ประสบการณ์ตรง หมอบุญถิ่น และ หมอชาตรี

meawzaas

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่ายังไม่สามารถลงรูปได้เนื่องจากไม่ได้อยู่ที่หอตัวเอง จึงขอเล่าประสบการณ์ก่อนแล้วรูปจะตามมาทีหลังนะจ๊ะ

* ประสบการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริง และเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งสิ้น มีเจตนาเพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การคิด พิจารณา และตัดสินใจทำศัลยกรรม รวมถึงเรื่องอื่นๆที่สืบเนื่องกัน ไม่ได้มีเจตนาใดๆที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อบุคคลที่อ้างอิงถึง

ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนรักสวยรักงามและชอบที่จะแต่งโน้นเติมนี่อยู่แล้ว จมูก จึงเป็นสิ่งแรกที่คิดอยากจะทำ
ต้นปี 2554 จึงเกิดความคิดที่จะเก็บเงินสักก้อนเพื่อไปทำจมูก และตัวเลือกแรกที่เข้ามาในหัวก็คือ หมอบุญถิ่น
เนื่องจากมีราคาถูก รูปทรงสวยงามพอใช้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการแค่ความโด่งอย่างเรา
ยอมรับว่าหาข้อมูลเฉพาะรีวิวศัลยกรรมเท่านั้น !! ไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาจากศัลยกรรมเลย !!

เช้าวันที่ 9 มีนาคม จึงเป็นวันที่ตัดสินใจตื่นแต่เช้าตรู่ อาบน้ำ แต่งตัว โบกรถแท๊กซี่เพื่อไปที่บางลำพู (ไปคนเดียวด้วย)
ตามข้อมูลที่ได้มา หากมารอหน้าคลีนิคแต่เช้า จะได้คิวมาก่อนหลังซึ่งไม่ต้องนัดข้ามเดือนเหมือนคนอื่นๆ
ถึงหน้าคลีนิคตั้งแต่เช้ามืด (จำไม่ได้ว่ากี่โมง) เจอผู้หญิงสองคนยืนอยู่หน้าคลีนิคจึงเข้าไปถามว่ามาทำจมูกหรอจ๊ะ ?
เป็นอันว่าได้เพื่อนคุยจนถึงคลีนิคเปิด .. นั่งรอจนที่ร้านมาขอบัตรประจำตัวประชาชนตามคิว แล้วหมอผู้หญิงก็เรียกไป

หมอผู้หญิงก็จับจมูก และเอาหมึกมาขีดที่ปลายจมูกให้เห็นแนว ซึ่งคุณหมอบอกว่าจมูกเราเอียงซ้ายนะ
ถ้าทำแล้วจะเห็นว่าเอียงซ้ายชัดขึ้น เข้าใจใช่ไหม? ยังยืนยันจะทำอีกหรือเปล่า ?? ซึ่งเราก็คิดในใจว่า
พายเรือมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้หันหัวเรือกลับก็ใช่ที่ ก็เลยตัดสินใจทำ !!

ถึงคิวประมาณสิบเอ็ดโมง หมอก็เรียกให้เราไปล้างหน้า ให้ผู้ช่วยทำความสะอาดจมูก แล้วให้เรานั่งรอพอหมอบุญถิ่น
พอได้พบคุณหมอบุญถิ่น คำถามแรกที่ถูกถามคือ " มาทำจมูกทำไม? " เราก็แอบอึ้งกับคำถามหมอที่ดูตรงไปตรงมามากๆ
จึงตอบไปว่าต้องการระหว่างคิ้วให้มากขึ้น เนื่องจากเปนคนที่ไม่มีจมูกระหว่างคิ้วเลย คุณหมอก็บอกว่าโอเค
แล้วเอาอะไรแข็งๆแบนๆเหมือนไม้บรรทัดมาทาบบนจมูกเรา แล้วถามว่า ระดับนี้พอไหม ?
ซึ่งคุณหมอทาบไว้ในระดับหนึ่ง แต่เราอยากได้มากกว่านั้น เพราะเคยได้ข้อมูลมาว่าทำทั้งทีให้ทำสูงกว่าที่อยากได้
เพราะมันจะยุบลงเยอะเลย .. เราก็เลยบอกหมอว่าสูงกว่านี้อีกหน่อย หมอก็ยกขึ้นแล้วบอกว่าโอเค !!
เป็นอันเสร็จพิธี ได้นั่งรอผ่าตัดทำศัลยกรรมครั้งแรก

to be continue ..

