ดั้งโด่งดอทคอม

ชื่อกระทู้: ศัลยกรรมทำให้สวย [สั่งพิมพ์]

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 02:58
ชื่อกระทู้: ศัลยกรรมทำให้สวย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:28


โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 02:59
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:30


ศัลยกรรมทำให้สวยจริงหรือ? ตามมาดูกันเลย ยาวหน่อยนะคะต้องขอโทษด้วย พยายามอ่านกันหน่อยนะคะ

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่ารีวิวนี้ไม่ได้มีเจตนาจะใส่ร้ายป้ายสีใครหรือเป็นหน้าม้าเข้า
มาอวยใครเป็นพิเศษ แต่เป็นเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นจริง ตัวละครจริง ชื่อจริง สถานที่เกิดเหตุจริงๆ

มาเล่าให้ฟังเป็นประสบการณ์ตรงที่ได้มาฟรีๆแต่ไม่มีใครอยากให้เกิด.....

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:00
เราได้เสริมจมูกตอนอายุยี่สิบกว่าๆ ราวๆปี 2000 เหตุผลเดียวของทุกคนที่ไปทำคือ คืออยากสวยและดูดีขึ้น ไม่ต้อง
จมอยู่กับปมด้อยของตัวเองไปตลอดชีวิต (ผิดตรงไหนที่ใครๆก็อยากสวยง่ะ ) น้องดั้งของเราที่พ่อให้มามันไม่สูงพอ  (พ่อดั้งแหมบ แม่ดั้งโด่งสวยมากแต่แม่ลืมให้มา) มันก็ดูน่ารักในแบบของมันแต่เราเองที่ดันไม่พอใจเลยไปเสริมเพิ่ม กับอาจารย์หมอ ศ.นพ สมศักดิ์ มาสมบูรณ์ ที่ รพ. ศิริราช (ตอนนั้นเราเรียนอยู่ที่มหิดล ศาลายา) ยังโดนด่าอยู่เลยมาจะมาเสริมทำไมดั้งก็ไม่ใช่ว่าจะแหม๊บ แหม่บ อ่ะนะ แกเลยให้คิวสุดท้ายเลย เพราะอาจารย์ต้องผ่าตัดเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ก่อนเพราะสำคัญกว่าเคสเสริมความงาม คอยไปเลย สามเดือนค่อยกลับมาใหม่ โอเค ได้ค่ะ ทางเลือกมีไม๊? มี คือไปทำที่อื่นที่มีอยู่เกลื่อนกรุง แต่ไม่รู้ทำไมเราไม่อยากไป ใจอยากทำที่นี่ที่เดียว ไม่อยากไปทำคลีนิกเล็กๆ กลัว ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกสุดๆ มั่นคงมากอยากทำที่ศิริราช ที่เดียวเท่านั้น

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:01
นับวันคอยครบวันนัด ได้ฤกษ์กลับไปที่ ศิริราชใหม่ จำได้ว่าตื่นเต้นสุดๆ นั่งคุยกันไปว่าจะเอาแบบไหน โด่งยังไง เราจำได้ว่านอนอยู่บนเตียง อาจารย์ยืนพิงผนังเหลาซิลิโคนไปสลับกับเอามาทาบจมูกเราไป
ว่า เป็นไง โด่งยัง สูงไปไหม เรา บอกเอาออกอีกได้ป่ะเพราะมันโด่งเว่อร์เกิน อาจารย์เหลาต่อ บอกว่าเหลาจนบางแล้วนะเนี่ย หุหุ เราไม่ได้เอารูปใครไปให้ดู น้องอ้งน้องอั้มไม่รู้จักหรอกค่ะ เกาหลงเกาหลีก็ยังไม่ฮ็อทฮิต ไปมันโด่ๆ เอาแบบเราชอบนี่แหล่ะ ส่วนอาจารย์หมอก็คงไม่ได้เป็นหมอธุกิจความงาม เขาฮิตอะไรกันอาจารย์คงไม่ได้ไปติดตามข่าวสารข้อมูลแฟชั่นอะไร เพราะวันๆ สอนลูกศิษย์และผ่าตกแต่งคนไข้ที่มีปัญหาพิการทางร่างกาย ก็คงสุดจะยุ่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจมูกที่ได้จะออกมาสภาพไหน แต่เราเอาตามความพอใจของเราและไม่ฝืนธรรมชาติมากเกินไป คุยกันสัพเพเหระ อาจารย์หมอน่ารักมาก เป็นกันเอง คุยดี แกยังบอกอยู่เลยว่า หมอที่ยันฮีน่ะ ลูกศิษย์แกทั้งนั้น เราแกล้งแซว ทำไมศิริราชไม่เปิดแข่งไปเลย แกบ่นงุบงิบ แค่นี้ก็ผ่ามือระวิงแล้ว ปล่อยให้คนอื่นเขาทำกันไปเหอะ.....

หลังจากเหลาเกลากลึงน้องซี่ลี่(ซิลิโคน)เสร็จอาจารย์ก็นำน้องไปอบ
ฆ่าเชื้อ ส่วนเราก็ไปล้างหน้าสวนควักล้างจมูก เปลี่ยนชุดขึ้นเตียง ห้องผ่าตัดเป็นห้องผ่าตัดใหญ่ โคมไฟดวงใหญ่เบ้อเร่อเท่อ มีนางพยาบาล 4 คนและอุปกรณ์ผ่าตัดและช่วยชีวิตครบชุด พร้อมสรรพ ดูกึ่งขลังกึ่งน่ากลัวพิลึก....

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:02
อาจารย์เดินเข้ามา ดูเท่ห์มาก ยืนกางแขน มีนางพยาบาลช่วยสวมชุดคลุมผ่าตัดและสวมหมวกให้ อาจารย์ไม่หยิบจับแตะต้องอะไรเลยนอกจากหยิบถุงมือใส่เอง หลังจากนั้นนางพยาบาลเดินมามัดแขนเราติดเตียงผ่าตัด ใจเริ่มเต้นตุ้มๆต่อมๆ เพราะในชีวิตไม่เคยขึ้นเขียงผ่าตัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไส้ต่งไส้ติ่งไม่เคยแตก นางพยาบาลใช้ผ้าคลุมหน้าเราให้โผล่ออกมาเฉพาะจมูก ทำความสะอาดรูจมูกครั้งสุดท้ายและฉีดยาชาประมาณ 3-4 เข็ม จำได้ว่าไม่เจ็บเลย มือเบามากอ่ะ ไม่รู้ใครฉีด
อาจารย์ใช้มีดกรีดเปิดแผล ใช้เครื่องมือขูดๆ เสียงดังกึกๆๆครึกๆๆ (เหมือนเราใช้สิ่วเซาะหินปูนอ่อนๆดังอย่างนั้นเลย) เซาะๆเลาะๆให้เป็นโพรง รู้สึกเสียวๆยังไงพิกล เพราะได้ยินและได้รู้สึกทุกวินาที ของการเซาะโพรง หลังจากได้โพรงแล้วอาจารย์เอาซิลิโคนยัดเข้าไป เหล่านางพยาบาลมารุมช่วยกันดู

อาจารย์หมอ :  เบี้ยวป่ะ
เหล่านางพยาบาลเซ็งแซ่ : ไม่เบี้ยวค่ะๆอาจารย์

รวมทั้งหมดสิบตาที่ช่วยกันเล็งองศาของจมูกเรา มั่นใจเต็มร้อยว่าไม่เบี้ยวไม่เอียงชัวร์

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:02
หลังจากนั้นอาจารย์ก็เย็บแผล รวมเวลาไม่เกินสามสิบนาที เราลุกขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปรับยาแก้อักเสบ ยาลดบวม ค่าเสียหาย 6000 บาทถ้วน ไม่ขาดไม่เกิน 3000 บาทเข้ามูลนิธิเด็กปากแห่วงเพดานโหว่ อีก 3000 เป็นค่าผ่าของอาจารย์หมอ อาจารย์นัดมาตรวจแผลซ้ำอีกเดือนนึง แล้วบอกว่าไหมละลายมันจะหลุดหายไปเองนะ

เราโหนรถเมล์ 124 จากศิริราชกลับศาลายา โคตรอึดเลยฉ้านนนน ไม่มีอาการวิงเวียน ไม่มึน ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่เป็นไรเลย คนเหล็กก็คนเหล็กเหอะ อาย
กลับมาก็นอนเอาน้ำแข็งประคบ รุ่งเช้าก็ไปเรียนต่อเลย จำได้ว่าหน้าบวมนิดเดียวและเปลี่ยนเป็นช้ำเขียวๆเหลือง อาทิตย์เดียว ก็ได้สวยสมใจ สาวกสาวศัลยกรรม ไม่ได้ประคบอุ่นด้วยแหล่ะตัว ไม่ได้ระวังเรื่องอาหารการกิน ของแสลงไม่มีในสารบบ เพียงแต่อย่ากินของหมักดองเพราะไม่สะอาด ห้ามจกปลาร้าอะไรงี้ก็พอจะเข้าใจได้ ไข่เหรอ? กินทุกวันเลยเพราะชอบกินไข่พะโล้ ได้ยินคนนู้นคนนี้บอกว่ามันแสลงนะไข่ จะทำให้แผลเป็นนูน ว่างั้น แต่เรื่องอย่างนี้ ร่างกายของคนเราไม่เหมือนกันค่ะ บางคนต่อให้กินไข่เป็นแผงคีลอยก็ไม่เกิด บางคนไม่แตะไข่เลยก็ยังเป็น อุปมาอุปมัยเหมือนบางคนแพ้ยาบางคนไม่แพ้ บางคนแพ้ถั่วบางคนไม่เป็น อันนี้เราต้องรู้ตัวเองว่าตัวของเรา ร่างกายของเราเป็นอย่างไร อย่าได้เอาร่างสังขารของเราไปทียบกับของคนอื่น เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ทุกฉอต เพราะสมัยนู้นยังไม่มีไอโฟนเพื่อนยากนั่นเอง

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:03



โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:04

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:07
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จนลืมไปแล้วว่าดั้งโด่งๆของเรานี่มันของแปลกปลอมเน้อ ไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้ระมัดระวัง ยังคงกระโดดโลดเต้น และบีบสิวอย่างเมามัน ทั้งรีดทั้งเค้นสิวหัวดำออกจากจมูกเช่นเคย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ที่น้องซีลี่ อยู่กับเรามาก็สิบกว่าปี ย่างเข้าปีนี้ 2013 สังเกตุเห็นว่าน้องซิลี่เริ่มเอียง เอียงลงทางด้านซ้ายของจมูก คือสันตรง แต่ปลายโค้งซ้าย ตรงปลายจมูกจะเห็นเป็นวงสีขาวๆเหมือนอาการหนังบางลงกลัวน้องซิลี่จะกระทุ้งทะลุออกมา ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่อักเสบ ไม่บวมแดง ไม่มีอาการอะไรเลยนะคะ เราขอผลโหวตจากเพื่อนหลายๆคนพากันแห่แหนมาดูน้องซีลี่ตามคำร้องขอของเรา ทุกคนลงความเห็นว่าเอาออกดีกว่า อย่าคอยจนมันอักเสบและทะลุ จะรักษายากมาก ต้องปะ ปลูกเนื้อกันเลย และจมูกจะเป็นรอยบุ๋ม ยุบลงไป จะน่าเกลียดมาก อ่านรีวิวคนอื่นที่เจออาการแบบนี้ ขนลุกเลย เห็นภาพด้วยแหล่ะ ขอขอบคุณที่มารีวิวให้ดูขอให้ได้บุญเยอะๆเลยนะตัวเอง และขอให้หายไวๆด้วยกลับมาสวยเหมือนเดิม

