เจ้าของ: joy234
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ขั้นตอนการทำศัลยกรรมและข้อดี-เสีย

[คัดลอกลิงก์]
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:04:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เสริมคาง
ศัลยกรรมเสริมคาง เพื่อใบหน้าเรียวสวย
กระแสนิยมใบหน้าเรียวยาว มาแรงไม่หยุดค่ะ สาวๆ จึงมองหาวิธีแก้ไขรูปหน้าที่ไม่สมส่วนให้ดูเรียวยาวขึ้น การทำ ศัลยกรรมเสริมคาง ช่วยได้ไม่ยากค่ะ
การ เสริมคาง มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้คางมีส่วนยื่นออกมาด้านหน้ามากขึ้น ช่วยเติมเต็มรูปร่างของคางให้สมบูรณ์ ทำให้ใบหน้าดูยาวเรียว รูปหน้าได้สัดส่วนที่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่มีรูปใบหน้าเป็นรูปเหลี่ยมและต้องการให้ใบหน้าดูยาวขึ้น โดยไม่ต้องตัดกราม การเสริมคางเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ต้องดมยาสลบและสามารถแก้ไขกลับเป็นปกติได้ถ้าไม่ต้องการ
วิธีที่ใช้ในการเสริมคาง
เทคนิคที่ 1 ใช้ซิลิโคนแท่ง
วิธีนี้ใช้ในกรณีที่ต้องการ เสริมคาง น้อยหรือปานกลาง โดยทั่วๆ ไป อาจทำได้ 2 วิธี คือ การเปิดแผลในปาก หรือ การเปิดแผลภายนอก
ซิลิโคนคาง มี 2 แบบ คือ
แบบปกติ ใช้สำหรับเสริมบริเวณกลางของคาง
แบบทรงธรรมชาติ
เทคนิคที่ 2 การฉีดคางเพื่อ เสริมคาง เป็นการฉีดสารเติมเต็มโดยอาจใช้สารคอลลาเจน หรือ สารอื่นๆ
การเตรียมตัวก่อน ผ่าตัดเสริมคาง
1. งดยาต้านการอักเสบ ( NSAID ) เช่นแอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
2. สมุนไพรบางชนิดเช่นอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัด ประมาณ 3-5 วัน
3. แปรงฟันและทานอาหารให้พร้อมก่อนผ่าตัด เนื่องจากหลังผ่าตัดมักทานอาหารได้น้อย
4. ลาหยุดงานประมาณ 3 วัน
5. ควรพาเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด
6. ปรึกษาแพทย์ถึงความยาวและความกว้างของคางที่ต้องการเสริม
คำแนะนำหลัง ผ่าตัดเสริมคาง
1. ประคบเย็นตรงบริเวณที่ทำการ เสริมคาง ให้บ่อยที่สุด นาน 2 วัน หรือ จนกว่าจะยุบบวม
2. นอนศีรษะสูง 2 วัน สามารถนอนตะแคงศีรษะได้
3. ระมัดระวังเวลายิ้มอย่ายิ้มกว้างมากในช่วงแรก
4. สามารถใช้ลิปสติกได้ 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด
5. งดรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัดหรือแข็งมาก
6. ดื่มน้ำโดยใช้หลอดและหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรืออาหารที่ร้อนหรือเย็นเกินไป
7. ผักผลไม้ที่นำมารับประทานควรล้างให้สะอาดไม่ควรกินปลาดิบหรือเนื้อที่ไม่สุก
หรืออาหารที่มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคได้มาก
8. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกฮอร์ใน 2 อาทิตย์แรกหลังการผ่าตัด
9. งดการสูบบุหรี่ 3 อาทิตย์หลังการผ่าตัด
10. ดื่มน้ำมากๆ
11. บ้วนปากบ่อยๆ ด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดหรือน้ำยาบ้วนปาก
12. อย่าใช้ลิ้นดุนหรือใช้มือดึงไหมที่เย็บแผลในปาก
13. ทำกิจวัตรประจำวันที่ไม่หนักได้ตามปกติ งดออกกำลังกายหนัก 10 วัน
14. ระวังการกระแทกบริเวณคางหรือนั่งค้ำดันคาง
15. งดออกกำลังกายที่อาจต้องมีการปะทะเช่นฟุตบอล บาสเกตบอล แฮนด์บอลประมาณ 4 อาทิตย์
16. สามารถเอาผ้าพันแผลออกได้ภายใน 1-5 วัน
17. แพทย์จะนัดตรวจดูอาการในวันที่ 7 และ 21

หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 1 - 2 เดือน อาการบวมจะยุบลงและได้รูปร่างของคางใหม่ โดยแท่งซิลิโคนจะเกาะติดแน่นกับขอบกระดูกและไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป แบบปกติ

แบบปกติ ใช้สำหรับเสริมบริเวณกลางของคาง.jpg.jpg (5.17 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 0)

แบบปกติ ใช้สำหรับเสริมบริเวณกลางของคาง ...

แบบปกติ ใช้สำหรับเสริมบริเวณกลางของคาง ...

แบบปกติ ใช้สำหรับเสริมบริเวณกลางของคาง2.jpg.jpg (5.11 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 0)

แบบปกติ ใช้สำหรับเสริมบริเวณกลางของคาง1 ...

แบบปกติ ใช้สำหรับเสริมบริเวณกลางของคาง1 ...

แบบทรงธรรมชาติ.jpg (7.04 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 1)

แบบทรงธรรมชาติ

แบบทรงธรรมชาติ

แบบทรงธรรมชาติ2.jpg (6.64 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 0)

แบบทรงธรรมชาติ1

แบบทรงธรรมชาติ1

แสดงความคิดเห็น

การเสริมคางขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย  โพสต์ 2011-4-24 11:27
27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:18:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
       การเสริมหน้าอก นับได้ว่า เป็นการทำศัลยกรรมเสริมความงามที่นิยมกันมากที่สุดอย่างหนึ่ง เนื่องจากการมีหน้าอกที่สวยงาม สมส่วนนั้น เป็นการแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง ดังนั้น ขนาดและรูปทรงของหน้าอก จึงถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผู้หญิง การเสริมหน้าอกจึงมีผลกระทบทางบวกในเชิงจิตวิทยา สำหรับผู้หญิงที่มีขนาด เต้านมที่เล็ก หรือ หย่อนยาน ไม่ได้สัดส่วน
ใครสามารถทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกได้บ้าง?
ทุกคนที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง สามารถทำได้
ชนิดของวัสดุที่นำมาเสริมหน้าอก ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
มีการนำวัสดุ 2 ชนิด มาใช้ในการเสริมหน้าอก
     1. ซิลิโคน แบบเจล
     2. ถุงน้ำเกลือ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดได้รับการรับรองแล้วว่า มีความปลอดภัยสูงสุด
ขั้นตอนในการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกเป็นอย่างไร?
          การเสริมหน้าอกสามารถทำได้แบบผู้ป่วยนอก (ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล) ถึงแม้การทำผ่าตัด อาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่จะต้องมีขั้นตอนในการเตรียมการทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด รวมแล้วอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ป่วย
การลงบาดแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกสามารถทำได้กี่วิธี อะไรบ้าง?
การลงบาดแผลผ่าตัดสามารถทำได้ 3 ตำแหน่งด้วยกัน คือ
     1. ส่วนใต้ฐานเต้านม : เป็นตำแหน่งที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากบาดแผลจะหายได้เร็ว และง่ายต่อการวางตำแหน่งของวัสดุให้สวยงามสมส่วน
     2. รอบปานนม
     3. รักแร้
สิ่งที่คาดว่าจะได้รับหลังการทำผ่าตัดเสริมหน้าอก คืออะไร?
          แพทย์จะให้ผู้ป่วยสวมใส่ผ้ารัดกระชับรูปทรงหน้าอกในช่วงประมาณ 1 อาทิตย์แรก และนัดติดตามผล เพื่อตัดไหม 5-7 วันหลังการผ่าตัด งดการเคลื่อนไหวแขนบ่อย ๆ ในช่วงอาทิตย์แรก อาจพบรอยบวม ช้ำในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก และจะหายไปในสัปดาห์ที่ 3 ผู้ป่วยจะได้รับการสอนเทคนิค การนวดคลึงเต้านมซึ่งจะเริ่มทำในช่วงสัปดาห์ที่ 2 หลักการผ่าตัด เพื่อป้องกันการเกิดเนื้อเยื่อพังผืดเกาะเต้านม

