รอยไหม กับ ฉีดโบท๊อก ต่างกันอย่างไง?

sillyboy4her

ตามหัวข้อเลยครับ มันต่างกันอย่างไงเหรอครับ?

kwang_b22k

เทคนิคการทำแตกต่างกันค่ะร้อยไหมจะเป็นการยกกระชับกระตุ้นคอลลาเจนส่วนโบท็อกฉีดลดกรามและริ้วรอยเป็นต้นค่ะ

the'mod

Themod Shop
‪#‎โบท๊อค‬
- allagen (อเมริกา) 100 ยูนิต 8,800 บาท
- neuronox (เยอรมัน) 100 ยูนิต 8,000 บาท
- Refine (ฮ่องกง) 200 ยูนิต 7,500 บาท
- Botulax (เกาหลี) 100 ยูนิต 7,900 บาท
- syneurox (เยอรมัน) 100 ยูนิต 7,500 บาท
‪#‎ฟิลเลอร์‬
- aquaderm 1 กล่อง 2 ซีซี อยู่ได้ 1-2 ปี 6,800 บาท
- dermalax 1 กล่อง 1.1 ซีซี อยู่ได้ 2-3 ปี 8,500 บาท
- Restylane 1 กล่อง 1 ซีซี อยู่ได้ 8เดือน - 1 ปี 7,500 บาท
‪#‎เร่งขาว‬
- fivita + biocell collagen ฉีดได้ 10 ครั้ง 5,800 บาท
‪#‎เมโส‬
- Liporase (fat) ลดแก้ม ลดแขนขาพุงน่อง ทุกส่วนที่เป็นไขมัน ขวดละ 1,000 บาท ยกกล่อง 10 ขวด ราคา 8,500 บาท
- หน้าใส บอกลาปัญหาหน้าคล้ำ รอยสิว แผลต่าง ๆ ขวดละ 1,000 บาท ยกกล่อง 10 ขวด 8,500 บาท

ID Line : themodprth แอดมาสอบถามก่อนได้ inbox มาก็ได้
‪#‎ราคาถูกของแท้มีคลีนิครองรับ‬
ไม่ใช่หมอกระเป๋า
ที่เราให้ราคาได้ถูกเพราะเราไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเหมือนที่ดังๆทั่วไป
แต่รับประกันความปลอดภัย และคุณภาพแน่นอน !!

pekk

การร้อยไหมคือการเอาเส้นวัตถุที่เราเลือก เช่นทอง หรือไหมละลาย รอยเข้าใต้ชั้นผิวสาวๆ อยากให้หน้าเรียว ลบตีนกา ทำปลายจมูกเชิด ดึงหน้าท้อง กระชับหน้าอก เสริมจมูก เสริมคาง ร้อยไหมทำได้หมด



Budget: ประมาณเส้นละ 1,000 – 1,500 แล้วแต่หมอว่าจะให้เราร้อยกี่เส้น



สารที่ใช้ :
- ไหมทอง ไม่ต้องพักฟื้นนาน แพงมากกก หลังทำจะไม่สามารถทำเลเซอร์ ข้อจำกัดเยอะ บางคนก็แพ้

- ไหมละลาย PDO (Polydioxanone) ไหมที่ใช้ผ่าตัด ว่ากันว่าจะละลายหายไปเอง



ข้อดี : ว่ากันว่าจะทำให้เราหน้าเรียวขึ้น ทันทีหลังทำ บางคนแทบไม่มีรอยช้ำ เนียนๆ อยู่ดีๆ ก็สวยปิ๊ง เดี๋ยวนี้ที่ฮิตสุดคือไหมละลาย คนที่แก้มห้อยเพราะอายุร้อยไหมจะเวิร์คมาก



ข้อเสีย : บางคนแพ้ หรือถ้าไม่ได้ทำกับหมอที่เชียวชาญจริงๆ ก็อาจจะอักเสบได้ พอหมดฤทธิ์หน้าเราก็กลับเป็นปรกติ





Botox คือการเอาสารโบทูลินั่ม ท็อกซินมาสกัดให้เป็นสารที่ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว



budget : 75-150 บาทต่อยูนิต แล้วแต่หมอเหมือนกันว่าเราจะต้องฉีดเท่าไหร่



ข้อดี: ถ้าหน้าบานจากกล้ามเนื้อ ยังไงก็ฉีดโบทอกซ์ได้ผลกว่าร้อยไหม แล้วก็ลดน่องใหญ่เพราะกล้ามเนื้อก็เวิร์คกว่า