สรุปว่า หลังจากสังเกตเห็นว่าน้องซีลี่เริ่มกระทุ้ง นอยด์ได้แค่เดือนเดียว เรารีบหาข้อมูลแล้วลางานและนัดหมอเลยแหล่ะค่ะ

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:07
ใครที่เริ่มมีอาการคล้ายๆแบบนี้ กรุณาอย่าคอยให้มันอักเสบและทะลุนะคะ แล้วค่อยไปรักษา ถ้าเห็นปลายใสๆมองเห็นน้องซีลี่ชัดเจน เป็นวงขาวๆ ให้รีบไปเอาออกเลยนะ อย่าเสียดายเงิน อย่าเสียดายจมูกโด่ง เดี๋ยวเรื่องใหญ่รักษายากแล้วจะหมดสวยเอาน๊า แล้วจะหาว่าไม่บอก

นี่เลยรูป เอาไปดู วิเคราะห์กันเลยค่ะว่ามันเป็นอย่างที่เราคิดหรือว่าเราจิตตกไปเอง

เอาไปดูเลยทุกมุม

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:08

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:10
เครียด มว๊ากถึงมากที่สุด  ส่องกระจกมันทั้งวัน search หาข้อมูลต่างๆ ได้ความว่า ถ้าเราทำมานานแล้ว ร่างกายสร้างพังผืด (หรือผังผืดก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าเราเรียกมันว่า พังผืดละกันนะ) มารัดหุ้มซิลิโคนทำให้มันเอียง แล้วแต่บางคนนะคะ บางคนเสริมมายี่สิบปีไม่มีปัญหาอะไร ก็อย่างที่บอกแล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละคนค่ะ และระยะเวลาขที่เราได้เสริมก็นานมากแล้ว เราเริ่มแก่หนังก็บางลง และซิลิโคนเมื่อสิบปีที่แล้วก็เป็นซิลิโคนแบบแข็ง คงไม่ได้มีหลายเกรดเหมือนปัจจุบันนี้ ยังโชคดีอยู่บ้างที่ไม่ได้เสริมสูง ฝืนเนื้อจนเกินไป เราเอาแบบธรรมชาติที่สุด ตัดสินใจถูกอีกแล้ว เป็นครั้งที่สอง คิคิคิ

ปกติซิลิโคนจะอยู่ในร่างกายของคนเราได้ตลอดไปจนเราตาย ถ้าเราไม่มีอาการแพ้และน้องซิลิี่ไม่อักเสบและใกล้จะทะลุนะคะ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนค่ะ นอกจากเสียว่าบางคนอยากเปลี่ยนรูปทรงอยากได้ทรงเหมือนดาราคนโปรดอะไรงี้ก็ต้องไปเปลี่ยน บางคนไม่พอใจก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ตามความฮิต ตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไปใจก็เปลี่ยนแปลง ตามความพอใจและเงินในกระเป๋าก็เอาเลยค่ะถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อน ก็ลุยโลด

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:11
ด้วยความที่เราเป็นคนทำอะไรเร็วตัดสินใจรวดเร็ว ก็เริ่มเก็บข้อมูล อ่านมันทุกเว็ปไซต์ ข้อดีข้อเสีย การแก้ไข ทั้งถอดออกแบบไม่เสริม ถอดแบบเสริม และ เติมปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู ซึ่งในกรณีหลังนี้ก็จะเป็นเคสของเราเลย เพราะปลายเริ่มบางถ้าถอดออกแล้วไม่เสริมเรากลัวว่าจมูกจะยุบและเตี้ยลงกว่าเดิม เพราะเสริมมานาน ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อจมูกไม่มากก็น้อย และน้องซิลี่น่าจะกดทับกระดูกทำให้กร่อนลงไปบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสูงที่เราทำด้วย ถ้าทำสูงมากฝืนเนื้อหนังมากก็ทำให้กดทับมากเป็นต้น อันนี้ไม่มีกฏตายตัวนะคะ ว่าถ้าถอดออกแล้วไม่เสริมต่อจมูกจะยุบเตี้ยลงมากกว่าเดิม ขึ้นอยู่กับหลายเหตุปัจจัย เคสใครก็เคสมัน

เราเริ่มหาข้อมูลของการถอดของเก่าออกและเสริมต่อด้วยซิลิโคนเกรดนิ่มและรองปลายจมูกที่บางๆ ด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหู ก็น่าสนใจดี อ่านรีวิวของเพื่อนคนอื่นๆ อยากไปแก้กับคลีนิกดังต่างๆแต่คิวยาวมากเป็นปีๆเลย เราไม่มีเวลาคอยมากขนาดนั้น เห็นมีการซื้อขายคิวกันด้วย ราคาแพงมาก 4000-10000 บาท โอ้โห พัฒนามาขนาดถึงขั้นขายคิวของหมอมือทองทั้งหลายด้วยแหล่ะ อะเมซิ่งไทยแลนด์

ในที่สุดเราก็ตัดสินใจขอลาหยุดแบบไม่รับเงินเดือน 2 สัปดาห์ ซื้อตั๋วเครื่องบิน (เราอยู่ที่เจนีวา) โทรนัดคิวหมอที่ รพ. ยันฮี ได้คิว เวลา 11 โมงเช้าของวันที่ 8 กย. 2013 เรื่องหมอนี่เราก็อ่านข้อมูลของหมอแต่ละคนมาเยอะเหมือนกัน บางคนผ่าจมูกอย่างเดียว สามพันกว่าเคส!!!!! พระเจ้า และสุดท้ายก็โทรจองโรงแรมที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 95/2 เห็นบอกว่าใกล้ รพ.แค่ 400 เมตรเอง ทุกอย่างพร้อม คนพร้อมก็ออกเดินทางผจญภัยได้

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:12
8/9/13
บินกลับวันที่ 7 กย. 2013 ไปถึงสุวรรณภูมิวันอาทิตย์ที่ 8 กย.เรียกแท๊กซี่ให้มาส่งที่โรงแรม นอนพักแป๊บนึง อาบน้ำ สระผม และเดินออกไปปากซอยเห็นป้าย รพ.อยู่ลิบๆ ขี้เกียจเดินอ่ะค่ะ อากาศร้อนอบอ้าว ฟ้าอึมครึม ไม่มีแดด เลยเดินข้ามสะพานลอยแล้วเรียกแท๊กซี่ไปส่งที แท๊กซี่ไปถึง รพ. มิเตอร์ยังไม่ขึ้นสักบาทเลย คงที่ ที่ 35 บาท เราสงสารเลยให้ไป ร้อยนึง(นี่คือนิสัยที่ไม่ดีของเรา ขี้สงสารคนอื่นแต่ตัวเองก็ยังลำบากอยู่เหมือนเดิม) ไปถึง รพ.ราวๆ 11.15 เดินไปหาคุณจิ๋วที่เคาท์เตอร์ชั้น 1 ที่เคยโทรคุยกัน ทำบัตรใหม่เพราะประวัติเก่าที่เคยรักษาโดนลบไปหมด แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 4 ติดต่อ ว่ามาทำอะไร วัดความดัน ซักประวัติ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง แพ้ยาอะไร สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าหรือเปล่า อะไรประมาณนั้น แล้วก็นั่งคอย

มีคนมาเยอะมาก ทำจมูกเยอะแยะ มีทุกเพศทุกวัย ตัดแต่งถุงใต้ตาและกรีดตาสองชั้น ใครเดินผ่านเป็นต้องมองหมดทุกคน บางคนทำมาสวยบางคนก็ไม่สวย เพราะทำโด่งเกินไม่รับกับหน้า เราว่าทำแบบธรรมชาตืไม่ฝืนเนื้อมากจะสวย แลดูไม่แข็งกระด้าง และปลอดภัยในระยะยาวที่สุด เรานั่งคอยจนเคลิ้มเกือบจะหลับ กว่าหมอจะเรียกเข้าไปคุยก็คอยจนเบื่ออยู่เกือบชั่วโมงครึ่ง แล้วจะนัดทำไม 11 โมง

เดินเข้าไปคุยกับคุณหมอ ชื่อ กิตติชัย ก็ร่ายให้หมอฟังว่าเราไปทำเมื่อไหร่ กับใคร ที่ไหน คุณหมอก็บอกว่า ศ.นพ.สมศักดิ์ เป็นอาจารย์ของหมอเอง  

เราถามคุณหมอ : ถ้าถอดออกแล้วไม่เสริมต่อจมูกจะยุบและเป็นรอบบุ๋มหรือเปล่าคะ?

เราเอารูปที่มีคนมารีวิวไว้ให้ดู

เรา : เนี่ย บุ๋มอย่างนี้อ่ะค่ะ ของหนูจะเป็นเป่าคะ?
คุณหมอ : บอกไม่รับประกันนะ

(มารู้ทีหลังคือถ้าปล่อยให้อักเสบแล้วถอดออกจะบุ๋ม ถ้าเอาออกเฉยๆ ยังไม่อักเสบ ไม่บุ๋มค่ะ แต่จะกลับคืนสู่สภาพเดิมไหม ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่างๆของสภาพจมูกก่อนเสริม และหลังเสริมว่าหมอได้ทำอะไรไปบ้าง เช่นตะไบกระดูก ตัดนู่นเติมนี่ ไม่ได้ยัดซิลิโคนอย่างเดียว)

เรา : หนูกลัวหน้าช้ำเยอะ หนูมีเวลาสองสัปดาห์เอง หมอทำเบาๆนะคะ
หมอ : ไม่อยากทำแรงหรอกมันขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อและผังผืดของคนไข้แต่ละคน เนี่ย วันที่สามแต่งหน้าได้เลยนะไม่มีปัญหาหรอก

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:13
แล้วเราก็บอกว่าเรากินวิตามินเสริม คือ วิตามินรวม วิตามินอี โอเมก้า3 และ สังกะสี แต่หยุดได้สิบวันแล้ว และบอกว่าเหมือนจะแพ้ยาแก้อักเสบตัวนึง เอารูปให้ดูฉลาก บอกว่าปวดท้องมากกินแล้ว หมอบอกไม่แพ้หรอก เพราะถ้าแพ้คือจะมีผื่นแดง หน้าบวม นี่แค่ปวดท้อง อาจเป็นเพราะกินก่อนอาหาร กัดกระเพาะเลยปวด

แล้วคุณหมอเอาซิลิโคนสองชนิดมาให้ดู มีแบบนิ่มพิเศษและนิ่มปานกลาง สนนราคา 20000 บาท คือแก้ไข หมายความว่าถอดของเก่าออกออกแล้วใส่น้องซีลี่นิ่มๆตัวนี้ และ ตัดกระดูกอ่อนหลังใบหูมาเสริมปลายเพราะบางมาก เพื่อป้องกันปัญหาน้องซีลี่ทะลุในอนาคต ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็อีก 8500 รวมค่าบริการของโรงพยาบาล 100 และค่าบริการทางการแพทย์ อีก 20 บาท 28620 บาทถ้วน