          Breast Reconstruction เป็นวิธีการผ่าตัดสร้างสร้างเต้านม เพื่อทดแทนเต้านมที่ตัดทิ้งไปในรายที่เป็นมะเร็งเต้านม อุบัติเหตุ หรือความพิการแต่กำเนิด เช่น Poland's syndrome โดยจะมีการสร้างขนาด รูปร่างของเต้านม รวมถึง หัวนมและลานหัวนม
มีผู้หญิงจำนวนมากที่ตัดเต้านมทิ้งไปสามารถที่จะมีเต้านมใหม่ได้ ส่วนผู้ที่มีการตัดเฉพาะก้อนเนื้อออกไปไม่จำเป็นต้องมีการสร้างเต้านมขึ้นมา ใหม่ ( Conservative Breast surgery) ซึ่งอาจจะต้องมีการรักษาอื่นร่วมด้วย รวมถึงการดูแลติดตามหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด
     
       ข้อมูลเหล่านี้เป็นทางเลือกใหม่เพื่อใช้ในการตัดสินใจ และควรมีการปรึกษาโดยตรงกับ ศัลยแพทย์ตกแต่ง ของท่านร่วมด้วย
ทางเลือกใหม่ของการสร้างเต้านมใหม่
   
      ทุกๆปีจะพบว่ามีผู้หญิงอเมริกันกว่า 200,000 คนพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม วันนี้จะได้ทราบถึงการรักษาที่แตกต่างจากในอดีตผู้หญิงจำนวนมากที่เป็น มะเร็งเต้านม อาจจะมีการตัดเฉพาะส่วนที่เป็นก้อนเนื้อออก หรือบางคนอาจมีการตัดเต้านมออกทั้งหมด แต่ยังสามารถที่จะสร้างเต้านมขึ้นมาใหม่ได้โดยมีการปรึกษากับศัลยแพทย์ ตกแต่งที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ก่อน เพื่อมีการวางแผนในการรักษา
เป้าหมายในการสร้างขึ้นมาใหม่
     1. เพื่อความสมดุลย์ในการสวมใส่ชุดชั้นใน
     2. เพื่อทำให้มีเต้านมอย่างถาวร
     3. เพื่อความสะดวกสบายกับผู้ที่ไม่ต้องการใส่ของเทียมไว้ภายนอก
เต้านมที่สร้างขึ้นมาใหม่กับเต้านมที่มีอยู่อาจมีความแตกต่างกันบ้าง แต่ถ้ามีการสวมชุดชั้นในคุณจะมีภาพลักษณ์ที่ดูดีขึ้นมาก เมื่อเปรียบกับการตัดเต้านมเพียงอย่างเดียว
     ในการตัดสินใจควรจะได้รับข้อมูลอย่างละเอียดก่อนโดยพูดคุยกับแพทย์ถึงสิ่งที่ดีที่สุด ผลลัพธ์ และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
ข้อควรพิจารณาในการสร้างเต้านมใหม่     
การผ่าตัดที่ทำมานานแล้วก็สามารถสร้างเต้านมใหม่ได้โดย
     1. การ ใส่เต้านมเทียม( Mammary Prosthesis)
     2. การใช้แผ่นผิวหนังเนื้อเยื่อของตัวเอง(Skin Flap) โดยจะมีการตัดแผ่นเนื้อเยื่อ ที่มี ผิวหนัง ไขมันและกล้ามเนื้อ จากส่วนท้อง (TRAM flap) หลัง (LD flap) หรือบริเวณอื่นของร่างกาย ย้ายมาอยู่บริเวณหน้าอก
     3. หรืออาจจะทำทั้งสองอย่าง

28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:19:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การสร้างเต้านมใหม่ในรายที่เป็นมะเร็งเต้านม
          การ สร้างเต้านมใหม่สามารถทำได้เลยหลังจากที่มีการตัดเต้านมทิ้ง(Immediate Reconstruction) โดยเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอกต้องไม่ได้รับความเสียหายจากการ ฉายแสง หรือมีบาดแผล และการผ่าตัดไม่ควรใช้เวลานานเกินไป ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น2ทีม โดยทีมแรกจะทำการตัดเต้านมร่วมกับการหาเส้นเลือดเพื่อเตรียมทำการตัดต่อภาย ใต้กล้องกำลังขยายสูง (Microvascular surgery) ส่วนทีม2จะไปเตรียมเนื้อส่วนที่จะมาใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ใช้ก็คือ เนื้อหน้าท้องต่ำกว่าสะดือ (DIEP flap harvesting)

ปัจจัยที่ช่วยในการตัดสินใจ
     1. สุขภาพร่างกาย : ควรแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
     2. ระยะของการเกิดมะเร็งเต้านม : ควรเป็นในระยะเริ่มต้น คือ ระยะ 1 หรือ 2
     3. ขนาดเต้านมที่มีอยู่ : ต้องมีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไป
     4. ลักษณะของเนื้อเยื่อที่นำไปใช้ เช่น ถ้ามีรูปร่างผอมมากอาจจะไม่มีเนื้อส่วนเกินมาใช้ได้
     5. ความต้องการมีรูปร่างที่เข้ากันได้ เป็นธรรมชาติ
     6. ประเภทของการผ่าตัด: เป็นการผ่าตัดใหญ่ ซับซ้อน ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบธรรมดาที่ใช้การเสริมซิลิโคน
     7. ขนาดของเต้านมเทียม และเต้านมที่จะสร้างใหม่

ปัจจัยอื่นที่ใช้ในการตัดสินใจ

     1. ต้องมีการสมัครใจในการทำผ่าตัด
     2. การมีแผลเป็นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด
     3. ควรปรึกษาแพทย์ผู้เกี่ยวข้องหากมีประวัติเลือดออกผิดปกติหรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นแผลเป็น
     4. ความสามารถในการหายของแผลอาจน้อยลงจาก การเคยผ่าตัดมาแล้ว การให้เคมีบำบัด การฉายแสง การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ โรคเบาหวาน การใช้ยาหลายชนิด และปัจจัยอื่น
เอาข้อมูลมาจากไหน ควรใส่ refer ไว้ด้วยน่ะครับ
จะได้ให้เครดิตกับ จข ข้อมูลครับ
30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:25:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การสร้างเต้านมใหม่ด้วยวิธีต่างๆ
      การใช้เต้านมเทียม (Mammary Prosthesis)
      ที่ใช้กันมากเป็นซิลิโคนชนิดเติมน้ำเกลือ และซิลิโคนชนิดเป็นเจล จากการศึกษาที่ผ่านมาเต้านมเทียมไม่จะไม่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

     ขั้นแรก การสร้างเต้านมใหม่ทันที หลังจากผ่าตัดเต้านมออกไปแล้ว ศัลยแพทย์จะใส่เต้านมเทียมเข้าแทนที่เท่ากับขนาดเนื้อเยื่อที่ตัดออกไป
   
     ขั้นสอง การสร้างเต้านมขึ้นภายหลังจากผิวหนังบริเวณหน้าอกราบเรียบจะมีการใส่วัสดุ เข้าไปใต้กล้ามเนื้อให้เนื้อเยื่อมีการขยายตัว(Tissue Expander) หลังจากที่ผิวหนังบริเวณหน้าอกมีการขยายตัว จะมีการนำวัสดุออกแล้วมีใส่เต้านมเทียมเข้าไปแทนที่
การสร้างเต้านมใหม่ด้วยแผ่นผิวหนัง (Skin Flap)

     โดยจะใช้เนื้อเยื่อจาก หน้าท้อง หลัง ต้นขา หรือ จากก้น มาสร้างเป็นเต้านม เดิมมีการผ่าตัดอยู่ 2 ชนิดที่ใช้แผ่นผิวหนัง มาสร้าง คือ TRAM flap ซึ่งจะใช้แผ่นผิวหนังบริเวณหน้าท้อง และ Latissimus dorsi flap ซึ่งจะใช้แผ่นผิวหนังบริเวณหลังช่วงบน การผ่าตัดจะมีแผล 2 ที่ จากแผ่นผิวหนังที่นำไปใช้ กับเต้านมที่สร้างใหม่ อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นเช่น ไส้เลื่อน4-9% กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความแตกต่างของขนาดและรูปร่างของเต้านมทั้ง 2 ข้าง
TRAM (transverse rectus abdominis muscle) flap: การใช้ส่วนที่เป็นแผ่นผิวหนังไขมัน กล้ามเนื้อ ที่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง จากหน้าท้อง ย้ายมาสร้างเป็นรูปร่างเต้านมใหม่โดยไม่ต้องใช้วัสดุแปลกปลอมใดๆ จะทำได้ 2 วิธี คือ

