ดู: 22050|ตอบกลับ: 42
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ประสบการณ์ตรง หมอบุญถิ่น และ หมอชาตรี

[คัดลอกลิงก์]
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่ายังไม่สามารถลงรูปได้เนื่องจากไม่ได้อยู่ที่หอตัวเอง จึงขอเล่าประสบการณ์ก่อนแล้วรูปจะตามมาทีหลังนะจ๊ะ

* ประสบการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริง และเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งสิ้น มีเจตนาเพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การคิด พิจารณา และตัดสินใจทำศัลยกรรม รวมถึงเรื่องอื่นๆที่สืบเนื่องกัน ไม่ได้มีเจตนาใดๆที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อบุคคลที่อ้างอิงถึง

ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนรักสวยรักงามและชอบที่จะแต่งโน้นเติมนี่อยู่แล้ว จมูก จึงเป็นสิ่งแรกที่คิดอยากจะทำ
ต้นปี 2554 จึงเกิดความคิดที่จะเก็บเงินสักก้อนเพื่อไปทำจมูก และตัวเลือกแรกที่เข้ามาในหัวก็คือ หมอบุญถิ่น
เนื่องจากมีราคาถูก รูปทรงสวยงามพอใช้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการแค่ความโด่งอย่างเรา
ยอมรับว่าหาข้อมูลเฉพาะรีวิวศัลยกรรมเท่านั้น !! ไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาจากศัลยกรรมเลย !!

เช้าวันที่ 9 มีนาคม จึงเป็นวันที่ตัดสินใจตื่นแต่เช้าตรู่ อาบน้ำ แต่งตัว โบกรถแท๊กซี่เพื่อไปที่บางลำพู (ไปคนเดียวด้วย)
ตามข้อมูลที่ได้มา หากมารอหน้าคลีนิคแต่เช้า จะได้คิวมาก่อนหลังซึ่งไม่ต้องนัดข้ามเดือนเหมือนคนอื่นๆ
ถึงหน้าคลีนิคตั้งแต่เช้ามืด (จำไม่ได้ว่ากี่โมง) เจอผู้หญิงสองคนยืนอยู่หน้าคลีนิคจึงเข้าไปถามว่ามาทำจมูกหรอจ๊ะ ?
เป็นอันว่าได้เพื่อนคุยจนถึงคลีนิคเปิด .. นั่งรอจนที่ร้านมาขอบัตรประจำตัวประชาชนตามคิว แล้วหมอผู้หญิงก็เรียกไป

หมอผู้หญิงก็จับจมูก และเอาหมึกมาขีดที่ปลายจมูกให้เห็นแนว ซึ่งคุณหมอบอกว่าจมูกเราเอียงซ้ายนะ
ถ้าทำแล้วจะเห็นว่าเอียงซ้ายชัดขึ้น เข้าใจใช่ไหม? ยังยืนยันจะทำอีกหรือเปล่า ?? ซึ่งเราก็คิดในใจว่า
พายเรือมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้หันหัวเรือกลับก็ใช่ที่ ก็เลยตัดสินใจทำ !!

ถึงคิวประมาณสิบเอ็ดโมง หมอก็เรียกให้เราไปล้างหน้า ให้ผู้ช่วยทำความสะอาดจมูก แล้วให้เรานั่งรอพอหมอบุญถิ่น
พอได้พบคุณหมอบุญถิ่น คำถามแรกที่ถูกถามคือ " มาทำจมูกทำไม? " เราก็แอบอึ้งกับคำถามหมอที่ดูตรงไปตรงมามากๆ
จึงตอบไปว่าต้องการระหว่างคิ้วให้มากขึ้น เนื่องจากเปนคนที่ไม่มีจมูกระหว่างคิ้วเลย คุณหมอก็บอกว่าโอเค
แล้วเอาอะไรแข็งๆแบนๆเหมือนไม้บรรทัดมาทาบบนจมูกเรา แล้วถามว่า ระดับนี้พอไหม ?
ซึ่งคุณหมอทาบไว้ในระดับหนึ่ง แต่เราอยากได้มากกว่านั้น เพราะเคยได้ข้อมูลมาว่าทำทั้งทีให้ทำสูงกว่าที่อยากได้
เพราะมันจะยุบลงเยอะเลย .. เราก็เลยบอกหมอว่าสูงกว่านี้อีกหน่อย หมอก็ยกขึ้นแล้วบอกว่าโอเค !!
เป็นอันเสร็จพิธี ได้นั่งรอผ่าตัดทำศัลยกรรมครั้งแรก

to be continue ..

คะแนน

1

ดูบันทึกคะแนน

แนะนำ
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-13 20:17:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คุณหมอยังบอกอีกว่า ต่อให้คุณทานยาแก้อักเสบหนึ่งคันรถสิบล้อ คุณก็ไม่หาย
เพราะตอนนี้ร่างกายกำลังจะนำซิลิโคนออกมาเองโดยอัตโนมัติแล้ว มันอักเสบมากเพราะมีเลือดเสียคั่งอยู่
แสดงว่าเราต้องไปทำอะไรมาแน่ๆเลย