meawzaas

คุณหมอยังบอกอีกว่า ต่อให้คุณทานยาแก้อักเสบหนึ่งคันรถสิบล้อ คุณก็ไม่หาย
เพราะตอนนี้ร่างกายกำลังจะนำซิลิโคนออกมาเองโดยอัตโนมัติแล้ว มันอักเสบมากเพราะมีเลือดเสียคั่งอยู่
แสดงว่าเราต้องไปทำอะไรมาแน่ๆเลย

* การกระแทกเป็นสิ่งต้องห้ามเลยสำหรับการศัลยกรรมจมูก การกระแทกเพียงน้อยนิดอาจไม่ส่งผลมาก
นอกจากอาการบวมแดงและทุเลา แต่ !! การกระแทกอย่างแรง อาจทำให้เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ
และนี่คือสิ่งที่ต้องระวัง
1. การทำร้ายร่างกายทุกชนิด .. ซึ่งอาจทำให้เกิดการเบี้ยว คด หรือการหลุดจากจมูกของซิลิโคนได้ !!
2. การถูกชนโดยไม่ได้ตั้งใจ .. การกระแทกกับประตู หน้าต่าง หรือแม้แต่การก้มดูเพื่อนเก็บของแล้วเพื่อนเงยมาชน
3. การใส่แว่น .. ข้อนี้ทุกคนอาจมองข้ามไป แต่นี้ประสบด้วยตัวเองคือ มือไปปัดขาแว่น ซึ่งทำให้ตัวล็อคจมูกที่
วางอยู่บนจมูกเราล็อคจมูกให้เป็นไปตามแรงกระแทก (ซึ่งเราคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้)

การฉีดขาดของเนื้อเยื่อหากเป็นเพียงเล็กน้อยร่างกายจะดูซับเลือดที่ไหลออกมาได้ แต่หากเยอะเกินไป
และติดกับซิลิโคน !! ร่างกายจะดูดซับไม่ทัน เลือดเหล่านั้นจึงเกิดอาการเน่า และเป็นแบบเราได้ !!

คุณหมอก็ทำการกดเอาเลือดเสียออกให้หมด แล้วจัดการเย็บแผลเป็นที่เรียบร้อย นัดตัดไหม 7 วัน
กลับมาฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ด้วยการประเคนอาหารจำพวกโปรตีนต่างๆให้ร่างกายได้นำไปสร้างในส่วนที่เสีย
เพราะเกรงว่าปลายจมูกจะบุ๋ม !!

ผ่านไปหนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน .. จมูกกลับมาเป็นปกติ แต่เอ๊ะ ดูสูงกว่าตอนก่อนทำนิดเนิงนะ
อาจเป็นเพราะเนื้อเยื่อพังผืดที่มารัดซิลิโคน และปลายจมูกก็ไม่บุ๋มด้วย ถึงแม้จะดูผิดรูปหน่อยๆก็เถอะ
รู้สึกแฮปปี้กับจมูกตอนไม่เสริมนี้มาก เพราะไม่มีคนทักเลยว่าจมูกน้อยลง
มีแต่พูดว่า " นี่เอาออกแล้วหรอ ? " ตอนที่เราบอกว่าเพิ่งไปเอาออกมาได้ไม่กี่เดือนเอง

สี่เดือน

ห้าเดือน

หกเดือน

ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำจมูกกับคุณหมอชาตรีเนี่ยแหละ หาข้อมูลแล้วไม่เห็นเคสที่ทะลุเลย
คุณหมอดูใจดีด้วย และราคาไม่แพงมาก กอปรกับอยู่ใกล้ที่พัก ก็เลยเดินหน้าสตาร์ทเครื่องเก็บเงินอีกนิด
ให้พอเพียงกับการทำจมูกอันใหม่ ความคิดที่ว่าจะไม่ทำจมูกอีกแล้วในชาตินี้ก็เลยมลายหายไปในบัดดล

เจ็ดเดือน

นับถอยหลังอีกสามวันจะได้ทำจมูกกับคุณหมอใหม่ซึ่งได้นัดไว้แล้ว
แต่เอ๊ะ อะไรที่ปลายจมูกน่ะ !!


