ดั้งโด่งดอทคอม

ชื่อกระทู้: แชร์ประสบการณ์สำหรับผู้ที่มีอาการจิตตก [สั่งพิมพ์]

โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-10-7 05:23
ชื่อกระทู้: แชร์ประสบการณ์สำหรับผู้ที่มีอาการจิตตก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DirtyNeedle เมื่อ 2011-10-7 05:25

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DirtyNeedle เมื่อ 2011-10-7 05:24


แชร์ประสบการณ์สำหรับผู้ที่มีอาการจิตตกนะครับ ผมเคยทำศัลยกรรมนะครับจิตตกมากเป็นปีเลยครับ
เนื่องจากอาการบวมจากบาดแผลผ่าตัด เป็นอาการใจร้อนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองไปในทางที่ดีอ่ะครับ
ผมคิดว่าใครๆก็น่าจะเป็นอย่างผม แต่แผลหายช้ามาก ช้าจนแบบคาดไม่ถึงว่าจะช้าได้เป็นเดือนๆปีๆ
ปกติในความคิดของผมมักจะคิดว่าเวลาผมเป็นแผล เช่น จักรยานล้ม หกล้ม ตกบันใด หรือทะเลาะวิวาทชกต่อย แผลไม่กี่สัปดาห์
ก็หาย แต่จริงๆแล้วแผลผ่าตัดมันต่างกับอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นครับ บาดแผลที่ได้มาจากอุบัติเหตุชีวิตประจำวันเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น
มันใช้เวลาฟื้นตัวค่อนข้างเร็วเพราะส่วนมากมักจะเป็นแค่แผลเล็กๆน้อยๆจากผิวหนังส่วนนอก แล้วก็ฟกช้ำจากภายในนิดหน่อยเท่านั้น
การคืนสภาพเป็นปกติจึงใช้น้อยและเวลารวดเร็วในการรักษา แต่แผลที่ได้จากการศัลยกรรมต้องดูแลเป็นพิเศษครับ
การทำศัลยกรรมไม่ได้เป็นผลที่ให้เกิดความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ผลข้างเคียงคือการฟื้นฟูพิษบาดแผลที่ผ่านการผ่าตัดนั้นด้วย
นั่นซึ่งแปลว่าผมจะต้องอยู่ในสภาวะอึดอัดใจกับมันช่วงระยะหนึ่งยาวๆ ถ้าผมยังคิดที่จะตั้งใจติดตามจับตาดูผลลัพธ์ของมันอยู่ เช่น การส่องกระจก การขอปรึกษาจากคนรอบข้าง(อย่างไม่มีความรู้ในเรื่องทำศัลยกรรม) การถ่ายรูปติดตามอาการ การย้ำคิดย้ำทำเหล่านี้มันจะทำให้ผมทรมานใจมากเท่านั้น


ยกตัวอย่างนิสัยการถ่ายภาพระหว่างตอนพักฟื้นใหม่ๆ
ผมมักจะหามุมกล้องถ่ายบนใบหน้าตัวเอง ผมถ่ายทุกมุม ซูมเก็บทุกอนูรูขุมขน ซึ่งยิ่งผมถ่ายเท่าไหร่ผมก็ยิ่งพบความผิดปกติจากส่วนอื่นของอวัยวะบนใบหน้ามากเท่านั้น และเมื่อยิ่งพบสิ่งผิดปกติก็ยิ่งถ่ายมากขึ้นเป็นทวีคูณจนเมมโมรี่4GBเต็มคับทำห่าไรไม่ได้เลย  จะลงพงลงเพลงฟังสักหน่อยก็ไม่ได้ต้องมานั่งห่วงรูป ไม่อยากลบรูป กลัวว่าจะไม่มีรูปทุเรศๆดูในยามแก่ แล้วพอมาถึงทุกวันนี้ได้ใช้รูปมั้ย(ไม่ได้ใช้เลยคับ เมมเจ๊งคับ เข้าม่ายด้าย) สรุปถ่ายไปให้เมมเต็มเล่นงับ


ความรู้สึกการโพสรีวิวภาพสู่สาธารณของผม
มันเหมือนเป็นการผจญภัยเลยครับไม่รู้ว่าจะออกมาดีหรือร้ายเหมือนเรากำลังโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์ให้กับคนอื่นๆชมอยู่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาดีมั้ย ผมรู้สึกกดดันม๊ากกกกกก  คิดในใจไม่รู้ว่าจะหล่อสู้คนอื่นได้มั้ย แระท่าโพสรูปตอนบวมๆบิดๆเบี้ยวๆช้ำๆจ้ำๆให้คนอื่นดู ก็เหมือนยิ่งเป็นการทำร้ายตัวเองซ้ำสองครับ เหมือนเป็นการประจานความผิดปกติให้คนอื่่นมาปลอบใจตนเองไปปล่าวๆ จนตัดสินใจไม่ต้องโพสแม่งแระ ลงแค่รูปก่อนและหลังก็พอเถอะ ถ้ามันเป็นการทำร้ายจิตใจตัวเองมากก็กะว่าจะไปบนกะศาลพระภูมิข้างบ้านอ่ะครับ ว่าถ้าแผลหายดีแล้วจะบนน้ำแดง (แน่นอนครับถึงไม่บนแผลมันก็หายเองอยู่ดีครับ ถ้าผมไม่เลิกประสาทไปได้เสียก่อนผมคงบนไปแล้วละมั้ง)

โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-10-7 05:23
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DirtyNeedle เมื่อ 2011-10-7 05:25




ในบางครั้งเวลาที่ผมสำรวจรีวิวบุคคลอื่นๆที่ทำโดยแพทย์เดียวกับผมกลับเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งยิ่งดูเท่าไหร่ยิ่งปวดใจครับ
รวมถึงรีวิวของแพทย์อื่นๆ ที่ทำออกมาได้ดีกว่า หล่อกว่า สวยกว่า ผมยิ่งดูผมยิ่งโทษตัวเองครับ ว่าทำไมเราเพิ่งจะรู้ ทำไมเราไม่ทำแพทย์คนนั้นๆ แต่แรก มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากเลยครับ แระที่สำคัญอิฉาคนอื่นๆ แระมักจะมองหารีวิวเคสหลุดๆมาอ่านเพื่อเป็นเพื่อนใจในยามเหงา เพื่อปลอบใจตัวเองไปวันๆอย่างงี้เสมอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ


แล้วก็จากคำถามบุคคลรอบข้างหรือคนที่รู้จักมักจะคอยสอบถามสำรวจเรา สอดส่องสังเกตุต่างๆนาๆ ทุกครั้งเวลาที่ผมเจอคำถามเยอะๆตอนที่ผมรู้สึกท้อแท้ ผมก็เบื่อนะครับ เอาง่ายๆคือรำคานถามอะไรมากมาย บางคนก็อยากจะทำบ้างงั้นงี้ ผมก็จะตอบไปเสมอว่า ต้องอยู่ที่พื้นหน้าเก่าด้วยครับแล้วก็เสี่ยงดวงเลือกหมอ(ไม่ต่างอะไรกับจับฉลากปีใหม่เลยครับทำศัลยกรรมเนี่ย) แล้วก็รอเวลาเซ็ทตัวจากแผลผ่าตัดครับ
พอตอบเสร็จผมก็มักจะกลับมาครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเองเสมอว่ามันจะหายมั้ย และมันจะออกมาดีรึป่าวน้า นึกในใจตูยังไม่รู้ตัวเองเลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง อย่าเพิ่งมาถามกูกันได้มั้ย เฮ้อ!! (เป็นงี้จนชิน)


