต

การลบริ้วรอยเหี่ยว ย่นบนใบหน้ามีวิธีแก้ไขอยู่หลายวิธีแต่วิธีที่จะนำมากล่าวถึงในที่นี้เป็น นวัตกรรมใหม่ล่าสุดนั่นคือ การนำเครื่องเลเซอร์ "Aramis" มาช่วย ลบริ้วรอย บ้านเราอาจจะรู้สึกว่าเป็นของใหม่แต่จริง ๆ แล้วปัจจุบันเครื่องเลเซอร์ชนิดนี้เป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับอย่างกว้าง ขวาง โดยเฉพาะการแพทย์ประเทศแถบยุโรป

ลดเลือนริ้วรอย ด้วย "Aramis"

ทีนี้มารู้จักเครื่องเลเซอร์ "Aramis" รวมถึงคุณสมบัติของมันกันค่ะ เชื่อว่ายังมีอีกหลายท่านที่คาใจว่าเจ้าเครื่องที่ว่านี้มีดีจริงหรือ?

เครื่อง เลเซอร์ "Aramis" ถือเป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างคลื่นความร้อนและความเย็น เพื่อให้ผิวหน้ารู้สึกสบายปราศจากความเจ็บหรืออันตรายใด ๆ จึงนับเป็นมิติใหม่ในการต่อต้านริ้วรอยที่อ่อนโยนต่อผิวหน้าอย่างแท้จริง

เครื่องเลเซอร์ "Aramis" มีคุณสมบัติช่วยในการลบริ้วรอยบริเวณรอบตา รอบปาก อีกทั้งยังช่วยในการลบริ้วรอยบริเวณรอบตา รอบปาก อีกทั้งยังช่วยกระชับรูขุมขนให้กลับคืนสู่วัยสาวดังเดิมโดยอาศัยหลักการใช้ คลื่นความร้อนผ่านลงสู่ผิวหนังชั้นลึก (เดอร์มิส) โดยตรง และขณะที่เครื่องเลเซอร์กำลังทำงานนั้นก็จะมีส่วนที่กระจายความเย็นมาสู่ผิว หนังชั้นบนให้มีการกระตุ้นเซลล์สร้างเส้นใยคอลลาเจนและเสริมสร้างความแข็ง แรงให้กับผิวหน้า

ด้วยคุณสมบัติที่ว่ามาดังกล่าว ผู้เข้ารับการรักษาก็จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าทีละน้อยใน ครั้งแรกหรือครั้งที่ 2 และจะเป็นที่พึงพอใจมากขึ้นตามลำดับในการรักษาครั้งต่อ ๆ ไปค่ะ

สำหรับขั้นตอนการลบริ้วรอยด้วยเครื่องเลเซอร์ "Aramis" นั้นไม่มีอะไรยุ่งยากเลย แถมยังใช้เวลาไม่นานครั้งหนึ่งก็ประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้น ส่วนการทำแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างประมาณ 3-6 สัปดาห์

อีก สิ่งหนึ่งที่หลายท่านอยากทราบก็คือ ภายหลังการทำมีความยุ่งยากในการดูแลหรือไม่โดยปกติหลังจากทำเลเซอร์ "Aramis" แล้วไม่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษใด ๆ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถแต่งหน้าไปทำงานได้ตามปกติทันทีค่ะ

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ คงทำให้หลาย ๆ ท่านค้นพบคำตอบในการรักษาริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ามากขึ้นอย่าปล่อยให้โอกาส ดี ๆ ในชีวิตผ่านพ้นไปตามกาลเวลาเลยผิวสวยปราศจากริ้วรอยเป็นเรื่องที่รอช้าไม่ ได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสวยด้วยแพทย์

103#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:47:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
น่ารู้! เรื่อง เลเซอร์ Fraxel Laser "แก้ริ้วรอย"
อีกหนึ่งนวัตกรรมเลเซอร์ที่ซึ่งสมัยนี้ได้รับความนิยมและการตอบรับเป็นอย่างดีถึงแนวทางการรักษา เลเซอร์ Fraxel Laser ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่สามารถ แก้ไขริ้วรอย ผิวขรุขระ ความเหี่ยวย่น รอยฝ้า จุดด่างดำ รวมถึงแผลเป็นที่เกิดจากสิว เลเซอร์ Fraxel Laser จัดเป็นนวัตกรรมเลเซอร์อีกหนึ่งตัวที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ วันนี้เราเลยขอพาคุณผู้หญิงมาทำความรู้จักกับ เลเซอร์ Fraxel Laser ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อใครกำลังคิดที่จะใช้นวัตกรรม เลเซอร์ Fraxel Laser ตัวนี้กันอยู่นะค่ะ

เลเซอร์ Fraxel Laser

ตามต่อกันอีกกับปัญหาผิวลาย ที่ ภาษาหมอ วันนี้ขอว่าด้วยเรื่องการรักษา ซึ่งแพทย์ผิวหนังใช้แก้ไขริ้วรอยร่องคลื่นขรุขระที่เกิดขึ้นได้

นวัตกรรมล่าสุดที่นำมาอัพเดทนั้นคือ Fraxel Laser เป็นการใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1410 นาโนเมตร ปล่อยคลื่นแสงลึกสุดถึงชั้นคอลลาเจนแบบตรงตำแหน่งที่ต้องการรักษา เพื่อปรับสภาพผิวที่มีปัญหาให้กลายเป็นเซลล์ผิวเก่าและจะถูกผลักให้หลุดลอก ออกภายใน 2 สัปดาห์ โดยเซลล์ผิวใหม่จะเข้าไปแทนที่

ระหว่างการรักษาอาจรู้สึกเจ็บและมีลักษณะแดงบริเวณผิวที่ถูกเลเซอร์เพียง เล็กน้อยเมื่อเทียบกับการรักษาแบบอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือมีผลข้างเคียงมากกว่านี้ เช่น การกรอผิวด้วยคริสตัลบริสุทธิ์ขนาดเล็กหรือการลอกผิวด้วยกรดผลไม้

การแก้ปัญหาผิวด้วย Fraxel Laser ใช้ได้กับทุกสภาพและสีผิว รักษาเรื่องริ้วรอย ความเหี่ยวย่น จุดด่างดำ รอยฝ้า รอยแผลเป็นจากสิวใช้กับผิวหนังบริเวณทั้งใบหน้า ลำตัวรวมทั้งรอบดวงตา ให้ผลการรักษาสูงถึงร้อยละ 60-90 ถือว่าดีที่สุดในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม Fraxel Laser ผ่านการรับรองมาตรฐานองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐ (US FDA Approved) แล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์

104#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:48:27 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การกรอผิว "ลดริ้วรอย"
จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือแม้กระทั่งความหมองคล้ำคุณผู้หญิงส่วนใหญ่คงไม่อยากจะให้ต้องมาเกิดกับหน้าคุณใช่ไหมค่ะ นวัตกรรมใหม่การกรอผิวสามารถช่วยคุณได้ค่ะ นอกจาก การกรอผิว จะช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำหรือความหมองคล้ำก็จะหายไปด้วยค่ะ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผิวสวยที่ดูแล้วปลอดภัยค่ะ