* การกระแทกเป็นสิ่งต้องห้ามเลยสำหรับการศัลยกรรมจมูก การกระแทกเพียงน้อยนิดอาจไม่ส่งผลมาก
นอกจากอาการบวมแดงและทุเลา แต่ !! การกระแทกอย่างแรง อาจทำให้เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ
และนี่คือสิ่งที่ต้องระวัง
1. การทำร้ายร่างกายทุกชนิด .. ซึ่งอาจทำให้เกิดการเบี้ยว คด หรือการหลุดจากจมูกของซิลิโคนได้ !!
2. การถูกชนโดยไม่ได้ตั้งใจ .. การกระแทกกับประตู หน้าต่าง หรือแม้แต่การก้มดูเพื่อนเก็บของแล้วเพื่อนเงยมาชน
3. การใส่แว่น .. ข้อนี้ทุกคนอาจมองข้ามไป แต่นี้ประสบด้วยตัวเองคือ มือไปปัดขาแว่น ซึ่งทำให้ตัวล็อคจมูกที่
วางอยู่บนจมูกเราล็อคจมูกให้เป็นไปตามแรงกระแทก (ซึ่งเราคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้)

การฉีดขาดของเนื้อเยื่อหากเป็นเพียงเล็กน้อยร่างกายจะดูซับเลือดที่ไหลออกมาได้ แต่หากเยอะเกินไป
และติดกับซิลิโคน !! ร่างกายจะดูดซับไม่ทัน เลือดเหล่านั้นจึงเกิดอาการเน่า และเป็นแบบเราได้ !!

คุณหมอก็ทำการกดเอาเลือดเสียออกให้หมด แล้วจัดการเย็บแผลเป็นที่เรียบร้อย นัดตัดไหม 7 วัน
กลับมาฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ด้วยการประเคนอาหารจำพวกโปรตีนต่างๆให้ร่างกายได้นำไปสร้างในส่วนที่เสีย
เพราะเกรงว่าปลายจมูกจะบุ๋ม !!

ผ่านไปหนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน .. จมูกกลับมาเป็นปกติ แต่เอ๊ะ ดูสูงกว่าตอนก่อนทำนิดเนิงนะ
อาจเป็นเพราะเนื้อเยื่อพังผืดที่มารัดซิลิโคน และปลายจมูกก็ไม่บุ๋มด้วย ถึงแม้จะดูผิดรูปหน่อยๆก็เถอะ
รู้สึกแฮปปี้กับจมูกตอนไม่เสริมนี้มาก เพราะไม่มีคนทักเลยว่าจมูกน้อยลง
มีแต่พูดว่า " นี่เอาออกแล้วหรอ ? " ตอนที่เราบอกว่าเพิ่งไปเอาออกมาได้ไม่กี่เดือนเอง

สี่เดือน

ห้าเดือน

หกเดือน

ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำจมูกกับคุณหมอชาตรีเนี่ยแหละ หาข้อมูลแล้วไม่เห็นเคสที่ทะลุเลย
คุณหมอดูใจดีด้วย และราคาไม่แพงมาก กอปรกับอยู่ใกล้ที่พัก ก็เลยเดินหน้าสตาร์ทเครื่องเก็บเงินอีกนิด
ให้พอเพียงกับการทำจมูกอันใหม่ ความคิดที่ว่าจะไม่ทำจมูกอีกแล้วในชาตินี้ก็เลยมลายหายไปในบัดดล

เจ็ดเดือน

นับถอยหลังอีกสามวันจะได้ทำจมูกกับคุณหมอใหม่ซึ่งได้นัดไว้แล้ว
แต่เอ๊ะ อะไรที่ปลายจมูกน่ะ !!


เกิดอะไรขึ้นกับปลายจมูกที่ดูว่าเหมือนปกติแล้วหลังการทำศัลยกรรมครั้งแรก ติดตามได้ที่นี่เร็วๆนี้

แสดงความคิดเห็น

โอ้วว อาการเดียวกันเลยจ๊ะ เพราะไซนัส+แอลกอฮอลซ้ำ ทั้งที่ยังไม่หายป่วย  โพสต์ 2012-10-19 04:38
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-13 19:00:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ถึงเวลาขึ้นเตียงแล้วจ้า !! ปรากฏว่าโดนจับล็อคแขนเหมือนในหนัง ยิ่งสร้างความกดดันให้เราเข้าไปอีก
จะทำศัลยกรรมก็น่ากลัวอยู่แล้ว ล็อคแขนล็อคขา ยิ่งทำให้เราเสียสติขึ้นไปอีก
แสงไฟสีขาวสว่างจ้าเสียจนไม่อาจทนลืมตาได้ จึงต้องหลบตาไปโดยปริยาย

มีคนบอกว่าเวลาที่เราเจ็บที่สุดเราจะนึกถึงหน้าพ่อแม่ นั้นแหละจ๊ะ เมื่อเข็มทิ่มเข้าสู่ปลายจมูกลึกเข้าไปถึงตรงกลาง
เท่านั้นยังไม่พอ ด้านบนระหว่างคิ้วลงมาถึงตรงกลาง
รูจมูกซ้าย รูจมูกขวา ใครว่าเหมือนมดกัดนี้ไม่ใช่เลย .. ความรู้สึกที่เข็มทิ่มและปล่อยยาชาเข้าไป
คนที่เคยทำจมูกแล้วเท่านั้นถึงจะเข้าใจ นี่คงเจ็บที่สุดในชีวิต