***งงกับค่าบริการทางการแพทย์และค่าบริการของโรงพยาบาลที่ทุกคนต้องจ่ายอีก 120 บาท เอาไปทำอะไร วันนึงๆ มีคนไข้มารักษา คิดง่ายๆน้อยๆ  500 คนก็พอ 500คนx120บาท=60000 บาท
60000บาทx31วัน=1860000 บาทต่อเดือน 22ล้านกว่าบาทต่อปี!!!!
เอาไปทำอะไรเงินตั้งเยอะแยะ***

เรา : หมอคิดว่าใช้ซิลิโคนตัวไหนดีคะ
หมอ : ถ้าคนไข้ไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายหมอแนะนำให้ใช้ตัวนิ่มพิเศษ
เรา : หนูไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ
เรา : เรื่องตัดกระดูกอ่อนมารองปลาย ทำมานานแล้วเหรอคะ?
หมอ : บอกสิบปีแล้ว (ลากเสียงยาววววว)  แต่ที่บ้านเราเริ่มมาฮิตๆกันก็ ห้าปีได้แล้วนะ
เรา : ถ้าตัดมารองปลายก็เหมือนปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ ถ้าเลือดไม่มาเลี้ยงมันก็จะตายแล้วมันจะเน่าเป่าคะ? มันจะไปไหน?
หมอ :ร่างกายเราจะกำจัดออกไปเอง
เราก็กลัวหูแหว่ง หมอบอกตัดออกมานิดเดียว
หมอ : อธิบายว่า ต้องทำการถอดน้องซีลี่เก่าออกก่อนแล้วเอาของใหม่ใส่เข้าไปแล้วถึงจะมาตัดหู (หมายความว่าตัดกระดูกอ่อนหลังใบหู) ว่าจะต้องใช้เท่า
ไหร่ เอามานิดเดียว หูไม่แหว่ง ใส่ตุ้มหู เกล้าผมได้เหมือนเดิม หมอยืนยัน ถ้าได้หยดน้ำก็ได้นะ ถ้าไม่ได้ก็แล้วไป หมอจะทำแบบธรรมชาติที่สุด แบบนี้ หมอชี้ตรงรูปนางแบบเกลาหลีแผ่นนึงที่วางอยู่บนโต๊ะขนาด A4 สงสัยมีไว้อวดคนไข้ ว่าจมูกของเจ้าจะเป็นเยี่ยงนี้หรือถ้า ไม่ใช่ก็คงใกล้เคียง

หมอ : ผ่าเป่า ทำเลยไหม
เรา : ทำค่ะๆ
เหมือนหมอรีบๆยังไงชอบกล แล้วก็ถ่ายรูป หน้าตรงและด้านข้างทั้งสองข้าง รวมเวลาทั้งหมดที่คุยกับหมอ 5-7 นาที ไวมะ?

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:14
ออกไปจ่ายตังค์ จ่ายบัตรเครดิต (บัตรทำที่สวิส) รูดไม่ผ่านไม่รู้ทำไม เลยต้องพาบัตรไปกดตังค์ มาจ่าย ตู้กดธนาคารกรุงศรี ใกล้ห้องน้ำ ดันพังเลยต้องลงไปกดชั้น1 เอาของไปฝากที่ห้องฝากของ เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานว่ามีอะไรมั่ง
กลับนั่งคอยหน้าห้องผ่า นางพยาบาลบอกว่า ได้คิวผ่าคนที่แปด ไปกินข้าวก่อนก็ได้นะตอนนี้เพิ่งบ่ายโมงกว่าๆเอง ให้กลับมาอีกที่บ่ายสามโมงก็ได้
ได้เลย ย้อนกลับไปเอาของคืนเพราะไม่มีตังค์ติดตัวสักกะบาท แล้วเดินลงไปที่ห้องอาหารของ รพ. โทรบอกให้แม่มาหา นั่งกินข้าวมันไก่คอยแม่ แต่กินได้ไม่เยอะเพราะไม่หิวและเปลี่ยนเวลาด้วย เลยนั่งแกร่วดื่มน้ำเปล่าและกินซุป ง่วงมากอยากนอน

แม่มาถึง รพ.บ่ายสองกว่า นั่งเล่นกันที่ห้องอาหาร พอเกือบจะบ่ายสามโมงก็เดินขึ้นไปชั้น 4 หน้าห้องผ่าตัด มีคนนั่งหลับนอนหลับคอยเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งคนไข้ที่คอยผ่า ทั้งบรรดาเพื่อนฝูงและญาติคนไข้ ยั้วเยี้ย

และก็มีเจ้าหน้าที่เข็นคนไข้ที่ได้รับการผ่าออกมาเป็นระยะๆ เรื่อยๆ บางคนก็มีแผ่นพลาสเตอร์แปะตรงจมูก บางคนแปะตรงให้ตา และบางคนแปะทั้งสองที่....

ในที่สุดจากที่นั่งเม้าท์มอยคอยกับแม่ตั้งแต่บ่ายสามโมง นางพยาบาลมาเรียกเราเข้าไปในห้องผ่าเกือบหกโมง สวมชุดสีเขียวของ รพ.ทับชุดของเรา สวมรองเท้าแตะสีน้ำเงินเข้ม และสวมหมวกสีเขียว เดินไปล้างหน้า มีผ้าขนหนูผืนเล็กๆให้ซับหน้า แล้วนั่งคอยต่อไป ข้างนอกฝนตกหนักมาก ได้ยินนางพยาบาลบ่นว่าจะกลับบ้านยังไงหว่า เซ็ง

อากาศหนาวเพราะเปิดเครื่องปรับอากาศแรงเกินไป เรานั่งสั่น แหง็กๆ หน้าแห้ง ปากแห้ง มือตีนเย็นเฉียบ เราถามนางพยาบาลว่า หนูคิวสุดท้ายเหรอคะ นางบอก ยังเหลืออีกคนที่โหล่

สักครึ่ง ชม. นางพยาบาลมาเรียกเข้าห้องผ่าตัด เป็นช่องเล็กๆ เรียงเป็นตับ เป็นสิบๆช่องเลย มีเตียง และโคมไฟอันเล็กๆ และอุปกรณ์ผ่าตัด และมีเครื่องดูดเสมหะเครื่องเดียวแขวนอยู่ตรงผนัง เราเริ่มกลัว ลังเลนิดๆ เพราะสภาพห้องผ่าตัดไม่เหมือนกับที่ศิริราชที่เราเคยผ่าครั้งแรกเลย มีนางพยาบาลมามัดผมยังชมอยู่ว่าผมเราสวย เรียกอีกคนมาดู ถามเราว่า ยืดผมมาเหรอ เราตอบเปล่าเพิ่งสระมาแล้วออกมาเลย ไม่ได้ไดร์ ไม่ได้เป่า ไม่ชอบมันร้อนหัว สระเองแห้งเอง แต่เราโชคดีที่ผมเราสวยมาก (ไม่ได้ชมตัวเองนะ จริงๆ ไม่ได้หลอก) แล้วก็มัดมือเราติดเตียง เอาเครื่องวัดชีพจรมาหนีบตรงนิ้วชี้ข้างซ้าย เอาผ้ามาคลุมหน้า โผล่แต่จมูกออกมา และทำความสะอาดรูจมูกอีกครั้ง แล้วบอกว่าจะฉีดยานอนหลับนะ อ้าวฉีดด้วยเหรอ ไม่รู้นี่ เขาบอกว่าเพราะฉีดยาชามันเจ็บแลยฉีดยานอนหลับก่อน มีงี้ด้วย แค่ฉีดยาชามันเจ็บตรงไหน และก็อย่างที่บอกอีกหน บางคนเจ็บบางคนไม่เจ็บเราไม่สามารถที่จะเอาความรู้สึกของเราเป็นตัวตั้งเพื่อนจะวัดความรู้สึกของคนอื่น มันไม่ถูก

นอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นขึ้นมา หน้าชาไปแล้ว นอนคอยตั้งนานกว่าหมอจะมาผ่า หมอขูด หมอเจาะ หมอเซาะ เลาะแรงมาก จนหน้าหันไปหันมา เรารู้สึกได้ว่าแรงจริงๆ คุณหมอขา กรุณาเบาๆได้ไหมคะ เสียงโหยหวนของเราก้องอยู่ในใจ

ได้ยินเสียงตัด ดัง กรึบ กรึบ กรึบ  คิดในใจช้ำแน่ตรู ช้ำแน่งานนี้ ได้ยินหมอกับนางพยาบาลคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ได้ยินแว่วๆว่า อืมมม อาจารย์หมอทำไว้ดีมากเลย
เราก็ถามว่าถ้ามีเลือดลงคอทำไง นางพยาบาลบอกกลืนลงไปเลยห้ามคายเพราะน้ำลายจะเข้าแผลทำให้ติดเชื้อนะ กลืนก็กลืน

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:15
เราไม่รู้ว่าผ่าไปได้นานเท่าไหร่ แต่ตอนท้ายๆเริ่มเจ็บ ก็เลยบอกหมอว่าเจ็บนิดๆแล้วเด้อ หมอบอกไม่เป็นไรมันจะตึงๆนิดนึง มันไม่ตึงแต่มันเจ็บอ่ะดิ

นางพยาบาล : ฉีดเลยไหมคะ หมอ
หมอ : เดี๋ยวๆๆ

แล้วหมอเลยเพิ่มยาชาให้(ไม่รู้ว่าหมอหรือนางพยาบาลฉีดเพราะมองไม่เห็น) ทีนี้มันก็ไหลลงคอเราจำต้องกลืนลงไปเนื่องด้วยคำขู่ข้างต้น มันขมเฝื่อนๆ

แล้วหมอก็จับหน้าเราหันเอียงซ้ายเพื่อตัดหูข้างขวา ได้ยินเสียงชัดเลย กรึ๊บๆ กรึ๊บๆ แคว่ก แคว่ก เหมือนเราตัดหูหมูที่มันมีกระดูกอ่อนนั่นน่ะ ลองไปตัดกันดูเด้อ จะได้เข้าใจความรู้สึก
เย็บแผลที่หู เย็บแผลที่จมูก ได้ยินแว่วๆหมอคุยกับนางพยาบาลนัดให้มาอีกเดือนนึงข้างหน้า เราบอกจะกลับสวิสวันที่ 20 ค่ะ หมอเลยบอกงั้นนัดพฤหัสที่ 19 กย.แทนละกัน (แปลกทำไมจะนัดวันศุกร์ที่20 เป็นวันหยุดของหมอนี่หว่า หรือว่าลืม)

เสร็จแล้วโดนเข็นออกไปนอนพักที่ห้องพักฟื้น เอาแผ่น cool pack มาโปะหน้า เราก็นอนไป สักพักก็มีนางพยาบาลเอาโทรศัพท์มาให้คุยจากห้องยาถามเรื่องแพ้ยาแก้อักเสบ แล้วก็มีนางพยาบาลเดินเอายามาให้พร้อมคำอธิบายอย่างไว รัวมาเป็นชุด กำลังเบลอจำอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะคุณขา เจ็บหัว เจ็บหู เจ็บจมูก เจ็บไปหมด (แทนที่จะอธิบายก่อนทำ ตอนที่นั่งรอในห้องผ่าเพราะนั่งรอตั้งนานอ่านหนังสือจนเซ็ง)พอเราพร้อมที่จะกลับ เขาก็เรียกญาติคนไข้เข้ามารับและ มีเจ้าหน้าที่มาเข็นไปซื้อน้ำเกลือและไอ้ cool pack 2 อันเอาไว้แปะสลับกัน เสียเงินอีกประมาณ 300 บาท ที่ห้องจ่ายยา  นั่งแท็กซี่กลับ รร. ด้วยความมึน คลื่นไส้ รู้สึกแย่มาก ดีนะที่แม่มาด้วยเนี่ย

ถึง รร.รีบกลับขึ้นห้อง ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันก่อน แล้วก็นั่งเอนและเริ่มโปะผ้าเย็น แบบนี้เลย (ถ้ามีหมอนล็อกคอได้ก็ซื้อมาเลยนะคะ ได้ใช้แน่ๆ เวลาเผลอหลับจะได้ไม่เอียงหน้า เอียงคองอไหล่ เดี๋ยวจมูกเบี้ยวไม่รู้ด้วยเด้อ

เราอาเจียนหลายรอบ ขนาดกินแค่ข้าวต้มเปล่าๆ อาเจียน เวียนหัว เพราะฤทธิ์ยาชาที่ฉีดเพิ่มแล้วเรากลืนลงท้องไปแน่ๆเลย แม่ต้องช่วยลูบหลังทรมานฝุดๆ!!

