ลัดฟ้ามาทำดั้ง! แชร์ประสบการณ์เสริมจมูก ที่ มาสเตอร์พีซ คลินิก

kimsatsawat

ปกติรีวิวสินค้าเป็นชีวิตประจำวัน วันนี้ขอรีวิว แชร์ประสบการณ์ศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตบ้างละกัน 5555 สวัสดีคร้าบเพื่อนๆ ที่หลงเข้ามาอ่าน อย่าเพิ่งกดปิดน่ะ อิอิ ชื่อคิมครับ เสริมจมูกกับมาสเตอร์พีซ คลินิกไป 6 เดือนแล้ว กะว่าจะรีวิวตั้งนานแล้วล่ะแต่ว่าไม่มีเวลาเพราะงานยุ่งมาก แต่วันนี้ว่างเลยมาจัดซะหน่อย




ก่อนเสริมจมูก จริงๆ คิมมีดั้งอยู่แล้วแต่มันไม่โด่ง หน้าตรงดูไม่มีมิติ ปลายจมูกดูใหญ่ๆ ปีกดูบานๆ

ด้วยความที่เราอยู่หาดใหญ่ จะหาคลินิกศัลยกรรมทั้งทีก็เลยอยากจะหาในกรุงเทพฯ เพราะคิดว่าน่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน แต่คลินิกศัลยกรรมเดี๋ยวนี้ก็เยอะเกิ๊น ก็เลย search หารีวิวเสริมจมูกใน google มันนี่ล่ะ ที่ไหนทรงสวย ถูกใจ ก็เอาที่นั่น สไตล์ทรงจมูกที่คิมชอบจะต่างจากปกตินะ ไม่ชอบหัวตาสูง ไม่ชอบแท่ง อยากได้ทรงที่มันดูธรรมชาติ ปลายไม่ต้องพุ่งมาก มนๆ รับองศาใบหน้าแค่นั้นจบ เหมือนจะเบสิค แต่แม่มหายากจริงๆ เพราะเทรนด์ในไทยพี่แกเล่นเสริมจมูกโด่งๆ พุ่งๆ เปลี่ยนเบ้าเป็นฝรั่งกันซะหมด 555 ดูเป็นสิบที่ก็ไม่ถูกใจสักที่

จนมาเจอรีวิวเสริมจมูกผู้ชายรีวิวนี้
http://www.dungdong.com/forum.php?mod=viewthread&tid=125149

ของมาสเตอร์พีซ คลินิก

อ่านแล้ว ใช่เลย แบบที่ชอบ สำหรับราคาเสริมดั้งที่นี่ก็ถือว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่แพงนะ 22,000 บาท มารู้อีกว่าคุณหมอที่ทำคือ คุณหมอต้น ชนกร เป็นคุณหมอที่ดังเรื่องเสริมจมูกด้วย แล้วราคาเท่านี้ น่าสนใจมาก เลยตัดสินใจโทรไป call center สอบถามข้อมูล พนักงานก็น่ารัก ให้รายละเอียดดี

ที่นี่มีซิลิโคนสำหรับเสริมจมูกให้เลือกถึง 2 แบบ ซิลิโคนอเมริกา กับ ซิลิโคนเกาหลี และยังเข้าไปปรึกษากับคุณหมอได้ฟรี ก็เพราะปรึกษาฟรีนี่แหละเลยตัดสินใจนัดคิวไป ใจจริงๆแล้วอยากปรึกษาและทำซะเลย แต่พนักงานบอกว่าต้องอยู่ที่การประเมินของหมอก่อนว่าจะสามารถทำให้ได้หรือไม่ ถ้าทำให้ได้ก็สามารถจองคิวทำวันถัดไปได้เลย ไปแบบเสี่ยงดวงมากๆ ครับตอนนั้น

วันที่เข้าไปคลินิกครั้งแรก ตกใจครับ เพราะไม่คิดว่าคลินิกจะใหญ่ขนาดนี้ คิดว่าเป็นตึกแถวชั้นเดียวเหมือนคลินิกทั่วไป แต่ที่นี่มีถึงสองตึกใหญ่ใกล้ๆ กัน เป็นตึกศัลยกรรม กับตึกสกิน ให้เรียกว่าโรงพยาบาลยังได้ แล้วลูกค้าก็เข้าออกเยอะมาก หลังจากที่ทำเอกสารข้อมูลส่วนตัวเพื่อทำจมูก จากนั้นก็นั่งรอ เห็นได้ชัดว่ามีลูกค้าเข้าออกเกือบตลอด ตอนนั้นรู้สึกมั่นใจทันทีว่าที่นี่ต้องมีคุณภาพแน่นอน เพราะลูกค้าเยอะขนาดนี้ แต่เราจะผ่านตอนปรึกษากับหมอไหมนี่สิ?