     1. Pedicle flap ใช้แผ่นผิวหนังที่ยังมีเส้นเลือดไปเลี้ยง สอดไปใต้ผิวหนังที่มีช่องว่างบริเวณหน้าอก
     2. Free flap ตัดส่วนที่เป็นผิวหนังไขมัน เส้นเลือด และ กล้ามเนื้อ โดยมีการต่อ เส้นเลือด บริเวณส่วนหน้าอกโดยอาจจะต้องใช้กล้องขยายมามาใช้ในการต่อ ซึ่งจะใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า Pedicle flap แต่จะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า

     Latissimus dorsi flap การย้ายแผ่นผิวหนังไขมัน เส้นเลือด และ กล้ามเนื้อ บริเวณแผ่นหลังด้านบน สอดมาใต้กล้ามเนื้อด้านหน้าของหน้าอก ที่มีการทำให้ขยายตัว บางท่านอาจจะมีความรู้สึกเมื่อยล้าบริเวณ หลัง หัวไหล่ และแขน ได้หลังการผ่าตัด มักต้องใส่ถุงซิลิโคนร่วมด้วย

     เมื่อ ค.ศ. 1989 โดย Dr. Isao Koshima เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งท่านแรกที่ได้ทำการผ่าตัดตกแต่งแก้ไขขาหนีบและลิ้น โดยใช้ Paraumbilical free flap without muscle ซึ่งก็คือ Free deep inferior epigastric flap (DIEP) นั่นเอง ทำให้donor morbidityลดลงอย่างมากเพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องยังแข็งแรงเหมือนเดิม และได้พัฒนามาใช้ในการผ่าตัดเสริมเต้านมคนไข้หลังตัดเต้านม โดยมีรายละเอียดดังนี้
     DIEP (deep inferior epigastric artery perforator) flap: เป็นวิธีการผ่าตัดแบบใหม่ ที่ใช้ผิวหนังเช่นเดียวกับ TRAM flap โดยมีการใช้ผิวหนังบริเวณหน้าท้องย้ายมาใส่บริเวณหน้าอกซึ่งแต่จะมีการต่อ เส้นเลือดที่มาเลี้ยงส่วนหน้าอกที่ลึกกว่าโดยใช้กล้องขยายช่วย ใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าวิธีอื่น
     Gluteal free flap: เป็นวิธีใหม่อีกวิธีหนึ่งที่ใช้เนื้อบริเวณก้นย้ายมาทำเป็นเต้านมใหม่ ที่ไม่สามารถใช้เนื้อบริเวณท้องมาใช้ได้เนื่องจากผอมมาก
การสร้างหัวนมและลานหัวนม
     ทำภายหลังจากการสร้างเต้านมแล้ว 3-4 เดือน เพียงฉีดยาชาเฉพาะที่เท่านั้น การทำหัวนมโดยใช้หัวนมข้างที่เหลือ ใบหู หนังตา ขาหนีบ ต้นขาด้านใน หรือจากก้น ส่วนการทำลานนมรอบๆจะใช้วิธีการสักสีเพื่อให้ได้มีสีตามธรรมชาติ
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
      คุณสามารถที่จะปรึกษาการสร้างเต้านมใหม่ตั้งแต่ทราบว่าเป็นมะเร็งเพื่อการ วางแผนที่ดีที่สุดโดยมีการเช็คประวัติการรักษาตรวจร่างกายเพื่อเป็นทางเลือก ที่เหมาะสมสำหรับอายุ สุขภาพ สรีระ ร่างกาย การดำรงชีวิต และจุดมุ่งหมาย

31#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:26:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รายละเอียดของวิธีการผ่าตัด
     - วิธีการวางยาสลบ
     - บริเวณที่จะใช้ผ่าตัด
     - ความคาดหวังหลังผ่าตัด
     - การวางแผนเพื่อติดตามผล การเตรียมตัว
     - คำแนะนำในการรับประทานอาหาร
     - คำแนะนำในการเลิกสูบบุหรี่
     - หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ใช้มาระยะนึงก่อนการผ่าตัด ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
     - เลือดซึม
     - เกิดอาการปวดและบวม
     - การเกิดแผลเป็น
     - การติดเชื้อ
     - มีเนื้อตายเกิดขึ้น
     - ความรู้สึกสัมผัสเปลี่ยนไป
     - ปัญหาที่เกิดขึ้นจาการวางยาสลบ
       ความเสี่ยงในผู้ที่สูบบุหรี่ : การใช้ยาสูบจะทำให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อน้อยลง ทำให้หายช้าอาจเกิดแผลเป็นและใช้เวลาพักฟื้นนาน
       ความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อ : อาจจะเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์แรก ถ้าเกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อที่ใส่เข้าไปจะต้องนำออกก่อนหลังจากที่รักษาการติด เชื้อแล้วก็สามารถใส่เข้าใหม่ได้ในเวลาต่อมา
หลังผ่าตัดสร้างเต้านมใหม่
สำหรับผู้ที่ได้รับการใส่เต้านมเทียม ควรได้รับการตรวจหาความผิดปกติทุกๆ 3 ปีหลังผ่าตัด และทุกๆ 2 ปีหลังจากไม่พบความผิดปกติใดๆ
การมีเต้านมใหม่ กับ การเกิดซ้ำของมะเร็ง
     
       จากการศึกษาที่ผ่านมาการมีเต้านมใหม่ไม่มีผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านมซ้ำ อย่างไรก็ตามควรมีการตรวจเอกเรย์คอมพิวเตอร์กับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคโดย เฉพาะ อย่างต่อเนื่อง และควรได้รับการแนะนำจากแพทย์ และ พยาบาล ในการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง
เสริมหน้าอก...เพื่อทรวงอกที่สวยงาม ได้สัดส่วน
           หน้าอก เป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์ความเป็นสตรีเพศและช่วยเพิ่มความงามของร่างกายได้ อีกจุดหนึ่ง การมีหน้าอกที่สวยงามได้ขนาดพอเหมาะยังเป็นส่วนเพิ่มความมั่น ใจในการใช้ชีวิตในสังคม การผ่าตัดเสริมทรวงอกจึงเป็นการผ่าตัดที่นิยมและถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องใน ด้านเทคนิคและวัสดุที่ใช้ในการเสริมหน้าอก ปัจจุบันสามารถทำได้อย่างปลอดภัยผลการรักษาเป็นที่พอใจสูง
ถุงนมเทียมที่ใช้ในการเสริมทรวงอก ปัจจุบันที่นิยมใช้มี 2 ชนิด คือ
1.ชนิดน้ำเกลือ     
2.ชนิดซิลิโคนเจล
ขั้นตอนการเสริมหน้าอก...และการดูแลหลังการผ่าตัด
            -  ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดมยาสลบเพื่อผ่าตัดเสริมหน้าอก จึงต้องตรวจสุขภาพร่างกาย สภาพหน้าอก วัดขนาด เลือกชนิด และขนาดถุงที่พอเหมาะ รวมถึงการตรวจเลือดก่อนการผ่าตัด
งดอาหารและน้ำก่อนการผ่าตัด อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
            -  แผลผ่าตัดส่วนมากจะอยู่ที่รักแร้ ปานนม ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วย
ถุงนมเทียมจะวางอยู่ใต้เนื้อเต้านมหรือใต้ฐานนม ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของผู้ป่วยแต่ละรายและแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความ เหมาะสม แผลผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จะติดสนิทและตัดไหมได้
            - เมื่อการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย ต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการดูแลหลังการผ่าตัด คุณจะต้องนอนพักในโรงพยาบาล ประมาณ 1 วัน เพื่อแพทย์จะได้ดูแลเรื่องอาการปวดบวมรวมทั้งอาการทั่วไป เมื่ออาการทั้งหลายคงที่แล้ว คนไข้สามารถกลับบ้านได้ และแพทย์จะนัดมาตรวจหน้าอก และตัดไหมในอีกประมาณ1 สัปดาห์
      
        แต่การดูแลที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่คนไข้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ การนวดหน้าอก ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายจะสร้างพังผืดมาล้อมตัวถุงนมเทียมไว้เสมอ หาก ถูกล้อมไว้จนแคบเกินไปหน้าอกอาจจะเกิดอาการตึงแข็งได้หรือบางครั้งมีการบิด เบี้ยวของเต้านม
      