ความมันส์ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อได้ยินเสียงกรีดเนื้อที่รูจมูกขวา .. ยังไม่ทันหายใจหายคอ
คุณหมอก็ขูดเนื้อบนจมูกเรา ดังครืดๆ ครึกๆครักๆ เราต้องหายใจทางปากปนกับน้ำขมๆที่ไหลลงคอ
ซึ่งหมอก็บอกให้กลืนลงซะ .. ตอนนั้นมือเท้าเราเย็นเฉียบ เกร็ง หายใจไม่ตรงจังหวะ มีแต่เสียงหงิงๆลอดออกปาก
" อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวจมูกก็ฉีกหรอก " เสียงหมอดุขึ้นมา ตอนนั้นรู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว

หลังจากหมอเย็บแผลเสร็จ เราก็เดินลงมาดูกระจกด้านล่าง .. จมูกตึงมากจนเราคิดว่าไม่น่าทำเลย
ทั้งรอยช้ำแดง ช้ำม่วง ช้ำเขียว เต็มไปหมด หมอผู้หญิงก็นัดมาดูแผลและตัดไหมอีกหนึ่งอาทิตย์
เราจึงรีบข้ามถนนเรียกรถแท๊กซี่กลับหอ ทั้งๆที่เลือดยังออกปลายจมูกอยู่เลย

กลับมาถึงหอ สิ่งที่ทำอย่างแรกก็คือนอน เพราะรู้สึกเวียนหัวและเพลียมาก (น่าจะเกิดจากการเสียเลือด)
ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนค่ำๆ อ๊าวว หน้าบวมเสียแล้ว บวมทั้งจมูกทั้งตา เรียกได้ว่าดูไม่เปนผู้เปนคนกันเลยทีเดียว

ได้แต่ประคบเย็น สลับกับการนอน เพราะปวดหัว ปวดหน้าและทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
* ตรงนี้มีข้อผิดพลาดที่คิดว่าตัวเองไม่น่าทำเลยก็คือ การนอน
เพราะการนอนมากๆจะทำให้เลือดไหลเวียนเข้าสู่ใบหน้าและทำให้หน้าบวมขึ้นมาก โดยเฉพาะการนอนหมอนต่ำ
ซึ่งเราพลาดไปแล้วจริงๆ หน้าจึงบวมตั้งแต่วันแรกและช้ำไปประมาณสองอาทิตย์เห็นจะได้

* การล้างหน้าไม่สามารถล้างได้จริง เนื่องจากน้ำจะเข้าไปในแผลแล้วทำให้เกิดการอักเสบของแผลได้
แต่ !! เรามีวิธีที่เสมือนการล้างหน้าได้นั่นก็คือ การใช้สำลีชุบน้ำให้ชุ่ม แล้วบีบเอาแทนการล้างหน้า
นั่นจะช่วยให้เราสามารถควบคุมการไหลของน้ำบนใบหน้าได้ เราจึงสามารถล้างหน้าได้โดยที่น้ำไม่โดนแผลเลย
ส่วนการสระผมก็ใช้วิธีแหงนศีรษะเอา เมื่อหน่อย แต่สบายหัวแน่นอนจ้า

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-13 19:13:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลังจากทำศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตมาได้หนึ่งเดือน ทุกอย่างก็เปนปกติสุข
ชีวิตหลั่นล้า สามารถทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือนแต่กิน กินแอลกอฮอลเอย ของแสลงเอยเรียกได้ว่า
แฮปปี้กับจมูกใหม่มากๆ มีแต่คนทักว่าจมูกโด่งจัง สวยจัง เข้ากับหน้าดีนะ (ขอติดเรื่องรูปไว้ก่อนน้า )

ผ่านไปห้าเดือน .. เอ๊ะทำไมจมูกบวมทั้งแกนเลยล่ะ เอาแล้วล่ะต้องเกิดอะไรผิดพลาดแน่ๆ
จมูกบวมแดงทั้งแกน ตัวก็ร้อนๆเหมือนเป็นไข้ เลยรีบนั่งรถแท๊กซี่ไปหาคุณหมอ
หมอผู้หญิงก็ให้ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วตรวจด่วน ปรากฏว่า กระดูกที่คั่นระหว่างรูจมูกสองรูเป็นแผลแดง
แดงชนิดที่ว่าหมอให้ส่องกระจกดูยังแดงสดออกให้เห็นเลย .. เพราะเราไปแคะจมูกนั่นด้วย
ด้วยคัทเติ้ลบัทเนี่ยละ ที่ทำให้จมูกเป็นแผล !!

* ระวังการแคะจมุกด้วยนะจ๊ะ เนื่องจากคัทเติ้ลบัทแห้งๆอาจจะขูดกับเนื้อเยื่อบางๆให้เกิดเป็นแผลเล็กๆ
ซึ่งการหายใจเข้าออกของเราจะนำมาซึ่งเชื้อโรคเข้าสู่ปากแผล เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ปากแผลและลามสู่โพรงซิลิโคน
จะทำให้จมูกอักเสบและบวมทั้งแกนได้จ้า .. ถ้าต้องการแคะด้วยคัทเติ้ลบัทจริงๆ ให้ชุบคัทเติ้ลบัทให้เปียก
แล้วเข้าไปเช็ดขี้มูกแบบเบาๆ โดยเช็ดหลังจากการอาบน้ำเท่านั้น !!