บางคนนะครับเพิ่งทำมาไม่ถึงสัปดาห์แล้วมาบ่นพึมพำร้องห่มร้องไห้ให้ผมฟังนั่งเครียดนอนเครียดไม่ทำงานทำการเหมือนผีเข้า พาลเอาผมพลอยเครียดไปด้วยเลย พอแผลยุบแร้วผีก็มักจะออกเสมอครับไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ห้าๆ แต่ส่วนตอนที่ผมทำมาแรกๆนะ ผมตื่นมาก็มักจะชอบนั่งอยู่หน้ากระจกร้องไห้ไม่กินข้าว ไม่กินอะไร ก็นั่งจับโทรศัพท์รอเพื่อนโทรมาหา ไม่ก็โทรหาเพื่อน แล้วก็นอนงีบ แล้วก็ตื่นมานั่งหน้ากระจกต่อ กินน้ำ แล้วก็ร้องไห้หน้ากระจก (มันเหมือนเป็นกรรมอะครับ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมต้องมานั่งทำอะไรงี่เง่าไร้สาระไร้ประโยชน์แบบนี้ด้วย)


ผมเคยส่องกระจกจนประสาทเสียเลยครับ ต้องซ่อนกระจกบานเล็กๆทุกบาน แล้วส่วนบานใหญ่ก็ใช้ผ้าคลุมกันเวลาเดินผ่านมองเห็นอะครับ มันเป็นสันดานหรือสัญชาตญาณก็ไม่รู้นะครับ ที่เวลาเห็นวัตถุของสะท้อนเงามักจะมอง ไม่ว่าภาพจะเล็กจะกลับหัวกลับหาง ขอแม้แค่วิเดียว ก็ดี
ผมรู้สึกว่าเวลาผมไม่ส่องกระจกผมรู้สึกดีขึ้น และที่สำคัญต้องหาอะไรทำด้วยครับ ผมก็เลยหากิจกรรมออกกำลังกายทำไปพลางๆ พอดีช่วงนั้นว่างงานก็เลยหางานทำซะเลย ทำจนลืมไปเลยว่าทุกๆวันต้องส่องกระจกทุกมื้อครับ ห้าๆๆๆๆๆๆ ตอนนี้ทำงานเหนื่อยแต่สะใจที่เอาชนะและผ่านตรงนั้นมาได้ ทุกวันนี้เห็นกระจกเหมือนเห็นคู่ปรับอ่ะคับ ถ้าส่องเซ็ทผมก็นานหน่อย แต่ถ้าไม่ใช้ก็มองด้วยหางตา แล้วก็รำพึงอยู่ในใจมึงหลอกกู ตัวจริงกูดูดีกว่าโว๊ย คิดเองโดยที่ไม่ต้องถามเพื่อนหรือว่าใครเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-10-7 05:29
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DirtyNeedle เมื่อ 2011-10-7 05:33

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DirtyNeedle เมื่อ 2011-10-7 05:30

เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ มองโลกในแง่ดีไว้ครับ มองหาสิ่งดีๆเข้าชีวิต อย่าดำดิ่งอยู่กับสิ่งที่รั้งชีวิตเราให้ตกต่ำนะครับ บางครั้งบางอย่างเรามันก็ไม่ได้แย่เสมอไปนะครับ เราต้องรู้จักแยกแยะ และรู้จักทำ บางอย่างปลงได้ก็ปลงเถิดครับ เรื่องดีๆผลลัพธ์ดีๆยังรออยู่วันข้างหน้า อีกเยอะแยะเลย  


โดย: rayly1    เวลา: 2011-10-7 09:58
ดีคะ เป็นกำลังสำหรับคนที่กำลังจิตตก ดีมากๆ เลยนะคะ
โดย: kengklakrub    เวลา: 2011-10-7 10:56
บางทีผมก็จิตตก ชอบคิดว่าจมูกตัวเองเบี้ยว ถามเพื่อนหลายคนก็บอกไม่เบี้ยว แต่ตัวเองก็ยังคิดว่าเบี้ยวอยู่ แต่พอมาอื่นกระทู้นี้ก็ดีขึ้นเยอะ ขอบคุณมากมายนะครับผม
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-10-7 12:53
ค้าบ ขอบคุณคอมเม้น 1-2นะคับ ผมก็เจออะไรแย่ๆเกี่ยวกับความรู้สึกตัวเองมาเยอะเหมือนกันครับ
บางทีผมก็คิดนะ อยากเพอเฟคนะ แต่เหนื่อยว่ะ ที่สำคัญหาตังไม่ทันทำหล่อ ห้าๆ คิดไปคิดมา ช่างแม่งไม่มีใครเพอเฟคทั้งนั้นหรอก ไอ้พวกกระจกไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ส่องออกมาไม่เหมือนกันสักบาน บางอันก็หน้าบานจนอยากแหกปากร้องกรี๊ดไปหาหมอโบท็อก มันเหมือนโดนผีหลอกอ่ะคับเด่วดีเด่วร้าย ปรับตัวไม่ทัน บางอันส่องก็หน้าเรียวเดินยิ้มตั้งแต่ขึ้นห้างยันลงห้างกลับบ้านแล้วมาเจอไอ้กระจกตรงประตูรถเมล์อะคับ ประตูรถเมล์หรอคับยิ่งเห็นเงาตัวเองบนนั้นยิ่งอยากจะวิ่งให้รถทับตาย (มันเลยทำให้ผมรู้ว่าไม่มีกระจกบานไหนที่จริงใจกับเราสักบานคับ ถ้าเป็นไปได้อย่างไปส่อง อย่าไปเชื่อ อย่าไปฟังมัน ทำไม่รู้ไม่เห็นพอคับ เอาเป็นว่าใครชมก็เดินอมยิ้มหลงๆตัวเองไป ช่างมีฟามสุขกระไรแท้ อิอิ) ขนาดหมอที่ทำจมูกผมที่ว่าหล่อๆจมูกโด่งธรรมชาติแล้ว จมูกเขายังไม่เท่ากันเลยคับ  ไม่เท่ากันอย่างชัดเจน เพิ่งสังเกตุ ห้าๆ
โดย: UYAJUNG    เวลา: 2011-10-7 17:57
โอ้ยยยยยยย!!!!! ทำไงดี ตอนนี้นอยซ์หนักมาก.......ยิ่งใกล้ถึงคิดว ยิ่งนอยซ์หนัก
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-10-7 19:19
ต้นฉบับโพสต์โดย UYAJUNG เมื่อ 2011-10-7 17:57
โอ้ยยยยยยย!!!!! ทำไงดี ตอนนี้นอยซ์หนักมาก.......ยิ่งใกล้ถ ...

ยางไม่ทำเลย อย่าเพิ่งนอยงับ
โดย: sunchai22    เวลา: 2011-10-7 19:25
ขอบคุณคับสำหรับการแชร์ประสบการณ์นะคับ
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-10-7 19:31
ต้นฉบับโพสต์โดย sunchai22 เมื่อ 2011-10-7 19:25
ขอบคุณคับสำหรับการแชร์ประสบการณ์นะคับ ...



บางอย่างผมก็เบี้ยวครับ แต่เอาเป็นว่าพอมาอยู่บนหน้ามันโอเคก็โอเคกะมันไปครับ
โดย: PoonFah    เวลา: 2011-10-14 00:28
ฟ้าว่าการศัลยกรรมก็เหมือนเสียงดวงอะ

เพราะเราไม่สามารถรู้ผลที่จะตามมาได้เลย

แต่มันก็เป็นสิ่งที่ต้องทำใจยอมรับด้วยถ้าผลออกมาไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-10-14 16:01
ต้นฉบับโพสต์โดย PoonFah เมื่อ 2011-10-14 00:28
ฟ้าว่าการศัลยกรรมก็เหมือนเสียงดวงอะ

เพราะเราไม่สาม ...