เกิดอะไรขึ้นกับปลายจมูกที่ดูว่าเหมือนปกติแล้วหลังการทำศัลยกรรมครั้งแรก ติดตามได้ที่นี่เร็วๆนี้

dreamotk

เป็นนิยายกันเลยทีเดียว ได้ความรู้เยอะมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

สองแก้ม

http://www.youtube.com/watch?v=DJkeCDMu1h8&eurl=http%3A%2F%2Fwww%2Edungdong%2Ecom%2Fviewthread%2Ephp%3Ftid%3D292%26extra%3Dpage%253D1&feature=player_embedded

สองแก้ม

เราว่าหมอบุญน่าเชื่อถือออกhttp://www.youtube.com/watch?v=DJkeCDMu1h8&eurl=http%3A%2F%2Fwww%2Edungdong%2Ecom%2Fviewthread%2Ephp%3Ftid%3D292%26extra%3Dpage%253D1&feature=player_embedded ลองเข้าไปดูนะค่ะ

chutimonJpancz

ลุ้นมากๆ อยากไปทำกะคุณหมอค่ะ คิดจะไปทำกะหมอบุญถิ่นแต่กลัวหมอดุคะ

ยังไงรบกวนช่วยเข้าไปดูทรงจมูกให้หน่อยได้ไหมคะ ไม่รู้ว่าทรงแบบนี้ทำกะคุณหมอได้รึป่าว

ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ

http://www.dungdong.com/forum.php?mod=viewthread&tid=63672

Freyja

ขอบคุนที่มาแชร ประสบการณ์นะครับ

vivienhil

สรุปว่าที่ต้องแก้เพราะเกิดจากการนำคอตตอนบัตเข้าไปแหย่  ไม่ได้เปนเพราะหมอทำพลาดใช่มั้ยคะ
(กำลังจะทำกับหมอบุญถิ่น  เหนชื่อกระทู้แล้วแอบใจเสีย )

นภัสดา

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ ขอให้หายไวๆนะค่ะ ( จขกท เขียนได้สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆ )

นภัสดา

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ ขอให้หายไวๆนะค่ะ ( จขกท เขียนได้สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆ )

kahoud

นั่งเก็บข้อมูลไปก็ลุ้นตัวโก่ง

jeff

ชาตรี พรหมโชติ เชียงใหม่เหรอคะ  หรือว่า ชาตรี กรุงเทพ ชอบสับสนชื่อเหมือนกัน

พรหมโชติ โดนบ่นกันเยอะ

tik-do

ตัดสินใจแระ ไปหมอชาตรีนี่แหละ อื่ม ดีที่สุด
ปล.เจ้าของกระทู้เล่าสนุกดีจริงๆ

iz3ii

จขกท  เจ๋งงมากค่า  ศิษย์เดียวกันคะะ^^ หมอชาตรี

wiwi_mama

ยาวได้ใจเลยค่ะ เอาไปเขียนเรื่องสั้นได้เลย 5555
แต่ก็ตามอ่านจนจบเลยค่ะ ได้ประโยชน์ดีจังเลยค่ะ  

yuiyui

แก้กับหมอชาตีกี่บาทค่ะ

Snoopcung

โดนเหมือนกันเลยค่ะ ตอนที่หมอจะกรีดหมอก็บอกเราว่า ตัดขนจมูกข้างในหน่อยนะ พี่ผู้ช่วยก็ย้ำอีกครั้งว่าคุณหมอจะตัดขนจมูกข้างในนะค่ะ อย่าเกร็งให้อ้าปากแล้วก็หายใจทางปากนะค่ะ อืม ! คิดในใจก่อนขึ้นมาข้างล่างก็พึ่งตัดไปจะตัดอะไรอีก แล้วคุณหมอก็เอาสำลียัดไปในจมูกแอบคิดในใจอยู่เหมือนกันว่าตัดขนจมูกทำไมถึงต้องเอาสำลียัด
พึ่งมากระจ่างเอาตอนที่อ่านนี่หละค๊า..

