|
ตัดไหมแล้วครับ จิงๆถ้านับเวลาก็ยังไม่ถึงเวลา แต่รำคาญเสียก่อน. รู้สึกตึงๆปาก รั้งๆยังไงบอกไม่ถูก ประกอบกับคิดว่าแผลแห้งแล้ว 6 วันแล้วด้วย ก็เลยจัดการจะเข้าไปตัดไหมในเมือง
ว่าแล้วเลิกเรียนหกโมงเย็น (อาจารย์ปล่อยช้า+มัวไปกินข้าว) ก็รีบขี่แมงกะไซเข้าเมืองทันที(มหาลัยห่างจากเมืองประมาณ 15 กม.) ขี่ไปคลินิกศัลกรรมแรก เข้าไปคุณหมอนั่งว่างงานเชียว ไม่น่าเข้ามาทำเอาสะเลย
"คุณหมอครับ ขออนุญาตมาตัดไหมครับ"
"อ๋อ หมอไม่รับครับ เด๋วมีปัญหา หมอเคยทำพัง" เห้ยตัดไหม พังได้ด้วยหรอว้าาา
ออกได้ก็ขับรถไปอีกที่ แหม่งดีนปิดซะงั้น ยังไงวันนี้ต้องตัดให้ได้
ขับรถไปคลีนิค ปาก ตา หู จมูก ก็ไม่รับ ไม่มีเครื่องมือ เอาไงดีฟ่ะ
ว่าแล้วก็ตรงไปโรงพยาบาลพิษณุเวช ที่ดีเค้าก็โด่งดังเรื่องศัลยกรรม เข้าไปแผนก OPD. ไม่ถามสักคำ ถามอย่างเดียว ชื่อและข้อมูลส่วนตัวแล้วจะให้รอตรวจ " เออ... พี่ครับ ผมมาตัดไหม". พูดเสร็จพยาบาลก็ทำหน้าเอือม กลอกตาขึ้นบนเหมือนโอปอ แต่ไม่สวยเท่า "เชิญห้อง ERค่ะ" เอ้า ไม่ถามกุเองอ่า แล้วมาทำหน้าเฌงเพื่อออออ
ว่าแล้วก็เดินไปหาบุรุษพยาบาลในแผนกฉุกเฉิน "พี่ครับ ตัดไหมครับ "
เค้าก็ถามว่าทำที่ไหนมา ผมบอกว่ากรุงเทพ ยังถามต่ออีกนะว่าที่ไหน จะรู้ไปทำไมฟ่ะ. ว่าแล้วก็ขึ้นเขียงครับ ความรู้สึกตอนที่โดนยาชาฉีดยังเสียวแปลบๆ "พี่ครับ เบาๆนะครับ ผมเจ็บ ถ้าเจ็บมันอาจจะมีกรณีตอบโต้นะ". ยืมมุขพี่ข้างบนมาเล่นเพื่อจะเบามือลง ว่าแล้วพี่ก็เริ่มเอาแอลกอฮอล์เช็ด เอากรรไกรตัด แล้วก็เริ่มดึง โอ้แม่เจ้ารู้แล้วว่าทำไมเค้าบอกกันว่าเจ็บนักเจ็บหนา รู้ซึ้งเลยครับ แต่พี่แกมือเบาจิงๆ แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี ดึงออกทีละข้างน้ำตาไหลเป็นสาย เอาทิชชูซับรัวๆ ตรงกลางก็ต้องตัดแล้วดึงออกทีละปม ตอนตัดรู้สึกเหมือนหนีบเนื้อเลย เจ็บมาก ได้ข้างนึงก็บอก พี่ๆ พักก่อน 555 สักสิบนาทีก็เสร็จกิจครับ พร้อมชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 65บาท ย้ำ 65 บาท โถ่นึกว่าจะแพงเป็นร้อย ก่อนกลับพี่เค้าก็ย้ำว่าอย่าพึ่งทาลิปนะครับเด๋วมันจะอักเสบ อ กมาได้ไม่สนใจครับไปซื้อลิปมัน 720 บาท ผสมวิตามินเอ ซี อี เอสพีเอฟ 20 กะทาแล้วปากใส่น่าจูบแน่ ทาเลยครับ ไม่สนใจ เพราะปากแห้งตึงแสบมาก เสร็จแล้วไปเดินเที่ยวงานประจำปีของจังหวัดครับ งานวัดใหญ่ ใครเป็นคนพิษณุโลกรู้จักกันดี เจอเพื่อนเยอะมาก แต่มีใครทักเลยครับ สรุปมันเปลี่ยนไปป่าวเนี่ย ผมว่ามันเบี้ยวๆด้วย เสียความมั่นใจเลยอ่่าา เด๋วถ่ายรูปให้ดูครับ |
|