หมอก็ให้ยาแก้อักเสบมากิน (ฟรี) หลังจากนั้นสองวัน อาการก็กลับเข้าสู่ปกติ

แต่โรคอีช่างแคะของเราก็ยังไม่หาย ดันไปแคะอีกข้างหนึ่งจนเป็นแผลเหมือนเดิมแต่ละคนข้าง
จนต้องรี่ไปหาหมอเสียค่ายาไป 500 บาท เนื่องจากเป็นอาการเดิมเนี่ยแหละ

และผลที่ตามมาหลังจากการอักเสบสองครั้งก็คือสิ่งที่ต้องจำไว้ไปตลอดชีวิต นั่นคือ
" ซิลิโคน " ลอยตัวและไถลลงมาที่ปลายจมูก เห็นเป็นลักษณะซิลิโคนตรงปลายอย่างชัดเจน
แต่ไม่มีอาการเป็นหัวสีขาวเหมือนสิวแต่อย่างไร แต่เมื่อจับๆดูแล้วก็รู้สึกแข็งๆ
ในเมื่อไม่มีปัญหาทั้งรอยหัวขาว ทั้งอาการเจ็บ จึงใช้ชีวิตแบบปกติเรื่อย
ทั้งๆที่บางคนเริ่มแซวแล้วล่ะว่า มันจะทะลุออกมาหรือเปล่า ??

เราก็บอกว่าไม่หรอก มันเปนธรรมชาติอาจเพราะทำโด่งไปหน่อย เราก็เถียงสุดฤทธิ์

จนกระทั่งวันหนึ่ง .. !!

to be continue ...
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-13 20:06:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จมูกเกิดอาการบวมแดงขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมกับอาการเจ็บๆเล็กๆที่บริเวณระหว่างคิ้ว
ก็รีบซื้อยาแก้อักเสบมากินเอง เพราะคิดว่าไปหาหมอ เดี๋ยวหมอก็ให้ยาแก้อักเสบมากินแล้วก็หาย
ด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ หรือเคราะห์กรรมมาซ้ำเติมให้ต้องเผลอดื่มเบียร์ไปหนึ่งแก้ว

* งดเลยนะจ๊ะแอลกอฮอล หากเกิดอาการอักเสบ บวม แดง หรืออาการป่วยใดๆ แอลกอฮอลไม่ช่วยให้ดีขึ้น
เนื่องจากแอลกอฮอลเป็นสารที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล อาการป่วยเหล่านั้นจะยิ่งแย่มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการอักเสบของร่างกาย เพราะมันจะทำให้เลือดไหลเวียนมากยิ่งขึ้น

จากปลายจมูกที่เป็นสีแดงสดใสเหมือนลูกแอปเปิ้ล ก็กลับกลายเปลี่ยนเป็นสีม่วงมันวาวอย่างกับลูกองุ่น
เท่านั้นยังไม่พอ .. อาการปวดบริเวณใบหน้าเริ่มมาร่วมผสมโรง
ปรึกษาเพื่อนๆและพี่ๆ พี่ๆที่เคยทำมาบอกว่า " ไปเอาออกได้เลย " อาการแย่แล้วนะ
พี่เค้าเคยทำมาเหมือนกัน นี่คือมันอักเสบมากๆ แล้วมันกำลังจะทะลุ
เท่านั้นล่ะ เข่าอ่อน กอดหมอนแล้วนอนร้องไห้เลยคืนนั้น เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับวันรุ่งขึ้น
กับคลีนิคที่ใกล้ที่สุดที่ " สยามคลีนิค " กับคุณหมอชาตรี เพชรบุรีซอย 7

วันรุ่งขึ้นเพื่อนที่แสนดีก็พอนั่งรถแท๊กซี่ไปยังคลีนิค .. โอ้โห คนเยอะจัง
แต่สภาพคลีนิคทำไมเก่าจัง เจอพี่ผมยาวก็เลยบอกเค้าว่ามาเอาจมูกออกจ๊ะ
พี่เค้าก็เรียกไปซักประวัติพร้อมบัตรประจำตัวประชาชน " เคยทำที่ไหนมา? กี่เดือนแล้ว? "
เราก็ให้ข้อมูลพี่เค้าไป .. โอเคนะจ๊ะ นั่งรอคิว

นั่งรอไปทำใจไปว่าจมูกเราจะเป็นอย่างไรบ้างนะตอนเอาออก รักจมูกแกนนี้มากไม่อยากเสียไปเลย

พอถึงคิวก็ได้ล้างหน้าทำความสะอาดจมูก ขึ้นไปยังห้องผ่าตัดที่มีเสียงเพลงลูกกรุงเปิดดังอยู่ด้วยเพลงส่วนเกิน
คุณหมอสองท่านยืนต้อนรับด้วยคำถามว่า " ไปทำอะไรมา? ทำไมไม่รักษาดีๆ? "
เราก็ได้แต่ยิ้มตาปริบๆ กับน้ำตาที่ไหลมาด้วยความกลัว
หลังจากที่ขึ้นเตียง คุณหมอก็ปิดตาเว้นไว้ซึ่งบริเวรจมูก .. ความกลัวและกดดันเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวสมอง
อาการเกร็งเริ่มเผยให้เห็นเมื่อคุณหมอเช็ดเบตาดีนรอบจมูก
ทันใดนั้น ก็มีมือคู่หนึ่งมาจับมือเราให้ประสานกัน และประคองไว้ที่หน้าท้อง
พี่ผู้หญิงอีกคนในคลีนิคนั่นเองที่คอยเป็นกำลังใจให้คนไข้ได้ผ่อนคลายลง ขอบคุณพี่จริงๆ