ผ่านไปประมาณ 30 นาทีก็ได้เข้าพบคุณหมอต้นเพื่อปรึกษา ตื่นเต้นมาก คำถามในหัวที่เตรียมมาเยอะหายเกลี้ยงไปเลยครับ 555 ตอนคุยกันคุณหมอจะจับหน้าจับจมูกเรา มองหลายๆ มุม แล้วก็ถามว่า อยากเสริมจมูกแบบไหน ตอนนั้นตอบไปแค่ว่า อยากเสริมดั้งโด่งๆแบบธรรมชาติครับ หลังจากนั้นคุณหมอก็อธิบายให้ฟังเป็นชุดๆ ว่าจะเสริมจมูกออกมาให้โด่งขนาดไหน แล้วก็แนะนำให้ใช้การเสริมจมูกแบบซิลิโคนเกาหลี สนนราคาก็อยู่ที่ 22,000 บาท เพราะจะได้รูปทรงที่ดูธรรมชาติมากกว่าอเมริกา (ถ้าเสริมของอเมริกาจะได้โด่งกว่า แต่ซิลิโคนแข็งกว่าของเกาหลี) พอฟังมาแบบนี้แล้ว คุณหมอไฟเขียวแบบนี้ ก็ตัดสินใจนัดทำสิครับ รออะไร 555 และก็ได้คิววันพรุ่งนี้เช้าเลย

โชคดีที่ไม่ได้ไปปาร์ตี้มาก่อนเกือบเดือน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรหรอกแต่ไม่มีเวลาไป ส่วนบุหรี่ก็ไม่ได้สูบ มีแต่อาหารเสริมที่ทานพวกวิตามิน งดแค่คืนเดียวไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน (พนักงานบอกว่าพวกอาหารเสริมบางตัวทำให้เลือดไหลเยอะ) ต้องรอลุ้นกันตอนผ่าตัดล่ะครับ

ขอข้ามไปตอนผ่าตัดเลยละกัน ขอนั่งยัน นอนยันว่า หมอมือเบา มาก มาก เจ็บ น่ะเจ็บนะ แต่เป็นคนตอนคุณหมอจิ้มปลายเข็มลงบนผิวหนังเราแค่แป๊ปเดียว ไม่ถึง 2 วินาทีเท่านั้นครับ เทพมากๆ แล้วตอนทำคุณหมอแกก็นิ่งสุดๆเลยครับ ดูติสท์ๆ แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายไม่เครียดเท่าไหร่ เพราะมีเพลงเปิดให้ฟังตลอดการผ่าตัด พี่ๆ พยาบาลก็ชวนคุยไปในตัวให้เราคลายกังวลด้วย น่ารักตั้งแต่แม่บ้านจนหมอเลยครับที่ มาสเตอร์พีซ คลินิก

kimsatsawat

หลังการผ่าตัดเสริมดั้งใหม่มาเรียบร้อยแล้ว สังเกตได้ชัดว่าหน้าเริ่มบวม ไม่มีอาการช้ำเขียวนะ ผมอยู่กรุงเทพฯ ต่ออีก 3 วัน เตรียมซื้อ cool pack มาไว้เลย หลังทำเสร็จทันทีรีบนั่งแท็กซี่กลับที่พักไปประคบเย็นที่ห้องอย่างด่วนเลยครับ แล้วก็ทานนมรองท้องแล้วทานยาต่อ สักพักก็หลับไปตื่นมาอีกทีหัวค่ำลงไปซื้ออะไรทานแถวที่พักขึ้นมาทานยาแล้วประคบต่อจนหลับ


พอฟื้นมาวันที่ 2 รู้สึกว่าบวมขึ้นกว่าเมื่อวานโดยเฉพาะบริเวณหนังตาเรา รู้สึกตึงๆ หน้า เวลานั้นมันทนหัวมันไม่ไหว ล้างหน้าก็ลำบาก สระผมเองก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจ ไปสระผมที่ร้านตัดผมแถวๆ ที่พัก ตอนสระพนักงานก็แอบเกร็ง สงสัยเพราะตกใจหน้าเรา (ใครไม่ตกใจก็บ้าแล้ว5555)