การกรอผิว

วิธีที่ว่าก็คือ ไมโครเดอร์มาเบรชั่น (Microdermabrasion หรือ M.D.) นั่น เองค่ะ ฟังชื่อแล้วคงนึกสงสัยต่อว่าเป็นอย่างไร หลักการของวิธีการนี้คือ การกรอผิวหน้าในส่วนของความลึกระดับส่วนบนของผิวหนังกำพร้า โดยใช้การพ่นผงคริสตัล (Crystal) ซึ่งทำด้วยผลึกอลูมิเนียมออกไซต์ที่มีขนาดเล็กเท่ากับทรายละเอียดและผ่านการ ฆ่าเชื้อโรคแล้วลงบนผิวหนัง ผงคริสตัลเมื่อกระทบผิวหนังก็จะขัดผิวหนังส่วนขี้ไคลและหนังกำพร้าส่วนบนให้ หลุดออกไป หลังจากนั้นผิวหนังก็จะมีการสร้างเซลล์ขึ้นใหม่เพื่อมาทดแทนในบริเวณนั้น


ผลที่ตามมาก็คือ ผิวหนังส่วนที่เกิดรอยด่างดำ รอยคล้ำ แผลเป็นต่าง ๆ เช่น รอยหลุมสิว หรือรอยย่นที่เกิดในชั้นผิวหนังส่วนบนก็จะถูกขจัดออกไปไวขึ้น และเกิดการสร้างผิวหนังใหม่ขึ้นมาแทนที่เพียงเท่านี้ผิวหน้าก็จะกลับมาดูสด ใสขึ้นอีกครั้งและรอยหลุมสิวก็ตื้นขึ้นด้วยค่ะ


การทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นที่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือมาพ่นผงคริสตัล อาจทำให้บางท่านเข้าใจไปว่าเป็นวิธียุ่งยากหรือน่ากลัว อยากเรียนว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนค่ะ เพราะความจริงวิธีนี้สะดวก ทำได้ง่าย ผลข้างเคียงน้อย การดูแลรักษาหลังการทำก็ง่ายและไม่ยุ่งยาก อีกทั้งไม่จำเป็นต้องหยุดงานที่สำคัญได้ผลการรักษาที่ดีในระดับหนึ่ง จึงนับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากที่เดียวค่ะ

แม้จะเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและปลอดภัยก็ตาม แต่หมอไม่อยากให้คุณผู้หญิงสุ่มเสี่ยงไปทำตามสถานเสริมความงามที่ขึ้นป้าย ว่า ให้บริการด้วยวิธีนี้เลยค่ะ เพราะการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นควรจะทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนมาเท่า นั้น และเน้นในแง่ของความสะอาดปราศจากเชื้อ มิฉะนั้นผลที่ได้อาจไม่เป็นอย่างที่คิดผิวหน้าอาจเกิดแผลถลอกหรือติดเชื้อ สร้างริ้วรอยด่างดำหนักกว่าเก่าเสียอีก หากอยากมั่นใจจริง ๆ ควรเลือกโรงพยาบาลชั้นนำที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจะดีกว่า


ทีนี้มาว่ากันถึงวิธีการทำบ้างค่ะ เริ่มจากคนไข้จะต้องล้างหน้าให้สะอาดตามด้วยการทายาประมาณ 2-3 ชนิด เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมก่อนที่จะทำ จากนั้นจะเริ่มการกรอโดยการพ่นผงคริสตัลลงไปบริเวณที่ต้องการรักษา การพ่นด้วยผงคริสตัลนี้แต่ละครั้งจะใช้ปริมาณที่เหมาะสมคนไข้จึงไม่มีอาการ เจ็บไม่เกิดบาดแผลและไม่มีอาการแพ้ด้วยค่ะ หลังจากนั้นจะทายาอีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เนื้อเยื่อสร้างเซลล์ ใหม่ทำให้ผิวดูสดใสและรอยดำจางลง


สำหรับขั้นตอนการทำนับตั้งแต่การเตรียมผิวจนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการจะใช้ เวลาประมาณ 40-50 นาที เท่านั้นค่ะ โดยปกติ การรักษาด้วยวิธีนี้หากต้องการให้ได้ผลเต็มที่จะต้องทำซ้ำอีกทุก 7-14 วัน เป็นจำนวน 6-10 ครั้ง ส่วนภายหลังการทำอาจทำให้ผิวหนังส่วนที่ทำนั้นแดงเล็กน้อยได้ชั่วคราวในบาง คนเท่านั้น ก็ไม่ต้องตกอกตกใจไปค่ะเพราะจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง


การดูแลภายหลังการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นก็คล้ายคลึงกับการรักษาผิวหน้าด้วย วิธีอื่น ๆ นั่นคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและควรระมัดระวังการทายาหรือเครื่องสำอางบางประเภท หากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อนแต่ทางที่ดีให้ใช้ยาทาหรือเครื่องสำอางตามแพทย์สั่ง จะปลอดภัยกว่าค่ะ


การดูแลผิวหน้าให้สวยใสมีหลายทางเลือกการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นก็น่าจะเป็น อีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและผล การรักษาเป็นที่น่าพอใจสำหรับคุณอย่างแน่นอนค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสวยด้วยแพทย์

105#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:49:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"เส้นไหมทองคำ" นวัตกรรมใหม่เพื่อผิวหน้าที่ยกกระชับ
เส้นไหมทองคำนี้จะทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่นไป ยังชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อให้ผิวหน้า ของคุณดูยกกระชับและดูอ่อนวัยมากยิ่งขึ้น แม้คุณไม่ต้องทำการผ่าตัดหรือศัลยกรรมคุณก็สามารถที่จะมีผิวหน้ายกกระชับและ ดูสดใสอ่อนวัยได้ค่ะ นั้นเรามาำทำความรู้จักกับ เส้นไหมทองคำ นี้จากผู้เชี่ยวชาญเลยค่ะ

นวัตกรรม เส้นไหมทองคำ

นวัตกรรมเรื่องความงามพัฒนาไปอย่างรวดเร็วไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะเทคโนโลยีต้านริ้วรอยได้รับความสนใจอย่างคึกคักจากวงการเวชศาสตร์ ความงามทั่วโลก ล่าสุด "ดร.พาเวล โคซิคซินสกี" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญชาวโปแลนด์ ได้สร้างความฮือฮาด้วยการค้นพบเทคนิคความงามใหม่ในการกระชับผิวหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัดตั้งชื่อไว้เก๋ไก๋ว่า Gold Thread Lift หรือ การร้อยทองคำช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลง 5-10 ปี
"ดร.พาเวล" อธิบายไว้ว่า ตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ได้มีการนำทองคำบริสุทธิ์มาใช้เพื่อ ประโยชน์ด้านความงาม เพราะมีคุณสมบัติเด่นในการลดการอักเสบของผิวหนังและช่วยกระตุ้นการสร้างคอ ลลาเจนกับอิลาสติน สำหรับเทคนิค Gold Thread Lift เป็นการร้อยเส้นไหมทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.1 มิลลิเมตร เข้าไปที่ชั้นใต้ผิวหนังในลักษณะคล้ายตาข่ายครอบคลุมบริเวณที่ต้องการรักษา โดยเส้นไหมทองคำจะเป็นตัวกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและคอลลาเจนที่สร้าง ขึ้นจะรวมตัวรอบเส้นไหมทองคำ โดยอาศัยกลไกทางระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตนเองเพื่อให้ผิวบริเวณที่เป็น ปัญหายกกระชับขึ้น และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดมากขึ้นทำให้ผิวพรรณสดใส มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ภายใต้เทคนิคนี้ริ้วรอยเล็ก ๆ จะเริ่มจางลง หลังรักษาได้ 2-6 อาทิตย์ และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วง 1-2 ปี โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่นานถึง 8-15 ปี อย่างไรก็ดีคุณหมอยอมรับว่า ประสิทธิภาพการรักษาอาจลดลงตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพ อาทิการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ


106#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:50:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ฉีดหน้าเรียว "ลบเหลี่ยม" เสี่ยง!
เทรนด์ฉีดหน้าเรียวตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากให้ บรรดาผู้หญิงที่มีกรามหรือมีรูปหน้าเหลี่ยม แต่สารที่ใช้ ฉีดหน้าเรียว นั้นเค้านิยมใช้ สารโบท็อกซ์ เพื่อลดกรามเพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดและการฉีดสารโบท็อกซ์นี้ก็มีค่าใช้จ่าย ที่ถูกว่าการผ่าตัดมาก และสามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน

ฉีดหน้าเรียว

โบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปจะส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรที่ชื่อว่า Masseter ลีบลงทำให้ความหนานูนของกล้ามเนื้อบริเวณมุมกรามลดลงใบหน้าจึงดูเล็กเรียว ตามไปด้วย แต่หากฉีดโบท็อกซ์มากเกินไปหรือทำโดยผู้ขาดความชำนาญอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อ ตายหรือเป็นอัมพาตจนไม่สามารถพูด เคี้ยว หรืออ้าปากได้

สำหรับคนที่อยากลบเหลี่ยมบนใบหน้าโดยไม่ต้องเสี่ยงกับมีดหรือเข็มลองทำท่า บริหารต่อไปนี้วันละสองครั้ง จะสังเกตเห็นว่ากล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรแน่นกระชับขึ้น

นั่งตัวตรง แขม่วท้อง อ้าปากกว้าง ห่อริมฝีปากเหนือฟัน เหลือกตาขึ้น เงยหน้าขึ้นแล้วฉีกยิ้ม วางนิ้วชี้ที่มุมปากทั้งสองข้าง ลากนิ้วจากมุมปากขึ้นไปเหนือหู กดค้างไว้ 30 วินาที แล้วจึงปิดปากพร้อม ๆ กับเป่าลมออกจากช่องปาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Health&Cuisine
107#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:52:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"Botox" ลบเลือนริ้วรอย
วันนี้เราจะพาคุณผู้หญิงมารู้จักกับวิธีลบเลือนริ้วรอยหรือ รอยตีนกาที่มาแปะอยู่หน้าสวย ๆ จะสลัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปซักที ตามจิกเราอยู่นั้นแหละ เอาล่ะแม้ว่าริ้วรอยจะมาตามอายุและช่วงเวลาแต่เราคุณผู้หญิงทั้งหลายคงจะไม่ อยากมีเป็นแน่ ๆ วันนี้จึงพาคุณมา ลบเลือนริ้วรอย กับ โบท๊อกซ์ (Botox)

ลบเลือนริ้วรอย

วิธีการรักษา การฉีดสารโปรตีนสกัดชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โบท๊อกซ์ (Botox) เข้าไปที่ผิวหน้า ซึ่งสารนี้จะไปทำให้กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยหยุดการทำงานลดการหดตัวลง ส่งผลให้รอยตีนกา รอยย่นหว่างคิ้วและหน้าฝากถูกขจัดไป ผิวหน้าของคุณก็จะกลับมาเรียบตึงได้อีกครั้ง

ปัจจุบันการฉีดโบท๊อกซ์เพื่อลบเลือนริ้วรอยได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น ค่ะ เนื่องจากให้ผลการรักษาที่ดีบางท่านที่กังวลว่ายาฉีดตัวนี้จะมีอันตรายหรือ ไม่...ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะยาที่ฉีดเป็นสารสกัดบริสุทธิ์ปริมาณที่นำมาใช้ฉีดในแต่ละครั้งก็น้อย มากแถมยังออกฤทธิ์เฉพาะที่จึงจัดได้ว่าปลอดภัย แต่หากยังไม่แน่ใจก็ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงดูก่อนใครมีอะไรค้างคา ใจก็สอบถามเสียให้ครบถ้วนดีแล้วค่ะ...ที่ไม่รีบผลีผลามตัดสินใจเพราะผู้มา รับการรักษาควรจะทราบรายละเอียดทุกขั้นตอนเพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ ก่อนการทำจะดีที่สุด

นอกจากการฉีดโบท๊อกซ์จะให้ผลการรักษาที่ดีขั้นตอนการทำยังไม่ยุ่งยาก เริ่มตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนทำซึ่งสะดวกมากคุณเพียงแต่ไปพบแพทย์เพื่อตรวจ สภาพของผิวหนังก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถทำได้เลยทันที ส่วนขั้นตอนการทำจะเริ่มจากการทายาชาหรือประคบด้วยความเย็นในบริเวณที่จะฉีด ยาโบท๊อกซ์ จากนั้นจะฉีดยาเข้าไปบริเวณที่ต้องการลดรอยย่นโดยใช้เข็มฉีดที่มีขนาดเล็ก มากและปริมาณยาที่ฉีดไม่เกิน 1 ซี.ซี. ส่วนเวลาที่ใช้ฉีดยาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งหลังจากฉีดยาเรียบร้อยแล้ว ควรจะนั่งพักสักครู่จากนั้นก็สามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ
เห็นไหมคะว่าไม่ยุ่งยากอะไรเลย หลังจากนั้นคุณก็ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ผลการรักษาที่ออกมา เป็นไปอย่างที่ต้องการ อย่าละเลยเด็ดขาดนะคะอะไรที่หมอเขาแนะนำไปก็ล้วนแต่เป็นผลดีกับตัวคุณทั้ง นั้น เช่นว่า หลังฉีดยา 3 ชั่วโมงแรกไปแล้วควรบริหารกล้ามเนื้อที่ฉีดบ่อย ๆ เพื่อให้ยากระจายตัวได้ดี ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำการรักษาควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด ๆ แต่ถ้าสามารถหลบเลี่ยงไม่โดนแสงแดดได้เลยจะดีที่สุด นอกจากนั้นคุณควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดและใช้วิธีซับหน้าเพียงเบา ๆ และอย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษาด้วยค่ะ

"สารนี้จะไปทำให้กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยหยุดการทำงานลดการหดตัวลงส่งผลให้รอยตีนกา รอยย่นหว่างคิ้วและหน้าผากถูกขจัดไป"

ทีนี้คงอยากทราบผลของการฉีดยาโบท๊อกซ์เพื่อลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นกันแล้วใช่ไหมคะ

โดยทั่วไปรอยย่นบริเวณที่ฉีดยาจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3-7 วันกลายสภาพเป็นผิวที่เรียบตึงอย่างที่คุณปรารถนา ซึ่งสภาพผิวที่เรียบตึงนี้จะคงอยู่ได้นานประมาณ 8-10 เดือนทีเดียวค่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะเห็นว่าการฉีดยาโบท๊อกซ์เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่มีอะไรยุ่งยาก แต่นั่นหมายความว่าจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเท่านั้น นะคะ อย่าเที่ยวสุ่มสี่สุ่มห้ารักษากับสถานเสริมความงามหรือสถานพยาบาลเถื่อนที่ ไม่มีมาตรฐานอาจเสี่ยงต่อความผิดพลาดได้เรียกว่าอันตรายจะมาถึงก่อนความสวย จะมาเยือนซึ่งไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเลย เตือนมาด้วยความเป็นห่วงเพราะอยากให้การส่องกระจกครั้งต่อไปของคุณ นอกจากจะไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นมารกตาแล้วยังเป็นความสวยที่คู่มากับความ ปลอดภัยค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสวยด้วยแพทย์

108#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:55:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ก่อนสวยด้วย สารโบท็อกซ์
ก่อนที่คุณผู้หญิงทั้งหลายคิดที่จะฉีดสารโบท็อกซ์เพื่อคง ความสวยของตัวเองไว้นั้น คุณลองมาทำ ความรู้จักกับ สารโบท็อกซ์ กันซักนิด และลองฟังประสบการณ์ของผู้ที่เคยทำมาก่อน พร้อมกับคำแนะนำดี ๆ ของพญ.กัญญา เตชะโชควิวัฒน์ แพทย์ด้านผิวพรรณและความงามมาให้คุณได้ทำความรู้จักกันค่ะ

