ดู: 4788|ตอบกลับ: 10
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

oil pulling--ออยล์ พูลลิ่ง

[คัดลอกลิงก์]
พอดีต้นไปเจอบทความในเว็บหนึ่งมา เลยมาแนะนำกันครับ เพื่อจะลองไปทำกันดู เป็นวิธีง่าย ๆ ประหยัดและไม่อันตราย

Oil Pulling (OP)--ออยพูลลิ่ง
ออยล์พูลลิ่ง (Oil Pulling) แปลโดย หมอแดง ดิ อโรคยา

Dr. F. Karach, M.D., ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสัมนาบัณฑิตย์ทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่ประเทศ USSR ปี 2534-2535 การประชุมนั้นมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเนื้องอก และแบคทีเรีย ซึ่ง Dr.Karach ได้อธิบายถึงการบำบัดรักษาโรค ที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้ น้ำมันสกัดเย็น หรือ หีบเย็น (สกัดน้ำมันออกมาโดยใช้ความร้อนต่ำ หรือไม่ใช้ความร้อนเลย)

ผลลัพธ์ของการบำบัดด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้คนตะลึง ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความสงสัย ในรายงานของเขาเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการอธิบาย ซักถามกันถึงการรักษาด้วยน้ำมันสกัดเย็น มีการทดสอบ ทดลองใช้ ทดลองทำพิสูจน์หาความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น ต่างก็ยิ่งประหลาดใจถึงผลที่ได้รับจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆด้วย เป็นการรักษาทางด้านชีววิทยาโดยแท้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยรักษาโรคได้มากมายหลายโรค ในบางกรณี บางรายที่ไม่ต้องการรักษาโรคด้วยการผ่าตัดหรือการกินยา ก็ได้ใช้วิธีการนี้บำบัด ซึ่งก็เป็นผล อีกทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยาเคมี

กระบวนการบำบัด และผลที่ได้รับที่น่าตื่นเต้นตามทฤษฎีนี้ กลับแสนง่าย โดยเริ่มต้นที่ใส่น้ำมันสกัดเย็นเข้าไปในปาก (น้ำมันทานตะวัน น้ำมันงา หรือน้ำมันสกัดเย็นอื่น ไม่จำเป็นต้องกลั่นโดยวิธีธรรมชาติเสมอไป น้ำมันทานตะวันที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตก็พอใช้ได้แล้ว)

กระบวนการบำบัดจะบรรลุผลสำเร็จด้วยระบบบำบัดของผู้นั้นเอง ในกรณีนี้อาจจะไปบำบัดเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ในเวลาเดียวกัน ร่างกายเองก็จะขับสารพิษออกทิ้งไม่ให้รบกวนระบบต่างๆ ของร่างกาย
Dr.Karach กล่าวว่า คนเราส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งหนึ่งของชีวิตที่น่าจะเป็น ความจริงแล้วถ้าสุขภาพที่ดีจะมีอายุได้ถึง 140- 150 ปี
หูย พี่ต้น คนสมัยนี้ 60-70 ก็ร่อแร่แล้ววว
ต้นฉบับโพสโดย shacky เมื่อ 2010-1-3 13:14


ของซ้อ ร่อแร่ ตอนไหนอ่ะ
หูย พี่ต้น คนสมัยนี้ 60-70 ก็ร่อแร่แล้ววว
ขออธิบายขยายความเรื่อง Oil Pulling นีสนะ...จ๊ะ

เท่าที่เรียนทราบว่า...ไม่ใช่หลักการที่ดีที่ทางวิทยาศาสตร์ควรแนะนำนัก

แต่ทางแพทย์แผนไทยอาจจะยอมรับกันบ้าง...เหตุผลคือ

จะท้าวความตามหลักแพทย์แผนไทยในกรณีที่เค้ายอมรับก่อนละกันนะครับ
เนื่องจากปราชญ์ท่านนึงได้ศึกษาตามที่คุณไม้นำบทความมานี่แหละแต่ไม่ละเอียดพอผมจะเสริมให้นีสนะครับ
พอปราชญ์ท่านนี้ได้ลองปฏิบัติแล้วไปสักพักผบว่า ร่างกายทรุดโทรมมาก ป่วยเหมือนคนไม่มีแรง มีอาการปวดข้อเท้ามาก เดินไม่ได้ เค้าเรียกขั้นตอนนี้ว่าจุดวิกฤติ ปราชญ์ท่านนี้จึงค่อยๆลดความถี่ในการทำ Oil Pulling ลงจากเดิม แต่ก็ยังทำต่อเนื่องอยู่ ผ่านไปอีก 1 เดือนพบว่าอาการดังกล่าวที่เป็นในช่วงที่เค้าเรียกว่า ขั้นวิกฤตินั้น หายไปหมดและกลับพบว่าตัวเองแข็งแรงขึ้นมาก จากเดิมที่อายุเยอะวิ่งไม่ไหว สามารถวิ่งออกกำลังกายได้ มีเรี้ยวมีแรง และเชื่อว่า Oil Pulling สามารถบำบัดอาการไม่สมดุลหรืออาการแย่ๆของร่างกายเราได้จริงๆ และท่านยังได้แนะนำต่อว่า มันจะทรมารมากถ้าถึงจุดวิกฤติคนที่ทำให้หยุดได้ถ้าร่างกายไม่ไหวพอร่างกายหายทรุดให้ทำ Oil Pulling ต่อจนสามารถผ่านวิกฤติไปได้...