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:21

ประคบเจลเย็น cool pack

ขอแนะนำว่าอย่าโปะแบบนี้ (เพราะจากที่กลับไปหาหมอแล้วโดนดุว่าโปะแบบนี้ทำให้เลือดคั่ง จริงเป่า? ) เราคิดว่างั้นเราน่าจะพลาดมาแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นซ้ำรอย

ให้ไปซื้อน้ำแข็งมาทุบๆให้เละๆแล้วใส่ถุงพลาสติกเล็กๆ เอาขนาดพอดีจมูกก็พอ ห่อผ้าขนหนูอีกชั้นวางบนจมูกเลยค่ะ เพราะตอนนี้จมูกชาถ้าวางแผ่น cool pack แบบนี้เราไม่รู้สึกหรอกค่ะว่ามันโดนจมูกเราหรือเปล่า กดหนักๆก็กลัวช้ำเข้าไปกันใหญ่ เผลอๆหมูกเบี้ยวอีกต่างหาก

เตรียมทุกอย่าง
ไว้ก่อนผ่าตัดก็ยิ่งดีค่ะ ซื้อน้ำแข็งทุบใส่ช่องฟรีซไว้เลย พวกสมุนไพรใบบัวบกอัดเม็ดแก้ช้ำใน, โจ๊กคัพ ก็ซื้อเตรียมไว้เลยนะคะ เวลาหน้าบวมเดินออกไปซื้อไม่ได้ อายชาวบ้านเขา

วางถุงน้ำแข็งบนจมูกไปเลยสิบนาที พัก สามสิบนาที  ระวังผิวหนังไหม้ความเย็นเด้อ ทำไปเรื่อยๆ ใช้ ไอโฟนให้เป็นประโยชน์ตั้งเวลานับถอยหลังไว้เลยค่ะวางสิบพักสามสิบนาที
48 ชม.แรกนี้สำคัญมากให้โปะเย็นอย่างเดียวเลย  เลือดจะได้หยุดไหล จะบวมมากเลือดคั่งมากก็ตอนนี้แหล่ะค่ะ ตอนโปะเย็นนี่แหล่ะค่ะ เอาให้อยู่นะ

เราพลาดเพราะประคบเย็นไม่ดีพอสมควร และร่างกายอ่อนเพลียไม่ได้พักผ่อน เปลี่ยนเวลากินเปลี่ยนเวลานอน และหมอมือหนัก ทำแรงด้วย มันเกี่ยวข้องกันไปหมด ผลที่ได้เลยออกมาเป็นแบบนี้




โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:23

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:25

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:26



โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:28


พยายามยิ้มให้กำลังใจตัวเอง  ไปงั้นแหล่ะ
โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:30

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:31


แต่ละวันผ่านไปเราหัวเราะกับแม่สองคน เพราะเห็นหน้าตัวเองแล้วก็แอบขำ นั่งๆนอนๆ ไม่ทำอะไร แปลงร่างเป็นนกหงษ์หยกส่องกระจกทุกวินาที หนังสือก็อ่านไม่ได้ เพราะก้มหน้าไม่ได้กลัวเลือดคั่ง ยกหนังสือมาอ่านก็ปวดแขน ได้แต่จิ้มๆรูดๆ ไอโฟนอ่านอะไรเล็กๆน้อยๆ แชทกับเพื่อนๆบางคน
ลุกเดินบ้างเล็กน้อย และประคบเย็นอย่างเดียวเลย นี่คือชีวิตของสามวันที่ได้ใช้ไป ไม่ปวดแผลแต่ดูเหมือนมีไข้รุมๆก็กินยาพาราที่หมอให้มา และทานยาตามเวลา พอเข้าวันที่ 4  เริ่มขำไม่ออกอ่ะ กำลังใจหดหาย รู้สึกหดหู่ กลัวหน้าจะไม่กลับคืนสู่สภาพเดิม


ยังไม่ไหมดแค่นั้น ทั้งบวม อืด ช้ำเลือดช้ำหนอง ม่วง เขียว เหลือง สารพัดสีที่จะหามีได้  บอกแม่ๆเหมือนผีเลยเนาะ

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:32
จิตเริ่มตก วิตกกังวล ถ้าหน้าไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมจะยะจะได้หนอ เครียด นอนไม่หลับ มีอยู่คืนนึงเข้าวันที่ 4 ปวดแผลมาก มันเต้นตุบๆๆๆ อยู่ตรงหน้าผาก นูนๆออกมา ตุ่ยๆ ต้องกินยาแก้ปวด รุ่งเช้าโทรถามนางพยาบาล นางบอกว่าปรกติค่ะ ให้กลับมาหาหมอตามนัดละกัน อ่ะ เราก็เชื่อ รุ่งขึ้นก็ยังบวม ตุ่ยมากกว่าเดิม เหมือนเลือดคั่งอ่ะ แม่ไล่ให้ไปหาหมอ เลยโผล่หน้าเน่าๆไปโรงพยาบาลเลย ไม่ทงไม่โทรแล้ว ขืนโทรไปก็บอกเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ ทุกคนเห็นหน้าเราสะกิดๆกันดู อายไหม? อารมณ์นั้นไม่อายค่ะ อยากหายมากกว่า ไปไหนใครๆก็มอง ไม่ใช้ผ้าปิดจมูกด้วยแหล่ะ มั่นมาก อาจจะเป็นเพราะเกี่ยวหูไม่ได้ด้วยแหล่ะ เจ็บ
โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:34


เดินไปที่เคาท์เตอร์ติดต่อ แจ้งความประสงค์ ว่าอยากพบหมอกิตติชัย นางพยาบาลถามนัดไหมไหมคะ? นัดไว้วันไหน
เราบอกไม่ได้นัดค่ะวันนี้หมอนัดอีกที 19 นู่น
ดูสภาพหน้าแล้วคงไม่บอกให้เรากลับบ้านกระมัง
นั่งคอยนานมากกกกกกกก จนนางพยาบาลมาเรียกเข้าไปในห้องตรวจ

หนาว เย็นยะเยียบ อีกตามเคย ไม่รู้จะเร่งแอร์ไปถึงไหนให้เปลืองไฟ นั่งตัวสั่นงันงกเหมือนลูกนกตกน้ำ ทนไม่ไหวกลัวเป็นไข้ตายซะก่อนเลยเดินไปปิดแอร์เองซะเลย นี่แนะ นั่งๆนอนๆคอยหมอมาตรวจครึ่ง ชม.ผ่านไป

เราเดินไปบอกนางพยาบาล :  พี่ๆ ลืมหนูเป่าคะ
นางบอก : จะไปตามหมอให้นะ
เราหันหลังกลับเข้าห้องตรวจต่อ มีคนเดินผ่านไปมาหน้าห้องแต่ไม่มีใครสนใจเรา
นอนเล่นแชทกับเพื่อนต่อไป 1 ชม.ผ่านไปไม่ไวเลย

เราโผล่หน้าออกไปถามอีกหน  : พี่ๆหมอลืมหนูใช่ไหม ?
นางพยาบาล : หมอผ่าอยู่เดี๋ยวมาตรวจนะคะ รอแป๊บนึงนะ
เรา : ค่ะ.....มีทางเลือกอื่นอีกเหรอ

หนึ่งชม.ครึ่ง หมอเดินมาพอดี ไม่เห็นนุ่งชุดผ่าตัดเลยนี่นา  พอหมอเห็นหน้าเท่านั้น

หมอ : โห... เนี่ยเลือดคั่ง ประคบเย็นไม่ดีล่ะสิ บอกแล้วให้ประคบดีๆ

นั่นแน่ โดนเข้าแล้วดอกนึง

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:36
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 14:56

หมอใส่ถุงมือแล้วไปหยิบเอาแฟ้มประวัติเราไปเปิด พลิกๆดู (ทำไมไม่เปิดแฟ้มดูก่อนแล้วมาใส่ถุงมือทีหลัง?)

หมอ : ต้องดูดเลือดออกนะ ทำไมไม่ประคบเย็นดีๆ

เรา : หนูก็โปะไปแล้วอย่างที่หมอบอกแต่ไม่รู้มันโดนจมูกเป่า เพราะจมูกชาไม่รู้สึกอ่ะค่ะ

เราก็อธิบายให้ฟังว่า เนี่ยๆทำแบบนี้ หมอก็บ่นใหญ่เลย

หมอ : ไปประคบอะไรตรงหน้าผากตรงตา หมอไม่ได้ผ่าตรงนั้น เนี่ยปล่อยให้เลือดออกในโพรงจมูกมากเห็นมั๊ย เลือดคั่งเลย มานี่จะดูดออก

เราเห็นเข็มแล้วตกใจเพราะใหญ่มาก

เรารีบถาม : เจ็บเป่าหมอ

หมอ : จะดูดมั๊ยเลืิอดน่ะ
เรา : ดูดค่ะ

เรานอนลงบนเตียงที่มีรอยยับย่นอยู่แล้ว
หมอเอาเบตาดีนชุบปลายสำลีมาทาๆตรงจมูก

มือข้างขวาที่สวมถุงมือก็ถือเข็มฉีดยาจิ้มลงไป ตรงสันข้างๆจมูก ดูดๆ ส่วนมืออีกข้างก็รีดๆเลือดตรงหน้าผากลงมา
หมอ : เนี่ย เจ็บมั๊ยๆทำไมไม่ประคบเย็นดีๆ เลือดคั่งเลย

นาทีนั้นสังเวชตัวเองมาก ทำไมต้องซ้ำเติมกันด้วยอ่ะ พอเสร็จ
หมอ : นี่เห็นมั๊ยดั้งโผล่ล่ะ

เอากระจกมาให้ส่อง สภาพแบบนั้นไม่เห็นอะไรหรอกค่ะนอกจากหน้าอันบวมอืด ไม่เห็นสวยสักนิด คิดในใจ

หมอ : กลับไปให้ประคบอุ่นนะ รอยช้ำจะได้หายไวๆ หมอเดินออกจากห้องไป ยืนเขียนอะไรยุกยิกๆ