ยังไม่ทันได้ซาบซึ้งกับน้ำใจพี่คนนี้ได้ดีพอ คุณหมอก็ยิ้มรูจมูกซ้ายยยยยยยยยย รูจมูกขวาาาาาาาา
และที่แย่ที่สุดคือ ตรงกลาง !! น้ำตาแห่งความปิติยินดีก็ไหลออกมาจากตาสองข้าง
ความคิดที่ว่าจะไม่ทำจมูกอีกแล้วชาตินี้ก็เด่นขึ้นในหัวสมอง คุณหมอก็พูดด้วยน้ำเสียงอารีว่านิดเดียวนะ เจ็บนิดเดียว

แล้วท่านก็กรีดจมูกด้านขวา เปิดออกพร้อมกับสะกิดปลายซิลิโคนที่ติดอยู่กับเนื้อ (ตามความรู้สึก)
หลังจากที่คุณหมอได้ปลายซิลิโคนแล้ว คุณหมอก็จัดการดึงและกดกลางจมูกไปพร้อมๆกัน
หมอกดๆหยุดๆอยู่นานเหมือนพยามกดไล่ให้ซิลิโคนออกมาทีละนิด จนกระทั่งออกมาจนหมด

คุณหมอก็พูดขึ้นว่า " เลือดสีดำ " เลือดเสียนะเนี่ยยยย !! แสดงว่าเกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อภายในจมูก !!
รอฟังต่อคร่า
อ่านแร้วสนุกจัง มันโดนตอนฉีดยาชานี่ล่ะ เจ็บที่สุดในชีวิตแร้วจิงๆ
รออ่านต่อนะครับ. ของผมทำกับหมอชาตรีจมูกอักเสบเนื่องมาจากดื่มแอลกอฮอล์หลังจากทำได้แค่อาทิตย์เดียวเอง
ตอนนี้หมอสั่งห้ามสองเดือนอาการก็ดีขึ้นจนเห็นได้ชัดแค่สองอาทิตย์เอง และตอนนี้ไม่กล้าดื่มอีกเลย
รออ่านต่อ  เล่าสนุกจัง  ได้ความรู้ด้วย
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-14 20:15:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อันนี้ภาพก่อนทำจ๊า จะเหนว่าดั้งแหมบมาก แต่ฐานจมูกใหญ่เวอร์



หลังทำเสร็จประมาณหนึ่งเดือนกับคุณหมอบุญถิ่น .. โด่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



หลังจากถอดแล้ว ดูโด่งกว่าตอนก่อนทำแต่ตรงปลายดูแปลกๆนะ




เกิดอะไรขึ้นกับปลายจมูก .. อดใจรออีกแปปเดียวจ๊า

แสดงความคิดเห็น

อันนี้หลังถอดได้กี่วันแล้วค่ะ เจ้าของกระทู้เล่าเก่งมากๆ  โพสต์ 2012-10-15 08:39
รอติดตามต่อค่ะ
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-14 21:38:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คืนวันนั้นหลังจากอาบน้ำเสร็จอย่างสบายตัว ก็เดินมาทาครีมหน้ากระจกอย่างที่เคยทำ
ตอนที่ทาครีมบริเวณจมูกนี้เอง มือก็ลูบผ่านปลายจมูกแล้วสัมผัสกับอะไรแข็งๆ !!

มันคืออะไรกันนะ ? ลักษณะแข็งๆแหลมๆนิดๆ ก็เลยยื่นหน้าเข้าสู่กระจก
ปรากฏว่ามันเปนลักษณะของแท่งเล็กๆขาวๆ คล้ายๆกับซิลิโคนตอนจะทะลุเลย
เนื้อบริเวณรอบๆนั้นก็สีชมพูๆซะด้วยสิ ทำยังไงดีนะ กระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
จับแล้วจับอีก พลิกหน้าซ้ายขวา ดูว่ามันเป็นอะไรกันแน่นะ ให้คนโน้นคนนี้ดู เค้าก็ว่ามันแหลมออกมาจริงๆนะ

อีกตั้งสองวันกว่าจะถึงวันนัดทำจมูก .. สรุปคือ นอนไม่หลับไปสองคืนเพราะเป็นกังวลอย่างยิ่งว่ามันคืออะไร
เจ็บก็ไม่เจ็บ แต่มันแทงทิ่มออกมานี่สิ (ขออภัยที่ไม่มีรูปประกอบจ้า )
สันนิษฐานตอนนั้นว่ามันคือกระดูกอ่อนปลายจมูกของเรานี่แหละ แต่เอ๊ะ แล้วมันจะทิ่มทะลุออกมาได้ไง
ก็ได้แต่ข่มตาให้หลับ รอจนกว่าวันที่จะได้ทำ

และแล้ว วันนั้นก็มาถึง .. รีบอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า ไปถึงสยามคลีนิคประมาณ 11 โมง
เจอกับพี่ผู้หญิงผมยาวหยิกหน้าเคาท์เตอร์ก็ได้แจ้งชื่อและนั่งรอ จนกระทั่ง 12 โมงเศษๆ คุณหมอก็ทยอยเข้ามา
ถึงคิวปรึกษาคุณหมอแล้ว !! " คุณหมออออออ .. วันนี้จะมาทำจมูก แต่ตรงปลายจมูกมันเปนอะไรขาวๆทิ่มออกมา "
คุณหมอก็จับๆดูแล้วเฉลยว่า