ทีนี้มาอ่านทางด้านการแพทย์ปัจจุบันกันนะครับทุกทร่านส์ จริงๆแล้วไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะจริงแล้วการทำ Oil Pulling ไม่ได้เป็นวิธีการขับสารพิษใดๆโดยตรงเลย เป็นเพียงแค่การอมหรือกลั้วบ้วนน้ำมันในปากอย่างต่อเนื่องเนี่ยะ เป็นเพียงแค่การฆ่า Normal flora หรือจุลินทรีย์ท้องถิ่น(ถ้าแปลแบบบ้านๆ) หรือก็คือจุลินทรีย์ที่มีในช่องปาก ซึ่งจะเป็นแบคทีเรียดีที่ช่วยรักษาสมดุลในปากและร่างกายเรา บางชนิดทำหน้าที่กำจัดไวรัส หรือ แบคทีเรียแปลกปลอมที่เข้ามาในปากเราได้หรือฆ่าเชื้อโรคให้เรานั่นเอง รวมทั้งถ้าคุณกลั้วน้ำมันที่คอ จุลินทรีย์พวกที่ก่อให้เกิดอาการคออักเสบที่เป็นจุลินทรีย์ท้องถิ่นที่อาศัยอยู่กับเราแต่ไม่สามารถออกฤทธิ์กับร่างกายเราได้เพราะร่างกายเราควบคุมมันไว้ก็จะตายด้วย ทำให้จุลินทรีย์ชนิดเดียวกันนี้แต่อาจคนละสายพันธุ์จากภายนอกหลุดลอดเข้ามาแทนและร่างกายไม่เคยจดจำมันหรือร่างกายเราไม่มี Antibody มันมันก็จะออกฤทธิ์ได้ถ้าร่างกายอ่อนแอ รวมทั้งเมื่อแบคทีเรียในปากไม่มี ในคอไม่มี ที่เหลือภายนอกรวมทั้งไวรัสก้ปลอมปนเข้ามาได้สบายครับ เท่านั้นแหละไม่นานหลังจากที่คุณทำ Oil Pulling ไปสักพัก ร่างกายก็จะป่วย อ่อนแอ ก็เพราะเชื่อโรคเข้ามาในร่างกายมากนั่นเอง เมื่อทำOil Pulling ต่อไปสักพักก็พบว่าร่างกายกลับมาหายและแข็งแรง นั่นไม่ได้เป็นเพราะผลจาก Oil Pulling แต่เพราะร่างกายเราสามารถส่งเม็ดเลือดขาวและน้ำเหลืองที่ทรงประสิทธิภาพไปทำลายเชื้อในร่างกายได้หมดแล้วและยังสร้าง Antibody กับเชื้อพวกนี้ไว้แล้ว ร่างกายก้หายป่วย เราก้แข็งแรงเหมือนเดิม แต่ไอ้อาการแข็งแรงขึ้นหรือไม่นั้นเป็นเรื่องปกติของคนที่ฟื้นไข้ครับ ที่ Endophine จะมากเป็นพิเศษก้เลยอนุมานว่า เราแข็งแรงขึ้น...

เป็นอีกด้านนึที่ควรทราบครับพี่ๆน้องๆ
ฝันดีครับ...เมื่อยนิ้วเลย
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-12-4 13:44:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พี่ต้น คะ พ่ออุ๊เป็นมะเร็งตับ ใช้ได้มั้ยคะพี่
ต้นฉบับโพสโดย auchiangmai เมื่อ 2009-12-3 20:03


ไม่แน่ใจนะอู๊...ลองทำดูก็ได้ครับ..แต่ใช้เวลานานหน่อยนะ
พี่ต้น คะ พ่ออุ๊เป็นมะเร็งตับ ใช้ได้มั้ยคะพี่
เด๋วไปซื้อน้ำมันงามาลองทำดู
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆๆนะครับ
ที่มาแนะนำกัน