ทำความรู้จักกับ สารโบท็อกซ์

โบท็อกซ์เป็นสารโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรานำมาใช้รักษาริ้วรอยที่เกิดจากกล้าม เนื้อ คือเมื่อกล้ามเนื้อเราหดเกร็งและเป็นอยู่แบบนั้นบ่อย ๆ เข้ามันก็จะเกิดรอยย่นเราก็ใช้โบท็อกซ์มาเป็นตัวรักษา ซึ่งจะเป็นการฉีดเพื่อไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อที่ เกิดรอยย่นนั้นทำงานน้อยลง ซึ่งคนที่เดินเข้ามาหาหมอส่วนใหญ่จะอายุสามสิบปีไปแล้ว เพราะอ่อนวัยกว่านั้นโดยธรรมชาติเขาจะไม่มีริ้วรอยอยู่แล้ว ยกเว้นว่าเขามีกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินไป เช่น รอยขมวดคิ้ว ซึ่งบางคนเป็นเหมือนนิสัยไปแล้วว่าเครียดนิดเครียดหน่อยก็ขมวดคิ้วซึ่งก็จะ ทำให้หัวคิ้วเกิดรอยย่นได้

โดยส่วนใหญ่ในการฉีดโบท็อกซ์ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่ฉีดไปแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วก็จะยังคงสามารถอยู่สภาพนั้นได้ประมาณ 4-6 เดือน ซึ่ง ถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ชำนาญโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย แต่ถ้าฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ก็อาจอันตรายได้อย่างที่เห็นในข่าวอยู่บ่อย ๆ เพราะถ้าเกิดฉีดลึกเกินไปแล้วไปโดนกล้ามเนื้อมัดที่เราไม่ต้องการก็อาจเกิด ปัญหา เช่น ตั้งใจมาฉีดหนังตาตกแล้วพลาดไปฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อที่ช่วยยกตาก็ทำให้กล้าม เนื้อนั้นอ่อนแรงลงก็จะยิ่งทำให้หนังตาตกยิ่งขึ้น

สแกนโบท็อกซ์ศีรษะจรดปลายเท้า

หน้าผาก รอยย่นบริเวณนี้มักเกิดจากการที่เรายักคิ้วขึ้นการฉีดจะต้องฉีดหลายจุด คือเห็นรอยตรงไหนก็ฉีดที่ตรงนั้นเลย ตรงนี้เป็นจุดที่ฉีดแล้วผลการรักษามักจะอยู่ได้ยาวนานกว่าส่วนอื่น ๆ อาจจะประมาณ 8 เดือน เพราะในชีวิตประจำวันเราไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อตรงนี้มากนัก

หว่างคิ้ว ฉีด เพื่อลดรอยย่นของคนที่ชอบขมวดคิ้ว เช่นคนที่เครียดนิดหน่อยก็ขมวดคิ้วก็จะเกิดริ้วรอยที่บริเวณนี้ได้ง่ายการ ฉีดจะประมาณ 3-5 จุด สำหรับกรณีคุณนัทตี้ที่ยกมาที่บอกว่าฉีดที่หว่างคิ้วแล้วทำให้ชั้นที่ตาหาย ไปหมอคิดว่าอาจเกิดเพราะเมื่อฉีดหว่างคิ้วมันจะทำให้คิ้วมีการยกตัวขึ้นชั้น ของหนังตาจึงถูกดึงขึ้นมาด้วย

ตีนกา เวลาฉีดหมอจะให้คนไข้ยิ้มแล้วพอเห็นรอยตีนกาตรงไหนเราก็ฉีดไปตรงนั้น ส่วนใหญ่ก็บริเวณหางตาตรงนี้มักเป็นส่วนที่ยาหมดฤทธิ์และคนไข้ต้องมาฉีดใหม่ เร็วที่สุด เพราะในชีวิตประจำวันเรามักจะยิ้มกล้ามเนื้อส่วนนี้เลยต้องทำงานเยอะ

ข้างจมูก ปีกจมูก สำหรับคนที่ปีกจมูกบานก็สามารถฉีดเพื่อให้ปีกจมูกลดลงได้ เพราะโดยหลักการแล้วการที่ปีกจมูกเราบานเป็นเพราะกล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีการ หดขยาย ซึ่งอาจจะดึงทำให้ปีกจมูกยกขึ้นและจมูกดูใหญ่พอเราฉีดปีกจมูกกล้ามเนื้อนั้น ทำงานน้อยลงมันก็จะไม่ยก ปีกจึงดูจมูกเล็ก โดยการฉีดเราจะฉีดข้างละ 1 จุด

109#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:56:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หน้าเรียว ฉีดข้างละประมาณ 5 จุด มีสองอย่างคือผู้หญิงที่กรามใหญ่เราก็ไปฉีดตรงกรามเพื่อลดกล้ามเนื้อตรงส่วน นั้นให้เล็กลงรูปหน้าก็จะเรียวขึ้น ใบหน้าบริเวณขากรรไกรเรียวขึ้นในการทำหมอจะให้คนไข้กัดฟัน แล้วกล้ามเนื้อบริเวณกรามก็จะขึ้นมาให้เห็นชัดเจนเราก็จะฉีดไปที่บริเวณนั้น ส่วนอีกอันคือการฉีดยกแก้มส่วนใหญ่คนที่มาฉีดวิธีนี้ก็คืออายุ 40 ปีไปแล้วที่มีการดึงของกล้ามเนื้อคอแล้วทำให้แก้มตกลงมาทำให้ดูมีเนื้อเยอะ ใหญ่แก้มย้อยการฉีดก็เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ดึงแก้มนั้นทำงานน้อยลงโดยจะฉีด ที่ขากรรไกรเลย

คอ ฉีดข้างละประมาณ 5-10 จุด ซึ่งจะฉีดเท่าไหร่หมอจะเป็นผู้พิจารณา โดยจะฉีดมากเกินไปก็ไม่ได้เพราะที่คอจะมีกล้ามเนื้อของการกลืน ถ้าฉีดมากหรือลึกเกินไปก็อาจทำให้คนไข้กลืนลำบากส่วนคนที่เข้ามาฉีดโบท็อกซ์ ที่คอมักจะเป็นวัย 50 ปีไปแล้วที่เริ่มคอเป็นชั้น ๆ ริ้ว ๆ และมีรอยเหี่ยวย่นที่คอหมอก็จะให้คนไข้กัดฟันเพื่อให้เห็นลำของกล้ามเนื้อ แล้วก็ฉีดไปตามแนวรอยที่ขึ้น

รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า (ลดเหงื่อ) ฉีดประมาณ 20 จุด ใช้สำหรับคนที่มีปัญหามีเหงื่อออกเยอะและเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อ เช่น อยู่เฉย ๆ หรืออยู่ในห้องแอร์ก็มีเหงื่อซึ่งจะฉีดแค่ตื้น ๆ ไม่ลึกเหมือนการฉีดริ้วรอย เป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อเพื่อไม่ให้ผลิตเหงื่อออกไปมาก