ถูกต้องครับ ประมาณนั้นเลย


คนที่ชอบทำศัลยกรรมมีปัจจัยเดียวเท่านั้นที่สำคัญ คือ เงิน
ส่วนเรื่องเจ็บตัวไม่ต้องห่วงครับ คนพวกนี้ เจ็บไม่กลัว แต่กลัวไม่สวย ไม่หล่อ น่ะครับ อิอิ
ถ้ายิ่งมีเงินก็ยิ่งอยากหล่ออยากสวย

จะหยุดได้ก็ต่อเมื่อตังหมด หรือว่าไปกันใหญ่แล้วเต็มที่อ่ะคับ

บางคนเบี้ยวเล็กน้อยแต่ดูหล่อดูสวยนะครับ

แต่บางคนทำมาตรงแต่ดูแล้วรรู็สึกเฉยๆอ่ะ

ทั้งหมดนี้มันอยู่ที่กำลังใจของคนครับว่าช่วงที่พักฟื้นมีมากหรือน้อย ช่วงนั้นคนที่ทำศัลยกรรมต้องมีสติรอบคอบให้มากๆ และคนรอบข้างควรมอบกำลังใจที่ดีให้แก่กันครับ
โดย: verin    เวลา: 2011-10-15 13:05
ชอบนะคะ เขียนดีอะ

เราเพิ่งทำจมูกมาได้ 4 วัน หน้าบวมมากกกกกกก บวมทั้งหน้าเลย แทบจะไม่ยุบลงเลยซักนิด จริงๆแล้วเราไม่นอยด์เลยนะ แค่กลัวว่ามันจะหายไม่ทันไปทำงานก็เท่านั้นเอง เพราะจะลาต่ออีกก็คงไม่ดีแน่ และเข้าใจดีว่ามันต้องใช้เวลากว่าจะยุบ กว่าจะเข้าที่

คนที่ทำให้เราหงุดหงิดก็คือแฟนเรา (ซึ่งเราห้ามไม่ได้มาเจอเลยจนกว่าหน้าเราจะยุบ เพราะเค้าเป็นคนขี้กังวลและไม่เห็นด้วยกับการทำศัลยกรรม) พูดกดดันตลอดเวลาว่า มันต้องน่าเกลียดแน่ๆเลย อย่างงั้นอย่างงี้ ลางานต่อไปเลยนะ จะไปทำงานในสภาพนี้ได้ยังไง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ เรารำคาญมากอะ รำคาญถึงขั้นคิดจะเลิกไปเลยนะ คือเรารู้สึกว่า ทำไมเค้าไม่เชื่อใจเราเลย เราบอกว่าไม่เป็นไร เราไปทำงานได้ บอกว่ามันจะยุบแน่ ต้องใช้เวลาก็พูดอยู่นั่น มันเหมือนกับว่า เค้าไม่เชื่อมั่นใจตัวเรา เค้าไม่ได้อยู่ข้างเราน่ะ ....

ไม่มีอะไรนะคะ แค่ปรับทุกข์ 555+   
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-9 04:43
คุณ verin ขอบคุณมากนะครับที่แสดงความคิดเห็น

เรื่องที่เล่ามาผมคิดว่า ถ้ามองโลกในแง่ดี 1 เขาเป็นห่วงครับ อะไรที่ผ่าๆตัดๆได้เลือดมันก็ดูเลวร้ายทั้งนั้นไม่ว่าจะคนหรือสัตว์
2 เขาคงชอบคุณเพราะว่าคุณมีใบหน้าธรรมชาติมากกว่ามั้งครับ
3 เขามองข้ามจุดบกพร่องที่คุณคิดว่าคุณดูไม่ดี

ในแง่ลบ
1 เขาไม่เข้าใจคุณเพราะว่าเขามองข้ามจุดบกพร่องของคุณมั้งคับ

:)

โดย: zozad    เวลา: 2011-12-14 20:40
  อ่านกระทู้แล้วรู้สึกตัวเองก็เริ่มจะเป็นแบบนี้แล้วเหมือนกัน......เราว่าคนรอบข้างเป็นอีกปัจจัยหนึ่งนะ บางครั้งเรามั่นใจเราจะทำศัลยกรรมกับหมอคนไหน เราก็จะคาดหวังกับการผ่าตัดของหมอคนนั้น จนกระทั่งตัดสินใจทำไปแล้ว จู่ๆไอ้คนรอบๆตัวเรานี่แหละ  มาบอกว่าไม่ดีไม่สวย สู้ที่นั่นที่นี่ไม่ได้ พอส่องกระจกเห็นหน้าตัวเอง.... ก็จิตตก แต่ลืมนึกไปว่า  เพิ่งจะทำมาไม่กี่วันมันจะสวยเร็วอะไรปานนั้น......ก็นะคนอื่นมันไม่เข้าใจกับเรานี่......ยิ่งจมูกเราผ่านการขูดมาด้วยแล้ว .......ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่านานกว่ามันจะเข้าที่.......ก็ยังไม่วายจิตตก.......กลัว....กังวล....บางครั้งคิดไปขนาดว่า จะแก้ใหม่.....ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า จับผิดจมูกตัวเอง ตลอดเวลา.....จนบางครั้งเห็นเป็นภาพหลอน ว่าจมูกเบี้ยวบ้างอ่ะ  ปีกสองข้างไม่เท่ากันบ้าง   ทำแล้วแย่กว่าเดิมบ้าง    จนต้องถ่ายรูปตัวเองทุกวัน....เพื่อจับผิด
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-15 04:00
ตอบกระทู้ zozad ตั้งกระทู้

แนะนำนะครับ ให้คุณหาอะไรทำ จัดการความคิดของตนเองให้เป็นระเบียบ นั่งสมาธิหรือทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น จัดของเรียงของให้เป๋นระเบียบ ดูแลตัวเองตามที่แพทย์สั่ง บำรุงสุขภาพตามอัธยยาศัย ทำยังไงก็ได้ให้ผ่อนคลาย
คุณลองสังเกตุความรู้สึกของตัวเองดูว่าตอนคุณหยิบกระจกว่าคุณรู้สึกเหมือนหยิบยื่นความทุกข์ให้ตัวเองแค่ไหน แล้วลองเอามาเทียบกับตอนที่คุณอยู่ในสภาวะปกติ เช่น กิน นอน เดิน ทำกิจกรรมต่างๆ ว่ามันต่างกันแค่ไหน
แต่ถ้าคุณส่องกระจกแล้วเครียด ส่องหนึ่งครั้งจะเพิ่มความกังวลให้กับคุณ
ถ้าคุณส่องเรื่อยๆความกังวลก็จะเพิ่มมากขึ้น จนคุณสามารถจดจำจุดบกพร่องได้ทั้งหน้า ผลลัพธ์คือ คุณจะรู้สึกเบื่อใบหน้าตัวเอง และก็จะมีผลเสียและปัจจัยอื่นๆตามมาครับ
แต่ถ้าคุณรู้สึกแย่ในเวลา กิน นอน เดิน หรือทำกิจกรรมต่างๆเมื่อไม่ได้ส่องกระจก แนะนำให้คุณจัดการเรื่องสมาธิและสติครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้รวมถึงการถ่ายรูปด้วยครับ

