|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย yampotter เมื่อ 2013-11-27 21:59
ที่สอง หมอทนงศักดิ์ Asia Clinic ค่ะ
ประวัติหหมอทนงศักดิ์ดู link ข้างล่างได้ค่ะ
http://www.asia-clinic.com
เราเข้าไปตั้งแต่ 10 โมง คนก็เยอะเหมือนกัน มีมาเรื่อยๆค่ะ ที่นี่เป็นคลินิกที่ดูดีมากค่ะ สะอาดมากค่ะ ประทับใจตั้งแต่ห้องน้ำแล้วค่ะ ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนเช้าไปพบหมอ ถ้าเข้าห้องน้ำก็ต้องเปลี่ยนรองเท้าที่เค้าเตรียมไว้ให้อีกที ตอนเข้าไปจะปรึกษาเค้าก็ให้ทำประวัติก่อนแล้วก็ถ่ายรูปหน้าเรา จากนั้นเค้าก็มีแฟ้มภาพจมูกดารามาให้เราเลือก บอกว่าถ้าต้องการจมูกแบบไหนให้ดึงแผ่นนั้นออกมาจากแฟ้มได้เลย แฟ้มเค้าหนามาก หลายแผ่นอยู่ เหอๆ เรารออยู่ครึ่งชั่วโมงก็ขึ้นลิฟท์ไปหาหมอค่ะ
พอเข้าไปพบหมอ เราก็เล่าเคสของเราให้ฟังค่ะ เค้าตั้งใจฟังแล้วก็จดลงกระดาษค่ะ เราเล่าไปร้องไห้ไป (อีกแล้ว -_- ก็มันกลั้นไม่อยู่จิงๆนะ) เราก็เน้นว่าเนื้อเราตรงกลางจมูกมันบางมากๆ หมอก็จับๆดูนะคะ แล้วก็บอกว่าเคสเราสามารถแก้ไขได้ ไม่ต้องกังวล หมอเจอเคสปัญหาแบบนี้มาเยอะ เราก็บอกหมอเค้าไปว่าจมูกเรามันดูแอ่นๆ ที่เราไม่แก้กับหมอเดิมก็เพราะวิธีการแก้ของเค้าคือแค่ใส่ซิลิโคนใหม่เข้าไป ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์การทำจมูกของเราเลย ถึงใส่ซิลิโคนเข้าไปก็ไม่หายแอ่นและไม่หายร่นอยู่ดี หมอทนงศักดิ์บอกว่าต้องแก้ไขใหม่ ต้องรื้อใหม่ ส่วนวิธีการนั้นยังไม่แน่ชัด ยังตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้จมูกเรายังต้องใช้เวลา set ตัว ต้องรออีกซัก 2 เดือนแล้วค่อยกลับมาปรึกษากับหมออีกรอบถึงวิธีการแก้ ถึงตอนนั้นเค้าก็จะรู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไร เค้าบอกกับเราว่าเคสเราสบายมาก อย่าเครียด ไม่ใช่เคสหนัก บางคนหนักกว่าเราเยอะ เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องเครียด เราจะดึงจมูกหรือไม่ดึงจมูกก็ได้แล้วแต่เรา ต่อจากนี้อีก 2 เดือนไม่ต้องไปคิดถึงจมูก ไม่ต้องคิดมาก ยังไงก็แก้ได้ เคสนี้ไม่ยาก (เรามีความหวังขึ้นมาทันที เพราะถ้าหมอพูดขนาดนี้ แสดงว่าเค้าก็รู้ตัวแหละว่าเค้ากำลังให้ความหวังคนไข้ ซึ่งเป็นความหวังที่เค้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง) สีหน้าเค้าดูมั่นใจมากค่ะ เราก็ ok และนัดปรึกษาเค้าอีกทีเดือนมีนาคมค่ะ
พอออกมาจากห้องเราก็มานั่งรอด้านหน้าห้อง ก็มีพี่ที่คลินิกมานั่งคุยกับเราเรื่องเคสจมูกของเรา เค้าชมเราว่าหน้าเราทรงเกาหลีจริงๆ ถ้าแก้จมูก ทีนี้ก็จะเหมือนเด็กเกาหลีเลย เค้าเล่าให้ฟังว่า หมอทนงศักดิ์เป็นแพทย์จาก รพ.ศิริราช ท่านมีประสบการณ์และเก่งมาก เวลาเค้าดูจมูกของคนไข้ เหมือนเค้าจะเห็นทะลุเข้าไปด้านในจมูกของเราเลยว่าสภาพเป็นยังไง เราก็ถามพี่เค้าต่อว่าเคยมีเคสแก้จมูกคล้ายๆเคสเรามั้ย พี่เค้าบอกว่ามีหนักกว่าเราเยอะ มีบางที่ทำจมูกมาหลายครั้งมากจนซิลิโคนทะลุ ก็มาแก้กับคุณหมอ บางเคสที่บางที่ไม่รับแก้ คุณหมอก็รับแก้ให้ บางเคสเป็นปากแหว่งเพดานโหว่มาตั้งแต่เกิดก็มาขอให้คุณหมอช่วยทำให้ พอทำออกมาสำเร็จแล้วคนไข้ดีใจจนร้องไห้เลย พี่เค้าก็เล่าเคสพวกนี้ให้ฟัง ทำให้เราใจชื้นขึ้นเยอะ พี่เค้าบอกว่า เราไม่ต้องกังวล ถ้าคุณหมอบอกว่าแก้ได้ ไม่ต้องห่วง ก็คือไม่ต้องห่วงจริงๆ ให้เราทำใจสบายๆอย่าไปเครียด อย่าไปกังวล
พอเราลงมาข้างล่าง มีค่าปรึกษา 500 บาทค่ะ เราก็ยอมควักค่ะ จากนั้นเราก็คุยกับคุณพยาบาลของคลินิกค่ะ เล่าให้เค้าฟังว่าเคสเราเป็นยังไง ทำไมมันถึงมีรอยช้ำได้ พยาบาลเค้าก็บอกเราตรงๆค่ะว่า เซลล์เนื้อเราตรงที่เป็นรอยช้ำมันตายแล้ว (เราตกใจ O_O) มันจะไม่หายขาด เราก็ถามว่าเราจะทำยังไงได้บ้าง เราบอกเค้าว่ารอยนี้ถ้าเทียบกับ 1 เดือนที่แล้ว มันดูจางลงไปนิดนึง แล้วเราก็เอารูปให้เค้าดู เค้าก็บอกว่างั้นต้องรอดูไปเรื่อยๆ มันก็น่าจะดีขึ้นเพราะตอนนี้ผ่านไปแค่ 1 เดือนเท่านั้น เค้าให้เราคอบประคบอุ่นค่ะ เมื่อคุยเสร็จแล้วเราก็ไปปรึกษาที่ต่อไปค่ะ |
|