น่อง ฉีดให้กับคนที่น่องโตซึ่งการโตจะมี 2 ประเภท คือ โตเพราะอ้วนกับโตเพราะกล้ามเนื้อ การฉีดโบท็อกซ์จะทำในกรณีที่โตเพราะกล้ามเนื้อซึ่งจะเห็นกล้ามเนื้อขึ้นมา เป็นมัด ๆ ในการฉีดลดน่องอาจต้องมาฉีดหลายครั้งหน่อยอาจจะ 3 เดือนมาฉีดสักครั้งหนึ่ง เพราะเราต้องเดินทุกวัน กล้ามเนื้อส่วนนี้ก็ต้องทำงานทั้งวันทุกวัน โดยเฉพาะสาวที่ใส่ส้นสูงยิ่งต้องใช้มาก
อย่าเอาแต่หวังพึ่งตัวช่วยดูแลตัวเองสำคัญที่สุด

อาจเพราะสังคมทุกวันนี้เจริญขึ้นต้องพบปะผู้คนมากมายแล้วหลายคนก็คิดว่า เรื่องหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งถ้าหมอเห็นว่ายังไม่จำเป็นก็อาจให้คำแนะนำในเรื่องของการปฏิบัติตัวต่าง ๆ เช่น งดการสูบบุหรี่เพราะควันบุหรี่ทำให้เกิดริ้วรอยมากขึ้นหรือการเจอแสงแดดที่ ทำให้คอลลาเจนถูกทำลายไปจึงควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านหรือในคนที่ชอบ ขมวดคิ้วก็ควรปรับพฤติกรรม หรือถ้าทำไม่ได้ทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังขมวดคิ้วก็ให้รีบคลายลงหรือถ้าติด เลิกคิ้วถ้ารู้ตัวก็ต้องหยุดเลิกซะศึกษาข้อมูลให้ดี ๆ แล้วจะสวยอย่างปลอดภัย

ทุกวันนี้คนมักได้ข้อมูลมาผิด ๆ เยอะ บวกกับรักสวยรักงามทำให้บางครั้งเกิดข้อผิดพลาดได้บ่อย ๆ ซึ่งการหาข้อมูลให้มาก ๆ ก่อนการทำอาจจะจากการอ่านหนังสือดูข้อมูลในอินเทอร์เนตแล้วก็นำความรู้นั้น ไปปรึกษาคุณหมอว่าถ้าเรารักสวยรักงามแต่เกิดปัญหานี้ ขึ้นเราควรจะทำวิธีไหนก็จะสวยได้แบบปลอดภัยอย่าไปเชื่อแต่คำโฆษณาหรือเสียง ลือเสียงเล่าอ้างต่อ ๆ กันมาแล้วเชื่อทันทีโดยไม่หาข้อเท็จจริง ซึ่งแบบนั้นเป็นอันตรายมากค่ะ
คุณนัทตี้ อาชีพ แอร์โฮสเตส อายุ 29 ปี

ด้วย อาชีพที่ต้องใช้หน้าตาเป็นจุดขายในการให้บริการผู้โดยสารบนเครื่องบิน ดังนั้นดิฉันจึงต้องใส่ใจในบุคลิกรูปร่างและโดยเฉพาะใบหน้าที่เปรียบเสมือน หน้าต่างบานแรกที่ผู้คนจะเห็นเรา แต่ด้วยอายุที่จะเข้าเลขสาม ความหย่อนย้อยก็เริ่มเสาะหาที่อยู่อาศัยบนหน้าตาอยู่ตลอดเวลายิ่งบริเวณดวง ตาคือจุดที่เห็นชัดอย่างมาก สังเกตได้ว่าตาคนเราปกติจะมีชั้นเดียวหรือสองชั้น แต่สำหรับดิฉันแล้วมีมากถึง 3-4 ชั้น เพราะมาจากปัจจัยที่อายุมากขึ้นจึงทำให้จำนวนชั้นของตามากขึ้นตาม และถ้าฝืนปล่อยเป็นอย่างนี้รับรองว่าคงจะโดนไล่ออกแน่ ๆ

110#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:56:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ดังนั้นจึงพยายามมองหาวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่อย่าง "โบท็อกซ์" มา ช่วยบวกกับเพื่อนแนะนำให้ปรึกษาหมอคลินิกดังย่านรามคำแหงดูเพราะมีดาราที่มี ชื่อเสียงมาใช้บริการค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังมีใบประกาศนียบัตรรับรองความน่าเชื่อถือจึงลองตัดสินใจทำซึ่งตอน แรกทำเพื่อต้องการให้จำนวนชั้นของตาเป็นปกติ โดยคุณหมอจะฉีดโบท็อกซ์เข้าไปตรงหัวคิ้วประมาณ 2 เข็ม ก่อนอื่นต้องยอมรับก่อนเลยว่าฉีดเข้าไปแล้วในช่วงระยะแรกจะตึงมากจนกระพริบ ตาไม่ได้ แต่พอผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน จะเริ่มเป็นปกติแต่อายุของโบท็อกซ์นั้นจะอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือนเท่านั้น จึงทำให้ต้องมีการฉีดอยู่เรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ต่อมาคุณหมอก็เริ่มแนะนำการฉีดโบท็อกซ์ให้รูปหน้าดูเรียวได้สัดส่วนมากขึ้น ต้องขอบอกก่อนว่าสนใจมากเพราะเห็นรูปที่คุณหมอนำมาให้ดูรูปหน้าของคนนั้น เล็กลงและเรียวขึ้นมากและตอนนั้นกำลังมีปัญหาเรื่องใบหน้าค่อนข้างใหญ่อยู่ พอดีเลยตัดสินใจทำทันที โดยคุณหมอจะฉีดโบท็อกซ์บริเวณขมับ 2 เข็ม แก้ม 2 เข็มและคางอีก 1 เข็ม ทั้งหมดรวมแล้วประมาณ 5 เข้มหลังจากฉีดไปแล้วหน้าตึงมาก ซึ่งคุณหมอก็ได้แนะนำให้แสดงอารมณ์บนใบหน้าเพื่อจะได้ช่วยให้ยาไหลและลด อาการดึง ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยได้มากปัจจุบันนี้ดิฉันไม่มีปัญหาเรื่องอาการตึงบนใบ หน้าอีกเลยแถมยังมีรูปหน้าที่ได้สัดส่วน ไม่เกิดปัญหาผลข้างเคียงอย่างที่เป็นข่าวเพียงแต่ต้องดูแลใบหน้าและไปเติมโบ ท็อกซ์ทุก 6-8 เดือนเป็นประจำ เนื่องจากโบท็อกซ์จะมีอายุของตัวยามากสุดแค่ 8 เดือนเท่านั้นค่ะ

จริงอยู่ที่ว่าความสวยความงามเป็นเรื่องสำคัญแต่ก็อย่าลืมว่าคุณค่าในการทำ งานและการใช้ชีวิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ฉะนั้นเพียงคุณดูแลตัวเองด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์นอนหลับพักผ่อนให้ เพียงพอเพื่อให้สมองปลอดโปร่งพอที่จะคิดหรือมองโลกในแง่บวกแล้วออกกำลังกาย ให้ร่างกายแข็งแรงและผิวพรรณเปล่งปลั่ง คุณก็จะสามารถเป็นสาวงามที่คงคุณค่าและเป็นที่อิจฉาของใคร ๆ ได้แล้วค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สุขภาพดี
111#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:59:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ฟอกฟันขาว เพื่อยิ้มที่สดใส
วันนี้พาคุณ ๆ ที่รัการมีฟันขาว ๆ มารู้จักกับวิธีการฟอกฟันขาวเพื่อ รอยยิ้มของคุณให้ดูสดใสยิ่งกว่าใครค่ะ ปัจจุบันนั้น ฟอกฟันขาว เป็นที่นิยมแพร่หลายยิ่งโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นด้วยแล้วอยากจะมีฟันขาวเพื่อ ยิ้มได้อย่างมั่นใจ วันนี้เราจึงนำคุณมาฟังคำแนะนำเพราะกับชี้แนะแนวทางเลือกในการฟอกฟันขาวค่ะ เพราะการฟอกฟันขาวนั้นมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน
น่ารู้! ฟอกฟันขาว
รศ.ทพ.ดร. ชัยวัฒน์ มณีนุษย์ ผู้ชำนาญการสาขาทันตกรรมหัตการ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า "โดยธรรมชาติแล้วฟันมีสีขาวอมเหลืองจะดูขาวมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลาย ปัจจัย เช่น ความหนา องค์ประกอบ และโครงสร้างต่าง ๆ ของฟัน ซึ่งในฟันแต่ละซี่ประกอบด้วยเคลือบฟัน (enamel) สีขาวใสห่อหุ้มเนื้อฟัน (dentin) ซึ่งมีสีขาวอมเหลืองไว้ โดยมีโพรงฟัน (pulp cavity) ซึ่งมีสีค่อนข้างแดง (เพราะเป็นศูนย์รวมของเส้นเลือดและเส้นประสาท) อยู่ข้างในสุด