maipare

อ่านแล้วหมอชาตรี นี่น่ารักจังเลย มีขอโทษ + ความรับผิดชอบ  หมอบางท่านที่บางคนนำมาพูด พูดชะไม่น่าไปทำเลย

หมอชาตรี ที่ 1 ในตัวเลือกที่จะไปแก้

meawzaas

ต้องขอขอบคุณทุกๆ member ที่เข้ามาอ่านและติดตามเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้
ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่ามาเขียนซะยืดยาวเล่าขนาดนี้จะมีใครสนใจอ่านหรือเปล่า

อย่างที่กล่าวไว้ในตอนแรก .. หวังว่าบทความนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการคิด พิจารณา และตัดสินใจในการทำศัลยกรรมของใครหลายๆคน
ไม่ว่าจะทำอะไร ที่ใด และกับคุณหมอไหนก็ตาม .. การดูแลตัวเองนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

นอกจากเงินที่มีในกระเป๋าว่าพร้อมในการทำศัลยกรรมแล้ว ความสามารถในการดูแลตัวเองก็ต้องพร้อมด้วย
ไม่ใช่สักแต่ว่ามีเงินทำ แต่ทำมาแล้วใช้ร่างกายโลดโผน ไปกระโดดน้ำ เล่นผจญภัยเหมือนรายการ survivor
ก็เห็นทีว่าสิ่งต่างๆที่เสริมมาคงจะอยู่มิคงทน

หรือหากเราระวังตัวเราเองแล้ว .. คนอื่นล่ะ !! คนอื่นเค้าไม่ได้มาระวังกับเราด้วย
อุบัติเหตุก็คือเหตุที่อุบัติขึ้นโดยไม่คาดคิด เพราะฉนั้น อันตรายต่างๆอาจเกิดมาโดยที่คนอื่นไม่ได้ตั้งใจ
เราจึงต้องระวังให้มาก โดยเฉพาะกับใบหน้าของเราที่ทุกคนต่างเห็นว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในร่างกาย
แม้กระทั่งเพื่อนจะหยิบของข้ามหัว เราก็ต้องรีบหลบ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ .. กันไว้ดีกว่าแก้นะจ๊ะ

สุดท้ายนี้เจ้าของกระทู้ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนทั้งที่ผ่านการศัลยกรรมมา หรือกำลังจะทำศัลยกรรม
มีอะไรปรึกษาทั้งการดูแลตนเองก่อนและหลังผ่าตัด หรือปัญหาเล็กๆน้อยๆที่คิดว่าเจ้าของกระทู้จะช่วยเหลือได้
ก็สามารถสอบถามได้จ้า .. ถ้าช่วยได้จะช่วยเต็มที่นะจ๊ะ

meawzaas

แต่ครั้งนี้คุณหมอกรีดแค่ข้างเดียวคือ รูจมูกด้านขวา เหมือนตอนผ่าเอาซิลิโคนที่จะทุออกเลย
เข็มยาชาก็จิ้มเข้ารูจมูกด้านซ้ายยยยยยย ยยยย .. " เจ็บหน่อยนะครับ มันเข้าตรงตำแหน่งแผลเป็น เนื้อจะหนา !! "
รู้สึกเลยว่า มันจิ้มเข้าเนื้อแข็งๆ แล้วเจ็บมากๆ
รูจมูกด้านขวาาาาาาาาาาา .. และจุดยุทธศาสตร์คือ ตรงกลางระหว่างรูจมูกสองข้างงงงง
จิตใจก็หลุดลอยไปอีกครั้ง เสมือนว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว

" ตัดขนจมูกหน่อยนะครับ " คุณหมออออ ตัดทีไรก็กรีดเนื้อทั้งนั้นแหละ
เสียงดังแคร๊กๆ แล้วคุณหมอก็ดึงซิลิที่รักออกมา พร้อมกับนำไปเหลาอยู่ประมาณ 2-3 นาที (ได้ยินไกลๆ)
แล้วคุณหมอก็ใส่เข้าไปใหม่ พร้อมกับเย็บๆ ๆ  

" เรียบร้อยแล้วครับ .. น่าสงสารจัง "  
คุณหมอออออ .. ทำทีไรเราก็รู้สึกเหมือนจะสิ้นบุญทุกที

ลงมารับยาพร้อมกับคำแนะนำว่าดูแลร่างกายเหมือนตอนทำครั้งแรกเป๊ะเลย
ปลายจมูกตุ่ยๆอยู่ประมาณ 2 วันก็เริ่มยุบ ส่วนแกนจมูกคงเดิมไม่บวมเหมือนตอนแรกที่ทำ
รอดตัวไป !! นึกว่าจะบวมแบบตอนแรกเสียแล้ว

พอดีว่ากลับบ้านต่างจังหวัด คุณหมอเลยบอกว่าให้หมอที่บ้านตัดไหมได้
ซึ่งตอนนี้ เจ้าของกระทู้ก็ยังนั่งพิมพ์ที่ร้านอินเทอร์เน็ต พร้อมกับไหมร้อยสี่เส้นที่รูจมูกด้านขวา
ไม่รู้คนข้างๆเค้าจะตกใจหรือเปล่าว่า คนนี้ไปทำอะไรมา

แต่หลังจากที่ลดปลายแล้วรู้สึกว่า ความสูงของสันจมูกก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากการลดปลาย ไม่ใช่ลดปลายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องลดความสูงลงด้วย
เพื่อให้สัดส่วนของซิลิโคนสมมาตรกัน ไม่งั้นจะไม่ได้ทรง
ตอนนี้จมูกที่สันสูงๆ ปลายพุ่งๆ (แดงๆ) ก็เลยกลายเป็นจมูกที่สันปานกลาง ปลายไม่พุ่งไปแล้ว

ยอมจมูกไม่ล้ำ แต่ปลอดภัยไว้ก่อนน่าจะดีกว่าเนอะ

เป็นอันว่าจบไปอีกตอนหนึ่ง .. อนาคตจะเป็นอย่างไรเจ้าของกระทู้จะมาเล่าอัพเดทให้ฟังเรื่อยๆ
ส่วนรูปหลัีงทำกับคุณหมอชาตรี เจ้าของกระทู้ยังไม่สะดวกอัพให้เลยจ๊ะ พอดีว่ามาต่างจังหวัดคงต้องรออีกสักพักเลย

meawzaas

หลังจากที่ผ่าตัดเสริมจมูกใหม่กับคุณหมอชาตรี เพชรบุรีซอย 7 ได้ 11 วัน ก็เริ่มอดรนทนไม่ไหวกับปลายจมูกที่แดงๆ
แดงๆออกชมพูๆ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่เมื่อส่องปลายด้วยแสงแฟชรจากบีบีแล้ว จะเห็นได้ชัดว่ามีเส้นเลือดขึ้น !!
เป็นเส้นเลือดแดงๆเล็กๆ เอาแล้วสิ ทำอย่างไรดี ก็เลยตัดสินใจไปพบคุณหมอในวันรุ่งขึ้น !!

ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 9 โมงครึ่ง กะว่าจะตื่นอาบน้ำแต่งตัวทานข้า่วแล้วค่อยไป แต่มารู้สึกตัวอีกที 11 โมง 50 นาที
ตายล่ะสิ .. จะทันพบคุณหมอไหมเนี๊ย รู้สึกตัวขึ้นได้ก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหายตัวไปคลีนิคทันที
ันั่งรอจนกระทั่งคุณหมอมาจึงได้คิวเข้าปรึกษา

" คุณหมอ .. ปลายจมูกแดงไม่หายเลย ทำอย่างไรดี? " คุณหมอก็ให้นอนบนเตียง พร้อมกับเอาไฟส่อง
" ปลายมันยาวเกินไปนะ เนื้อปลายจมูกน้อยเกินไป อย่างนี้ต้องลด !! " ลด !!
" สะดวกวันไหนล่ะ? " ในใจนึกไหนๆก็ไหนๆล่ะ วันนี้เลยแล้วกัน
คุณหมอเลยลัดคิวให้ได้คิวที่ 4 เพราะใช้เวลาจัดการกับมันแค่ 15 นาทีเท่านั้น
เวลาน้อยก็จริง แต่วิธีการเนี๊ยะสิ ยังคงเดิม !!