ผมคิดว่าให้คุณหยุดถ่ายภาพดีกว่านะครับ
ส่วนเรื่องกระจกบานไหนไม่จำป็นเล็กๆน้อยๆให้เก็บไว้มิดชิด และถ้าคนรอบข้างบางคนไม่ให้ความร่วม อยากให้คุณสนใจแล้วเชื่อบางคนที่สามารถให้กำลังใจคุณได้ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีเพราะว่าในความเป็นจริงมันไม่ได้เลวร้ายเท่าคำพูดแย่ๆหลายๆคำจากคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณหรอกครับ เชื่อผม แต่คุณต้องมีวิจารณญาณที่ดี ฟังหรือคิดอะไรต้องสมเหตุสมกับความเป็นจริงด้วยนะครับ

รักษาสุขภาพด้วยนะครับจะได้หายเร็วๆ

โดย: zozad    เวลา: 2011-12-15 14:52
ตอบกระทู้ DirtyNeedle ตั้งกระทู้

เจ้าของกระทู้ มองโลกในแง่ดีจิงๆๆๆ ก็จิงอย่างที่คุณบอกอ่ะนะ ถ้าเราจับจดอยู่กับอะไรมากๆ  ก็จะยิ่งจดจำและเห็นแต่จุดบกพร่องของมัน.....เราเองก็คิดตลอดนะว่า มันก็ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ ....และอีกอย่างคือ คิดซะว่าคำวิจารณ์คือคำชม.........ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆนะคะ
โดย: ummy87    เวลา: 2011-12-15 15:08
กำลังจิตตกอย่างหนักเลย
จมูกใหญ่กว่าเดิมอ่ะ1อาทิตย์แล้วอ่ะ
เครียดๆๆๆ
โดย: up11u    เวลา: 2011-12-15 15:52
ใช่ค่ะ บางทีคนรอบข้างก้อกดดันเรา เข้าใจว่าที่พูดอาจจะเป็นห่วง หวังดี  แต่บางคำพูดก้อทำใรจิตตกได้ดีเลยทีเดียว เราเองก้อไปทำมาพรุ้งนี้ก้อครบเดือนแล้ว แต่เราแพ้ยาที่หมอบล็อกจมูกมา มันเลยทำหั้ยดูเหมือนหายช้า เราเจอคำพูดแย่ๆทุกวัน เน้น ทุกวันจิงๆค่ะไม่ใช่จากคนคนเดียว แต่เป็นหลายๆคน เมื่อไหร่จะหายอ่ะ หายช้าจัง คนอื่นไปทำมาไม่เห็นจะนานขนาดนี้ บางทีก้อพูดว่าเห็นคนนั้นโน่นนี้ไปทำมาไม่เห็นจะมีรอยไรเลย บางคน สูงไป ไปทำ ทำไมอันเดิมก้อสวยอยู่แล้ว มันทำหั้ยเรารู้สึกแย่จัง แค่หายช้าเราก้อจิตตกแล้ว เรายังไม่รู้เลยว่ามันหายแล้วออกมาจะเป็นยังไง อย่าถามมากได้มั้ย อยากจะบอก คำที่เราเจอแล้วเบื่อมากๆคือ ทำไมหายช้าจัง เบื่อมาก ถ้าเป็นไปได้เราก้ออยากหายภายนัยสามวันเจ็ดวัน ขอระบายหน่อยค่ะเก็บกด
โดย: porsheb2st    เวลา: 2011-12-15 16:22
ตอบกระทู้ verin ตั้งกระทู้

คุณอย่าคิดมากสิครับ เค้าไม่ฟังคุณหน่ะเพราะเค้าเปงห่วงคุณหรือป่าวอ่ะครับ เค้าเลยหวังดีไม่อยากให้คุณไปทำงานทั้งๆที่หน้าบวมขนาดนั้นอ่ะครับ แต่ก็อย่างว่าคนทำกับคนไม่ทำมันย่อมไม่เข้าใจกันอยู่แล้ว แต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะมาเลิกกันเพราะเรื่องศัลยกรรมเลย  ใจเย็นๆนะครับคนที่เค้าคอยดุว่าเราหรือบ่นให้เรา แสดงว่าเค้าเปงห่วงคุณและรักคุณไงครับ อย่าเอาเรื่องแค่นี้มาตัดสินให้มันเป็นเรื่องเลย ผมไม่ได้มายุ่งอะไรหรอกนะครับ แค่ผมหวังดีอ่ะอยากให้เข้าใจกันมากกว่าอ่ะนะ แต่คุณดูแลดีหน้าคุณก็ไม่บวมแล้วแหละครับ ผมว่าข้อความที่ผมส่งมาหาคุณในตอนนี้ป่านนี้คุณคงไปทำงานได้ปกติแล้วมั๊ง สู้ๆนะครับเอาใจช่วย............
โดย: porsheb2st    เวลา: 2011-12-15 16:27
เฮ้อ.............นั่นดิครับเซงมากกับกระจก เปงบ้าไปแล้วกับกระจกมองแล้วอารมเสียกับหน้าตัวเอง แม่งไม่ได้ดั่งใจเราเลย อยากจะแก้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆใหม่ซะให้รู้แล้วรู้รอด  แต่ก็มีคำว่าใจเย็นๆๆๆๆๆๆเข้ามาอีก ก็ต้องใจเย็นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆต่อไป เหงกระจกแล้วอยากจะทุบทิ้งจิงๆ ก็จิงอย่างที่ว่าเวลานี้ผมจิตตกมากๆอ่ะ เครียดตลอดเวลาอยากจะร้องไห้กลัวมันไม่ได้ดั่งใจ เฮ้อ...เอาเถอะมันอยู่ที่บุญวาสนาแล้วแหละว่าจะเป็นยังไงต่อไปรอดูกันอีกยาว........ในเมื่อเราตัดสินใจทำมันลงไปแล้วอ่ะ ตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากรอเวลาเท่านั้น............
โดย: verin    เวลา: 2011-12-15 19:20
ตอบกระทู้ porsheb2st ตั้งกระทู้

ขอบคุณจ้า ... จมูกก็โอในระดับนึงค่ะ เพราะยังยุบไม่หมด ... แต่มันเอียงอะจิ มันครบเดือนตอนน้ำท่วมพอดี เลยไม่ได้ไปให้หมอดู ไปดูอีกทีก็เดือนครึ่งเข้าไปแล้ว ... สรุปว่าก็ต้องแก้ล่ะ คือหมอก็แก้ให้ฟรีอะนะคะ แต่ต้องรอนี่ซี้ น้านนาน คิวหมอยาวมากมาย
โดย: ยุตา    เวลา: 2011-12-17 15:05
ตอบกระทู้ verin ตั้งกระทู้

อ่านของคุณ Verin รู้สึกว่า ทำไมความรู้สึกเหมือนเรา เป๊ะเลยง่ะ... ยิ่งแฟนนี่แหละทำเราจิตตกสุดๆ...พูดแล้วก็เศร้า...ตอนนี้ยุตาทำมาได้ 5 วันแล้วค่ะ แต่ก็ยังบวมอยู่เลย โดยเฉพาะแก้มขวา เหมือนคนพึ่งไปถอนฟันมาเลย...แถมจมูก 2 ข้างก็บวมไม่เท่ากัน ปลายจมูกเหมือนจะเชิดขึ้นอีกต่างหาก... ตอนนี้ก็ได้แต่พยายาม คิดบวกค่ะว่า เดี๋ยวก็สวย เดี๋ยวก็สวย...เฮ้ออออ! (ขอโทษนะค่ะระบายยาวเลย..เพราะตอนนี้รู้สึกนอย มากค่ะ)
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-25 22:24
ตอบกระทู้ zozad ตั้งกระทู้