นางพยาบาลเดินเข้ามาบอกว่าให้ประคบเย็น เรางง เลยถามหมออีกที เพื่อความชัวร์

หมอ : ประคบอุ่นสิ เดี๋ยวก็หายช้ำ กลับบ้านไปประคบอุ่นเลยนะ

เรา :  อีกนานไม่คะกว่าจะหายเลือดคั่งและหายบวม

หมอ : บางคนก็มาดูดครั้งสองครั้งสามครั้งแล้วหาย บางคนมากกว่านั้นแล้ว
แต่ร่างกายของแต่ละคนหมอบอกไม่ได้ว่ากี่ครั้งถึงจะหาย เพราะมันเป็นเลือดคั่ง
บางคนมีเยอะบางคนมีน้อย มันเป็นเลือดเก่าออกตอนหลังผ่าตัด
เพราะตอนผ่าตัดไม่ออกเยอะขนาดนั้นหรอกเพราะหมอฉีดยาให้เลือดหยุดไหล
ตอนนี้เลือดเก่าก็ยังหนืดอยู่เดี๋ยวกระบวนการกำจัดของเสียของร่างกายก็จะดึงน้ำมาทำให้เลือดหายหนืดแล้วก็จะดูดได้ง่ายขึ้น

เรา : แล้วมันจะอักเสบไหมคะ

หมอ :ถ้าทิ้งให้เลือดคั่งไว้นานก็อาจจะอักเสบได้ ต้องมาเจาะดูดเลือดออกอีกนะถ้าบวมขึ้นมาอีก
เนี่ยเห็นไหมยุบแล้วคอยดูอีกสองวันถ้าบวมขึ้นมาอีก
ก็ให้กลับมาหาหมอนะ

เรา : แล้วจะทำยังไงให้หายไวๆคะ

หมอ : ทำอะไรไม่ได้หรอก พวกคนไข้ที่มาแก้ไขจมูกส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้ ก็ต้องแก้ไขรักษาไปตามอาการที่เกิดตามมา

(แล้วทำไมไม่บอกตูตั้งแต่แรก ก็บอกว่าสามวันแต่งหน้าได้เลย ผ่ามาตั้งสามพันเจ็ดเคสแล้ว น่าจะรู้จะเตือนเราก่อน ทั้งๆที่บอกแล้วว่ามีเวลาแค่สองอาทิตย์ ไม่งั้นเราจะไม่ทำ มาทำทีหลังก็ได้)


เรา : คิดในใจ ไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น




โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:37
เพราะไม่รู้ว่าจะต้องกลับมาดูดอีกกี่ครั้งขนาดหมอยังไม่รับประกันเลย
และรู้สึกผิดหวังนิดๆที่หมอไม่ได้เอาพลาสเตอร์แปะตรงรอยเข็มที่เจาะดูดเลือด กันฝุ่นหรือมือเราไม่สะอาดไปแตะตรงรูเปิดเล็กๆนั้นเลย ไม่ได้ตรวจดูแผลในจมูก และแผลหลังใบหูเลยค่ะ เศร้า ก็หนูอยากให้หมอตรวจดูสักนิดก็ได้นะ แต่ไม่ได้บอกเห็นหมอรีบๆ

เดินกลับ รร. แวะซื้อข้าวขาหมู ครุ่นคิดมาตลอดทางว่าจะเอายังไงดีหว่า ระหว่างที่จะรักษาไปตามอาการถ้าดูดเลือดออกครั้งนี้แล้วหาย ก็ได้จะจมูกสวย แล้วถ้าไม่หายต้องมาดูดเรื่อยๆ แถมเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบติดเชื้อขึ้นมาอีก จะทำยังไง ลางานได้แค่สองสัปดาห์ก็ต้องกลับ ไม่งั้นก็ต้องขอลางานต่อ เงินเดือนก็ไม่ได้ แล้วต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบิน เลื่อนเรียนด้วย สารพัดเรื่องจะต้องทำ

กลับถึงห้องแม่ถามเป็นไงมั่งก็อธิบายไปตามข้างบนนั้น แม่ก็บ่นทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ จะทำยังไงดี เราเลยขอเวลานั่งเคี้ยวข้าวขาหมูก่อน แล้วก็กระหน่ำ search หาข้อมูล
โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:38
แต่ละคนที่เคยไปทำแบบเดียวกับเราเกิดอะไรขึ้นบ้าง อัตราเสี่ยงที่จมูกจะติดเชื้อแล้วต้องโดนโละออกทั้งยวง แถมต้องกินและฉีดยาฆ่าเชื้ออีกก็เรื่องใหญ่พอสมควร อ่าน อ่าน และ อ่าน เจอข้อมูลเยอะมาก ทั้งรีวิวที่ทำกับหมอคนเดียวกันที่ทำให้เรา น้องคนนี้ต้องไปดูดเลือดออกตั้ง 5-6 ครั้ง ในที่สุดก็ติดเชื้อเป็นหนองต้องไปถอดออกกับคุณหมอ ศรัณย์ เราก็ตามไปดูเว็ปของหมอศรัณย์อีก เห็นน้องคนนี้บอกว่าใจดีมาก

และเจออีกรีวิวนึง ทำกับหมอกิตติชัย (อาจจะไม่ใช่คนเดียวกัน หรือคนเดียวกันก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ถ้าทำที่ยันฮีก็มีแค่คนเดียวค่ะ) ก็มีคนมารีวิวเหมือนกันว่าไปทำแล้วเป็นแบบเดียวกับเราเลย แล้วก็นัดไปเจาะดูดเลือดเรื่อยๆ จนท้อ ไม่รู้ป่านนี้น้องจะเป็นอย่างไร บ้าง และอีกคนก็เดี๋ยวบวมเดี๋ยวยุบทั้งๆที่เวลาก็ผ่านมา 4-5  เดือนแล้ว

บางคนก็ไปทำกับหมอกิตติชัยแล้วออกมาดูดีนะคะ สวยเลย และบอกว่าไม่บวมไม่ช้ำ สามวันหายเลย อาจจะเป็นเคสเสริมใหม่ ไม่ใช่เคสแก้ไขก็ได้นะคะ

โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน และหาข้อมูลอ่านเองนะคะ ไม่ได้มาดิสเครดิตคุณหมอว่าทำไม่ดี แต่เรื่องที่เกิดมันเป็นความจริง

เห็นมีน้องผู้ชายคนนึงมารีวิวบอกว่าในที่สุดต้องถอดออกทั้งยวงไม่รู้ไปทำที่ไหนมา

ยิ่งอ่านยิ่งเจอข้อมูลเยอะแยะ เครียด คิดมาก หัวหมุนติ้วๆๆ กลัวจะหายไม่ทัน คืนนั้นไม่ได้นอนเลยค่ะ เครียดมาก ร้องไห้ก็กลัวน้ำมูกไหลเดี๋ยวแผลติดเชื้ออีก อะไรกันนักกันหนาเนี่ย ไม่น่าไปทำเลยตั้งแต่ทีแรกแล้ว อยากจะดึงหูตัวเองนักแต่ก็กลัวเจ็บ เพราะหูก็ไม่รอดโดนเลาะเอากระดูกไปเหมือนกัน....เลยเปลี่ยนใจไม่ดึง

นอนอ่านๆๆจนถึงตีสอง ไม่ไหวแล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง เลยลองเสี่ยงดวงส่ง email พร้อมแนบรูปไปหาคุณหมอศรัณย์  (เวลาที่เห็นใน emai ของเราตอนที่ส่งหาคุณหมอศรัณย์ เป็นเวลาที่สวิสเกือบจะสามทุ่มที่เมืองไทยก็ราวๆตีสอง)

ตามรูปข้างล่างเลยค่ะ อ่านเอาเองเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องอธิบาย



โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:44

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:44

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:47
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:01

ส่งไปทั้งเมล์ของคุณหมอเองและเมล์ของคลีนิก ไม่ได้หวังหรอกค่ะว่าคุณหมอจะตอบกลับมา คิวยาวและคนไข้เยอะขนาดนั้นคงไม่มีเวลามาเช็คอีเมล์ด้วยตัวเองหรอกค่ะ แค่ขอให้เราได้ทำอะไรบ้างจะได้สบายใจขึ้นนิดนึง นอนคิดทั้งคืน เห็นแม่เอามือมาจับลูบๆตัวเราดูสงสัยกลัวเราเป็นไข้ คงไม่รู้ว่าเราตื่นอยู่ น้ำตาไหลเลย แม่ต้อง
มาลำบากเพราะเราแท้ๆ ต้องมาดูแลลูกที่โตเป็นควาย ต้องมาป่วยเพราะแค่อยากสวย ทั้งๆที่แม่ก็ไม่ค่อยจะสบาย เราคิดว่าเราต้องบาปมากแน่ๆเลยที่ต้องให้แม่มาดูแลเราอย่างนี้ น่าจะเป็นเรามากกว่าที่จะต้องเป็นฝ่ายดูแลแม่ ตัดสินใจได้ในทันทีว่าพรุ่งนี้จะไปเอาออกไม่คอยอะไรแล้ว เลยอ่านข้อมูลของหมอที่ยันฮีอีกที ตัดสินใจว่าจะไปพบหมออื่นดูที่เล็งๆไว้ก็ มี หมอ สุกิจ และ หมอพิชญ์

15/9/13

วันที่ 15 กย.ตื่นไปแต่เช้าเจ็ดโมง ที่ยันฮีชั้นสี่ยังไม่มีใครมา มืดๆสลัวๆ แสงรำไร เห็นพี่ผู้หญิงคนนึงก็มานั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว พี่มาตรวจตาเพราะเก็บถุงใต้ตา แล้วมาตรวจตามนัด เลยคุยกันสัพเพระไปเรื่อยเปื่อย พอมีนางพยาบาลมาเปิดเคาท์เตอร์เราก็ไปติดต่อขอพบสุกิจแต่เขาบอกว่ามีผ่าตัดใหญ่แต่เช้าไม่ว่าง

เราเลยบอกว่างั้นของพบหมอคนไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หมอกิตติชัย เจ้าหน้าที่ถามว่า ทำกับหมอคนไหนให้กลับไปหาหมอคนนั้น เรายืนยันว่า ไม่ค่ะ ขอเปลี่ยนหมอ

เพราะเรารู้ว่าเราจะมาทำอะไร เราจะมาถอดออก
ถ้ากลับไปหาหมอคนเดิมรับรองว่าไม่ได้ถอดหรอก หมอก็จะให้คอยดูอาการก่อนสักสองสามวันนะ แล้วถ้าเรายังดื้อจะเอาออกท่าเดียวหมอก็จะไม่พอใจ ประหนึ่งเราสั่งข้าวผัดกระเพราะแล้วเอาไปคืนบอกว่าผัดใหม่ ไม่อร่อย แม่ครัว โกรธตายเลยดีไม่ดีถุยน้ำลายใส่จานเก่าแล้วเอามาเสริฟใหม่อีกหน ไม่เอาด้วยหรอกอยากเสี่ยง เดี๋ยวโดนหมอด่าอีกว่าเพิ่งจะดูดเลือดออกไปเมื่อวานเองทำไมไม่คอยก่อนค่อยกลับมาถอดวันหลังถ้าไม่หายจริงๆ หุหุหุ

เรานั่งคอยนานมาก ไม่ไหว เลยเดินไปที่เคาท์เตอร์บอกว่าถึงไหนแล้วเรื่องของหนู หมอคนไหนก็ได้ที่มาก่อน มีหัวหน้านางพยาบาลรับเรื่องชื่อ คุณ พิมพ์ใจ บอกว่าเดี๋ยวหมอมานะคะ จะให้คิวแรกเลย เราก็อธิบายให้ฟังว่าเราผ่าอะไร ทำไม อย่างไร ที่ไหน กับใคร แต่ไม่ต้องอธิบายมากเขาก็คงจะเห็นผลซึ่งมันโชว์อยู่บนใบหน้าแล้ว





โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:48
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:02

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:02

คุณพิมพ์ใจรีบให้คิวกับหมอ พิชญ์ เกือบสิบโมงกว่า ได้คุยกับหมอในห้องตรวจ เราร้องไห้ ต่อมน้ำตาแตก ทะลักเลย เราบอกว่าไม่ไหวแล้ว เราเห็นสภาพตัวเองแล้วรับไม่ได้ เมื่อไหร่จะหาย ทำไมถึงเป็นแบบนี้

เรา : คุณหมอคะ ถ้าถอดออกมันจะหายบวมไวกว่าไหม
หมอ : หายไวกว่าแน่นอน
หมอบอกว่า : หมอกิตติชัยเก่งนะ

เราไม่เถียงหรอกค่ะว่าหมอเก่งหรือไม่ แต่มันมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เป็นแบบนี้  จะโทษหมอคนเดียวก็ไม่ถูก มีหมอกับคนไข้สองคนเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกันกับการทำจมูกครั้งนี้ หมอทำแรงไหมก็เกี่ยว เหมือนเราชกประตู ชกแรงมือก็เจ็บก็ช้ำเยอะ ชกค่อยๆก็ไม่ช้ำมาก ถ้าหมอค่อยๆทำ ค่อยๆเลาะ ใช้เวลาทำนานนิดนึงเนื้อเยื่อก็ช้ำน้อย ทำแรงกระชากแรงก็ช้ำเยอะบวมเยอะ เนื้อเยื่อเสียหายเยอะ
ไม่รู้วันนึงๆรับคนไข้ผ่ากิี่คน เห็นแกเข้าห้องผ่าตอนบ่ายโมง เราได้ผ่าเสร็จสองทุ่มกว่า แล้วคนสุดท้ายไม่รู้เสร็จกี่โมง

ถ้าเกิดจากคนไข้ประคบเย็นไม่ดีใช่ไหม ก็เป็นไปได้ เราอาจจะประคบเย็นไม่ดีพอที่จะห้ามเลือดให้หยุดไหล เลยบวมเยอะช้ำเยอะ มันเป็นเหตุเป็นผลกัน อย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้ ถ้าทำแรงมากประคบเย็นให้ตายยังไงก็เอาไม่อยู่








โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:49
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:03

เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะโทษกันไปโทษกันมามันก็ไม่เกิดผลดีอะไรกับใคร เมื่อเราต้องเผชิญกับเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย อย่ามัวเสียเวลาคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงหรือทำไม อย่าก่นด่า หรือโทษว่าเป็นความผิดของใคร หรือคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่รอได้ หากอยากหายให้ไว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ทางเลือกรอบด้าน รู้ถึงผลดีผลเสียที่มีทั้งหมด ความเป็นไปได้ทั้งหลาย วางแผนว่าต้องทำยังไงถึงจะหาย แล้วดำเนินการตามแวนที่วางไว้ พอหายแล้วค่อยกลับไปจัดการกับสิ่งที่ยังค้างคาใจ

ของเรา ประเมินได้ว่า ถ้าจะรักษาจมูกนี้ไว้ แล้วรอสักสัปดาห์นึ่งอาจจะหายได้จมูกสวยเริ่ดเอาไว้เชิดใส่หนุ่มๆ หรืออาจจะต้องกลับมาดูดเลือดอีก แล้วถ้าดูดอีกก็อาจจะหายหรือไม่หาย ไม่มีใครบอกได้ ขนาดหมอยังไม่ยอมยืนยันเลย อาจจะบวมแล้วบวมอีกคั่งแล้วคั่งอีก แล้วเลยเถิดเกิดการอักเสบติดเชื้อยังไงก็ต้องถอดล้างโพรงจมูก แถมเอาไม่อยู่ต้องกินต้องฉีดยาฆ่าเชื้อกันเลยทีเดียว งานเข้า

แล้วถ้าถอดออก ก็ต้องเสียเงินเกือบสามหมื่นบาทแล้วได้ใช้ชีวิตอยู่จมูกปลอมๆเพียงเจ็ดวัน แต่หน้าจะยุบไว หายบวมไว เลือดไม่คั่ง ไม่มีโอกาสติดเชื้อแล้วไม่ต้องกลับไปดูดเลือดอีก แต่เราก็เสี่ยงที่จมูกจะยุบ จะบุ๋ม จะเชิดเป็นหมู และกลับคืนสู่สภาพหน้าหักเหมือนเดิม

เราตัดสินใจถอด ไม่เสียดายเงินเลยแม้แต่น้อย ไม่ตายก็หาได้ใหม่และถ้ายังอยากจะเสริม เติม แต่ง อีก วันหลังก็ทำได้เพียงแค่พักจมูกสักหกเดือนหรือหนึ่งปี แต่ถ้าอักเสบนี่เรื่องใหญ่กว่าแน่ๆ อีกอย่างตอนเสริมครั้งแรกไม่ได้ทำมากฝืนเนื้อจมูกเยอะ ปัญหาก็น้อยลงคงจะกลับคืนสู่ของเดิมอาจจะเชิดนิดหน่อยพอรับได้









โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 03:50
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:06

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:05

เรา : หมอคะ หนูอยากถอดออก

หมอพิชญ์ : หนูคอยดูก่อนไหม อาจจะได้ดูดแค่ครั้งเดียวแล้วหายนะ เพิ่งจะเมื่อวานเอง

เรายืนยัน : หนูจะถอดออก

คุณพิมพ์ใจ (นางพยาบาล) บอกว่า :  หนูต้องกลับไปถอดกับหมอกิตติชัยแล้วจะไม่เสียค่าใช้จ่าย

เรา : หนูไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ

หมอพิชญ์ : ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่ต้องจ่าย ทำให้เลย ถอดวันนี้เลย เตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดเลยนะ
หมอยิ้มตลอด หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมาก

นางพยาบาล : ทาง รพ. ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วค่ะ

เราเลยโทรหาแม่ให้มาหาที่ รพ. นั่งกินข้าวแป๊บนึงแล้วกลับขึ้นมาหน้าห้องตรวจ ประมาณเที่ยงกว่า ก็เข้าห้องผ่าตัด ทำตามสเต็ปเดิมที่เคยทำ เรานอนบนเตียงแล้วถามว่า ไหมที่เย็บหลังหูนี่ครบ 7 วันแล้วจะตัดไหมวันนี้เหรอคะ นางพยาบาลบอกเดี๋ยวคุยกับคุณหมอนะคะ คงได้คุยหรอกโดนฉีดยานอนหลับแล้วจะคุยได้ไงอ่ะ (กลับมาบ้านงมหูดูไหม หายไปแล้ว สงสัยนางพยาบาลจะไปรายงานหมอ ให้มันได้อย่างนี้สิ)

ตามเคย โดนฉีดยานอนหลับ ยังไม่รู้สึกตัวเลย จำได้รางๆว่ามีคนมาวุ่นวายทำอะไรกับจมูกเรา ขนาดโดนเข็นออกไปนอนพักที่ห้องพักฟื้นแล้วยังงงๆ โดนแผ่น cool pack โปะเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้นอนนานเลยเพราะมึน
ได้ยาแก้อักเสบมากิน 4 เวลา เพิมอีก 2 วัน เราถามได้แค่นี้เองเหรอ นางพยาบาลเลยเดินไปหาหมอ ได้มาเพิ่มอีกแผงนึง รวมทั้งหมดได้กินยาแก้อีกเสบไป 12 วัน อ่อ ได้ผ้าขนหนูเล็กๆสีฟ้าฟรีอีกผืนด้วยแหล่ะ

หมอก็คือปุถุชนคนธรรมดาเหมือนเรา เพียงแต่อาชีพคือ หมอ มี โกรธ มีโลภ มีหลง มีอารมณ์ดี อารมณ์เสีย รถติดหงุดหงิด เสียใจ ดีใจ เศร้าใจ หิว ร้อน ปวดท้อง ปวดหัว พระจันทร์เต็มดวงทำให้นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นเรื่องธรรมดา

ถึงไม่แปลกใจว่าบางคนบอกว่าหมอคนนี้ดีนะแต่บางคนบอกว่าไม่เห็นจะดีตรงไหนก็คงแล้วแต่ว่าวันนั้นอารมณ์ของหมอเป็นอย่างไร กระมัง....แล้วจรรยาบรรณที่ท่องกันตอนเรียน ลืมกันไปแล้วหรือ......





โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 04:06
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:07

นอนพักผ่อนแล้วดันปิดเสียงมือถือไว้ หมอศรัณย์โทรมาแต่ไม่ได้ยิน สักครู่เห็นเบอร์โชว์เลยโทรกลับ หมอถามว่าเป็นยังไงบ้าง ได้รับเมล์หนูแล้วนะคะ เราก็ร่ายยาวให้ฟัง (ทั้งหมอศรัณย์ หมอ พิชญ์และหมอกิตติชัยก็ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของ ศ.นพ. สมศักดิ์ มาสมบูรณ์ แพทย์ที่ทำจมูกให้เราครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ศิริราช)

หมอศรัณย์แนะนำเราว่า ถ้าเราไปหาหมอ หมอจะถอดออก ถ้าจะให้รื้อหมอรื้อแล้วใส่ของเก่าเข้าไปใหม่ไม่ได้ไม่รู้ว่าคนทำได้ทำอะไรไว้บ้าง

แต่เห็นจากรูปแล้ว ถอดออกดีกว่า เสี่ยงติดเชื้อ
เราเลยบอกว่าหนูใจร้อนไม่คิดว่าหมอจะเช็คอีเมล์และโทรมาหาทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์และเป็นวันหยุดของหมอ
หมอใจดีมาก เราบอกว่าหมอพิชญ์ถอดออกให้แล้วค่ะเมื่อเช้า (หมอศรัณย์โทรมาหาตอนเย็น)

หมอศรัณย์เลยบอกว่า หมอพิชญ์เขาเก่งให้เขาดูแลหนูต่อไปนะคะ

เราขอบคุณ คุณหมอมาก ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นคนไข้ที่คลีนิก ของท่าน
และถ้าเป็นเคสถอดแบบนี้ก็ไม่เกินห้าพันบาท ทำไมจะต้องมาโทรหาและใส่ใจอะไรกับเราด้วย
ถ้าไม่สงสารและเห็นใจจริงๆ ขอให้หมอเจริญๆค่ะ

แม่เรายังบอกว่า ทำไมหมอใจดีจัง (เห็นไหมหมอดีๆก็ยังมีอยู่ ต้องหาให้เจอ ใครเจอเหมือนถูกหวย)









โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 04:08
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:08



16/9/13
นั่งๆนอนๆดูอาการ ไม่ทำอะไร นอกจาก ประคบอุ่นไล่รอยฟกช้ำ อ่านเจอในเว็ป เห็นบอกว่าใบพลับพลึงและใบขิงเอามาทำลูกประคบช่วยรอยฟกช้ำจางไว ไม่รู้แม่ไปเก็บมาจากไหน ได้ใบพลับพลึงมาสามสี่ใบ ถามดูว่าไปลักของใครเขามา แม่บอกแอบเด็ดที่ปั็มปากซอยไง เหอเหอ ดีไม่โดนเด็กปั๊มไล่ทุบเอา
เราเลยเอามาห่อผ้าขนหนู ชุบน้ำอุ่นประคบทั้งวัน