ว่าแล้วก็นั่งรอคิว .. พอถึงคิวก็วทานยาแก้ปวด ล้างหน้าตามปกติ ขึ้นไปนั่งรอหน้าห้องเดิม
ทำไมนะทำไม ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
เมื่อร่างกายนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเดิมที่เคยนอน .. ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผ่าแล้วผ่าอีกตั้ง 3 ครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่ 4 อย่างไรก็ต้องสู้ !!

ฝ่ายคุณหมอก็ขอโทษและอธิบายว่า เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ ..
1. เป็นคนที่เนื้อปลายจมูกน้อยอยู่แล้ว .. อาจเป็นโดยธรรมชาติตั้งแต่แรก หรือเป็นเพราะเนื้อเสียหายจากการที่ซิลิโคนครั้งแรกจะทะลุ
2. เนื่องจากเป็นงานแก้ .. คือ เป็นงานที่ผ่านการศัลยกรรมตกแต่งมาแล้ว การคำนวนน้ำหนัก ความยาว และการวางตัวของซิลิโคนอาจผิดพลาด
ซึ่งโอกาสผิดพลาดจะมีสูงกว่าคนที่ไม่เคยผ่านการศัลยกรรมมาเลย แต่ทุกเคสก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น

คุณหมอก็กล่าวขอโทษอีกครั้ง และยืนยันว่าต่อไปไม่มีอาการปลายแดงแล้วแน่ๆ
เราก็ย้ำว่าคุณหมอต้องทำให้มันหายสนิทจริงๆนะ ไม่อยากเจ็บตัวแล้ว

meawzaas

ต้นฉบับโพสต์โดย mamasa เมื่อ 2012-10-15 22:12
ดูโด่งกว่าก่อนเสริมอีกนะค่ะเนี้ย ถอดออกตั้ง 4 เดือนแ ...

ประมาณ 2-3 เดือนก็ยุบคงที่แล้วจ้า .. ภายนอกไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ภายในอย่างที่เล่าเลย

mamasa

ดูโด่งกว่าก่อนเสริมอีกนะค่ะเนี้ย ถอดออกตั้ง 4 เดือนแล้ว แล้ว  7 เดือนนี่จมูก ยุบลงอีไหมค่ะ เลี่ยนแปลงไปมากไหมเอ่ย

meawzaas

ต้นฉบับโพสต์โดย meawzaas เมื่อ 2012-10-14 20:15
อันนี้ภาพก่อนทำจ๊า จะเหนว่าดั้งแหมบมาก แต่ฐานจมูกให ...

ภาพหลังจากถอดแล้วประมาณ 4 เดือนจ้า

meawzaas

ส่วนตัวคิดว่ามีอันตรายนะจ๊ะ แต่เฉพาในกรณีที่มันดันปลายจมูกจนดูแหลมออกมา เพราว่ามันทำให้ปลายจมูกแดง
เจ็บและเสียวนิดๆ ซึ่งอาจทำให้เนื้อบริเวณดังกล่าวเสียหายได้จ้า

ปล. ประสบการณ์ต่อขอเล่าพรุ่งนี้ตอนค่ำๆนะจ้ะ พอดีกลับต่างจังหวัดแล้วไม่มีเน็ตจ้า อดใจรอนิดนึง

mamasa

ขอถามหน่อยค่ะ  หลังจากถอดจมูกแล้ว กระดูกอ่อนที่ดันออกมามีอันตรายไหมค่ะ  แล้วหลังถอดเนื้อเติมขึ้นมาไหมค่ะ