"หากสังเกตฟันหน้าของเราให้ดีจะเห็นว่า คอฟันมักมีสีค่อนข้างเข้มเนื่องจากเนื้อฟันหนาและเคลือบฟันบางช่วงกลางฟันมี สีค่อนข้างขาวเพราะเคลือบฟันหนาส่วนปลายฟันสีออกขาวใสเพราะเป็นส่วนของ เคลือบฟัน สำหรับฟันที่หนาและใหญ่ เช่น ฟันเขี้ยวและฟันกรามน้อยจะมีสีเข้มกว่าฟันหน้าซี่อื่นเพราะมีเนื้อฟัน มากกว่า"


กลไกที่ทำให้ฟันเปลี่ยนสี

ตอนเด็ก ๆ ฟันของเราค่อนข้างขาวแต่เมื่ออายุมากขึ้นฟันของเราจะมีสีเข็มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากองค์ประกอบในฟันมีการเปลี่ยนแปลงเคลือบฟันจะบางลงเรื่อย ๆ และอาจมีรอยร้าวประกอบกับตัวฟันสร้างเนื้อฟันมากขึ้น สภาพของเนื้อฟันบางส่วนเปลี่ยนแปลงไปเหงือกที่อยู่โดยรอบตัวฟันอาจร่นขึ้น ส่วนของรากฟันซึ่งตามธรรมชาติมีสีค่อนข้างเหลืองจึงโผล่ออกมา

นอกจากนี้ยังมีสีจากภายนอก เช่น คราบบุหรี่ ชา กาแฟ หรือสีของอาหารเข้ามาติดที่ผิวหน้าฟัน ตามปกติเราขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันหรือให้ทันตแพทย์ใช้เครื่องมือขัดออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเม็ดสีส่วนหนึ่งที่มีขนาดเล็กมากแทรกซึมเข้าไปติด อยู่ในส่วนของเคลือบฟันเม็ดสีเหล่านี้จะทำให้ฟันมีสีเข้มขึ้นและไม่สามารถ ขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันหรือการขัดฟัน
สารพันวิธีเพื่อฟันขาว

การขัดฟัน ขูดหินปูน ช่วยขจัดคราบสี คราบอาหาร หรือหินปูนที่ติดบนชั้นเคลือบฟันและตามซอกเหงือก ซอกฟันออกไป ควรหมั่นพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนทุก 6 เดือน

112#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 10:59:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การฟอกสีฟัน เป็นวิธีกำจัดเม็ดสีขนาดเล็กที่ติดอยู่ในชั้นเคลือบฟันซึ่งการขูดหินปูนหรือ การขัดฟันไม่สามารถขจัดออกไปได้ โดยใช้สารเคมีที่มีส่วนประกอบสำคัญ คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) ซึ่งจะแตกตัวให้อนูมูลอิสระ เช่น ออกซิเจนไปทำหน้าที่แตกโมเลกุลของเม็ดสีที่ติอยู่ในชั้นเคลือบฟันทำให้มี ขนาดเล็กลงและมีสีจางลงหรือกลายเป็นสารที่ไม่มีสีแทน จึงทำให้ฟันขาวขึ้น ตัวยาฟอกสีฟันเดิมใช้สารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้นสูงชุบ สำลีวางบนหน้าฟันแล้วกระตุ้นด้วยความร้อนเพื่อให้ปล่อยสารอนุมูลอิสระออกมา ทำลายเม็ดสีทันที แต่มีข้อเสียคือ จะทำอันตรายเหงือกและรากฟันไปด้วยซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนามาเป็นเจลชื่อ ว่าเจลคาร์บาไมด์ เปอร์ออกไซด์ (Carbomide peroxide) ซึ่งมีความหนืดกว่า นำมาทาเฉพาะบริเวณได้ โดยเจลนี้จะแตกตัว 2 ครั้ง ก่อนทำลายเม็ดสีที่ฟันจึงปลอดภัยกับเหงือกและรากฟันมากกว่า

วิธีฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์มี 2 วิธีดังนี้

1.การฟอกสีฟันแบบใช้ถาด
วิธีการ : พิมพ์รูปร่างฟันทั้งปากและทำถาดพลาสติกที่เหมาะกับฟันของผู้ป่วย จากนั้นใส่เจลที่มีความเข้มข้นค่อนข้างต่ำลงไป แล้วครอบฟันไว้ อุณหภูมิในช่องปาก (37 องศาเซลเซียส) จะทำให้เกิดปฏิกิริยาในการฟอกสีฟัน การฟอกแบบนี้มีทั้งแบบที่ใส่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 30 นาที 2-3 ครั้งต่อวัน หรือใส่ก่อนนอนจนถึงเช้า
ระยะเวลา : 7-10 วัน
ข้อดี
- เลือกจำนวนซี่ฟันที่ต้องการฟอกได้มากกว่า
- ฟอกสีฟันให้ขาวถูกใจได้ตามต้องการ เพราะทำซ้ำได้เองที่บ้าน
- ราคาถูกทำได้ที่โรงพยาบาลรัฐบาล
ข้อเสีย
- ใช้เวลานาน
- ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก
ผลข้างเคียง : ขณะที่ฟอกอาจมีอาการเสียวฟัน ซึ่งจะหายได้เองหลังฟอกเสร็จแล้ว
ค่าใช้จ่าย : โรงพยาบาลรัฐบาล ราคาประมาณ 3,000-4,000 บาท

2. การฟอกสีฟันโดยใช้แสงร่วมกับเจลความเข้มข้นสูง

วิธีการ : ใช้แสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ เช่น เลเซอร์ หรือแสงสีฟ้าที่มีต้นกำเนิดแสงเป็นพลาสม่าหรือไดโอท ส่งไปให้ตัวรับแสงซึ่งผสมอยู่ในเจลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแตกตัวของสารฟอกสี ฟัน การฟอกแบบนี้ใช้สารที่มีความเข้มข้นค่อนข้างสูง จึงต้องระวังเนื้อเยื่อส่วนอื่น เช่นเหงือก กระพุ้งแก้มและริมฝีปาก รวมทั้งต้องระวังแสงที่ใช้ซึ่งอาจทำอันตรายต่อเรติน่าในตาด้วยการปิดเหงือก ปิดตาหรือใส่แว่นกันแสง
ระยะเวลา : 1-2  ชั่วโมง
ข้อดี
- รวดเร็ว
- ไม่ต้องไปทำต่อที่บ้าน
ข้อเสีย
- สีฟันขาวขึ้นน้อยกว่า เพราะฟอกเพียงครั้งเดียว
- ฟอกเฉพาะฟันหน้าที่ยิ้มแล้วมองเห็น ไม่สามารถฟอกฟันซี่ด้านในได้
- รับบริการได้ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้น
ผลข้างเคียง : ขณะที่ฟอกอาจมีอาการเสียวฟัน ซึ่งจะหายได้เองหลังฟอกเสร็จแล้ว
ค่าใช้จ่าย : โรงพยาบาลเอกชน /คลินิก ราคาประมาณ 7,000-18,000 บาท