โทรไปขอใบรับรองแพทย์ ปกติในกรณีแบบนี้จะออกให้แค่อาทิตย์เดียว แต่เราขอสองอาทิตย์เพราะไม่รู้จะกลับวันไหน ไม่อยากเดินทางเข้ามาที่ รพ เพื่อขอใบรับรองแพทย์อีกหน เลยไปบอกให้ถามที่หมอพิชญ์ถ้าจำเคสนี้ได้ แจ้งไปว่าเดี๋ยวญาติจะไปรับที่ รพ ตอนบ่ายๆ
แม่(อีกแล้ว บาปจังเลยตรู ต้องให้แม่มาดูแล)















โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 04:11
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:08



17/9/13
เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เรียกแท็กซี่มารับให้ไปส่งที่บ้านอาที่เพชรเกษม ไม่ทำอะไรเหมือนเดิม นั่งๆนอน คราวนี้แม่ไปเก็บใบขิงเอามาห่อผ้าขนหนูที่ทาง รพ ให้มา ประคบอุ่น เช้า สาย บ่าย เย็น กลิ่นใบขิงหอมมากทำให้หายเครียดไปเยอะพอสมควร แม่ทำอาการให้กิน อร่อยมาก ใครทำก็ไม่อร่อยเท่ามือแม่ทำ

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 04:14


18/9/13
ออกจากเพชรเกษมตั้งแต่เช้าหกโมงครึ่งมาถึงยันฮีเกือบเจ็ดโมงครึ่ง หาหมอพิชญ์ ไม่ได้นัดหรอกค่ะ โผล่มาอย่างนั้น นางพยาบาลต้อนรับดีมาก นั่งคอยแป๊บเดียวได้ตรวจเลย ว้าว ยังกะคนไข้กิตติมศักดิ์แน่ะ
เพื่อนแวะมาหาที่ รพ แล้วออกไปซื้อของที่สำเพ็งและพาหุรัดด้วยกัน เจอตุ๊กๆถามว่าหน้าพี่ไปโดนอะไรมา นึกว่าโดนผัวซ้อม เหอเหอ

โดย: PoonFah    เวลา: 2013-10-11 04:21
ต้นฉบับโพสต์โดย gva เมื่อ 2013-10-11 03:31
แต่ละวันผ่านไปเราหัวเราะกับแม่สองคน เพราะเห็นหน้า ...

ตกใจอ่าออกมาบวมมากเลยอะ ตอนออกมาจากห้องผ่าตัดใหม่ๆยังไม่บวมขนาดนี้

จมูกใหม่ขอให้ออกมาสวยๆนะคะ


โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 04:21


พยายามโบกรองพื้นกลบเพื่อจะหลบขึ้นเครื่อง

19/9/13
น้าไปส่งขึ้นเครื่องบิน นั่งกินของอร่อยส่งท้าย กินซูชิ สี่คนหมดไปเกือบสามพันบาท มหาโหดจริงๆ เงินใช้หมดเลยไม่มีเงินติดตัว มีไม่ถึงร้อยบาทเพราะไม่จำเป็นแล้วนี่
ถึงเวลาต้องจากลา แม่หอมหน้าผากบอกให้หายไวๆ แล้วกอด รู้สึกดีมาก คึกคักว่าต้องหายเพราะแม่ให้พร
ขึ้นเครื่องนั่งได้สักพัก เลยบอกแอร์โอสเตสว่าไม่กินข้าวนะ อยากนอน (เครื่องออกตีสองกว่าจะได้กินก็นู่นเลยตีสามตีสี่ ใครจะแหกตามานั่งกิน) เท่านั้นแหล่ะเป็นเรื่อง ถาม นู่นนี่นั่น เอาปรอทมายัดปากเราวัดไข้ พอเห็นตาเรายิ่งกระเจิงกันใหญ่ ขนาดบอกว่ามีใบรับรองแพทย์ก็ไม่ยอมให้บิน เครื่องกำลังจะ take off  อยู่แล้ว กัปตันต้องประกาศเอาเรากลับมาส่งที่ gate เซ็งที่สุด
โดนไล่ลงเครื่องบิน

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 04:24

20/9/13
ต้องระเห็จมานอนโรงแรมราคามหาโหดแต่มีรถตู้มารับถึงสนามบินตอนตีสี่ ทิปน้องไป 60 บาท จ่ายค่าห้องไปสองพันเจ็ดรวมชารจ์อีก 3% ทิปคนยกเป๋าอีก 40 เพราะกระเป๋าหนักมาก 27  กิโล น้องแบกหลังแอ่น ไม่อยากโทรบอกแม่กลัวจะเป็นห่วงเลยขอนอนพักก่อนแล้วค่อยโทรบอกตอนสายๆ

หิวข้าวเลยสั่งผัดกระเพราไก่ 100บาท ถ้ามีไข่ดาวด้วยเพิ่มอีก 20 เลยเอาแบบครบเซ็ท
ค้ยดูตังเหรียญในกีะเป๋ามีอยู่ 117 บาท ซวยมากไม่พอจ่ายค่าข้าว ต้องจ่ายเป็นบัตรเครดิต เซ็ง
มีคนขับรถไปส่งที่สนามบิน ทิปอีก 40 (ถ้าจำไม่ผิด)
ไปคอยเช็คอิน พนักงานบอกไม่มีชื่ออนไลน์ เซ็งเลยบอกว่าอยากบินคืนนี้ ไม่งั้นจะลงทุนอีกหมื่นกว่าซื้อตั๋วใหม่ แต่เขาเรียกเชฟมาคุย เชฟผู้ชายเป็นคนตะวันออกกลาง บอกขอโทษด้วย เพราะพนักงานไม่รู้เรื่องที่โดนไล่ลงเครื่อง เดี๋ยวจัดการให้ ให้ไปเช็คอินที่ช่องbusiness class แต่ได้นั่งชั้นประหยัดเหมือนเดิม หุหุ

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 04:42
เดี๋ยวจะมาอัพรูปเรื่อยๆนะคะ
โดย: ohohlove    เวลา: 2013-10-11 07:39
ขอบคุนสำหรับเรื่องราวน่ะค่ะพี่
โดย: แสงโสม    เวลา: 2013-10-11 07:44
เป็นกำลังใจให้นะคะขอให้หายเร็ว ๆ
โดย: dress2relax    เวลา: 2013-10-11 09:37
อ่านเเล้วเอาเเน่เอานอนกับหมอที่เราคิดว่าเค้าจะเก่งจิงไม่ได้เลยนะคะ บางคนไม่มีจรรยาบรรณ จะทำเเต้มเเบบไม่ใส่ใจกันเลย เอาด่วนๆ คุยแบบด่วนๆ หมอไม่ได้มาเป็นคนไข้หมอไม่รู้ เห็นใจพี่มากเลยอ่ะอุตส่าห์มาทั้งทีได้ทำเเล้วด้วย เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอถามหน่อยว่าตอนเอาซิลิโคนออกยากมั้ยคะเพราะเสริมมาสิบกว่าปีเเล้วเหมือนกันเเละไม่อักเสบหรือทะลุนะคะ
โดย: papameme    เวลา: 2013-10-11 10:13
เป็นกำลังใจให้ค่ะ หายไวๆนะคะ
โดย: nudaoz    เวลา: 2013-10-11 10:32
ขอให้พี่หายไวๆนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวประสบการณ์มีมาแชร์กัน ขอบคุณค่ะ
โดย: daisy_sunshine    เวลา: 2013-10-11 11:23
พี่เข้มแข็งมากเลย ขอให้หายไวไวนะคะ............
โดย: bamcnp    เวลา: 2013-10-11 11:35
เก่งสุดๆ เลยค่ะ
โดย: Redbit    เวลา: 2013-10-11 11:41
อ่านจนจบเลยค่ะ  ข้อความพี่คำผิดแทบไม่มีเลย อ่านเห็นภาพเลยค่ะ ปรบมือให้นะคะ
เป็นกำลังใจให้พี่นะ ขอให้สวย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นะคะ สู้สู้ค่ะ
โดย: aor.sayu07    เวลา: 2013-10-11 11:53
อ่านจนจบเลยค่ะ เป็นประโยชน์มากๆ  และขอบคุณมากๆที่เขียนรีวิวนี้ขึ้นมานะคะ ขอให้หายไวๆนะคะ
โดย: ouou    เวลา: 2013-10-11 12:24
อ่านจบจบค่ะ เราเดาตั้งแต่ต้นเรื่องยันเรื่องจบได้เลยค่ะ เราไปปรึกษาหมอเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้ทำ เพราะเห็นเคสแก้หลายๆเคสแล้วอักเสบ เราทำมา4รอบเราไม่เคยช้ำแบบคุณเลยค่ะ จากประสบการณ์แก้แต่ละครั้งวันที่5ก็แต่งหน้าไปทำงานได้เลยค่ะ หมอวางซิลิใต้เยื่อบุกระดูกต้องช้ำหนักกว่าวางใต้ผิวหนังเรายังไม่ช้ำขนาดนี้เลย ที่เราขอบายก็เพราะ งานแก้เนื้อจะค่อนข้างบางแล้วเพราะแก้มาหลายครั้งเลยไม่กล้าเสี่ยงค่ะ เพราะกลัวหมอมือหนักแล้วอักเสบได้ถอดแน่ๆ ขอให้คุณสู้ๆ หายไวๆนะคะ
โดย: aussa    เวลา: 2013-10-11 12:42
หายไวๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ :)
โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:36



โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:37

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:38

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:39

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:40
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 14:51

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 14:51



เศร้ามากเลยค่ะ ส่องกระจกทีไร ท้อแท้อยากได้หน้าเดิมกลับคืนมา
โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:42

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:43

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:45

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:46

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:46
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย gva เมื่อ 2013-10-11 15:13



แต่รอยดำ คล้ำ ช้ำเหลืองๆเขียวๆยังคงมีอยู่ทั่วใบหน้า....
โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 14:47

โดย: gva    เวลา: 2013-10-11 15:19
ทุกวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าตั้งแต่กลับมาถึงเจนีวา ประคบอุ่น โหมกระหน่ำชะโลมครีม แพงแสนแพงไม่สน แล้วออกกำลังกาย จิบน้ำอุ่นทั้งวัน กินยาสมุนไพรของที่นี่ชื่อ ​Arnica เป็นเม็ดเล็กๆอมไว้ใต้ลิ้น เห็นว่าช่วยเรื่องลดบวมและรอยช้ำ

ก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่มันจะหายไปจากใบหน้าเสียที.... ไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนเราเลย เลือกหมอให้ดีๆกันนะ
เพราะวิธีป้องกันที่ดีที่สุดในโลก คือ