        ดังนั้นแพทย์จึงมักจะกำชับให้คนไข้หมั่นนวดคลึงหน้าอกเพื่อให้ถุงนมนั้น สามารถเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลาเป็นการป้องกันปัญหาดังกล่าวและทำให้เต้านมสวย งามเป็นธรรมชาติ โดยการนวดนั้นควรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี เป็นดีที่สุด
32#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:29:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แผลจากการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอก
     การเลือกแผลผ่าตัดโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของคนไข้ โดยทั่วไปแผลผ่าตัดที่สามารถใช้เสริมหน้าอกได้ มีดังนี้
1.    รักแร้
2.    ปานนม
3.    ใต้ราวนม
4.    สะดือ
5.    ผ่านแผลผ่าตัดอื่นๆ เช่น แผลผ่าตัดไขมันหน้าท้อง หรือ การเสริมหน้าอกร่วมกับการกระชับที่หน้าอก
          การเลือกแผลผ่าตัด อยู่กับความชำนาญของศัลยแพทย์ โดยทั่วไปแพทย์บางท่านอาจมีแผลผ่าตัดบางตำแหน่งที่ ชำนาญและทำได้ดีก็อาจต้องเลือกแผลตามความถนัดของแพทย์ ถ้าเลือกถุงซิลิโคนขนาดใหญ่อาจไม่เหมาะที่จะเข้าทางปานนมที่มีขนาดค่อนข้าง เล็ก หรือแผลทางเข้าที่สะดือก็ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ที่ต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ ผ่าตัดเพิ่มเติม
ความยาวของแผลขึ้นอยู่กับลักษณะของซิลิโคนโดยทั่วไป การใช้ถุงน้ำเกลือที่ต้องฉีดน้ำเกลือภายหลังสามารถเปิดแผลเล็กๆได้ เพราะถุงที่ใส่ผ่านแผลเป็นถุงเปล่า ขณะที่สอดถุงผ่านแผลผ่าตัดสามารถม้วนถุงให้มีขนาดเล็กได้ ขณะที่ถุงเจลจะมีการใส่เจลในถุงมาก่อนจากบริษัท ขณะที่ใส่ถุงที่มีเจล ผ่านผ่าตัดทำให้แผลทางเข้าต้องมีขนาดใหญ่พอสมควร นอกจากนั้นแล้วถุงเจลผิวเรียบและผิวทรายก็มีผลต่อขนาดของแผลเหมือนกัน ถุงผิวเรียบมีลักษณะนิ่มกว่า และสามารถจับเปลี่ยนรูปร่างได้มากกว่าถุงเจลผิวทราย ทำให้ใส่ผ่านแผลขนาดเล็กได้ง่ายกว่า ดังนั้นถ้าใช้ถุงเจลผิวเรียบ ก็จะสามารถเปิดแผลที่มีขนาดเล็กกว่าผิวทราย