ข้อเสีย:บางคนทำแล้วหน้าจะตึงๆ แปลกๆ ฟกช้ำหรือว่ามีอาการอวัยวะใกล้เคียงที่เราฉีดมันตกหรือใช้การไม่ได้เพราะโบท็อกซ์ไหลผิดตำแหน่ง สาวๆ เลยต้องเลือกหมอเก่งๆ มาฉีดให้




ยังไง เราอยากให้ลองศึกษาเพิ่มเติมเยอะๆ ก่อนตัดสินใจทำ ดูข้อดี ข้อเสียก่อน แล้วเราจะได้สวยแบบปลอดภัย แต่ถ้ากลัว เมคอัพก็เป็นทางเลือกที่ดี ช่วยพรางผิวเราได้เยอะนะ

EFiERCE

หนูว่าต่างกันที่ราคานะค่ะ แต่โบท๊อกน่าจะดีกว่า

pinkytingy

ต้นฉบับโพสต์โดย sillyboy4her เมื่อ 2013-2-20 00:34
แล้วถ้าอยากได้หน้าเรียวต้องโบท๊อกใช่มั้ยครับ? ...

ใช่ค่ะ ครั้งแรกเสร็จ  สามเดือนไปย้ำอีกครั้งลงเวอร์ค่ะ แค่ทั้งนี้ขอแนะนำอัลเลอแกนสูญยากาศแท้ของอเมริกาเท่านั้นนะค่ะ เห็นผลชัดกว่าเยอะ

VesPAGiRL2

ใช่แล้วจ้า

sillyboy4her

ต้นฉบับโพสต์โดย pinkytingy เมื่อ 2013-2-17 21:53
เอิ่มมม ต่างกันค่ะ ต่างกันมากโขอยู่ แต่เป็นเทคนิคที ...

แล้วถ้าอยากได้หน้าเรียวต้องโบท๊อกใช่มั้ยครับ?

vavanana

ต่างกันค่ะ ทั้งเทคนิควิธีการแล้ว ประโยชน์ของแต่ละอย่าง ตามที่พวกพี่ ๆ ให้ข้อมูลกันไปจ้า

EFiERCE

เห็นเขาบอกกันว่าร้อยไหมอยู่นานกว่าฉีดโบท๊อก แต่ราคาก็สูงตามด้วยเจ้าค่ะ

VesPAGiRL2

ต่างกันนะคะ  โบท็อกซ์เป็นการฉีดเพื่อให้ลดการหดตัวของกล้ามเนื้อค่ะ ถ้าเป็นร้อยไหมก็จะช่วยในการยกกระชับหน้า เต่งตึ่งขึ้น ทั้งสองอย่างให้ผลคล้ายกันค่ะคือ ช่วยลดรอยย่นของผิวหนัง ให้ผิวหน้ากระชับ เต่งตึง ส่วนโบท็อกซ์ลดริ้วรอยจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีค่ะ แต่ร้อยไหมจะอยู่ได้นานกว่าค่ะ

pinkytingy

เอิ่มมม ต่างกันค่ะ ต่างกันมากโขอยู่ แต่เป็นเทคนิคที่่สามารถทำร่วมกันได้ โบท็อกทำงานได้ดีในเรื่องของการคลายกล้ามเนื้อหรือหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อทำให้กลามเนื้อหยุดทำงานแล้วเล็กลง ใช้ลดริ้วรอยได้แต่ผลอาจจะอยู่ได้นานสูงสุดแค่1 ปีเท่านั้น ส่วนการร้อยไหมเป็นการร้อยเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ที่มีริ้วรอยและช่วยยกกระชับผิวให้ตึงขึ้นจากการหย่อยคล้อยอันนี้ก็แล้วแต่เทคนิคของคุณหมอแต่ละคน และผลของการร้อยไหมจะดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อผ่านไป3-6เดือนมีระยะเวลายาวนานกว่าโบท็อกมากค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นร้อยไหมช่วยปรับและยกแระชับขึ้นเท่านั้นไม่ได้ช่วยทำให้หน้าเรียวเล็กลง ในเคสที่แก้มยุ้ยๆแนะนำให้เมโสแฟตก่อนจะดีกว่าค่ะ แต่กรามใหญ่ก็ต้องใช้โบท็อก รอยตีนกาออยว่าร้อยไหมดีกว่า เนื่องจากโบท็อกเองก็มีผลข้างเคียงค่อนข้างมากในรายที่เซนซิทีพจริงๆไม่อยากให้ใช้ใกล้กับบริเวณดวงตาค่ะ