หลังจากฟอกฟันแล้วควรรักษาความสะอาดฟันและขูดหินปูนกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน และพึงระลึกไว้เสมอว่า สีของฟันไม่ขาวถาวร เมื่อเวลาผ่านไปปัจจัยทั้งภายนอกและภายในฟันดังที่กล่าวมาแล้วอาจทำให้สีฟัน เข้มขึ้นได้อีก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Health&Cuisine
113#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 11:01:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Laser Smile การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์
คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ หรือ Laser Smile นั้น หลายคนต่อชอบและให้ การยอมรับในการฟอกสีฟันให้ขาวขึ้น ที่สำคัญเห็นผลได้รวดเร็วตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ และไม่ก่อนให้เกิดการเจ็บปวดแต่อย่างใด

การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์

การฟอกสีฟัน...เพื่อยิ้มอวดฟันขาวคงไม่ใช่ เรื่องใหม่ใคร ๆ ก็เดินมาพบหมอฟันเพื่อฟอกสีฟันให้ขาวสดใสได้ แต่การฟอกสีฟันด้วยวิธีเดิม ๆ นั้นล้าสมัยไปแล้ว เดี๋ยวนี้เขามี "การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์" กันแล้วค่ะ! Laser Smile เป็นวิทยาการล่าสุดของการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อในช่องปากของคนเรา

การฟอกสีฟันโดย Laser Smile นั้นมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากอ่อนโยน ปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพียงคุณมาพบทันตแพทย์แค่ครั้งเดียว และใช้เวลาเพียงแค่ 30-45 นาที เท่านั้น คุณก็สามารถกลับบ้านไปด้วยฟันที่ขาวสะอาดและรอยยิ้มที่สดใส

ถึงแม้ประสิทธิภาพจะเยี่ยม แต่เมื่อเป็นของใหม่ก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่า การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์จะเหมาะสำหรับทุกคนหรือไม่ เอาเป็นว่าใครที่ต้องการฟอกสีฟันให้ขาวขึ้นและเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมาด้วย วิธีนี้ ควรตรวจสอบกับทันตแพทย์ก่อนการรักษาว่าคุณไม่มีอาการแพ้ส่วนประกอบของเจลฟอก สีฟัน รวมถึงแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือมีภาวะผิดปกติอื่นใด หากแน่ใจว่าตัวคุณมีสุขภาพโดยรวมดีเยี่ยมก็ไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ

ทีนี้มาว่ากันถึงขั้นตอนการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์เลยค่ะ เริ่มจากทันตแพทย์จะใส่ตัวป้องกันเหงือกให้ผู้มารับบริการก่อนจากนั้นจึงใส่ เจลลงบนฟัน ในส่วนของเจลที่นำมาใส่บนฟันนั้นมีบางท่านยังเป็นกังวลว่าจะมีอันตรายอะไร หรือไม่ ขอเรียนว่าส่วนประกอบหลักของเจลได้ถูกใช้ในการฟอกสีฟันมาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว และได้รับการยอมรับว่าเป็นสารประกอบที่มีความปลอดภัยและให้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากวงการทันตกรรมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอันตรายนะคะ

หลังจากทาเจลลงบนตัวฟันแล้วทันตแพทย์จะฉายแสงเลเซอร์ลงบนเจลเพื่อให้เจลทำ ปฏิกิริยากับฟัน โดยทำซ้ำทุก 15 วินาที แต่จะซ้ำกี่ครั้งทันตแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมค่ะ หลังจากนั้นเจลจะถูกล้างออกไปพร้อมกับนำตัวป้องกันเหงือกออก ตอนนี้คุณก็สามารถวอดยิ้มฟันขาวของคุณได้ทันที

Laser Smile ให้ผลอันน่าทึ่งอย่างนี้คงช่วยให้หลายท่านมีทางเลือกมากขึ้น ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ของผู้เข้ารับการรักษาก็พึงพอใจกับผลที่ได้รับ ที่สำคัญการฟอกสีฟันให้ขาวโดยวิธี Laser Smile นี้ โดยทั่วไปแล้วไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใด ๆ เลย เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยจำนวนน้อยมากของผู้เข้ารับการรักษาที่จะมีปฏิกิริยาต่อการ รักษาค่ะ

การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์อาจให้ผลเป็นเวลาหลายปี หากรักษาสุขภาพฟันและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้ เกิดคราบเกาะบริเวณฟัน เช่น ชา กาแฟ ไวน์ แดง ฯลฯ อย่างไรก็ตามผลที่แท้จริงจะต่างกันออกไปในแต่ละคนขึ้นอยู่กับโครงสร้างและ นิสัยในการรับประทานอาหาร

แม้ว่าการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์จะเป็นวิทยาการที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ขั้นตอนไม่ยุ่งยากรวดเร็วและปลอดภัยแต่วิธีนี้ก็จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การ ดูแลของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง มิฉะนั้นแล้วก็อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการรักษาตามมาได้ ท่านใดที่สนใจการฟอกสีฟันด้วยวิธีอันทันสมัยนี้จึงต้องพิจารณาเลือกสถาน บริการและทันตแพทย์อย่างรอบคอบด้วยค่ะ

เชื่อว่า...ทางเลือกใหม่ในการฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์คงช่วยให้คุณยิ้มสวยอวดฟันขาว...อย่างมั่นใจได้แน่นอนค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสวยด้วยแพทย์

114#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 11:02:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"ฟอกสีฟัน" ดีไหม?
ใคร ๆ ก็อยากมีฟันขาวสวยด้วยกันทั้งนั้นค่ะ และมักจะมีคำถามอยู่บ่อย ๆ ว่า ฟอกสีฟันแล้วจะ ไหมจะเกิดผลข้างเคียงอะไรรึเปล่า แล้วถ้าซื้อน้ำยาฟอกสีฟันมาทำเองจะปลอดภัยไหม สิ่งเรานี้ที่คุณกำลังสงสัยเรามีคำตอบเรื่อง ฟอกสีฟัน มาตอบคำถามคุณให้ได้หายคล่องใจแล้วล่ะค่ะ
ฟอกสีฟัน
ทันตแพทย์หญิงชนิดา อธิบายว่า การฟอกสีฟัน เพื่อทำให้ฟันขาวขึ้นมีความปลอดภัย แต่ควรทำภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์ ดังนั้น คนที่ต้องการฟอกสีฟันอันดับแรกเลยควรไปพบทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่า ฟันสีคล้ำมีสาเหตุจากอะไร เช่น ฟันผุ เป็นรู มีคราบสีหรือ หินปูน หรือฟันตาย ซึ่งทันตแพทย์จะแก้ไขให้ตามสาเหตุ เช่น ฟันผุ แก้ไขปัญหาด้วยการอุดฟัน หากมีคราบสีหรือหินปูนจะแก้ไขด้วยการขัดฟันหรือขูดหินปูน หากเป็นฟันตายก็ควรได้รับการรักษารากฟันก่อนการฟอกสีฟันหรือบูรณะฟันด้วย วิธีที่เหมาะสมต่อไป

หากไม่ได้มาจากสาเหตุข้างต้น และทันตแพทย์พิจารณาว่า สามารถฟอกสีฟันได้ ทันตแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมสำหรับคนไข้ ซึ่งผลของการฟอกสีฟัน ความขาวของฟันจะไม่คงทนถาวรเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ปี สีฟันจะค่อย ๆ คล้ำลงเล็กน้อยอาจต้องมาทำซ้ำเป็นระยะ