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-11-30 10:13:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วิธีการทำ “Oil Pulling”

- เช้าตื่นนอนขึ้นมา ช่วงท้องว่าง ก่อนรับบประทานอาหารเช้า เอาน้ำมันประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่เข้าปาก อย่าได้กลืนลงคอไปนะครับ แล้วทำให้น้ำมันเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในปาก (Move Oil Slowly) กลั้วอยู่ในปาก ไม่ต้องทำแรงนัก Dr.Karach ใช้วิธีค่อยๆ จิบน้ำมันเข้าปาก ดูด และดึง น้ำมันให้ผ่านฟันไปมาให้ทั่วๆ ใช้เวลา 15 – 20 นาที
- ในขั้นตอนนี้ น้ำมันจะผสมกลมกลืนกับน้ำลาย แล้วทำให้มันเคลื่อนไหวกระตุ้นเอนไซม์ เพื่อให้เอนไซม์ดึงสารพิษออกมาจากกระแสเลือด จงอย่ากลืนน้ำมันนี้ลงคอไป เพราะมันมีพิษ พิษที่ดึงออกมานั่นแหละ
- เมื่อเราคลื่อนไหวน้ำมันอยู่ในปากสักพัก จะรู้สึกว่าน้ำมันนั้นเบาบางลงไม่หนืด ลักษณะคล้ายน้ำ สีขาว
- แต่ถ้าน้ำมันนั้นยังมีสีเหลือง(น้ำมันงา ทานตะวันจะสีเหลือง น้ำมันมะพร้าวจะใส) อยู่เหมือนเดิม แสดงว่าใส่น้ำมันมากไป หรือยังใช้เวลาไม่นานพอ
- ขั้นต่อไป ให้บ้วนน้ำมันที่อมอยู่ทิ้ง แล้วใช้น้ำสะอาดล้าง หรือจะให้ดี ก็ใช้นิ้วมือช่วยทำความสะอาดฟันและเหงือกด้วยก็ได้

ล้างทำความสะอาดอ่างล้างหน้าให้ดี

คุณควรล้างทำความสะอาดอ่างล้างหน้าให้ดี (ถ้าบ้วนน้ำมันที่อมลงในอ่าง) ใช้สบู่ น้ำยาฆ่าเชื้อล้างด้วยก็ดี เพราะน้ำมันที่บ้วนทิ้งลงไปนั้นจะมีแบคทีเรีย และสารพิษ Toxin ของเสียที่ดึงออกจากร่างกาย ถ้าลองใช้กล้องขยายขนาด 600 เท่าส่องดูก็จะพบว่ามีแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่อยู่ในระยะฟักตัวเพื่อก่อโรคอยู่
สิ่งสำคัญต้องทำความเข้าใจว่าการทำ OP เป็นกระบวนการทำให้ระบบเมทาโบริซึมเข้มแข็งขึ้น เพื่อให้ร่างกายเราแข็งแรง
สิ่งที่ทำให้เราเห็นชัดเจนก็คือจะทำให้ฟันของเราแน่นขึ้น ไม่โยกคลอน ทำให้เหงือกแข็งแรงสดใส ฟันก็จะขาวขึ้น
การทำ OP จะดีที่สุดก็คือตอนก่อนอาหารเช้า แต่ถ้าจะเร่งกระบวนการบำบัดให้เร็วขึ้น ก็ให้ทำ OP วันละ 3 เวลา ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น ตอนท้องว่าง

ข้อควรระวังคือ

1 อย่ากลืนน้ำมันที่ทำ OP ลงคอไป จะต้องบ้วนน้ำมันที่อมอยู่ออกทิ้งไป แต่ก็อย่าวิตกกังวลถ้าเกิดกลืน หรือ
มีน้ำมันไหลลงคอไปบ้าง ร่างกายก็จะขับออกมาทางอุจจาระเอง
2 ถ้าเกิดอาการแพ้ หรือไม่ถูกโรคกับน้ำมันที่ใช้อยู่ ก็ให้ลองเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ดู
3 น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันงา นั้นใช้ได้ผลพอๆ กัน น้ำมันอื่นๆ ยังไม่พบว่าใช้มากนัก และควรใช้น้ำมัน
สกัดเย็น (แต่ก่อนนั้น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นยังไม่มีใช้ในอายุรเวท จะใช้น้ำมันงารักษาโรคเป็นส่วนใหญ่)

ที่มา:tlbz
ลองทำดูนะครับ .. ได้ผลยังไงก็บอกรีวิวบอกเพื่อน ๆ ด้วยนะครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้