|
โดยปกติครับ เมื่อร่างกายเราได้รับสาร (แท่ง) แปลกปลอมเข้าไปประกอบกันการเกิดการทำลายเนื้อเยื่อ เกิดการฉีกขาด ของหลอดเลือดต่างๆ ก็จะเกิดการบวมเพราะมีเลือดไหลภายใน ร่างกายก็จะพยายามซ่อมแซมตัวเองอย่างเร่งด่วนครับ หลักๆก็จะพยายามทำลายขจัดสารแปลกปลอมอันนั้นออกไปจากร่างกายนั้นเอง แต่ในเมื่อทำลายขจัดออกไปไม่ได้ก็เลือกที่จะห่อหุ้มเอาไว้ ไม่ให้เกิดการสัมผัสกับมันอีก ระยะเวลานี้เองจะกินเวลานาน เป็นหลายๆเดือนหลังระยะการอักเสบสิ้นสุดลง เมื่อเนื้อเยื่อของร่างกายไปหุ้มก็จะเกิดการบีบรัดจำกัดบริเวณครับ ถ้าแท่งซิลิโคนมีความอ่อนนิ่มรูปร่างก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ โดยปกติมักจะสังเกตเห็นว่าจมูกของเราโด่งขึ้นเรียวขึ้น ของผมก็เป็นครับในช่วงนี้จมูกเริ่มโด่งเด้งขึ้นเรื่อยๆ ดูดีพึงพอใจมาก อย่างไรก็ตามเมื่อระยะเวลาเปลี่ยนไป แท่งเกิดการบีบรัดจนสมบูรณ์และไม่เปลี่ยนไปมากนัก ก็เริ่มสังเกตเห็นความเบี้ยวและคลำเจอก้อนเล็กก้อนน้อยอันเกิดจากการที่หมอไม่ได้เอาซิลิโคนเหลวอันเก่าออกให้หมด ทีนี้เมื่อเอาอันเก่าออกไม่หมดมันก็ดันกับอันใหม่ที่เป็นแท่งครับ ผลคือแท่งอันใหม่เบี้ยวเห็นได้ชัดไปทางด้านนึงของจมูก
ปลายจากที่ควรจะอยู่ตรงกลางอันเป็นส่วนที่มีเนื้อจมูกตรงจะงอยก็เฉไปดันด้านข้างเกิดการตึงตัวและเริ่มอักเสบ สัมผัสแล้วรับรู้ได้ถึงแท่งซิลิโคน ก็กลายเป็นว่าอาจจะทะลุได้ครับ ตรงนี้เป็นอุทาหรณ์ไว้ว่าการเลือกแพทย์นั้นสำคัญเช่นนี้ ในเคสแก้เราก็ไว้วางใจให้ท่านดูแลเรา แต่ก็อย่างที่เห็นครับเอาออกไม่หมดทีนี้จึงได้ไปพึ่งพาแพทยืคนที่ 3 อันเดาเอาเองว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย
แพทย์ท่านนี้เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญสูงครับ กรุณาขูดเลาะอยู่นานแสนนาน จนออกมาหมดจด วิธีการสังเกตคือเมื่อจมูกเราหายจากการอักเสบแล้วคือแตะต้องจับได้ไม่รู้สึกเจ็บ ปวด แล้วพยายามลูบดูครับไม่ควรพบก้อนปุ่มปมใดๆครับ
ก็เป้นอันว่าท่านได้กำจัดเอาซิลิโคนเหลวที่อยู่กัยร่างกายของผมมาอย่างยาวนานออกไปจนหมดสิ้นแล้ว และก็มอบดั้งใหม่ที่น่าพอใจ ^^
เหนื่อยนิดหน่อยครับ
ขอบคุณครับ ครั้งหน้าจะขอแชร์เรื่อง ทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาทะลุทะลวงกันนะครับ ^^
|
|