ดู: 1178|ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เมื่อไหร่ถึงควรทำแก้จมุูก?? เรามาหาคำตอบกันค่ะ !!

[คัดลอกลิงก์]


ตำแหน่งของการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด หนึ่งในนั้น
ก็คือ จมูก การศัลยกรรมจมูกนั้น ไม่ใช่แค่ว่าจะทำให้อิมเมจหรือภาพลักษณ์เราเปลื่ยนไป

อย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังเป็นศัลยกรรมที่สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนได้ด้วยตาเปล่า
ดังนั้นจึงเป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ว่าอัตราการทำ
ศัลยกรรมแก้ไขจมูกนั้น ก็มีมากกว่า 30%

ถ้าเทียบกับศัลยกรรมบริเวณอื่นแล้ว ถือว่ามีอัตราการศัลยกรรมแก้ไขค่อนข้างมาก



กรณีที่มีการศัลยกรรมแก้ไขจมูกมากที่สุด ก็คือ “กรณีที่ซิลิโคนเบี้ยว”
อาการเช่นนี้เกิดจากการที่ช่องว่างที่ใส่ซิลิโคนเข้าไปนั้นเบี้ยว
หรือการที่ซิลิโคนที่ใส่เข้าไปนั้นไม่เข้ากับรูปทรงของดั้งจมูก จึงทำให้ซิลิโคนเอียงไปอีกข้าง
ซึ่งทำให้ดั้งหรือสันจมูกดูเบี้ยว ในกรณีเช่นนี้ สามารถแก้ไขด้วยวิธีเอาซิลิโคนอันเก่าออกมา
แล้วทำช่องว่างที่จะใส่ซิลิโคนเข้าไปให้เท่ากันทั้งสองข้าง แล้วจึงใส่ซิลิโคนที่มีรูปทรง เข้ากับดั้งของจมูกเข้าไป



ในกรณีที่”ปลายจมูกต่ำ”นั้น ถ้าใช้กระดูกอ่อนหรือซิลิโคนใส่
เพื่อเพิ่มความสูงของปลายจมูกแล้ว ประมาณอีก 1-2 ปี
ปลายจมูก ก็จะกลับมาต่ำลงเหมือนเดิม เนื่องจากปลายจมูกนั้น
เป็นเนื้อกระดูกอ่อนที่นิ่มๆซึ่งแตกต่างจากสันจมูก
ดังนั้นต้องใช้กระดูกอ่อนนผนังจมูก มาใช้ซัพพอร์ตที่ปลายจมูกก่อน
เพื่อที่จะให้เนื้อกระดูกอ่อนแข็งแรง แล้วจึงใช้กระดูกอ่อนใส่เข้าไปที่ปลายด้านบน



ในกรณีที่”ความกว้างของสั้นจมูกแคบ” ในกรณีนี้ จมูกที่มีสันดั้งที่สวยงาม
จะต้องมีความกว้างที่แคบกว่า ความกว้างของปลายจมูกประมาณ 1 ซม.
ถ้าความกว้างสันจมูกแคบกว่านี้ จะดูแปลกหรือไม่ธรรมชาติ ซึ่งถึงแม้ว่าความกว้างปลายจมูก
จะไม่กว้างก็ตาม แต่ก็จะทำให้ปลายจมูกดูใหญ่ หรือดูทู่ได้ เพราะว่าสันจมูกที่แคบเกินไป
ดังนั้นในกรณีเช่นนี้ จะใช้ซิลิโคนที่มีความกว้างมากกว่าความกว้างของสันจมูก
เพื่อให้สันจมูกดูสูง และดูมีรูปทรงที่ทันสมัยมากขึ้น



ส่วนในกรณีของ”ปลายจมูกเปลื่ยนรูปทรง”นั้น เกิดเนื่องจากเนื้อเยื่อภายในจมูกมีการสร้างตัวเพิ่มมากขึ้น
หรือเนื้อเยื่อแผลเป็นในจมูกเพิ่มมากขึ้น ทำให้กระดูกอ่อนที่ไปเสริมที่ปลายจมูก เกิดอาการบิดเบี้ยว
หรือเสียรูปทรงได้ ดังนั้นจึงจะต้องแก้ไข ด้วยการเอาเนื้อเยื่อแผลเป็นในจมูกออกก่อน
แล้วใช้กระดูกอ่อนหลังหูและกระดูกอ่อนผนังจมูก แล้วเสริมเข้าไปที่ปลายจมูก
เพื่อทำให้ปลายจมูกกลับมาได้รูป และสวยงามมากยิ่งขึ้น




กรณีที่ทำศัลยกรรมแล้วแต่ปลายจมูกดูสั้นลง หลังศัลยกรรมถ้าเกิดอาการอักเสบ หรือห้อเลือด
เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณจมูกค่อยๆดีขึ้นแล้ว ซิลิโคนจะจะถูกดึงหรือรู้สึกตึงไปด้านบน
ซึ่งเนื่องจากสาเหตุนี้จึงทำให้จมูกดูสั้นลง ซึ่งถ้าต้องการที่จะศัลยกรรมแก้ไขจมูกเช่นนี้
ควรจะต้องรอให้เนื้อเยื่อข้างในมันอ่อนตัวลงก่อน ประมาณ 3-6เดือน
โดยวิธีศัลยกรรมแก้ไขจมูกเช่นนี้นั้น จะใช้กระดูกอ่อนผนังจมูกด้านใน มาแต่งที่ปลายจมูก
ให้ปลายมีขนาดยาวลงมาข้างล่าง ส่วนตรงสันหรือดั้งนั้นก็ใช้ซิลิโคนเพื่อเพิ่มความสูงได้



กรณีที่ทำศัลยกรรมแล้วแต่ปลายจมูกดูสั้นลง หลังศัลยกรรมถ้าเกิดอาการอักเสบ หรือห้อเลือด
เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณจมูกค่อยๆดีขึ้นแล้ว ซิลิโคนจะจะถูกดึงหรือรู้สึกตึงไปด้านบน
ซึ่งเนื่องจากสาเหตุนี้จึงทำให้จมูกดูสั้นลง ซึ่งถ้าต้องการที่จะศัลยกรรมแก้ไขจมูกเช่นนี้
ควรจะต้องรอให้เนื้อเยื่อข้างในมันอ่อนตัวลงก่อน ประมาณ 3-6เดือน
โดยวิธีศัลยกรรมแก้ไขจมูกเช่นนี้นั้น จะใช้กระดูกอ่อนผนังจมูกด้านใน มาแต่งที่ปลายจมูก
ให้ปลายมีขนาดยาวลงมาข้างล่าง ส่วนตรงสันหรือดั้งนั้นก็ใช้ซิลิโคนเพื่อเพิ่มความสูงได้



อ้างอิงจาก : http://www.anewsa.com/detail.php?number=864550&thread=10r03
โรงพยาบาลไอดี : https://www.facebook.com/thai.idhospital/


4.JPG (109.08 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 27)

4.JPG
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้