OK ครับ ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะครับ ผมก็อยากให้คนที่กำลังรู้สึกไม่ดีในตอนนี้ได้คิดทบทวนอะไรบางส่วนที่มองข้ามไปบ้าง เพราะผมคิดว่าสิ่งที่มองข้ามบางอย่างนั้นมันเป็นจุดสำคัญ และบางอย่างมันก็เป็นแนวทางของการที่จะดำเนินวิถีชีวิตที่ดี ซึ่งรู้ควรจักแก้ปัญหาอย่างมีสติ การควบคุมสภาวะจิตใจ อารมณ์ครับ เพราะว่าบางอย่างที่ผมผ่านมา ผมก็คิดว่าผมก็ทนทุกข์ใจซึ่งใช้เวลานานเหมือนกันครับ ยังไงผมก็จะคอยให้กำลังใจเพื่อนๆในนี้นะครับ คิดบวกเยอะๆช่วยได้^^  


โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-25 22:29
ตอบกระทู้ ummy87 ตั้งกระทู้

เรื่องการบวมจากแผลผ่าตัด เจอกันทุกคนนะครับ อย่าเพิ่งไปคิดตรงนั้นเลย รอดูผลสุดท้ายที่จะได้รับดีกว่าครับ หาอะไรทำฆ่าเวลา เบี่ยงเบนความสนใจไปสนใจสิ่งที่น่าสนใจดีกว่าครับ พอถึงเวลาสุดท้ายผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาเองครับ

เป็นกำลังใจให้นะ^^ มีไรก็คุยกันได้ครับ
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-25 22:45
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DirtyNeedle เมื่อ 2011-12-25 22:52

ตอบกระทู้ up11u ตั้งกระทู้

นั่นแหล่ะครับ คือกับดัก อุปสรรค ของความสุข
เราทำศัลยกรรมเพื่อความสุขของเรา
ไม่ใช่ทำศัลยกรรมเพื่อมารับความทุกข์จากคำพูดคนอื่นที่โยนมาให้เรา (แบบไม่ได้คิด ไตร่ตรอง สมเหตุสมผล ตามจริง) ในตอนที่เรากำลังยังฟื้นตัวอยู่

ผมคิดว่าการทำศัลยกรรมก็ต้องใช้เวลาครับ ขอแค่ให้อดทนเป็นพอ เคสตัวอย่างมีเยอะแยะ ที่ในช่วงแรกๆไม่พอใจ และในระยะหลังกลับรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากการทำศัลยกรรมก็มีครับ เยอะมากๆด้วย
ทำเป็นไม่สนใจไปครับ อย่าไปพูด อย่าไปถาม ทำเป็น ไอดอนแคร์ไป เด่วแผลหายพวกที่ว่าก็รู้เองครับ^^

คำพูดแย่ๆจากคนเราอ่ะ มันพูดง่ายครับ และเขาก็ไม่มานั่งคิดหรอกว่าเราคิดอะไรบ้าง เจออะไรบ้าง เพราะเขาไม่เคยรู้
แต่คำพูดดีๆจากคนเราหาฟังยากครับ และก็มักจะมาจากคนที่คิดดีแล้ว แล้วค่อยพูดออกมาครับ สมเหตุสมผล ฟังแล้วชื่นใจ อิอิ

พูดคุยกันได้ตลอดนะครับ ไม่ต้องซีเรียส แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนในกระทู้ก็ได้ครับ ผมก็เคยทำแบบนี้เมื่อก่อน เป็นกำลังใจให้นะครับ

โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-25 23:12
ตอบกระทู้ porsheb2st ตั้งกระทู้

ทางกายภาพ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาครับ
ถ้าเราดูแลดี ผลดีครับ
ถ้าเราดูแลไม่ดี ผลก็ไม่ดีนะครับ

กระจกขอร้องให้เลิกยุ่งกับมันครับ อย่าไปคุยอย่าไปมองมัน
กระจก100บาน ส่องทุกบานก็ไม่เหมือนกันหรอกครับ

สิ่งที่สำคัญคือจิตใจครับ เราต้องมุ่งมั่นแน่วแน่ครับ ทำศัลยกรรมมันก็เหมือนทนทำปริญญาให้แม่แหล่ะครับ5555+ ทั้งใช้เวลา ทั้งเหนื่อย ทั้งสารพัด ต้องควบคุมตัวเองให้ดีครับ
อย่าเพิ่งไปคิดน้อยเนื้อต่ำใจไปเลยครับ คนเราจะให้ไปเหมือนคนนั้นคนนี้ตามที่ใจราอยากจะให้ไปเป็นไม่ได้หรอก พ่อก็คนละพ่อ แม่ก็คนละแม่ ผมว่าขอแค่ให้ที่ทำออกมาแล้วธรรมชาติเข้ากัน รับกันก็พอแล้วครับ ที่เหลือก็คงเป็นที่การแต่งตัวและบุคลิกภาพมากกว่านะครับ ถ้าบุคลิกภาพดี ก็จะทำให้ใบหน้าดูดีขึ้นมาทันตาเห็นเลยครับ

ยกตัวอย่าง เคน ธีรเดชนะครับ  เคนไม่ได้เป็นคนหน้าหล่อเลยนะครับ แต่หน้าตาดี และถ้าลองมองแยกส่วนจมูกเคนไม่สวยนะครับ ปากก็ไม่ แต่พอมารวมกันเป็นเคนหล่อทันตาเห็น5555+
(ผมว่าผู้ชายควรให้ความสำคัญที่บุคลิกภาพมากกว่าหน้าตานะครับ มันเป็นจุดดึงดูด และเสริมสร้างสเหน่ห์ได้มากเลยทีเดียว)


อย่าเพิ่งเครียดนะครับทุกคนเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกันหมดครับ
กว่าจะเซทตัวได้สมบูรณ์ ข-อ-แค่-เว-ลา  ครับ อดทนนะ
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-27 18:30
ตอบกระทู้ ยุตา ตั้งกระทู้

เป็นอาการปกติของการบวมนะครับ อย่าเพิ่งวิตกนะดูแลตัวเองดีๆครับ
พยายามอย่าไปสนใจในปัจจัยต่างๆที่ทำให้เรารู้สึกเครียดในขณะพักฟื้นนะครับ ต้องใช้เวลานะครับ
โดย: PV_love    เวลา: 2011-12-27 18:55
อ่านแล้วมีกำลังใจมากๆขอบคุณทุกๆความเห็นที่นำมาแชร์กันค่ะ
โดย: natchanonn    เวลา: 2011-12-27 18:59
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย natchanonn เมื่อ 2011-12-27 18:59

ยิ่งทำเยอะ ก็ ยิ่งนอยด์ มาก แถมของอย่างนี้มันอยู่ไมได้ยั่งยืนหรอกสักวัน ผลที่ทำมามันก็ต้องปรากฏออกมาให้เหน ไม่ใช่แค่การเสริมอย่างเดียว

จงพอใจในสิ่งที่มีจะดีกว่านะ เพราะยังไงของแท้ถึงจะไม่สวยเท่าของปลอมแต่มันปลอดภัยและยั่งยืนกว่าแน่นอน แต่ถ้าอยากสวยอยากหล่อจริงๆ ก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงให้ได้
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-28 14:10
ตอบกระทู้ PV_love ตั้งกระทู้