วันที่ 3 ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องกลับหาดใหญ่ที่สนามบินดอนเมือง ใส่แมสก์ปิดปากไปคนก็ไม่ค่อยสังเกต แต่จริงๆ วันนี้บวมน้อยกว่าเมื่อวานนะ โดยเฉพาะตรงบริเวณตา (คงเพราะเมื่อวานประคบทั้งวัน) แต่ใต้ตามีรอยช้ำแดงๆ นิดๆ ดีที่ดูไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ความรู้สึกยังคงเหมือนเดิม ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ได้ทานยาแก้ปวดเลย แต่รู้สึกรำคาญพลาสเตอร์ปิดจมูกนิดนึงเพราะอากาศค่อนข้างร้อน หน้าก็ทาครีมไม่ได้ (หน้ามันแผล่บเลยทีเดียว) กว่าจะถึงบ้านก็เย็นๆ เลย เดินเข้าบ้านทุกคนเข้ามาต้อนรับด้วยความเป็นห่วง แม่จะดูกังวลเพราะไม่ค่อยอยากให้ทำ แต่พอเห็นสภาพเราคือมันไม่น่าบวมไม่ได้ช้ำอะไรเลยเค้าเลยหายกังวลไปได้บ้าง แต่ดูแลอย่างดี หาอะไรให้กินทั้งวัน


วันที่ 4 5 อาการบวมลดลงอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 6 รำคาญพลาสเตอร์จมูกเลยไลน์ไปถามคลินิกว่าเอาออกวันนี้เลยได้ไหม สรุปเอาพลาสเตอร์ที่จมูกออกได้นะครับแต่ต้องระวังห้ามดึง ห้ามแกะ ให้ใช้น้ำอุ่นถูมันจะค่อยๆ หลุดออกมาเอง

วันที่ 7 ไปตัดไหมที่ โรงพยาบาลแถวบ้าน พยาบาลยังทักว่าเสริมจมูกที่ไหน สวยมาก อิอิ (รอยช้ำเริ่มจางลงเกือบหมดแล้ว หายช้ำแบบ 100% ประมาณวันที่ 12)


1 เดือน ยังรู้สึกว่าสันจมูกตรงช่วงหัวตายังสูงไป และปลายจมูกยังดูโต ยุบไม่เท่ากัน อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ประคบ (ประคบแค่ 2 วันแรก) เลยยุบช้ากว่าชาวบ้าน แต่คนรอบตัวก็ทักว่าดูดีขึ้น

3 เดือน เป็นช่วงที่รู้สึกว่าจมูกเข้าที่เข้าทางแล้ว สันจมูกที่ดูโด่ง สูง ตอนนี้เริ่มลดลงมาเป็นเคิร์ฟนิดๆ ดูธรรมชาติ ปลายจมูกที่บวมไม่เท่ากันตอนนี้ยุบเรียวเท่ากันแล้วครับ (ไม่มีเวลาบินไปติดตามผลกับคุณหมอแต่ส่งรูปให้คลินิกประเมินต่อเนื่องนะครับ ที่คลินิกบอกว่า 6 เดือนถึงจะยุบเกือบ100% อย่าเพิ่งนอยด์อะไร แต่ส่วนตัวตอนนี้ 3 เดือนก็คิดว่าโอเคมากๆ อาจจะมีบวมๆ นิดๆเท่านั้นเอง)


ปัจจุบัน ตอนนี้ 6 เดือนกว่า ความโด่งของสันจมูกลดลงมานิดๆ ตรงช่วงหัวตา ปลายจมูกดูเรียวมน ชอบมากๆ ครับ รู้สึกตัวเองกลายเป็นคนบ้ากล้องไปเลย ตอนนี้แม่ที่ไม่ค่อยอยากให้ทำศัลยกรรมยังอยากให้พาไปปรึกษาทำตาด้วย 5555 ส่วนเพื่อนๆ ไม่ต้องพูดถึงครับ ตามไปทำกันหลายคนเลย เพราะผลงานคุณหมอแกสุดยอด


เวิ่นเว้อมาซะยาว ก็ขอจบการแฃร์ประสบการณ์เสริมจมูกครั้งแรก ที่ผมตั้งใจบินลัดฟ้ามาเปลี่ยนดั้ง ซึ่งคิดถูกจริงๆ ที่ไปทำที่นี่ครับ ปรึกษาก็ฟรี การบริการก็ดีทั้งก่อนและหลัง คุณหมอก็มืออาชีพ ใครที่มีแพลนจะทำศัลยกรรมอะไรก็ตาม แนะนำเลยที่ มาสเตอร์พีซ คลินิก เป็นอีกตัวเลือกนึงที่ห้ามพลาดเลยอ่ะ ลองเข้าไปสัมผัสดูครับ ^^