อย่าให้มันเกิดขึ้น

ถ้าเกิดแล้วก็จะเป็นเหมือนเรา รักษายังไงก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะหาย ช่วงระยะเวลาที่รักษาไปจนถึงระยะเวลาที่มันจะหาย ไม่มีการคาดเดาได้ว่า เมื่อไหร่ แล้วเราจะทนอยู่กับสภาพใบหน้าเน่าๆนี่ได้ไหมทุกๆวัน
วันเวลาที่ผ่านไปเดินไปไหนก็มีแต่คนมอง ไปไหนก็มีแต่คนถามไปทำอะไรมา อยากจะตอบว่า สามีซ้อม ซะให้สะใจ...
โดย: cymcym    เวลา: 2013-10-11 15:24
อ่านจนจบเหมือนกันคะ คิดอยุ่ว่าจะถอดจมูกออก  แต่กลัวว่ามนัจะแหมบ คุนพี่ถอดออกแล้วมีปันหาอะไรไหมคะ
โดย: ANNA_16    เวลา: 2013-10-11 15:40
หายเร็วๆนะคะ
โดย: ANNA_16    เวลา: 2013-10-11 15:51
คุณพี่ขาา น้องพึ่งเห็นภาพหลังๆ ปลายจมูกมันเชิดไปหรือป่าวคร่าาา จะเสียโหงวเฮ้งป่าวคะ
โดย: porcenter    เวลา: 2013-10-11 16:49
ลงชื่อรออ่านเลยค่ะ
โดย: PuTiwa    เวลา: 2013-10-11 17:42
เป็นกำลังใจค่ะ
โดย: tanzaa_love    เวลา: 2013-10-11 18:29
หายไวไว นะคะ ...^^ สู้ๆ คะ
โดย: dreamday    เวลา: 2013-10-11 18:37
ต้องประคบเย็นค่ะ ประคบทั้งวัน จะหายเร็ว

โดย: MedZines    เวลา: 2013-10-11 18:44
พี่เข้มแข็งมากเลยค่ะ ถ้าเป็นหนูนะ นอยด์ไปแล้วค่ะ ยังไงก็สู้ ๆ นะคะ ขอให้กลับมาสวยไว ๆ ค่ะ
โดย: waffle    เวลา: 2013-10-11 19:36
ให้กำลังใจ พี่ใจสู้จริงๆ เก่งมาก น้องนับถือ
โดย: Punoi    เวลา: 2013-10-12 00:35
สตอรี่ยาวมาก พี่ช่างทรหดอดทนจริงๆ จากที่ถอดออกกี่วันแล้วคะ
บอกจริงๆว่าดีที่ไม่แก้กับหมอศรัณย์ ปัญหาเยอะไม่ต่างกัน แต่คงใจดีกว่า
เอาเป็นว่าอ่านแล้วยังมีกำลังใจขึ้นบ้างค่ะ ทุกอย่างไม่ยากเกินแก้เนอะ
โดย: ฟาริด    เวลา: 2013-10-12 00:54
ชอบมากเลยค่ะ เป็นประสบการ ให้หนูเลย มีต่อมั้ยค่ะ อิอิ
โดย: PoonFah    เวลา: 2013-10-12 03:55
อ่านจบจนได้คะ สนุกและได้ประโยชน์มากๆเลย

ส่วนตัวเราว่าคุณหมอทำมือหนักไปหน่อยอาจจะเพราะทำหลายเคสแล้วเมื่อยล้า

ทำให้ข้างในคงช้ำเป็นแผลฉีกขาดเยอะเลือดเลยคั่ง อาจจะเป็นคนแผลหายช้าด้วยป่าวคะ

และที่เป็นไข้คงเพราะเริ่มจะติดเชื้ออาการแบบเริ่มอักเสพแบบมีเชื้อโรคตัวจะรุมๆเป็นไข้อ่อนๆ

เคสนี่ก็จะทะลุออกคะรีวิวไว้นานแล้วถอดพักจมูก 6 เดือนถึงแก้ใหม่จมูกถ้าถอดเข้าออกบ่อยๆ

โดยที่แผลยังไม่หายสนิดดีอาจจะเป็นรอบบุ๋มได้แต่นี่บุ๋มตั้ง 6 เดือนเศร้ามากรีบทำใหม่ทันทีที่ครบกำหนด

พักไว้ครึ่งปีเสริมใหม่น่าจะดีกว่านะคะ อิอิ ถ้าคิดอยากจะเสริมอีกและควรเป็นคิวแรกๆของหมอถึงจะดีกว่าค่าา
โดย: honeybee21    เวลา: 2013-10-12 04:10
เป็นประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ของเราเองก็เสริมมาตั้งแต่ปี 2006 กับอาจารย์หมอที่คลีนิคแพทย์จรัญ เสริมแบบธรรมชาติตามแต่คุณหมอจะเห็นว่าเหมาะสมและปลอดภัยเลยค่ะ ปัจจุบันยังไม่มีปัญหาอะไร ไม่เจ็บ ไม่บาง
แต่ก็หมั่นสังเกตุอยู่เรื่อยๆค่ะ ถ้าวันข้างหน้าต้องเปลี่ยนหรือเอาออกเราต้องนึกถึงเคสของคุณแน่ๆเลยค่ะ

ขอให้หายไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้อีกคนนึงค่ะ
ปล. ใครก็เท่ากับข้าวไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่ เราเห็นด้วยค่ะ :)
โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 04:13
ต้นฉบับโพสต์โดย PoonFah เมื่อ 2013-10-12 03:55
อ่านจบจนได้คะ สนุกและได้ประโยชน์มากๆเลย

ส่วนตัวเรา ...

เห็นด้วยทุกประการค่ะ แต่ก็แปลกนะคะทำไมหมอไม่รับคนไข้พอดีๆจะได้มีเวลาให้เยอะๆ
ค่อยๆทำ ไม่สงสารพวกเราเลย ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าจมูกมันไม่เชิดมาก
คงจะไม่เสริมแล้วค่ะ เข็ดจริงๆ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ปกติเราเป็นแผลแล้วหายง่ายค่ะ
แผลที่หูหายไวมาก แต่เป็นคนช้ำง่ายค่ะ เก่งจริงๆเสียเวลาอ่านจนจบจนได้
โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 04:26
ต้นฉบับโพสต์โดย gva เมื่อ 2013-10-11 04:24
20/9/13
ต้องระเห็จมานอนโรงแรมราคามหาโหดแต่มีรถตู้มารั ...

ราคามหาโหดจริงๆค่ะ ราคาโรงแรมเห็นผู้โดยสารตกเครื่องไปพักเยอะเลยค่ะ
โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 04:34
ต้นฉบับโพสต์โดย honeybee21 เมื่อ 2013-10-12 04:10
เป็นประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาเล่าประสบการณ ...

อาของเราทำมาเกือบยี่สิบปีไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ
บางคนก็เป็นบางคนก็ไม่มีปัญหานะคะ หมั่นสังเกตตัวเองดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ
โดย: ANNA_16    เวลา: 2013-10-12 11:48
ต้นฉบับโพสต์โดย ANNA_16 เมื่อ 2013-10-11 15:51
คุณพี่ขาา น้องพึ่งเห็นภาพหลังๆ ปลายจมูกมันเชิดไปหรื ...

คุณพี่ขาาา มันแก้ได้นะคะ เห็นเพื่อนแอนนาเคยทำ มันก็เชิดเหมือนกัน (แต่เชิดแบบไม่น่าเกียจมากค่ะ) เวลาผ่านไปหลายปี เพื่อนก็ไปแก้ค่ะ พอแก้เสร็จ จมูกดูไม่เหลือความเชิดเลยค่ะ ที่แอนนาจะบอกคือ มันสามารถแก้ได้จร้า โดยจมูกกลับไปเป็นแบบปกติ แต่หาข้อมูลดีๆจร้า ค่อยๆหานะคะ เป็นกำลังจัยให้ค่ะ (ความคิดส่วนตัวนะคะ แอนนาว่าต้องแก้ได้แน่นอนค่ะ)
โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:35
ต้นฉบับโพสต์โดย ANNA_16 เมื่อ 2013-10-12 11:48
คุณพี่ขาาา มันแก้ได้นะคะ เห็นเพื่อนแอนนาเคยทำ มันก ...

จ้า ขอบคุณมากๆนะคะน้องแอนนา
โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:36

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:38

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:48

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:49

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:50

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:51

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:52

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:53

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 21:59
สิ่งที่เป็น side effect คือ หายใจไม่สะดวก รูจมูกแคบตีบลง เหมือนคนเป็นหวัดและแพ้อากาศตลอดเวลา ทั้งๆที่เราไม่เคยล้วง แคะ แกะ เกา รูจมูก ทุกวันนี้ยังช้สำลีพันปลายไม้ ชุบน้ำอุ่นทำความสะอาดรูจมูกทั้งสองข้างอยู่เลย รู้สึกเหมือนคนป่วยเลยทั้งๆที่ร่างกายแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วย  อย่างมากที่สุดถ้าอากาศหนาวลบสิบ อาจจะเจ็บคอ เป็นหวัด แค่นั้น
บางคืนต้องอ้าปากหายใจ จนคอแห้ง ทำไมมันต้องเกิดขึ้นกับเราด้วยนะ สภาพหน้าตาก็ดูไม่ได้ ทุเรศทุรัง ยังจะมาคัดจมูกตลอดเวลา บางครั้งต้องใช้ปากหายใจสลับกับจมูกแฟ่บๆๆ

ความบวมก็ยังคงมีอยู่ และเจ็บเหมือนเคย จับไม่ได้เลย ตรงปลายไม่เจ็บแต่ข้างๆจมูกทั้งสองนี่สุดๆ บางครั้งหายใจไม่เต็มปอดก็ทำให้ปวดหัว(เพราะรูแคบ) ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว เบื่อสุดจะทน

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 22:07
ไม่รู้มีใครที่ซวยเป็นเหมือนเราบ้างคะ? ช่วยบอกทีว่าต้องทำยังไงถึงจะหาย พวกรอยดำนี่เห็นพวกหมอฝรั่งบอกว่าหายแน่นอน แล้วแต่บางคน สูงสุดที่เคยเห็นคือปีนึงกว่าจะจางหายไป ทุกๆหมอบอกว่าต้องให้เวลาร่างกายจัดการ ถ้าเร่งรีบมากก็มีพวกเลเซอร์แต่ต้องทำหลายครั้งค่ะ

http://www.realself.com/forum/11-days-post-rhino-bruised

ลองเข้าไปอ่านดูได้นะคะ เผื่อใครสนใจเพราะมีหมอมาตอบคำถามให้เราเลย

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 22:11

โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 22:12
บางคนบอก เหมือนหมู เหมือนหนู​ เหมือนแมว....จะทนได้ไหมให้ครบปี(ถ้ายังอยากจะทำ)
โดย: gva    เวลา: 2013-10-12 22:31

โดย: Girl_lov_Star    เวลา: 2013-10-12 22:57
ต้นฉบับโพสต์โดย gva เมื่อ 2013-10-12 22:31

รอเวลาค่ะ ให้เนื้อเยื่อสมานตัวดี แล้วค่อยกหาที่แก้ดีๆค่ะ เป้นกำลังใจให้น่ะค่ะ

โดย: gva    เวลา: 2013-10-13 00:15
ต้นฉบับโพสต์โดย Girl_lov_Star เมื่อ 2013-10-12 22:57
รอเวลาค่ะ ให้เนื้อเยื่อสมานตัวดี แล้วค่อยกหาที่แก้ ...

ขอบคุณมากนะคะ แต่ถ้าแก้เวลาผ่านไปก็คงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกเพราะปลายบาง กลัวมากเลยค่ะ
โดย: Girl_lov_Star    เวลา: 2013-10-13 01:45
ต้นฉบับโพสต์โดย gva เมื่อ 2013-10-13 00:15
ขอบคุณมากนะคะ แต่ถ้าแก้เวลาผ่านไปก็คงจะกลับมาเป็น ...

หนูก้อปลายบางค่ะ ใช้หลังหูมาช่วยพึ่งแก้ได้สิบกว่าวัน
เห็นหมอบอกว่าใช้กระดูกหูมารองมันจะทำให้ปลายไม่ทะลุค่ะ




ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) Powered by Discuz! X3.2