ยินดีมากเลยครับ ยังไงก็ขอให้หายไวๆเช่นกันนะครับ
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-28 14:38
ตอบกระทู้ natchanonn ตั้งกระทู้

ถูกต้องครับ แต่สำหรับบางคนที่เขาอาจจะไม่ได้เป็นเคสที่ผิดพลาด แต่เป็นแค่อาการจากสุขภาพจิตที่ไม่ค่อยดี เนื่องจากการทำศัลยกรรมซึ่งมีเยอะมาก
ก็แค่อยากให้กำลังใจและแนวคิดไปปฏิบัติในเชิงบวก และผมก็คิดว่าน่าจะช่วยอะไรบางอย่างได้ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยพวกเราก็สามารถแชร์ความรู้สึกกันได้ครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ
โดย: Linnysaweden    เวลา: 2011-12-28 15:35
เราอีกคนทำมาแล้วจิตตก อย่างที่ไปเดินตามห้าง เห็นคนที่รู้จักวิ่งหนีหลบๆคนที่รู้จัก ไม่อยากเจอใครๆ กลัวเขาจ้องหน้าเรา ใครไม่รู้คิดว่าเราทำไมหลบเขาโกรธเรื่องอะไร เมื่อก่อนเป็นคนร่าเริง เดียวนี้เปลี่ยนกลายซึมเศร้า ถ้าเราย้อนกลับไปได้ เราปล่อยให้หน้าตาเหี่ยวๆจะดีกว่าค่ะ ยิ้มได้แบบเต็มที่ หมอก็ทำให้เราเก่งๆยิ้มได้ เหมือนอึ่งอ่างปากขวด เราอ่านกระทู้นี้ ทำให้เเราคิดเลิกคบกับกระจก ไม่สนใจกับกระจก ปล่อยวางไปค่ะ
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-28 15:59
ตอบกระทู้ Linnysaweden ตั้งกระทู้

ใจเย็นนะครับ
ผมก็เคยผ่านตรงนี้มา
ผมเคยลาออกจากโรงเรียนเพราะกระจกเนี่ยล่ะ
เคยทุบกระจกแตกไปบานนึง
เคยเกลียดกระจก
จนมันทำให้ผมแย่ และรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆถึงที่สุดในโลก
แต่ผลสุดท้ายมันก็ทำให้ผมคิดได้ว่า บางคนที่เขาแย่มากๆกว่าเราเขายังมีกำลังใจอยู่ต่อได้
เราก็ไม่ได้รู้สึกแย่มากๆเหมือนเขา แต่ในขณะนั้นที่เรากำลังรู้สีกว่าเรารู้สึกแย่ที่สุดในโลกก็ตาม แต่ไม่ได้แย่ที่สุดครับ
ผมเลยเอาเวลาที่เหลือมาทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ผมไปหาโรงเรียนที่ใหม่เรียนถึงจะเรียนไม่มากไม่ทุกวันไปสู้กับเด็กโรงเรียนเกรดดีๆบางที่ไม่ได้หรือสู้ที่เก่าที่ผมก็เพิ่งออกมาไม่ได้ แต่ผมถือว่านี่เป็นการเรียนรู้ครับเป็นการถอยครั้งใหญ่ แต่ผมจะไม่หยุดก้าวแค่นี้ครับ ผมเอาเวลาที่ผมคอยต่อสู้กับกระจกทุกๆบานในโลกในกรุงเทพนั้น ไปหาอย่างอื่นทำ หางานทำ หากิจกรรมที่เราเคยชอบทำ แล้วก็เอาชนะมันให้ได้ครับ
บางอย่างมันเหมือนกับว่าถ้าผมไม่เจอจุดนี้ ผมอาจจะไม่ได้รู้สึกหรือคิดได้อะไรแบบนี้เลยก็ได้ ผมลองนึกถึงไปวันข้างหน้า ถ้าผมไปรู้สึกแบบนี้ตอนผมแก่ผมหงอกไกล้ตายล่ะ ผมคงจะรู้สึกว่า ผมโง่ที่สุดในชีวิตและโง่ที่สุดในโลกเลยครับ บางทีอุปสรรคที่เข้ามามันก็ทำให้เราเดินหน้าไปในทางที่ควรเดินครับ แค่เราต้องเอาชนะมันและผ่านไปให้ได้ หลังจากนั้นความเป็นตัวของตัวเองและความสุขก็จะค่อยๆเข้ามาหาเราทีละเรื่องสองเรื่องสามเรื่องสี่เรื่อง.....ไปเองเรื่อยๆครับ
เอางินี้ครับอย่าส่องกระจกนะครับ เลิกคิดอะไรบางอย่างที่ไม่จำเป็นไปดีกว่า สู้เอาเวลาไปนอน ไปออกกำลังกาย ไปหัวเราะกับเพื่อนๆ ไปกินข้าวดีกว่าครับ เมื่อเราทำอะไรที่ควรทำ หรือทำอะไรที่มีความสุขในชีวิต พอเราตื่นขึ้นมาอีกวัน เราก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าทำไมเราถึงแตกต่างจากวันก่อนๆ ซึ่งมันทำให้จิตใจเรา สู้มากขึ้นและก็เพิ่มพลังชีวิตมากขึ้น เรื่องบางเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องคิด เมื่อเราไม่คิด สักวันก็จะลืม และเฉยๆไปเองครับ  เป็นกำลังใจให้นะครับ

โดย: natchanonn    เวลา: 2011-12-28 23:12
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย natchanonn เมื่อ 2011-12-28 23:16

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย natchanonn เมื่อ 2011-12-28 23:14

ชอบกระทู้นี้นะ ผมว่าโดนใจหลายๆ คนเลย
เห็นกระทู้ด้านบนของคุณ Linny.... แล้วผมก็มีเรื่องจะเล่าเหมือนกัน

เรื่องของผมต้องใช้วิจารณญาณ นิดนึงนะครับ ผมไม่ได้จะชมตัวเองหรือแต่อย่างใด

เดิมทีก่อนศัลจมูกผมเป็นคนที่หน้าตาก็ถือว่าดี-ดีมากอยู่แล้วในระดับนึง เดินไปไหนมาไหนในมหาลัยนี่เพื่อนๆ จะคอยแซวผมตลอดเลยว่า คนโน้นคนนี้ มอง คนโน้นคนนี้แซว และอีกเยอะแยะมากมาย......

ผมถ่ายรูป ผมก็รู้สึกขัดหูขัดตากับจมูกผมเพียงอย่างเดียวเพราะหน้าผมไม่มีอะไรบกพร่องเลย อันที่จริงจมูกของผมมันก็ไม่ได้มีอะไร บกพร่องนะ โด่ง-โด่งมากอยู่แล้วด้วย แต่จมูกผมมันโด่ง แบบ ดาราชื่อ อ๋อม อรรคพันธ์ อะ โด่งปลายช่วงระหว่างตามันดูหุบๆมีฮัมพ์ เห็นรูจมูกนิดนึงผมไม่ชอบใจเลยลองคุยลองปรึกษา พ่อแม่และเพื่อน พ่อแม่กับเพื่อนผมนะ ก็ไม่เห็นด้วยว่าจะทำทำไมนี่ก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็นะ ใจเรามันไม่ชอบ..มันก็ต้องหาหนทางจนได้ จนผมคุยกับพ่อแม่ผมอีกที พ่อแม่ผมเขาก็ตามใจแถมออกเงินค่าใช้จ่ายให้ด้วย

