|
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ.. ข้อมูลที่แนะนำมาถูกต้องคะ..แต่คุณหมอท่านลืมไปนิดเดียว..
การเบี้ยวไม่ได้มาจากการเสริมใส่ซิลิโคนทั้งหมด ..แต่เริ่มต้นคือ พื้นฐานของจมูกเดิมด้วยคะ..
ถ้าพื้นฐานจมูกเดิมมีปัญหา เสริมแล้วยิ่งทำให้ดูเอียงเบี้ยวชัดเจน..
คุณหมอที่ทำหัตถการก็ต้องบอกข้อมูลนี้ให้กับคนไข้เพื่อตัดสินใจว่าจะทำ หรือ ไม่ทำ..
ถึงจะแก้ด้วยการทุบกระดูก หรือ จัดกระดูกอ่อนใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะปลอดภัยและเป็นวิธีการเลือกที่ดีที่สุด
เพราะการทุบกระดูกเพื่อจัดกระดูกอ่อนใหม่..เราไม่มีทางแน่ใจเลยว่ากระดูกอ่อนที่จัดรูปใหม่ใต้ผิวหนังของเราจะจัดไปในทิศทางที่เราต้องการ..
ในกรณีที่มีกระดูกเกิน หรือ กระดูกจัดตัวช้า แต่ผังผืดมันมาก่อนแล้ว ก็ทำให้จมูกบิดเบี้ยว และร้ายแรงสุด คือ จมูกพิการ
จึงเป็นที่สังเกตว่าส่วนใหญ่ แพทย์จะทำการเสริมซิลิโคน โดยไม่จัดกระดูกใหม่ หรือ รบกวนกระดูกจมูกให้น้อยที่สุด
แต่การจัดกระดูกใหม่เป็นเรื่องที่ดี ในการอยากให้ได้ทรงจมูกที่เราต้องการ..แต่มันมาพร้อมกับความเสี่ยง..
เช่น เศษกระดูกจมูกที่ตกค้าง ถึงแม้จะเป็นแค่เศษเล็กน้อย ก็มีผลต่อเส้นประสาท,เส้นเลือดเล็ก และกลางบริเวณหน้า
กระดูกจมูกที่ปรับตัวไม่เท่ากับเนื้อเยื่อ ,การดูแลตนเองหลังผ่าตัดของคนไข้ ,การซ่อมแซมเนื้อเยื่อของคนไข้ที่ต่างกัน
เป็นต้น..
..
อีกนิด..เรื่องแพทย์จริง / ไม่จริง.. จะสถาบันไหนก็เป็นแพทย์ผู้ได้เรียนมาตามสาขานั้น ๆ มีคุณวุฒิ..ถ้าอย่างนั้นจบต่างประเทศมา แต่ไม่ทำใบประกอบวิชาชีพในไทยเพราะมันยุ่งยาก แถมเงินน้อย และไม่ได้เป็นอาจารย์สอน ก็เป็นแพทย์ที่ไม่มีความรู้หรือคะ?
การที่แพทย์ไม่ได้เป็นผู้สอนแพทย์อีกทีนึง ..ก็ไมได้หมายความว่าจะไม่มีความรู้ เพราะการตัดสินใจเลือกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน..
ในรายการต่างๆ เขาคงให้เกียรติกับท่านนั้น ๆ เราก็อย่าไปใส่ใจคะ.. |
|