|
Acetylcysteine (อะเซทิลซิสเทอีน) หรือที่รู้จักกันในชื่อ L-Cysteine แอล-ซีสเตอีน เป็นสารประเภท กรดอะมิโน ชนิดหนึ่งที่เป็นสารตั้งต้นในการการสร้าง กลูต้าไธโอนให้กับร่างกายโดย L-Cysteine จะทำงานร่วมกันกับ Glycine และ Glutamic acid ที่มีมากในร่างกายเรา และสารที่จะสั่งให้เกิดการ form พันธะเ ป็นกลูต้าไธโอนได้นั้นคือ กลุ่มVITAMIN C หรือแคลเซี่ยม แอสคอร์เบต (Calcium Ascorbate) สร้างที่ตับ
ความจริงแล้วร่างกายเราสามารถสร้างกลูตาไธโอนได้เองในตับ จากการที่เรารับประทานเนื้อสัตว์หรือโปรตีนเข้าไปในร่างกาย โดยกลูตาไธโอนเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโนที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ คริสทีอีน(Cysteine) ไกลซีน(Glycine)และ กลูตามิค เอซิด (Glutamic Acid) โดยสารดังกล่าวช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ เพื่อขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทั้งยาฆ่าแมลง โลหะหนัก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร่างกายได้รับ นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระ โดยทำหน้าที่ร่วมกับวิตามินซี ซึ่งได้ร่วมกันซ่อมแซมสารพันธุกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงการเป็นมะเร็งได้ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทซิเนส(Tysinase) ไม่ให้สามารถเปลี่ยนเป็นโดปาควินโนน( Dopaquinone) ซึ่งมีผลทำให้สร้างเม็ดสีน้อยลง ทำให้มีผิวขาวขึ้นได้
มีคุณสมบัติลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้านการเสื่อมของเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวหน้า ขาวสวยใส เรียบ เนียน เปล่งปลั่ง ฝ้าและ จุดด่างดำ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่นใต้วงแขน บริเวณขอบชุดชั้นใน (Bikini line) ริมฝีปาก และบริเวณหัวนม ให้ขาวอมชมพู
1.Detoxification : แอล-ซีสเตอีนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S- transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ
2. Antioxidant : แอล-ซีสเตอีนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และ หากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่
3. Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย 2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
4.แอล-ซีสเตอีน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ protaglandin
การกินกลูต้าไธโอน ร่างกายไม่สามารถดูซึมได้โดยตรง แต่จะดูดซึ้มได้ต้องมีการ tri-peptide จะถูกย่อยออกมาเป็นอะมิโน 3 ตัว คือ L-cysteine, L-glutamate และ glycine เพราะมี L-cysteine และมีกลุ่ม VITAMIN C หรือแคลเซี่ยม แอสคอร์เบต (Calcium Ascorbate) ถึงได้ขาวขึ้น
การลดลงของกลูตาไธโอน
- แสดงให้เห็นเด่นชัดอย่างเฉียบพลันในการขาดกลูตาไธโอนเมื่อรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด
- ผลของการลดลงของกลูตาไธโอนนี้เกิดใน hepatocyte ชักนำให้ตับวายและเสียชีวิตได้
- การขาดกลูตาไธโอนเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความผิดปกติทางภูมิคุ้มกัน เพิ่มการเกิดเนื้อร้าย และในกรณีโรคเอดส์ อาจเร่งให้เกิดโรคขึ้นมาได้
- การขาดกลูตาไธโอนเป็นผลใน tissue oxidative stress สามารถเกิดโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็น G6PD (glucose 6-phosphate dehydrogenase deficiency) ทำให้เกิดปริมาณ NADPH และ reduced glutathioneลดลง
- Oxidative stress เป็นสาเหตุให้ขาดกลูตาไธโอนใน fragile erythrocyte membranes
ข้อบ่งใช้และการใช้ประโยชน์
- รักษาพิษจากยาพาราเซตามอล
- ใช้เบื้องต้นสำหรับ : มะเร็งบางชนิด โรคไขมันอุดตันที่ผนังหลอดเลือด (atherosclerosis) โรคเบาหวาน ปอดมีความผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคปอดอุดกั้น สูญเสียการได้ยินเนื่องมาจากเสียง ผู้ชายที่เป็นหมัน ป้องกันหรือทำให้พิษดีขึ้น ต้านเชื้อไวรัส ยากำพร้าในการรักษาเอดส์ที่สัมพันธ์กับภาวะขาดสารอาหาร
ข้อห้ามและควรระวังเป็นพิเศษ
- ผู้ที่แพ้ยาฉีดกลูตาไธโอน
- ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
- แพ้, หอบหืด
- สารที่ทำให้ขาดกลูตาไธโอน
- การสูบบุหรี่
- ดื่มแอลกอฮอล์
- คาเฟอีน
- ยาพาราเซตามอล
- ออกกำลังกายหนัก
- รังสี X Y และยูวี
- Xenobiotics
- Estradiol
|
|