ในที่นี้จะกล่าวถึงข้อดีหรือข้อเสียของการใช้แผลทางเข้าแบบต่างๆ
1.    แผลรักแร้ โดยทั่วไปจะมีขนาด 2-3 ซ.ม. ด้านในของรักแร้ บริเวณกึ่งกลางตำแหน่งของแผลมักเลือกบริเวณที่มีรอยลึกที่สุดของรักแร้ เพื่อช่วยให้แผลเป็นในรอยร่องรักแร้เดิม ถ้าดูแลแผลได้ดี แผลที่รักแร้จะมองไม่ค่อยชัดหลังจากภายหลังแล้ว นอกจากนั้นหลังการเข้าทางรักแร้ ช่วยให้บริเวณหน้าอกไม่มีแผลเป็นเลยรักแร้เป็นตำแหน่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยให้ ความสนใจ ดังนั้นจะมักไม่เป็นที่สังเกต นอกจากนั้นถ้าเลือกตำแหน่งที่ลงแผลในรักแร้จริงๆแล้ว เย็บปิดแผลอย่างดี แผลเป็นก็จะดีมาก ทำให้ไม่เป็นที่สังเกต
        การเสริมหน้าอกโดยทั่วไปใช้แผลรักแร้จะทำได้ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์แต่ละท่าน
         วิธีการนี้สามารถ ใส่ถุงเต้านมได้ทั้งตำแหน่ง เหนือกล้ามเนื้อ, ใต้กล้ามเนื้อบางส่วน และใต้กล้ามเนื้อทั้งหมด เป็นตำแหน่งที่ดีมาก สำหรับการใส่ใต้กล้ามเนื้อเพราะสามารถยกกล้ามเนื้อขึ้นได้ทั้งหมด การเข้าทางรักแร้ ช่วยให้บริเวณเต้านมไม่มีแผลเป็น โดยที่แผลเป็นซ่อนอยู่ในรักแร้
ข้อเสียก่อนการผ่าตัดรักแร้ คือ ถ้าต้องการแก้ไขหลังผ่าตัดครั้งแรก อาจจำเป็นต้องเปิดแผล ตำแหน่งอื่นๆ เช่น หัวนมหรือให้ราวนม เพราะแผลทางรักแร้ไม่สามารถมองเห็นตำแหน่งที่ถุงเต้านมอยู่ได้ชัดเจน การแก้ปัญหาบางชนิด เช่น การที่ถุงเต้านมเลื่อนลง หรือการตัดพังพืด สามารถทำได้ค่อนข้างยาก ถ้าใช้แผลรักแร้ ดังนั้น ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังอาจต้องเปิดแผลหัวนมหรือปานนมแทน ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือการที่แผลผ่าตัดอยู่ไกลจากตำแหน่งของเต้านม การเลาะเปิดช่องใส่เต้านมอาจเปิดช่องว่างได้ไม่ดีหรือไม่กว้างพอ โดยเฉพาะการเสริมเหนือกล้ามเนื้อ
1.    แผลผ่าตัดที่รักแร้ จะเจ็บหลังผ่าตัดมากกว่าแผลที่หัวนมหรือฐานนม เนื่องจากมีการเปิดช่องว่างในถุงเต้านมในระยะทางยาวกว่า
2.    แผลหัวนมอาจเรียกว่าแผลปานนม (AREOLAR, NIPPLE) โดยการเปิดแผลที่บริเวณขอบล่าง ของปานนมเป็นรอยต่อของสีเข้มกับสีอ่อนของหน้าอก
   สามารถทำการผ่าตัดใส่ถุงเต้านมเหนือหรือใต้กล้ามเนื้อ
   สามารถประมาณตำแหน่งที่เราผ่าตัดได้ชัดเจน สามารถเปิดช่องใส่ถุงเต้านมได้พอดี
   แผลที่เปิดบริเวณขอบล่างของปานนมเป็นตำแหน่งที่ ผิวหนังสีเข้มต่อกับผิวหนังสีขาวของเต้านมแพทย์บางคนอาจลงแผลกลางปานนมก็ได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมกันโดยทั่วไป กรณีที่ลงแผลขอบล่างปานนม แผลที่ลงควรลงไปตำแหน่งของรอยต่อ ปานนมและเนื้อนมพอดี ไม่ควรลงด้านในของปานนม เพราะถ้าแผลหายดีบริเวณแผลเป็นจะมีลักษณะเป็นสีขาวทำให้เห็นแผลเป็นได้ชัด    แผลหัวนมถ้าหายดีจะมองเห็นไม่ชัด แต่ถ้าแผลหายช้ามักมีปัญหา แผลเป็นแผลหลังติดเชื้อจะมองเห็นแผลเป็นได้ชัดกว่าแผลที่หายเป็นปกติ
33#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:29:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
    กรณี ที่ต้องการยกกระชับหน้าอกร่วมกันกับเสริมหน้าอกแผลหัวนมเป็นแผลที่ควรใช้มาก ที่สุดเพราะการยกกระชับหน้าอก จะต้องเปิดแผลบริเวณหัวนมด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นในการที่จะต้องยกกระชับหน้าอกด้วย ควรเลือกแผลนี้เป็นทางเข้า
    ข้อจำกัดของการใช้แผลหัวนมคือถ้าปานนมเล็กแต่ต้องการใส่ถุงขนาดใหญ่มากอาจ ไม่สามารถทำได้คน ทั่วไปจะคิดว่าการเปิดแผลปานนมไม่สามารถใส่ถุงเต้านมใต้กล้ามเนื้อได้แต่ใน ความจริงแล้วแผลใต้ปานนมสามารถใส่ถุงเต้านมไว้ได้ทำเหนือหรือใต้กล้ามเนื้อ การใส่ใต้กล้ามเนื้อจะเจ็บกว่าเพราะจะมีการเปิดชั้นกล้ามเนื้อด้วย
       ข้อเสียของการลงแผลที่หัวนมคือ เนื่องจากแผลอยู่กลางหัวนม ถ้าแผลมีปัญหาเช่นอักเสบ บวมมาก แผลเป็นก็จะเห็นได้ชัดมาก แผลมีผลต่อการให้นมบุตรในกรณีที่หัวนมขนาดเล็ก อาจมีอาการชาที่หัวนมในระยะแรกได้และเนื่องจากการผ่าตัดต้องผ่าผ่านท่อน้ำนม มีความเชื่อว่าอาจมีการปน เปื้อนของเชื้อโรคในท่อน้ำนมไปยังตำแหน่งที่วางถุงเต้านมทำให้มีโอกาสเกิด พังพืดขึ้นได้
3.    แผลใต้ราวนม เป็นแผลผ่าตัดที่นิยมทำกันมากในต่างประเทศ แผลใต้ราวนมสามารถใช้สำหรับใส่ถุงเต้านมที่ระดับเหนือกล้ามเนื้อหรือใต้ กล้ามเนื้อ และสามารถใช้ได้ดีในกรณีต้องการเอาถุงเต้านมออก เมื่อไม่ต้องการการลงแผลแบบนี้ช่วยให้สามารถระบุตำแหน่งของช่องว่างสำหรับ ใส่ถุงเต้านมได้ดี ทำให้วางถุงเต้านมได้ถูกต้องอย่างดี และแผลผ่าตัดจะไม่มีการตัดผ่านท่อนม ทำให้โอกาสที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาปนเปื้อนมีน้อย
       การเปิดแผลแผลจะลงที่ตำแหน่งขอบล่างของเต้านม ซึ่งจะเป็นรอยพับของเต้านมพอดีถ้าลงในตำแหน่งที่ดีแผลเป็นจะอยู่ที่รอยพับพอ ดีทำให้มองไม่ค่อยเห็นแผลเป็นเวลายืนหรือนั่ง แต่อย่างไรก็ตาม เวลานอนก็จะเห็นแผลเป็นได้ชัดเจนส่วนใหญ่แล้วผ่าตัดแพทย์จะลงแผลต่ำกว่ารอย พับใต้ราวนมเดิมเล็กน้อยเพื่อให้ดูแผลเป็นถูกปิดบังโดยเต้านมทำให้มองไม่ เห็น
ข้อดีของ การลงแผลใต้ราวนม คือเมื่อจำเป็นที่ต้องผ่าตัด แก้ไขจากปัญหาอื่นๆ เช่นพังพืด,ถุงนมเลื่อนลงหรือถุงนมเข้ามาชิดกัน สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด ถ้าเริ่มผ่าตัดครั้งแรกด้วยแผลรักแร้แล้ว ต้องแก้ไข บางครั้งอาจต้องลงแผลใหม่ เป็นแผลที่ราวนมหรือหัวนม ในการผ่าตัดครั้งที่ 2 ทำให้มีแผลเป็น 2 ที่
        ปัญหาของการเปิดแผลนี้ พบในคนที่มีเนื้อนมน้อยมากจนไม่มีขอบใต้ราวนมทำให้เวลาเปิดแผลต้องเอาคาดเดา เอาว่าขอบของเต้านมที่จะเกิดขึ้นใหม่ หลังการเสริมเต้านมจะเป็นบริเวณใด แต่โดยทั่วไปศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ มักจะวางแผนเลือกแผลทางเข้าได้ดี จึงมักไม่ค่อยมีปัญหานี้ นอกจากนั้นแล้ว แผลเป็นบริเวณนี้จะเปลี่ยนระดับสูงขึ้นหรือต่ำลงขึ้นอยู่กับขนาดของถุงเต้า นม ดังนั้นก่อนผ่าตัดจะต้องวางแผนให้ดีเกี่ยวกับเรื่องขนาด คนไข้จะต้องแน่ใจเรื่องขนาด เพราะการเปลี่ยนขนาดในภายหลังอาจทำให้แผลเป็นเห็นชัดขึ้น กล่าวคือ
        โดยทั่วไปหลังการเสริมหน้าอกโดยใช้แผลใต้ราวนม เราจะเอาจุดศูนย์กลางของถุงอยู่ที่หัวนม และขอบของถุงอยู่ที่ขอบล่างของราวนมพอดี ดังนั้นในคนคนเดียวกัน ถ้าใช้ถุงขนาดใหญ่มากแผลทางเข้าจะอยู่เลื่อนสูงขึ้นกว่าขอบราวนมเดิมเพราะ รอยพับของเต้านมจะเลื่อนลง ดังนั้นถ้าคนที่เคยใส่ถุงขนาดเล็กแล้วเปลี่ยนเป็นไซด์ใหญ่ขึ้น  แผลเป็นก็จะเปิดสูงขึ้นกว่าขอบราวนมทำให้แผลไม่อยู่พอดีที่รอยพับใต้ราวนม แต่จะอยู่สูงกว่ารอบพับเล็กน้อย  ขณะเดียวกันถ้าผ่าตัดเปลี่ยนขนาดเป็นขนาดเล็กลง แผลเป็นก็จะขยับต่ำลง ถ้าเปลี่ยนใจเอาถุงนมออก แผลเป็นก็
จะเห็นชัดเจน เพราะไม่มีเนื้อนมบังแผลเป็น
    การเปิดแผลราวนม เหมาะกับผู้ที่อยู่ประเทศตะวันตกเพราะคนผิวขาวแผลเป็นจะดี หลังจากผ่านไป 3-6 เดือน ก็มองเห็นไม่ชัด และเหมาะกับคนที่มีเนื้อนมมากพอสมควรที่เต้านมจะต้องสามารถปิดแผลเป็นได้ใน คนไทยหรือคนเอเชียการเปิดแผลแบบนี้ อาจต้องระมัดระวังเพราะแผลเป็นหลังผ่าตัดอาจเห็นได้ชัดนี่คือเหตุผลว่าทำไม คนไทยถึงไม่นิยมใช้แผลแบบนี้ แผลเป็นการผ่าตัดนี้จะสามารถเพิ่มความยาวกว่าแผลอื่นๆกรณีที่ต้องใส่ถุงขนาด ใหญ่มาก
34#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:31:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
1.    ผ่าตัดทางสะดือ(TUBA-TRANUMBILICAL,NAVEL)
       วิธีนี้มักกระทำมามากกว่า 15 ปี แต่เนื่องจากเทคนิคยุ่งยากและต้องใช้เครื่องมือพิเศษจะไม่ค่อยนิยมทำแผลทาง นี้สามารถวางถุงเต้านม ได้ทั้งเหนือและใต้กล้ามเนื้อ
การผ่าตัดทำโดยเปิดแผลขนาดเล็กที่สะดือ และใช้กล้องส่องทางใต้ผิวหนัง ในตำแหน่งที่เสริมหน้าอก  ขยายช่องว่าง หลังจากได้ช่องว่างพอเหมาะ ใส่ถุงน้ำเกลือ ม้วนผ่านกล้อง เข้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการและเติม น้ำเกลือจนได้ขนาดของเต้านมที่ต้องการ
         ข้อดี ของ การเลือกทางสะดือคือ แผลเย็บไม่เห็นที่เต้านมเลย และมีความเจ็บปวดน้อยเนื่องจากการส่องกล้องจะขยายช่องทางเล็กๆ แต่การเจ็บหน้าอกจากการขยาย การเจ็บของเต้านมไม่แตกต่างจากวิธีอื่น
          ข้อเสียของ วิธีนี้คือ การใช้กล้องส่อง จะต้องมีการผ่านทางหน้าท้อง บางครั้งหลังผ่าตัดอาจจะเห็นแผลเป็นได้ชัดเป็นรูป ตัว V ที่ผนังหน้าท้อง เหนือสะดือแต่ปัญหานี้พบได้ไม่บ่อย
การใช้แผลสะดือ ถ้าต้องการใส่ใต้กล้ามเนื้อ การผ่าตัดจะค่อนข้างยากและเสียเวลานานและบางครั้งถ้าเปิดแผลสะดือแล้ว จัดวางถุงเต้านมได้ไม่ดี อาจต้องเปลี่ยนเป็นเปิดแผลที่ปานนมหรือราวนมขณะที่ทำการผ่าตัดนอกจากนั้น แล้ว จะเห็นว่าตำแหน่งทางเข้าของแผล และตำแหน่งของเต้านม ห่างไกลกันมากดังนั้นการจัดวางถุงเต้านมบางครั้ง ค่อนข้างยากหรือได้ตำแหน่งที่ไม่ค่อยดี
          การผ่าตัดทางสะดือ สามารถใช้ได้เฉพาะถุงน้ำเกลือไม่สามารถใช้ถุงเจลได้
ความเห็นของผู้เขียน คิดว่าการผ่าตัดผ่านสะดือ เป็นเพียงเทคนิคการแสดงเทคนิคการผ่าตัดของ
ศัลยแพทย์ บางท่านว่าทำได้ การผ่าตัดและการดูแลหลังผ่าตัด ล้วนแล้วแต่มีปัญหา เทคนิคมีการพัฒนามา 15-20 ปี แต่มีคนนิยมทำกันน้อยมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลก็คือการเสริมหน้าอก เพื่อเปิดช่องใส่ถุงเต้านม เทคนิคการผ่าตัด  แม้ว่าจะเปิดช่องได้แต่ก็ไม่สามารถจัดวางตำแหน่งของถุงได้ดีเท่าวิธีอื่นๆ หากต้องมีการแก้ไข ก็ไม่สามารถทำ จากแผลเดิมได้ บางครั้งการผ่าตัดในเคส ที่ค่อนข้างยาก อาจต้องเปลี่ยนมาเปิดแผลทางหัวนมหรือใต้ราวนมทำให้  มีแผลถึง 2 แผล ในปัจจุบันยังไม่ถือเป็นวิธีมาตรฐานเหมือนกับ 3 วิธีแรกและบริษัทผู้ผลิตเต้านมเทียมก็ไม่
รับประกันถ้ามีการแตกรั่วของถุงในระหว่างการผ่าตัดโดยผ่านทางสะดือ ถ้ามีข้อผิดพลาดระหว่างผ่าตัดอาจมี  ค่าใช้จ่ายของถุงเต้านมเพิ่ม
2.    เข้าทางแผลผ่าตัดอื่นๆ
        การผ่าตัดอื่นบางครั้งมีแผลผ่าตัดอยู่แล้ว อาจทำการผ่าตัดเสริมหน้าอกผ่านทางแผลนั้นๆได้เลยโดยไม่ ต้องเปิดแผลใหม่ โดยที่มีการเสริมหน้าอกโดยใส่ถุงซิลิโคนทางแผลผ่าตัดได้แก่
ผ่านแผลผ่าตัดไขมันหน้าท้อง การตัดไขมันหน้าท้องจะมีการยกผิวหนังหน้าท้องขึ้นตั้งแต่ใต้สะดือ จนถึงขอบซี่โครงและลิ้นปี่ บริเวณเหนือต่อขอบซี่โครงจะเป็นตำแหน่งของเต้านมสามารถเสริมหน้าอกผ่านช่อง ทางนี้ได้โดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดแยกอีกแผลหนึ่ง
      