มันคือ .. กระดูกอ่อนปลายจมูกของเรานั่นแหละ เมื่อซิลิโคนอันเก่ามันผิดตำแหน่งปกติ (ตอนจะทะลุ)
แล้วไถลลงมาที่ปลาย มันก็ดันให้กระดูกอ่อนปลายจมูกของเราโค้งงอและผิดรูป
กอปรกับเป็นแผลด้านใน เมื่อผ่าตัดเอาซิลิโคนออก นานเข้ามันก็สร้างพังผืดขึ้นมาเสริมเป็นแผลเป็น
ทำให้ปลายจมูกผิดรูป !! กลายเป็นเนื้อเยื่อแข็งๆ นานเข้าก็ดันให้ปลายกระดูกนั้นทิ่มออกมา

" แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดีล่ะคุณหมอ จะเสริมได้ไหม ? " .. " เสริมได้เลยครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วที่จะจัดการกับตรงนั้น "
ปรากฏว่าโล่งอก ได้เสริมจมูกใหม่สมใจอยาก และได้ตกแต่งปลายจมูกที่มีปัญหาด้วย

ออกมานั่งรอคิวอยู่เกือบสองชั่วโมง เพราะตัวเองได้คิวที่สาม .. แอบนั่งสบายใจ แต่ก็หวั่นๆกับเข็มยาชา
ที่จะฉีดเข้าจมูกเราอีกแล้วหรอเนี่ย !!
พอถึงคิวทำพี่ผมยาวๆก็เรียกเข้าไปล้างหน้า ทานยาพารา แล้วก็เดินขึ้นไปนั่งรอ ณ หน้าห้องผ่าตัดซึ่งมีโต๊ะพระข้างๆ
ก็เลยประนมมือไหว้พระ ขอให้ท่านคุ้มครองให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง

ประตูเปิดอีกครั้ง !! พร้อมกับประสบการณ์สุดระทึกที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องเจออีก
แต่เอาไงเอากัน เพื่อจมูกอันใหม่ เราต้องสู้สิ !!
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-14 22:01:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขาก็สั่นสั่นๆ ปีนขึ้นเตียงไป พร้อมกับใจหวั่นๆ .. คุณหมอ จะเจ็บทิ่มที่เข็มจ๊ะ ?
คุณหมอตอบว่า เข็มเดียว แต่หลายที !! เท่านั้นล่ะ กำลังใจหมดไปเลย

คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ แปปเดียว เจ็บนิ๊ดเดียว ดีมากคนเก่ง .. คุณหมอท่านใจดีมากๆ
ใครเคยทำกับคุณหมอจะรู้สึกว่าคุณหมอใจดีสุดๆ พร้อมกับเสียงเพลงลูกกรุงที่เปิดดังฟังชัดเจน

แล้วคุณหมอก็จิ้มม !! ที่ปลายจมูกด้านซ้ายยยย ลึกไปถึงกลางจมูก .. ปลายจมูกด้านขวาาาา ลึกไปถึงกลางจมูก
รูจมูกซ้ายยยยยย รูจมูกขวาาาา .. และเจ็บนิดเนิงนะ กลางจมูกบริเวณระหวังรูจมูกทั้งสองด้าน
เท่านั้นล่ะ น้ำตาและเสียงร้องหงิงๆ เหมือนลูกหมอ ก็ดังออกมา
แต่มีพี่ผู้หญิงคนเดิม มาจับมือและประคองไว้ให้อุ่นใจ

หมอขอตัดขนจมูกนิดนึงนะครับ .. (ตัดอะไรอีกล่ะหมอ ข้างล่างก็ตัดไปแล้ว) หมอกรีดเนื้อนั่นเอง
ทีนี้หมอกรีดสองข้างนะจ๊ะ รูจมูกซ้ายและรูจมูกขวา .. หมอก็ตัดเนื้อตั้งแต่ตรงปลายลึกเข้าไปด้านในถึงกลางจมูก
รู้สึกได้ถึงคมมีดที่ค่อยๆกรีดขึ้นไปเหมือนกรรไกรตัดกระดาษแช๊บๆ
แล้วคุณหมอก็ทำอะไรกับกระดูกตรงปลายจมูก เหมือนเหลาหรือจัดอะไรสักอย่างกับกระดูกอ่อน
หลังจากนั้นคุณหมอก็เหลาซิลิโคน (ได้ยินเสียงไกลๆ ) แล้วก็นำมาใส่

แต่ที่นี่ไม่มีเลือดไหลลงคอเลยนะ เพราะคุณหมอยัดผ้าก๊อซไว้ในรูจมูกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราต้องหายใจทางปาก
แล้วคุณหมอก็จัดการเย็บบแผลทั้งสองข้าง .. เรียบร้อยแล้วน๊าา พร้อมกับส่งกระจกให้ดู
ถูกใจไหม ? .. ถ้าเราตอบว่าไม่ถูกใจก็คงจะต้องผ่าใหม่แน่ๆ เลยตอบว่าถูกใจ จริงๆก็ถูกใจนั่นแหละ

ลงมาข้างล่างพี่ผู้หญิงก็ให้ยาแก้อักเสบ ยาลดบวม ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ และผ้าก๊อซอีก 4 ผืนเล็กมาไว้ซับเลือด
กับ mask ปิดปากปิดจมูก เอาไว้กันชาวบ้านตกใจเวลาเห็นแผลผ่าตัด

กลับมาถึงที่พักรู้สึกแฮปปี้จังเลยกับทรงจมูกใหม่ ไม่โด่งมาเกินไป
* ลืมเล่าตอนเลือกทรงเลย เราไม่ได้นำรูปไปให้คุณหมอดู แต่บอกแค่ว่า เอาตรงแต่กลางจมูกลงมา
ไม่ซีเรียสเรื่องปลายจมูกว่าต้องมีหยดน้ำหรือไม่ แต่ขอแบบปลอดภัย ไม่ทะลุ ไม่ต้องเอาโด่งมานะหมอ ย้ำๆเลย
คุณหมอก็บอกเข้าใจแล้วครับผม .. !!

