มีคำถามเกี่ยวกับการประเมินจำนวนกราฟว่าคิดอย่างไร

millionhair

             มีคำถามเกี่ยวกับการประเมินจำนวนกราฟว่าคิดอย่างไร ปกติแล้วรากผมคนเรามีความหนาแน่น80-120กลุ่มรากผม/ตร.ซม. แต่รากผมที่เรานำมาใช้ต้องเลือกจากบริเวณที่รากผมมีความแข็งแรงที่สุดคือด้านหลังศีรษะ ซึ่งบริเวณนั้นมีรากผม10000-20000 กลู่มรากผม ในขณะที่รากผมทั่วศีรษะมีจำนวน100000ราก ขนาดพื้นที่หนังศีรษะที่มีรากผมมีขนาดโดยเฉลี่ย500ตร.ซม. เวลาเราประเมินจะวาดพื้นที่เพื่อปลูกผมแล้ววัดขนาดออกมาเป็นตร.ซม. จากนั้นจึงคำนวณว่าจะปลูกโดยใช้กราฟกี่กราฟ/ตร.ซม. ซึ่งขึ้นกับพื้นที่บริเวณนั้นด้วย โดยทั่วไปแนวผมด้านหน้าจะปลูกให้มีความหนาแน่นมากเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ


              บริเวณแนวผมด้านหน้าโดยทั่วไปจะปลูกที่ความหนาแน่น40-50กราฟ/ตร.ซม. ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความหนาแน่นเพียงครึ่งเดียวของความหนาแน่นตามธรรมชาติ ทำไมเราไม่ปลูกให้แน่นเท่าธรรมชาติ ...มีบางคลินิกในต่างประเทศที่พยายามปลูกให้แน่นเท่าธรรมชาติ ซึ่งในคนเอเชียทำได้ยากเพราะขนาดรากผมในคนเอเชียมีขนาดใหญ่กว่าคนยุโรป การเจาะรูเพื่อปลูกผมถี่เกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายกับหนังศีรษะบริเวณนั้นได้ และรากผมที่ปลูกอาจมีโอกาสรอดน้อยกว่า ตามการศึกษาพบว่าความหนาแน่นตั้งแต่30กราฟ/ตร.ซม. เป็นความหนาแน่นที่คนส่วนใหญ่พอรับได้ แต่ทางคลินิกจะแนะนำให้ปลูกตั้งแต่40กราฟ/ตร.ซม.ในแนวผมด้านหน้าเพราะโดยส่วนใหญ่คนไข้ที่ทำความหนาแน่นขนาดนี้ในคนไทยเพียงพอที่จะทำให้ดูดี แต่หากพื้นที่ไม่กว้างมากและผมข้างเคียงหนาแน่นก็จะแนะนำให้ปลูกให้แน่นที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อให้ใกล้เคียงกับผมเดิม

millionhair

ศัลยกรรมปลูกผมในปัจจุบันได้พัฒนาไปมาก เทคนิคหลัก ๆ ในการเก็บรากผมแบ่งได้เป็น 2 วิธี คือ Strip harvest technique และ Follicular Unit Extraction Technique

Follicular Unit Extraction หรือ FUE เป็นการเจาะเก็บรากผมจากบริเวณ Donor area โดยอาศัยเครื่องมือลักษณะ Punch เครื่องมือสำหรับ FUE มีมากมาย และมีการพัฒนามากขึ้นจนปัจจุบัน ได้มีหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ เจาะเก็บรากผมแทนมนุษย์ ( Hair transplant Robot) ซึ่งปัจจุบันยังคงมีเพียง ARTAS ที่ถือว่าเป็นหุ่นยนต์สำหรับศัลยกรรมปลูกผมเครื่อง ARTAS ทำงานได้โดยอาศัย Image guided technique ซึ่งมีกล้องที่ทำหน้าที่เหมือนตามนุษย์ เพื่อมองเห็นรากผมดูทิศทางและองศาของเส้นผม ส่วนประกอบของ