       การเสริมหน้าอกในตำแหน่งนี้ สามารถใช้ได้กับการวางถุงเต้านมในตำแหน่ง เหนือกล้ามเนื้อหรือใต้กล้ามเนื้อ แต่การเสริมโดยวางใต้กล้ามเนื้อจะค่อนข้างยากและสามารถทำได้ในคนไข้บางคน เท่านั้น ในคนที่อ้วนมากๆไม่สามารถทำได้ ถุงเต้านมสามารถใช้ได้ทั้งถุงน้ำเกลือและถุงเจล ในกรณีถุงน้ำเกลือจะใส่ขนาดใหญ่เท่าไหร่ก็ได้แต่สำหรับถุงเจลไม่ควรมีขนาด ใหญ่เกินไปเพราะการใส่ถุงทำได้ค่อนข้างยาก

      
35#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:32:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โดยทั่วไปพบว่าในคนที่มาตัดหน้าท้อง จากการที่หน้าท้องหย่อนยานก็มักจะมีเต้านมยานด้วย การเสริมหน้าอกก็มักเลือกเสริมเหนือกล้ามเนื้ออยู่แล้วเพื่อให้ลักษณะเต้านม ยานดีขึ้นจึงสามารถเสริมผ่านแผลนี้ได้
       ข้อจำกัดของวิธีการนี้คือ ปัญหาเรื่องของแผลผ่าตัดไขมันเพราะเมื่อมีการเสริมหน้าอกด้วยจะมีการเปิด ช่องใต้ราวนม ทำให้มีการตัดเส้นเลือดบางส่วนทั่วไปที่ผิวหนังหน้าท้อง ทำให้มีปัญหาเรื่องแผลหน้าท้องได้วิธีนี้ จะไม่แนะนำในคนที่มีผนังหน้าท้องหนามากๆและคนที่มีแผลผ่าตัดตามขวางที่หน้า ท้อง รูปตัดไขมันหน้าท้องที่ B (s)
การเสริมผ่านแผลผ่าตัดเต้านมออก วิธีสำหรับการผ่าตัดที่เป็นการผ่าตัดเพื่อเสริมสร้างไม่ใช่การผ่าตัดเพื่อ ความสวยงามในผู้ที่ต้องผ่าตัด  เต้านมออกเนื่องจากเป็นมะเร็งและต้องการทำเต้านมต่อเลยอาจผ่าตัดใส่ถุงเต้า นมเทียมไว้ได้เลยถ้าแน่ใจได้ว่าไม่ต้องฉายแสง

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก
การมีหน้าอกที่ใหญ่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ดูดีเสมอไป ในผู้หญิงที่มีหน้าอกที่ใหญ่มากอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น ปวดไหล่และคอ หายใจไม่สะดวก และอาจจะทำให้หมดความมั่นใจในตนเอง
ผู้ที่จะรับการผ่าตัดควรมีหน้าอกที่เจริญเต็มที่แล้ว ยกเว้นในรายที่มีหน้าอกใหญ่มากๆ
หลักสำคัญในการลดขนาดหน้าหน้าอก
1. ต้องมีการตัดเต้านมส่วนเกินออก
2. ตัดแต่งผิวหนังและไขมันรอบเนื้อนมที่หย่อนยานออก เพื่อเย็บสร้างเต้านมให้มีรูปทรงและขนาดที่เหมาะสมสวยงามขึ้น รวมทั้งกระชับส่วนที่หย่อนยานด้วย
ขั้นตอนการผ่าตัด
1. ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกโดยให้คนไข้ดมยาสลบ
2. แพทย์จะทำการวัดและกำหนดจุดต่างๆ ที่สำคัญสำหรับการผ่าตัดที่หน้าอก เพื่อจะได้ทราบขนาดและตำแหน่งของหัวนมใหม่ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องตำแหน่งผิดพลาดและขนาดของเต้านมจะได้ใกล้เคียงกันมาก ที่สุด
ระยะเวลาในการผ่าตัดและพักฟื้น
ศัลยแพทย์ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 3 ชั่วโมง หลังทำการผ่าตัดคนไข้จะต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3 วัน เพื่อศัลยแพทย์จะได้ดูอาการต่างๆ จนปลอดภัยและกลับคืนเป็นปกติ เมื่อแผลเรียบร้อยดีแล้วจึงสามารถกลับบ้านดูแลได้ด้วยตนเองประมาณ 1-2 สัปดาห์แพทย์จะนัดมาตัดไหมออกและตรวจเต้านมอีกครั้ง
วิธีการดูแลหลังการผ่าตัด
1. งดการยกสิ่งของเหนือศีรษะเป็นเวลา 3-4 อาทิตย์
2. ไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมากเป็นเวลา 1 เดือนหลังจากการผ่าตัด
3. สามารถใส่ยกทรงได้ตามปกติ แต่ไม่ควรใช้ยกทรงชนิดที่มีส่วนประกอบของโลหะในช่วงเดือนแรกของการผ่าตัด

แสดงความคิดเห็น

การเสริมหน้าอก ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย  โพสต์ 2011-4-23 12:13
36#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:37:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การผ่าตัดแก้ไขหัวนมบอด
หัวนมบอด เกิดจากท่อน้ำนมสั้น หรือมีพังผืดสั้นดึงรั้งไว้ ทำให้หัวนมโผล่ออกมา หรือโผล่ออกมาแล้วก็หดกลับคืน
ขั้นตอนการผ่าตัด
1.ให้ยานอนหลับชนิดที่มีฤทธิ์สั้นเพื่อคลายความวิตกกังวลและเมื่อฉีดยาชาจะไม่รู้สึกเจ็บ
2.ทำการผ่าตัดตามที่ได้ปรึกษากันไว้โดยการผ่าตัดจะนิยมทำกัน 2 วิธี คือ
•  วิธีที่ 1 ดึงหัวนมขึ้นแล้วทำการผ่าตัดลงไปบริเวณฐานของหัวนม จากนั้นเลาะยืดพังผืดและท่อนมแล้วเย็บรวบที่ฐานของหัวนมให้เล็กลงต่อจากนั้น ทำการเย็บปิด
•   
•  วิธีที่ 2 ผ่าตัดเข้ากลางหัวนม แล้วเข้าไปตัดพังผืดหรือท่อนมส่วนที่ดึงรั้งอยู่ออกต่อจากนั้นทำการเย็บกลับคืน
3.หลังจากยกหัวนมขึ้นจะใช้ไหมเย็บเพื่อป้องกันหัวนมหดเข้าไป แล้วเย็บปิดแผลผิวหนัง
ระยะเวลาในการผ่าตัดและพักฟื้น
ศัลยแพทย์ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 30-60 นาที
คนไข้สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 วัน ก็สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
วิธีการดูแลหลังการผ่าตัด
1.หลังผ่าตัด 1 วัน แพทย์จะนัดมาดูแผลของหัวนมหลังจากถูกยกขึ้นแล้ว แผลห้ามถูกน้ำประมาณ 2-3 วัน
2.โดยทั่วไปจะนัดตัดไหมประมาณ 7 วัน
3.หลังผ่าตัด ถ้ามีปัญหาเลือดออกมาก ควรมาพบแพทย์ทันที

การผ่าตัดยกกระชับหน้าอก

•        ใครคือผู้ที่มีคุณสมบัติ?

ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาหน้าอกหย่อนยานหลังคลอดหรือให้นมบุตรการศัลยกรรมยก กระชับทรวงอกสามารถช่วยคุณได้การยกกระชับหน้าอกในประเทศไทยนี้ช่วยให้หน้าอก ของคุณเต่งตึงและเข้ารูปสวยงามมากขึ้น
•        ควรจะต้องอยู่ในประเทศไทยกี่วันเพื่อการเสริมหน้าอก?

ผู้ป่วยควรอยู่ในประเทศไทยอย่างน้อย 10 วันโดยวันแรกพักผ่อนในโรงแรมและไปพบแพทย์ในวันถัดไปการผ่าตัดการะชับหน้าอก จะต้องนอนที่โรงพยาบาล 2 คืน และหลังจากผ่าตัด 7 วันจะต้องกลับไปตรวจเช็คและตัดไหม

•        การกระชับหน้าอกทำอย่างไร?

การผ่าตัดจะอยู่บริเวณปานนมลงมาจนถึงใต้ฐานนมนายแพทย์จะยกกระชับและเปลี่ยน แปลงรูปทรงทรวงอก ผิวหนังส่วนเกินจะถูกตัดออกหัวนมและปานนมจะถูกยกให้สูงขึ้นเพื่อความเป็น ธรรมชาติ หน้าอกของคุณจะดูกระชับสวยงาม และอ่อนเยาว์ขึ้นการยกกระชับทรวงอกสามารถทำร่วมกับการเสริมทรวงอกได้เพื่อ ความสวยงาม
มากยิ่งขึ้น
•        จะต้องมีการใช้ยาสลบหรือไม่?

การผ่าตัดกระชับหน้าอกจะใช้ยาสลบและการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1-2 ช.ม.
•        การดูแลรักษาหลังผ่าตัดต้องทำอย่างไร?

หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยไม่ควรยกของเหนือศีรษะประมาณ 3-4 อาทิตย์และห้ามออกแรงหรือทำกิจกรรมหนักหนักเป็นระยะเวลา 1 เดือนผู้ป่วยสามารถใส่เสื้อชั้นในได้ตามปกติแต่ยกเว้นเสื้อชั้นในแบบมีโครง ในช่วงเดือนแรก
.
•        รอยแผลจะมีลักษณะอย่างไร?

การผ่าตัดยกกระชับทรวงอกจะปรากฏบาดแผลเป็นรูปตัวทีหัวคว่ำแต่รอยแผลจะค่อยๆจางลง
•        มีความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนอะไรบ้างที่อาจเกิดขึ้น?

ความเสี่ยงโดยมากที่อาจเกิดขึ้น คือ อาการบวม ช้ำแผลมีเลือดออก แผลติดเชื้อ เป็นแผลเป็นตลอดจนการขาดความรู้สึกช่วงคราวแต่การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ สามารถช่วย
ลดความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนข้างต้นได้

แสดงความคิดเห็น

การเสริมหน้าอก ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย  โพสต์ 2011-4-23 12:13
37#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:38:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกระทู้ BOBBY ตั้งกระทู้

รวบรวมมาจากหลายเว็บและหนังสือหลายเล่มค่ะ

แสดงความคิดเห็น

เอาเนื้อหามาไม่ได้รับอนุญาต แล้วยิ่งไม่ใส่ refer เนี่ย มันไม่งามครับ ^^  โพสต์ 2011-4-22 18:42
ข้อความเหล่านี้มันเป็นลิขสิทธิ์ทางปัญญาน่ะครับ  โพสต์ 2011-4-22 18:41
นั่นแหละครับ ไปเอาของใครมาจากไหนก็ควรมีอ้างอิงให้เค้าด้วยครับ  โพสต์ 2011-4-22 18:40
38#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:46:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เอามาจากหนังสือวิชาการทางการแพทย์ของเพื่อนค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ
39#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:49:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
งั้นต้องลบก่อนไหมค่ะ แล้วค่อยลงข้อมูลเพิ่มเติมว่าเอาข้อมูลมาจากที่ไหน ขอบโทษจริง ๆค่ะ เพราะเห็นว่าข้อมูลมันน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ได้อ่านมาก ๆ
40#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-22 18:55:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
งั้นลบกระทู้ไปเลยจะดีกว่า แล้วมาลงใหม่ทีหลังพร้อม refer  ต้องขอโทษคุณ BOBBY ด้วยนะค่ะ เพราะเห็นว่าเนื้อหามีประโยชน์จริง ๆ ตอนนี้ต้องรีบไปทำธุระ ขอบพระคุณมากค่ะ
งั้นก็เอา refer ตามมาใส่ละกันน่ะครับ ^^
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย bermuda เมื่อ 2011-4-23 06:06


ต้นฉบับโพสต์โดย BOBBY เมื่อ 2011-4-22 23:45
งั้นก็เอา refer ตามมาใส่ละกันน่ะครับ ^^


ขอแชร์ไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ สำหรับ ผู้โพสท์ และ แอดมิน

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีเวบดังระดับประเทศ เวบหนึ่ง
สมาชิกขาประจำท่านหนึ่ง ชอบหาความรู้ มากมายหลายเรื่องมาจาก กูเกิ้ล มาแชร์ให้เพื่อนๆเสมอๆ เป็นข้อมูลยาวรายละเอียด
เนื้อหายาวเหยียด คล้ายๆ สารานุกรม  
ก็มีทั้ง สมาชิก ที่ชอบอ่าน และ ไม่ชอบอ่าน ( หมายถึง ชอบ ไม่ชอบ ข้อมูลนะคะ ไม่เกี่ยวกับคนโพสท์ )

พวกเล่นเน็ต จนชำนาญ ก็ มองว่า สามารถ หาอ่านเองได้ เค้าก็ ไม่อ่าน
มือใหม่ หรือ คนหาข้อมูลในเน็ต ยังไม่เก่ง ก็มองว่า ดีจัง มีคน เอามาโพสท์ ให้อ่าน ตอนนั้น พี่ก็ อ่านหมด พี่ก็ มือใหม่
คนไม่ชอบอ่าน อะไรเยอะๆ จากหน้าจอคอม ก็ บอกว่า โอ๊ย ตาลาย อ่านไม่ไหว

คนโพสท์ ก็ เจตนาดีค่ะ อะไรมีประโยชน์ ก็ ไปหา ไปก็อปเอามาบอก แทบทุกเรื่อง

แต่ ไม่เคย อ้างอิง ถึง แหล่งที่มา ข้อมูล สักครั้ง

วันหนึ่ง ก็มี จดหมาย มาถึง แอดมิน ขู่ว่า จะส่งทนาย มาฟ้อง
โทษฐาน ที่ เอา ข้อมูล ที่เวบเค้าเขียนขึ้นมา มาเป็นของตนเอง
และ ตำหนิ แอดมิน ต่างๆนาๆ ที่ไม่ดูแล ไม่รักษา มารยาท ในการนำข้อมูล ของ ผู้อื่น มาเผยแพร่
การไม่บอกที่มา เท่ากับ เป็น การทึกทักเป็นของตนเอง

แอดมิน อารมณ์เสีย ของขึ้น ติสท์แตก มาตำหนิ ผู้โพสท์ อย่างรุนแรง
ผู้โพสท์ ก็ เสียใจ น้อยใจ อับอาย ทำไม ต้องมาว่ากันแรงๆด้วย
สมาชิก ก็ แยก ออกเป็น สองพวก สามพวก เข้าข้าง แอดมินมั่ง คนโพสท์มั่ง

ผลคือ ไม่มีใครได้อะไรเลย

บรรยากาศ เวบก็เสีย
แอดมินก็ซวย โดนตำหนิ
คนโพสท์ ก็ ซวย เจตนาดี ไหงเป็นงี้

ไม่อยากให้เรื่อง แบบนี้ เกิดขึ้นที่นี่
ดังนั้น พวกเรา ทุกคน ควร ให้เกียรติ เจ้าของข้อมูล เสมอ
ความรู้ กว่า จะรู้ กว่า จะเขียนออกมา ไม่ใช่ง่าย
เราเอา ของเค้ามาถ่ายทอด ง่ายมาก
ถือว่า เผยแพร่ สิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ ขณะเดียวกัน ไม่ว่า ความรู้นั้น สิ่งๆนั้น จะเป็นของใคร
เรื่องอะไร เพลงอะไร หนังสืออะไร ข่าวอะไร มาจากไหน
เสียเวลานิด แต่ ทุกๆชีวิต จะ สงบสุข และ ปลอดภัย