จมูกกว่าจะเริ่มบวมก็คืนนั้น .. บวมสุดๆแค่ 2 วันเท่านั้นเอง แต่ทุกวันเราก็ใส่ mask ลงไปไหนมาไหนได้เลย
ไม่รู้สึกทรมานเหมือนครั้งแรกที่ทำ และรู้สึกไม่ตึงไม่ปวดไม่เจ็บด้วย
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-14 22:01:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย meawzaas เมื่อ 2012-10-14 22:03

* ทริกในการดูแลร่างกายหลังจากเสริมจมูกจ้า
1. สุขภาพจิตเป็นสำคัญ .. อย่าคิดว่าตัวเองไม่หาย คิดว่าตัวเองต้องหาย ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ อย่าท้อ
2. ดื่มน้ำมะพร้าวเยอะๆ .. เราดื่มทุกวันวันละ 2-3 ถุง 3 วันแรก เห็นผลว่าช่วยได้เยอะมากๆ ยิ่งเยอะยิ่งดีๆ
3. ยาลดบวม .. คุณหมอให้มาหนึ่งแผง แต่เราไปซื้อมากินต่ออีกหนึ่งแผง ยี่ห้อ denz อะไรสักอย่าง  
4. ใบบัวบก .. บังเอิญเราไปซื้อผัดไท แล้วแม่เค้ามีผักเอาไว้แกล้ม เราเลยได้ใบบัวบกสดหนึ่งกำมือมาทาน
5. นอนหมอนสูง .. สองใบยิ่งดี เอาหมอนล่างแข็งๆ หมอนบนนุ่มๆ แล้วทำให้มันบุ๋มเป็นล็อคศีรษะเรา
หน้าเราก็จะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนได้จ้า
6. หากิจกรรมทำ .. หมั่นหากิจกรรมเบาๆทำ เพื่อให้เลือดในร่างกายไหลเวียนและไม่คั่งที่ใบหน้ามากเกินไป
อย่างเรานั่งเล่นเกมทั้งวันเลย ไม่ปวดหัว ปวดหน้าด้วยนะ
7. ประคบเย็น .. ประคบเย็นอย่างสม่ำเสมอ ทุกเวลาที่ว่างและนึกได้ .. เราเอาถุง 7-11 ใส่น้ำสักนิดแล้วซ้อนกันหลายใบ
แช่ในช่องแช่แข็ง แล้วน้ำมาประคบ (สำหรับคนที่หาอุปกรณ์ไม่ได้ นี่เป็นอุปกรณ์สำหรับผู้ยากไร้อย่างเรา)
8. ประคบร้อน .. ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ หรือเสื้อที่ไม่ค่อยได้ใส่ก็ได้ ชุบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน แล้วรอให้มันอุ่น
เท่ากับที่ร่างกายเราจะรับได้ ไม่งั้นจะพองนะขอเตือน !! ไว้ประคบใต้ตาหลังจากที่จมูกเริ่มยุบ
จะทำให้รอยช้ำเลือดใต้ตายหายไปไวมากๆ
9. ล้างหน้า .. ล้างหน้าด้วยสำลีชุบน้ำให้ชุ่ม เพื่อให้เราสามารถควบคุมการไหลของน้ำบนใบหน้าได้
แต่ระวังห้ามให้น้ำเข้าไปในรูจมูกโดยเด็ดขาดนะจ๊ะ !!

รู้สึกดีกับจมูกใหม่มากๆ 7 วันเราก็สามารถออกไปไหนมาไหนให้คนเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้แล้ว
พร้อมกับการไปตัดไหมในวันรุ่งขึ้น !!

ตัดไหมก็แอบเจ็บอยู่นะ เพราะต้องมีการดึงไหมออกจากรูร้อยไหม .. น้ำตาแอบซึมเลยทีเดียว
ตอตัดไหม พี่ที่ตัดอกว่า ปลายจมูกแดงนะ ซึ่งเราก็สังเกตเหนเหมือนกันว่ามันแดงแค่ปลาย
ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่ามันยังไม่หายดี เหนมีบางคนก็ปลายแดงหลายวันเหมือนกันกับคุณหมอชาตรี

แต่สงครามยังไม่จบ เมื่อต้องรบกับการศัลยกรรม

เกิดอะไรขึ้นกับปลายจมูกอีกครั้ง .. ติดตามต่อได้ที่นี่จ๊า  
ต่อค่ะต่อ  ลุ้นมากมาย
ยาวมากกกกกกกกก ตอนแรกที่ยังไม่เห็นรูปนึกว่าผู้หญิงเขียนนะเนี่ย ยาวและละเอียดมาก ศิษย์หมอบุญเหมือนกันครับ แต่ยังไม่ได้แก้สักที
รออีกรอบจร้า
ขอถามหน่อยค่ะ  หลังจากถอดจมูกแล้ว กระดูกอ่อนที่ดันออกมามีอันตรายไหมค่ะ  แล้วหลังถอดเนื้อเติมขึ้นมาไหมค่ะ
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-15 22:03:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ส่วนตัวคิดว่ามีอันตรายนะจ๊ะ แต่เฉพาในกรณีที่มันดันปลายจมูกจนดูแหลมออกมา เพราว่ามันทำให้ปลายจมูกแดง
เจ็บและเสียวนิดๆ ซึ่งอาจทำให้เนื้อบริเวณดังกล่าวเสียหายได้จ้า