ผมไปปรึกษา หมอ อยู่ 3 หมอ เทคนิคแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมก็เอาละสิ เลือกหมอไหนดีว้า (ต้องขอย้อนบอกนิดนึงว่า ผมเป็นคนที่ใจร้อนมากคือ คิดปุ๊ปจะตัดสินใจป๊ปเลยไมได้คิดอะไรมาก ไม่รอบคอบ)

ผมก็ตัดสินใจทำกับหมอท่านนึง ไมได้เสริมนะเนื่องจากทีแรกไม่รู้ความต้องการของตัวเองว่าจริงๆ ตัวเองต้องการอะไร ก็เลยแค่ตัดปีก กับ เหลาฮัมพ์ที่จมูกให้ตรง
หลังจากทำมาได้ไม่นานผมก็รู้สึกรับไมได้กับการเปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่เปลี่ยนไปแค่นิดเดียวจริงๆ ขนาดเพื่อนที่สนิทกินหมูทะด้วยกัน ยังไม่รู้เลย ถ้าผมไม่ได้บอก จากนั้นก็ผีห่าซาตานเข้าสิงเลยครับ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่อยากเจอผู้คนเป็นคนเก็บตัว โวยวาย จนพ่อแม่ผมต้องพาผมไปพบจิตแพทย์ 55+ คุยแล้วมันก็สบายใจช่วงนึงครับ หมอก็ให้ยาคลายเครียดมาทาน ก็อยู่ได้ช่วงนี้แต่เหมือนความต้องการของเราอะนะ มันยังไม่ใช่ ก็กลับมาเป็นแบบเดิม จนพ่อแม่ผมบอกว่าให้หาหมอที่ดีที่สุดแพงที่สุดมาเลย หรือจะบินไปเกาหลีเลยมั้ย เพื่อแลกกับความสบายใจของผมท่านจะทุ่มเงินให้ พ่อแม่ผมท่านบอกว่า ยอมเสียเงินเป็นล้านๆ ดีกว่าเห็นผมเป็นแบบนี้ ผมก็เลยกะว่าปิดเทอมหน้าผมจะลองทำดูครับ ตอนนี้ผมก็ได้หาข้อมูลมาเยอะพอสมควรแล้ว รู้ปัญหาต่างๆ มากมาย เตรียมรับมือไว้แล่วครับ
ต้องขอบอกเลยนะครับ ว่า ที่หมอที่ผมทำมาไม่ใช่ทำมาไม่ดีนะครับ ทำมาดี พ่อแม่ผมเพื่อนผมก็บอกว่า เห้ย..มันดีขึ้น ดูเรียวขึ้น แต่เหมือนเราทำมาวันๆ เราก็ส่องแต่กระจกอะครับ เชื่อว่าเกือบทุกคนเป็นหาจุดติไปเรื่อยเขาว่าดีไม่ได้น่าเกลียด ผมก็ส่องหาจนมีที่ติจนได้อะครับ แล้วจากนั้นจากที่เป็นคนหน้าใสกิ๊กไร้สิวสักเม็ด
เดินไปไหนวิ้งๆ ตลอด หลังจากเครียดจิตตกนั่นแหละครับ เพื่อนผม พ่อแม่ผมบอกเลยว่าหน้าผมดูอมทุกมาก
ราศรีในตัวของผมตัวหายไปเลย หน้าสิวขึ้นเยอะมากแล้วไม่มีทีท่าว่าจะยุบ ตอนนี้อะไรๆก็ดูแย่ไปหมดเลยครับ

พยายามกลับมาเป็นแบบเดิมอยู่

ขอบคุณนนะครับที่อ่าน อิอิ
โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-31 20:36
ตอบกระทู้ natchanonn ตั้งกระทู้

โอเคครับ ผมอ่านเรียบร้อยแล้วนะครับ  ขอบคุณเช่นกันครับที่อ่านข้อความจากผม

ผมอ่านแล้วก็เข้าใจดีเลยนะครับ555 นึกแล้วก็ตลกในบางเรื่องที่เรามีเรื่องราวคล้ายคลึงกันในบางเรื่อง

ผมมาคิดๆดูแล้วนะครับ ว่าเมื่อก่อนที่ผมจะทำศัลยกรรม ผมเป็นคนไม่ได้ติดกระจกเลย แต่แค่ไม่ชอบหน้าตาตัวเองในบางมุมเท่านั้น แต่ส่วนอื่นๆบางมุมมันก็เหมือนเป็นตัวของตัวเรามันก็ดูดีนะครับไม่เคยรู้สึกเบื่อ ความรู้สึกเบื่อหน้าตาตัวเองมันเริ่มเข้ามาหลังจากที่ผมทำหน้าเนี่ยล่ะครับ ผมเริ่มติดกระจก ผมสังเกตุสิ่งที่ไม่เท่ากันบนใบหน้า ผมเริ่มรู้ว่าไรผมของผมนั้นไม่เท่ากัน โครงหน้าช่วงกรามผมก็ไม่เท่ากัน
ริมผีปาก นัยตา แผลเป็นริ้วรอยต่างๆ ผมส่องจนพฤติกรรมดูผิดเพี้ยนผิดปกติ ชอบจับคาง บีบกรามตัวเอง ดึงปากตัวเอง อาการเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย จนคนไกล้ตัว อย่างพวกพี่ๆ เพื่อนๆ สั่งให้หยุดทำ บางทีว่างมากๆก็ชอบไปไล่ถามคนอื่นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เพื่อนเรียกร้องความสนใจ เหมือนกับหวังเพื่อที่จะได้กำลังใจดีๆหรือคำพูดโดนๆ เพื่อให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ส่วนมาก พอไปถามใครเขา พอเขาสังเกตุเขาก็คิดเหมือนเรา แล้วก็จะพูดว่าก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่สังเกตุไม่เห็นหรอก อะไรทำนองนี้(เลยกลายเป็นว่าเหมือนเขาไม่ค่อยได้สนใจที่จะตอบเราสักเท่าไหร่) บางคนที่ตอบว่าก็ไม่เบี้ยวนะ ก็ดูดีแล้ว(ก็กลับไปคิดว่าเขาโกหกเราซะอีก55555+) มันเป็นอาการย้ำคิดย้ำทำอ่ะครับ แล้วก็จะนำพาความเลวร้ายต่างๆเข้ามาสู่ตัวเรา เช่น ส่องกระจกแล้วมีอาการจิตตก สมาธิสั้น นอนไม่หลับ ทานอาหารไม่ตรงเวลา แล้วก็จะนำมาสู่การไม่ดูแลตัวเองครับ(เหมือนกับว่าเราจะชอบคิดอยู่กับตัวเองคนเดียว เหมือนภาษาเทพที่ใครก็ไม่เห็นในสิ่งที่เราเห็น ใครก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเข้าใจอ่ะครับ5555)  หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นคนไม่ดูแลตัวเองเลยครับโทรมมากๆ