ขอบคุณค่ะ

คะแนน

1

ดูบันทึกคะแนน

43#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-23 07:13:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รับทราบค่ะ
44#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-23 09:13:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

น่ารู้ Soft Tissue Fillers สารเติมความงาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก >สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
อันตรายจากกลูต้าไธโอน "ของผิวขาว" ขอขอบคุณข้อมูลจาก Health&Cuisine
อันตรายจากการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ขอขอบคุณข้อมูลจาก >สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย

AHA กับ BHA Reference
-        Archives of Dermatologic Research

- Dermatologic Surgery

- Experimental Dermatology

- Global Cosmetic Industry
ขอขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

Ratin A เครดิต คัดลอกมาจากโซนไอที

ศัลยกรรม การดึงหน้า ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสวยด้วยแพทย์

ศัลยกรรมโหนกแก้ม ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสวยด้วยแพทย์
การผ่าตัดกราม "แก้ไขรูปหน้า"  ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย

การศัลยกรรมตาสองชั้น หรือ การผ่าตัดตกแต่งเปลือกตา (Blepharoplasty) ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย

ไขข้อสงสัย! การเสริมจมูกด้วยไขมันขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย

การผ่าตัด เสริมจมูก ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
จมูกสวย" ด้วย "การตัดปีกจมูก" ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสวยด้วยแพทย์

ริมฝีปากหนา สวยด้วย "ศัลยกรรม ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสวยด้วยแพทย์

เสริมคาง ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
การเสริมหน้าอก ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
45#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-23 09:14:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกระทู้ BOBBY ตั้งกระทู้

ขอบคุณค่ะ
ใต้ คอมเมนต์ทุกคอมเมต์ จะมีคำว่า แสดงความคิดเห็นอยู่ คุณจอย กด แล้วก็ใส่เข้าไปก็ได้ครับ จะได้รูว่าอันไหนมาจากไหนครับ เพราะที่ดูข้อมูลมันเยอะมากครับ
อย่างที่ผม ทำให้ดูเรื่องหน้าอกเปนต้นครับ ลองใส่ดูนะครับ
คนจะได้รู้ว่าอันไหนมาจากไหนครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเยอะๆแน่นๆเป๊ะๆๆนะจ๊ะๆ   หามามากๆๆๆกว่านี้อีกจาได้เป็นทางเลือกหั้ยกะผู้ที่กำลังหาข้อมูลเพื่อใช้ในการทำศัลยกรรมต่อไปจ๊ะ เริดมากกกก....
49#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-24 11:35:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ IPL
อ.นพ.สิทธิโชค ทวีประดิษฐ์ผล
สาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
IPL (ย่อมาจาก Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือที่ให้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูง มี
ความยาวของคลื่นแสงตั้งแต่ 515 ถึง 1,200 นาโนเมตร และสามารถปรับความยาวของคลื่นและ
ระยะเวลาการปล่อยลำแสงที่พอเหมาะในการใช้งานโดยการใช้ฟิลเตอร์
หลักการทำงานของ IPL แตกต่างจาก Laser ตรงที่คลื่นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจะมีช่วงความ
ยาวของคลื่นแสงที่กว้างกว่า
IPL ถูกนำมาใช้งานในการรักษารอยโรคบางชนิดบนผิวหนัง และใช้ในการปรับสภาพผิวหน้า
ในผู้ป่วย ปัจจุบันมีเครื่อง IPL หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน
ออกไป
รอยโรคทางผิวหนังที่สามารถรักษาได้โดย IPL ได้แก่
1. รอยโรคของเส้นเลือด เช่น ปานแดงตั้งแต่กำเนิด, จุดเส้นเลือดขอด
2. รอยโรคที่เกิดจากเม็ดสีของผิวหนัง เช่น ปานดำตั้งแต่กำเนิด, กระ, ฝ้า เป็นต้น
3. การถอนขน
4. การปรับสภาพผิวหน้าให้กระชับ
5. การรักษาสิวโดยใช้ร่วมกับสารเคมีบางชนิด เช่น 5-ALA
6. การรักษาแผลเป็นนูน
การรักษาโดย IPL สามารถทำในลักษณะผู้ป่วยนอกได้เหมือนการทำ Laser โดยทั่วไปใช้
ระยะเวลาในการรักษา 4-6 ครั้ง แต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เว้นระยะห่างครั้งละ 3-6
สัปดาห์
ข้อดีของการรักษาโดย IPL ได้แก่
1. ลำแสงของ IPL จะไม่ทำลายผิวหนังชั้นบนสุดซึ่งแตกต่างจาก Laser
2. ไม่ทำให้เกิดบาดแผล
3. ใช้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งน้อย และผู้ป่วยสามารถทำงานได้ตามปกติ
ผลข้างเคียงของการรักษาโดย IPL เกิดขึ้นบ้างแต่ไม่รุนแรง เช่น
1. อาการเจ็บขณะที่ทำการรักษา
2. ในบางรายอาจมีผิวหนังแดง
3. ปวดแสบร้อน ซึ่งมักจะพบได้ใน 2-3 วัน หลังให้การรักษา
4. บางรายอาจจะเกิดเป็นรอยด่างขาว ซึ่งจะค่อยๆ จางหายได้เอง
ในบางรายอาจจะมีสีของผิวหนังเข้มขึ้นได้ แต่สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดด
หรือใช้ครีมทากันแดด เป็นต้น
ขอขอบคุณข้อมูลจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย
THE SOCIETY OF AESTHETIC PLASTIC SURGEONS OF THAILAND
50#
 เจ้าของ| โพสต์ 2011-4-24 11:43:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
น่ารู้! เรื่อง เลเซอร์ Fraxel Laser "แก้ริ้วรอย"
อีกหนึ่งนวัตกรรมเลเซอร์ที่ซึ่งสมัยนี้ได้รับความนิยมและการตอบรับเป็นอย่างดีถึงแนวทางการรักษา เลเซอร์ Fraxel Laser ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่สามารถ แก้ไขริ้วรอย ผิวขรุขระ ความเหี่ยวย่น รอยฝ้า จุดด่างดำ รวมถึงแผลเป็นที่เกิดจากสิว เลเซอร์ Fraxel Laser จัดเป็นนวัตกรรมเลเซอร์อีกหนึ่งตัวที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ วันนี้เราเลยขอพาคุณผู้หญิงมาทำความรู้จักกับ เลเซอร์ Fraxel Laser ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อใครกำลังคิดที่จะใช้นวัตกรรม เลเซอร์ Fraxel Laser ตัวนี้กันอยู่นะค่ะ
เลเซอร์ Fraxel Laser

ตามต่อกันอีกกับปัญหาผิวลาย ที่ ภาษาหมอ วันนี้ขอว่าด้วยเรื่องการรักษา ซึ่งแพทย์ผิวหนังใช้แก้ไขริ้วรอยร่องคลื่นขรุขระที่เกิดขึ้นได้

นวัตกรรมล่าสุดที่นำมาอัพเดทนั้นคือ Fraxel Laser เป็นการใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1410 นาโนเมตร ปล่อยคลื่นแสงลึกสุดถึงชั้นคอลลาเจนแบบตรงตำแหน่งที่ต้องการรักษา เพื่อปรับสภาพผิวที่มีปัญหาให้กลายเป็นเซลล์ผิวเก่าและจะถูกผลักให้หลุดลอกออกภายใน 2 สัปดาห์ โดยเซลล์ผิวใหม่จะเข้าไปแทนที่

ระหว่างการรักษาอาจรู้สึกเจ็บและมีลักษณะแดงบริเวณผิวที่ถูกเลเซอร์เพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการรักษาแบบอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือมีผลข้างเคียงมากกว่านี้ เช่น การกรอผิวด้วยคริสตัลบริสุทธิ์ขนาดเล็กหรือการลอกผิวด้วยกรดผลไม้

การแก้ปัญหาผิวด้วย Fraxel Laser ใช้ได้กับทุกสภาพและสีผิว รักษาเรื่องริ้วรอย ความเหี่ยวย่น จุดด่างดำ รอยฝ้า รอยแผลเป็นจากสิวใช้กับผิวหนังบริเวณทั้งใบหน้า ลำตัวรวมทั้งรอบดวงตา ให้ผลการรักษาสูงถึงร้อยละ 60-90 ถือว่าดีที่สุดในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม Fraxel Laser ผ่านการรับรองมาตรฐานองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐ (US FDA Approved) แล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้