ARTAS จะประกอบด้วย CART ซึ่งเป็นตัวหุ่นยนต์ มีแขนหุ่นยนต์ ที่มีกล้องติดอยู่ภายในชุดทำงาน และมีชุดNeedle mechanism ที่ทำหน้าที่เจาะรากผมพร้อมใช้ Suction ดูดรากผมให้หลุดออกมาเล็กน้อย ทำให้ง่ายต่อการเก็บ

CHAIR ที่นั่งของคนที่เข้ารับการเจาะเก็ บรากผมชุด Needle + Punch ของ ARTAS ประกอบด้วย sharp needle ที่ทำหน้าที่ เจาะผ่านผิวหนังชั้นบน Dull Punch ที่ทำหน้าที่เจาะรากผมด้านล่างโดยอาศัยแนวคิดที่ว่า dull punch จะมีโอกาสทำลายรากผมน้อยกว่าSharp Needle จึงทำหน้าที่แค่เปิดทางให้ Dull Punch เข้าทำงานได้ง่ายขึ้น

ขั้นตอนในการทำ ARTAS ต้องโกนผมบริเวณ Donor area ให้มีความยาว1 mm. เพื่อให้หุ่นยนต์ยังคงเห็นเส้นผมอยู่ และต้องใช้ Tensioner เพื่อขึงตรึงหนังศีรษะให้มีความมีความตึง และยังทำหน้าที่เป็นกรอบการทำงานของ ARTAS ด้วย

ความเร็วในการเจาะรากผมของ ARTAS อยู่ที่ 700-1000 กราฟ/ชม.ความ แม่นยำของการทำFUE เราดูจาก Transection rate หรือ อัตราการตัดรากผมขาดในขณะเจาะเก็บ ARTAS จะมี Transection rate ประมาณ 2-8 % ส่วนการทำ FUE โดยมนุษย์อาจพบได้ตั้งแต่ 2 %- 25 %

บริษัทที่ผลิต ARTAS ได้พัฒนาให้หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถเจาะรูสำหรับใส่รากผมได้ ซึ่งน่าจะเริ่มใช้งานได้จริง ปลายปีนี้ (2014) ส่วนการปลูกผมหรือ Implanting มีแผนที่จะพัฒนาให้ทัน 2018

ข้อดีของARTAS
1. ผู้ใช้เครื่องARTAS สามารถเรียนรู้การใช้งานได้รวดเร็ว
2. มีความแม่นยำในการเจาะโดยเฉลี่ยสูง
3. ความเร็วในการเจาะรากผมที่เร็วกว่าการทำ FUE ด้วยมือ
4. แพทย์ที่ควบคุมARTAS ไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการทำFUE ที่ชำนาญมาก
5. ตัว graft ที่ได้มีความสมบูรณ์มาก

ข้อเสีย
1. ราคาเครื่องที่สูงมาก ,มีต้นทุนในการเจาะแต่ละครึ่ง
2. เป็นเครื่องที่ต้องการ Maintenance โดยวิศวกร
3. ข้อเสียที่มีของ FUE ยังคงมีอยู่
4. ARTAS ไม่อาจทำงานได้ทุก area บน scalp

อย่างไรก็ตาม ARTAS อาจจะใช้งานได้ไม่ยาก แต่แพทย์ที่ใช้ก็ต้องมีความรู้ด้านศัลยกรรมปลูกผมเป็นอย่างดี และยังแนะนำแพทย์ที่เคยทำ FUE มาบ้างแล้ว จะสามารถแก้ปัญหาในระหว่างการใช้งานได้ดีกว่า การปรับ Parameter ต่าง ๆ จะทำได้ถูกต้อง

Credit by นายแพทย์ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล
ศัลยแพทย์ปลูกผมแห่ง Million Hairtransplant Center(MHC)