ตอนแรกๆที่ทำมาก็ดูดี มีแต่คนสนใจกันอย่างท่วมท้น มันเป็นเหมือนช่วงที่พีคมากๆเลยครับ น่าจดจำมากๆ เป็นสิ่งที่สวยงาม และดูเหมือนเรามีค่าอย่างสุดๆ ไปไหนก็มีแต่คนชมคนชอบ แต่หลังจากที่เริ่มเก็บเล็กเก็บน้อยรายละเอียดบนใบหน้าจากกระจกทุกๆบานในโลก ผมก็เริ่มมีอาการเครียด วิตก แล้วก็อย่างที่บอกอ่ะครับ เริ่มไม่ดูแลตัวเอง เริ่มคิดว่าอยากจะแก้ไขนั่นนี่ จนเกือบบ้า(หรือบ้าไปแล้วก็ไม่รู้55) ช่วงแรกที่เป็นก็จะกินไรไม่ลงครับโทรมมากๆ พอหลังๆก็เหมือนปลงกินจนอ้วนปล่อยให้หน้าตาที่ทำมานั้นกลายเป็นดูแย่ไปเลย คนที่เคยเห็นเราในสภาพดีๆก็ตกใจกันหมด ทักทุกคนจนขี้เกียจตอบ จนบัดนี้ไม่มีใครสนใจแล้วครับ555 ตั้งแต่เริ่มปลีกวิเวก ลาออกจากโรงเรียน อยู่แต่บ้าน ปล่อยให้ตัวเองทรุดโทรม ผมก็กลายเป็นคนที่ไม่น่าสนใจ คนธรรมดาๆเหมือนคนอื่นๆทั่วไปที่เขาเดิน กิน เดินซื้อของ ไปทำงาน อย่างคนอื่นๆเขา จนมันทำให้ผมคิดได้ว่า คนเรามันก็ไม่ได้มีอะไรยั่งยืนเนอะ ของอะไรที่มันสวยสด วันนึงถ้ามันจะถึงจุดเปลี่ยน มันก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่สวยสดได้เช่นกัน

โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2011-12-31 20:36
ตอบกระทู้ natchanonn ตั้งกระทู้


ผมกลับไปมองที่แม่ผม แม่ผมเป็นเบาหวานจนแทบทำงานไม่ได้ เขากินทุกๆอย่าง เขาเครียดเรื่องเงินทองมหาศาล เครียดเรื่องครอบครัว เครียดสุขภาพ และก็เครียดเรื่องของตัวผม(ผมเป็นเด็กมีปัญหาครับ55) แม้กระทั่งเครียดเรื่องเส้นผมที่เป็นพันธุกรรมเส้นผมเล็กและบางด้วย แต่ตอนนี้แม่ผมกลับมาลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ดูแลตัวเองอย่างดีมากๆ แม่ใช้น้ำมันมะพร้าวนวดศีรษะ ทานอาหารอย่างถูกต้อง รู้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ผมหายจากโรคเบาหวานครับ และผมบนศีรษะแม่ก็ค่อยๆขึ้นมาทีละนิด มันดูหนาขึ้นอ่ะครับ รวมทั้งตัวผมที่เป็นลูกก็เหมือนทำตัวดีขึ้นด้วยมั้ง555 แต่ด้วยความที่สุขภาพดีเกินครับ แม่ผมเลยตั้งท้องน้องชายครับ555มหัศจรรย์ แล้วที่สำคัญโรคเบาหวานนั้นหายขาดเลยครับ คนแถวบ้านตกใจเรื่องแม่มากๆ

พอถึงตอนนี้ผมก็ลองกลับมานึกถึงเรื่องการใส่ใจเกี่ยวกับสุขภาพตัวเองของผมนั้นมีน้อยมากๆสู้แม่ไม่ได้เลย ผมกลับไปนึกถึงอดีตที่ผมเคยอดสูบบุหรี่ ทานอาหารสุขภาพ ทานอาหารเสริม จิตใจร่าเริ่ง เวลาว่างก็เขียนการ์ตูน อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง นอนเป็นเวลา อย่างมีความสุข ตอนนั้นผมหน้าใสมากๆเลยครับสุขภาพดีมากๆ อยากกลับไปเป็นแบบนั้นจัง55

แล้วที่สำคัญนะครับถ้าเราสุขภาพจิตดีบุคลิกภาพก็จะดีตามครับ แล้วผู้ชายก็ควรจะมีบุคลิกภาพที่ดีครับ

ตอนนี้เรื่องราวเลวร้ายต่างๆที่ผ่านมาของผมมันเหมือนเพิ่งผ่านไปครับ และผมก็คิดว่าตอนนี้ผมสมควรที่จะเริ่มดูแลตัวเอง บำรุงสุขภาพจิตและรักษาสุขภาพกายได้แล้ว สิ่งนี้มันทำให้ผมมีความหวังว่าสักวันอะไรๆก็คงจะดีขึ้นเรื่อยๆครับ
โดย: natchanonn    เวลา: 2011-12-31 23:07
ตอบกระทู้ DirtyNeedle ตั้งกระทู้

ทำมาดีแล้ว จะจิตตก ทำไมอ่าครับ
โดย: popularity    เวลา: 2012-4-6 21:14
ผมชอบกระทู้ของคุณมากเลยครับ
อ่านกระทู้ของคุณแล้ว รู้สึกเหมือนคุณเป็นนักจิตวิทยาที่ดีมากๆเลยครับ เขียนให้กำลังใจคนเก่งมากๆครับ
คนที่มีปัญหา ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง อ่านแล้ว น่าจะกำลังใจมีขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ

โดย: DirtyNeedle    เวลา: 2012-4-10 21:03
ต้นฉบับโพสต์โดย popularity เมื่อ 2012-4-6 21:14
ผมชอบกระทู้ของคุณมากเลยครับ
อ่านกระทู้ของคุณแล้ว  ...

ขอบคุณมากเลยครับ ผมก็ดีใจเหมือนกันนะครับ ที่ผมได้รู้ว่ามีคนบางคนเห็นค่ากับสิ่งที่ผมกำลังคิดและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ขอบคุณมากจริงๆครับ
โดย: tsubasaryu    เวลา: 2013-6-5 20:55
เขียนได้ฮามากเลยคะ แล้วเป็นข้อความที่คิดแง่บวกมากๆด้วย ^^ ชอบบบบบ ตอนนี้กำลังจิตตกมากคะ >< ทำตามาได้เดือนนึงแล้ว แต่ยังดูบวมและไม่เป็นธรรมชาติเลยคะ คิดตลอดว่าไม่น่าทำเลย แปะสติกเกอร์อยากเดิมก้อดีอยู่แล้ว คนรู้จักก้อทักว่าไปทำทำไม >< ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นโดนผู้ใหญ่ที่บ้านบอกว่าน่าเกลียด เสียเซลฟ์ไปเยอะเลยคะ ตอนนี้ก็ได้แต่นั้งปลอบใจตัวเอง ทำมาแล้ว คืนไม่ได้เปลี่ยนไม่ได้เหมือนสินค้า ยังไงก้อต้องทำใจยอมรับ (แอบขอระบาย =v=")
โดย: Maeardz    เวลา: 2013-6-22 01:47
เราชอบกระทู้มากเลย เหมือนนักจิตวิทยาอ่ะ
ทุกๆอย่างที่เขียนมาคือว่าเราเป็นแบบนั้นอ่ะจริงๆค่ะ 55
จิตตกตลอดเวลา ส่องกระจกทุกนาที ถ่ายรูปเก็บไว้ทุกวัน ทุกการเปลี่ยนแปลง
ยิ่งส่องกระจกมากๆ เราก็รู้สึกเหมือนจมูกมันเอียงมันเบี้ยวอย่างนั้นอย่างนี้ 555
ชอบคิดว่าทำไมไม่เห็นสวยเหมือนคนอื่นเลย
ยิ่งมาอ่านรีวิวของหมอหลายๆท่านก้ชอบคิดว่าทำไมไม่มาทำที่นี่นะ 555
ทำยังไม่ถึงเดือน เพิ่งได้ 21 วันเองค่ะ ตอนนี้อยากจะแก้มาก (จิตตก)





ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) Powered by Discuz! X3.2