ปล. ประสบการณ์ต่อขอเล่าพรุ่งนี้ตอนค่ำๆนะจ้ะ พอดีกลับต่างจังหวัดแล้วไม่มีเน็ตจ้า อดใจรอนิดนึง
22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-15 22:06:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต้นฉบับโพสต์โดย meawzaas เมื่อ 2012-10-14 20:15
อันนี้ภาพก่อนทำจ๊า จะเหนว่าดั้งแหมบมาก แต่ฐานจมูกให ...

ภาพหลังจากถอดแล้วประมาณ 4 เดือนจ้า
ดูโด่งกว่าก่อนเสริมอีกนะค่ะเนี้ย ถอดออกตั้ง 4 เดือนแล้ว แล้ว  7 เดือนนี่จมูก ยุบลงอีไหมค่ะ เลี่ยนแปลงไปมากไหมเอ่ย
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-16 18:31:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต้นฉบับโพสต์โดย mamasa เมื่อ 2012-10-15 22:12
ดูโด่งกว่าก่อนเสริมอีกนะค่ะเนี้ย ถอดออกตั้ง 4 เดือนแ ...

ประมาณ 2-3 เดือนก็ยุบคงที่แล้วจ้า .. ภายนอกไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ภายในอย่างที่เล่าเลย
25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2012-10-16 18:43:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลังจากที่ผ่าตัดเสริมจมูกใหม่กับคุณหมอชาตรี เพชรบุรีซอย 7 ได้ 11 วัน ก็เริ่มอดรนทนไม่ไหวกับปลายจมูกที่แดงๆ
แดงๆออกชมพูๆ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่เมื่อส่องปลายด้วยแสงแฟชรจากบีบีแล้ว จะเห็นได้ชัดว่ามีเส้นเลือดขึ้น !!
เป็นเส้นเลือดแดงๆเล็กๆ เอาแล้วสิ ทำอย่างไรดี ก็เลยตัดสินใจไปพบคุณหมอในวันรุ่งขึ้น !!

ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 9 โมงครึ่ง กะว่าจะตื่นอาบน้ำแต่งตัวทานข้า่วแล้วค่อยไป แต่มารู้สึกตัวอีกที 11 โมง 50 นาที
ตายล่ะสิ .. จะทันพบคุณหมอไหมเนี๊ย รู้สึกตัวขึ้นได้ก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหายตัวไปคลีนิคทันที
ันั่งรอจนกระทั่งคุณหมอมาจึงได้คิวเข้าปรึกษา

" คุณหมอ .. ปลายจมูกแดงไม่หายเลย ทำอย่างไรดี? " คุณหมอก็ให้นอนบนเตียง พร้อมกับเอาไฟส่อง
" ปลายมันยาวเกินไปนะ เนื้อปลายจมูกน้อยเกินไป อย่างนี้ต้องลด !! " ลด !!
" สะดวกวันไหนล่ะ? " ในใจนึกไหนๆก็ไหนๆล่ะ วันนี้เลยแล้วกัน
คุณหมอเลยลัดคิวให้ได้คิวที่ 4 เพราะใช้เวลาจัดการกับมันแค่ 15 นาทีเท่านั้น
เวลาน้อยก็จริง แต่วิธีการเนี๊ยะสิ ยังคงเดิม !!

ว่าแล้วก็นั่งรอคิว .. พอถึงคิวก็วทานยาแก้ปวด ล้างหน้าตามปกติ ขึ้นไปนั่งรอหน้าห้องเดิม
ทำไมนะทำไม ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
เมื่อร่างกายนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเดิมที่เคยนอน .. ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผ่าแล้วผ่าอีกตั้ง 3 ครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่ 4 อย่างไรก็ต้องสู้ !!

ฝ่ายคุณหมอก็ขอโทษและอธิบายว่า เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ ..
1. เป็นคนที่เนื้อปลายจมูกน้อยอยู่แล้ว .. อาจเป็นโดยธรรมชาติตั้งแต่แรก หรือเป็นเพราะเนื้อเสียหายจากการที่ซิลิโคนครั้งแรกจะทะลุ
2. เนื่องจากเป็นงานแก้ .. คือ เป็นงานที่ผ่านการศัลยกรรมตกแต่งมาแล้ว การคำนวนน้ำหนัก ความยาว และการวางตัวของซิลิโคนอาจผิดพลาด
ซึ่งโอกาสผิดพลาดจะมีสูงกว่าคนที่ไม่เคยผ่านการศัลยกรรมมาเลย แต่ทุกเคสก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น

คุณหมอก็กล่าวขอโทษอีกครั้ง และยืนยันว่าต่อไปไม่มีอาการปลายแดงแล้วแน่ๆ
เราก็ย้ำว่าคุณหมอต้องทำให้มันหายสนิทจริงๆนะ ไม่อยากเจ็บตัวแล้ว
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้