การฟอกสีฟันที่ได้รับการยอมรับว่าได้ผลและมีความปลอดภัยสูง ได้แก่ การฟอกสีฟันที่คนไข้สามารถทำด้วยตัวเองที่บ้าน โดยใช้สารฟอกสีฟันที่ความเข้มข้นต่ำ ๆ ภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์
วิธีการ คือ ก่อนที่จะทำการฟอกสีฟันทันตแพทย์จะให้ข้อมูลรอบด้านแก่คนไข้และตรวจดูให้แน่ ชัดว่า ฟันทุกซี่ไม่ผุ ไม่มีอาการเสียวฟันเนื่องจากภาวะเหงือกร่น คนไข้ได้รับการขูดหินปูนหรือขัดคราบสีที่ปกคลุมฟันออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนฟันที่มีอาการอุด วัสดุอุดจะต้องไม่มีการรั่วซึม

จากนั้นทันตแพทย์ก็จะพิมพ์ปากคนไข้เพื่อสร้างแบบจำลองฟันและนำมาทำถาดฟอกสี ฟัน ทันตแพทย์จะบันทึกสีของฟัน ก่อนเริ่มให้การรักษาจะนัดคนไข้มาลองถาดฟอกสีฟัน แนะนำวิธีใส่สารฟอกสีฟันโดยส่วนใหญ่สารที่ใช้ฟอกสีฟันได้แก่ คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้น 10% โดยคนไข้จะใส่ถาดฟอกสีฟันวันละประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจะใส่ตลอดทั้งคืนเวลานอนก็ได้ โดยระหว่างใส่ถาดฟอกสีฟันห้ามรับประทานอาหารทุกชนิด

สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฟอกสีฟัน คือ อาการเสียวฟัน การระคายเคืองเนื้อเยื่ออ่อน เช่น เหงือก ดังนั้นระหว่างการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะนัดมาติดตามผลเป็นระยะเพื่อดูผลของการฟอกสีฟันและแก้ไขอาการข้าง เคียง

ภายหลังเสร็จสิ้นการฟอกสีฟันคนไข้ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภท ชา กาแฟ ไวน์ ซึ่งอาจทำให้มีคราบสีมาติดภายนอกฟันและทำให้ฟันดูคล้ำลงได้

ทั้ง นี้ไม่แนะนำให้คนไข้ฟอกสีฟันโดยซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีขายตามเคาน์เตอร์ในท้อง ตลาดมาทำเอง โดยไม่ได้ปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อหาสาเหตุ เพราะ

1.ปัญหาฟันสีคล้ำที่คนไข้มีอาจไม่ได้รับการแก้ไขให้ตรงจุดและเสียเงินโดยไม่จำเป็น

2.การฟอกสีฟันเองมีโอกาสที่สารฟอกสีฟันจะไประคายเคืองเหงือกหรือเนื้อเยื่อ ภายในช่องปากได้มากกว่าวิธีที่ทำภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์

3.อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการเสียวฟัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
115#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-27 11:03:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เคล็ดลับการอาบน้ำ "ให้ผิวสวย เปล่งปลั่ง"
อีกหนึ่งเคล็ดลับการอาบน้ำให้ผิวสวยเปล่งปลั่งที่เราจะนำมาฝากกันในวันนี้ ค่ะ แม้ว่าการอาบน้ำจะดูเป็นเรื่องง่าย ๆ ก็จริงอยู่ แต่ถ้าคุณได้รู้ เคล็ดลับการอาบน้ำ แล้วยังช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีด้วย ผิวสวยด้วย ผิวเปล่งปลั่ง ด้วยจะไม่เป็นการดีกว่าเหรอ อาบน้ำไม่ใช่เรื่องอยากแต่จะอาบอย่างไรให้ผิวสวยวันนี้คุณจะได้ เคล็ดลับการอาบน้ำ ณ บัดนี้เลยล่ะค่ะ แล้วเมื่อได้เคล็ดลับการอาบน้ำไปแล้วก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติตามเพื่อให้ผิวสวย ด้วยนะค่ะ ไม่อย่างงั้นล่ะก็เคล็ดลับการอาบน้ำคงจะใช้ไม่ได้เป็นแน่เลย อิอิอิ


3 เคล็ดลับการอาบน้ำ "ให้ผิวสวย เปล่งปลั่ง"
1. ปัดถูร่างกายก่อนอาบ

ใช้แปรงขนนุ่มแห้งและสะอาดถูตัวก่อนอาบน้ำ โดยเน้นช่วงข้อศอก เข่า ส้นเท้า เท้า และจุดแห้งกร้าน ส่วนผิวทั่วไปให้ใช้ปัดเข้าหาตัวโดยไม่ว่าจะปัดหรือถูให้ทำในทิศทางที่วน เข้าหากลางลำตัว เช่น หากเริ่มที่มือก็ให้ปัดมาที่ต้น แขน หัวไหล่ เป็นต้น ทั้งนี้หากไม่มีแปรงคุณก็สามารถใช้ผ้าขนหนูแห้ง ๆ ถูหรือขัดตัวได้เช่นกัน โดยการจับปลายผ้าทั้งสองข้างแล้วขัดถูไปตามร่างกายจุดละประมาณ 20 ครั้ง (ไม่ต้องลงน้ำหนักมากหรือนานเนินไปเพราะแทนที่จะเป็นผลดีต่อผิวคุณกลับกลาย เป็นการทำร้ายผิวอันบอบบางได้) เพื่อเป็นการขจัดคราบไคล ฝุ่น หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป
2. ขัดผิวขณะอาบน้ำ

คุณต้องแบ่งแยกผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ให้เป็นสัดส่วน

2.1 ผลิตภัณฑ์สครับสามารใช้ได้ทั่วทุกส่วนของร่างกายและใช้ได้ดีกับบริเวณผิวที่ละเอียดอ่อนอย่างหน้าอก ลำคอ

2.2 อุปกรณ์ประเภทฟองน้ำ ใยสังเคราะห์ หรือแปรงขัดผิว จะเหมาะกับผิวแขน ขา ไหล่ หลัง เพราะคุณสามารถลงน้ำหนักบนผิวบริเวณดังกล่าวได้

2.3 หินขัด แผ่นขัดเท้า เหมาะกับจุดที่แห้งกร้านอย่าง ข้อศอก เข่า ส้นเท้า

การขัดหรือถูนั้นคุณสามารถทำก่อนหรือหลังการชำระร่างกายก็ได้โดยขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้

3. นวดและฉีดน้ำ

ให้ทำในขณะชำระร่างกายเมื่อตัวเปียกหรือมีฟองสบู่ โดยให้นวดไปมาวนเป็นวงกลมหรือยึดหลักเหมือนการนวดน้ำมันหรือนวดขณะสระผม เพื่อเป็นการผ่อนคลาย และหากคุณใช้ฝักบัวในการอาบน้ำให้เปิดน้ำแรง ๆ ลงบนร่างกายโดยให้วนไปมารอบอก ย้อนขึ้น-ลง บริเวณแขน-ขา เพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีเปล่งปลั่ง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเคล็ดลับการอาบน้ำที่เรานำมาฝาก ไม่ยากจนเกินไปแต่สามารถช่วยให้คุณ ๆ มีผิวสวยได้ ที่สำคัญควรเลือกผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ที่มีคุณภาพค่ะหรือถ้าจะให้ดีลองอาบ กับคนที่รู้ใจซิคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก สยามดารา

12345
กลับไป ตั้งกระทู้ใหม่
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้