ดู: 2079|ตอบกลับ: 25
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[ศัลยกรรมเกาหลี] เมื่อผู้ชายมาศัลยกรรมเกาหลี,จมูก,ตัดโหนกแก้ม,วีไลน์,ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม,ดูดไขมันเหนียง(ละเอียดยิบ2)

[คัดลอกลิงก์]
เมื่อผู้ชายศัลยกรรมเกาหลี,จมูก,ตัดโหนกแก้ม,วีไลน์,ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม,ดูดไขมันเหนียง(ละเอียดยิบ)





สวัสดีครับเราชื่อเบียร์ (Line ID : merfy ,FB : Nopadol Muenthong, IG:merfy_beer)  




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 00:34:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-10-3 00:35




สวัสดีครับเราชื่อเบียร์ (Line ID : merfy ,FB : Nopadol Muenthong, IG:merfy_beer)  

ตอนนี้เราผ่าตัดกระดูกโครงหน้ามาได้ 3-4 วันแล้ว

ขอย้อนไปถึงการผ่าตัดศัลยกรรมก่อนหน้านี้แล้วกันนะ


รูปด้านบนเป็นรูปก่อนที่จะมาศัลยกรรมที่เกาหลี

จากรูป เราเคยเสริมจมูก 1 ครั้งเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว

นอกจากเสริมจมูก เราไม่เคยทำศัลยกรรมอะไรเลย แม้กระทั่งการฉีด Filler หรือ Botox ต่างๆ


ทำไมถึงแก้จมูกใหม่ ?

เพราะจมูกที่เสริมมาครั้งแรก เห็นชัดชึ้นเรื่อยๆ ว่ามันเบี้ยว ตรงสันจมูกเห็นเป็นแท่งๆ

ดูแล้วปลายจมูกเชิดเหมือนหมู รูจมูกก็เบี้ยว เพื่อนแซวว่า เอายาดมมายัดจมูกทำไม  

เราอยากได้ปลายจมูกที่ยาวขึ้น โด่งขึ้น และดูเป็นธรรมชาติมากกว่านี้


เราแก้จมูกใหม่ที่เกาหลีเมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว ก่อนที่จะมาศัลยกรรมโครงหน้า


วิธีการผ่าตัด เป็นการผ่าตัดแบบวางยาสลบ

โดยการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงของตัวเอง ร่วมกับ ซิลิโคนตัวไอ

(ซิลิโคนที่เสริมมาครั้งแรกเป็นลักษณะตัวแอล พอนานไปปลายจมูกจะเชิ่ดขึ้นเรื่อยๆ)

- ทุบดั้ง

- แก้ปลายจมูกสั้น

- แก้จมูกเบี้ยว(คุณหมอบอกว่าแก้ได้นิดหน่อย)

- ทำผนังกั้นจมูกให้ยาวขึ้น

- ตัดปีกจมูก

ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 5 ช.ม.



หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 ช.ม.



หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 ช.ม.



หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 ช.ม.



หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 ช.ม.

มีผ้าก็อตปิดที่รูจมูกและวาง cool pack ประคบเย็น(ใช้ผ้าบางๆรองที่ประคบด้วยนะ)



เรานอนพักที่คลีนิคหลังจากผ่าตัด 2-3 ชม. แล้วก็กลับมาที่ที่พักครับ

หลังผ่าตัดรู้สึกมึนๆ กระหายน้ำ อยากดื่มน้ำมากเลย

แต่ต้องรออีก 2-3 ช.ม.เลยถึงจะดื่มได้ ต้องพยามยามหายใจทางปาก

ให้ก๊าชยาสลบออกจากปอดให้ได้มากที่สุด


ข้อควรปฎิบัติจากการศัลยกรรมเสริมจมูก


1.ให้นอนโดยยกหัวสูงกว่าหัวใจประมาณ 30 องศา จะช่วยให้อารการบวมของใบหน้าลดลงเร็วขึ้น

2.ช่วง 72 ช.ม.แรกเป็นช่วงที่มีอาการบวมเยอะที่สุด ให้ประคบเย็น

โดยการนำแผ่นเจลประคบ cool pack ไปแช่ในช่องฟรีส แล้วจึงนำมาประคบ

วันที่ 4 หลังจากการผ่าตัด ให้เปลี่ยนมาประคบอุ่น และนำแผ่นเจลประคบไปแช่น้ำอุ่น

ให้อุ่น แล้วจึงนำไปประคบ ระวังอย่าให้ร้อนเกินไปผิวอาจจะเกิดการลวกได้

3.อาการบวม และ ระยะเวลาการพักฟื้นของแต่ละคนจะแตกต่างกัน โดยปกติอาการภายใน 5-7 วัน

อาการที่บวมอย่างรุนแรงจะค่อยๆเริ่มหายไป 1 เดือนผ่านไปจะเริ่มดูเป็นธรรมชาติขึ้น

แผลข้างในจะเริ่มสมานดีประมาณ 6 เดือนขึ้นไป

4.รอยช้ำที่เกิดขึ้น ในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด การประคบอุ่นบริเวณที่ช้ำจะช่วยได้

ในช่วงที่มีรอยช้ำ ให้หลีกเลี่ยงการโดดแดดโดยตรง ควรจะสวมหมวกและทาครีมกันแดด

5.คนไข้บางรายอาจจะมีผ้าก็อตปิดที่รูจมูก ประมาณ 1-2 วัน สามารถเอาออกได้ ทาง ร.พ.จะเอาออกให้แล้วแต่กรณี

หากเลือดหยุดไหลแล้ว สามารถนำออกได้

ุ6.ตัดไหม และ เอาเฝือกที่ครอบจมูกออก 7 วันหลังผ่าตัด

7.สมารถแต่งหน้าและล้างหน้าได้หลังจากตัดไหมที่จมูกแล้ว ในวันถัดไป (วันที่ 8 หลังผ่าตัด)

ระหว่างที่ยังไม่ได้ตัดไหม ให้ใช้น้ำยาเช็ดหน้าแทน เพราะต้องระวังน้ำไม่ให้โดนแผลที่ผ่าตัด

8.หลังการผ่าตัดให้ใช้คัตเติ้ลบัต (สำลีก้าน) ชุบน้ำยาล้างแผลที่ทาง ร.พ.จัดให้ เช็ดแผลในจมูก

วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น แล้วจึงทาด้วยยา Fucidine (ขี้ผึ้ง) จะช่วยให้แผลหายไวขึ้น

9.ข้อควรระวังในช่วง 1 เดือนแรกหลังจากศัลยกรรม คือ ให้งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ บุหรี่ ซาวน่า

หรือ ไม่ควรอยู่ในที่ร้อนๆ ห้ามใส่แว่น งดออกกำลังกายหนักๆ งดการสั่งน้ำมูก

10.หลังจากการผ่าตัด ควรปฎิบัติตามข้อควรปฎิบัติอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้น

อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 00:38:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


หลังผ่าตัดวันแรก


ความรู้สึกหลังจากฟื้นจากยาสลบ

ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองอยู่หลายครั้ง เราก็ลืมตาขึ้นมา

ภาพตรงหน้ามันเป็นแสงสีขาวจ้าแต่พร่า

อารมณ์เหมือนคนโดนยาสั่ง 555 ใครให้ทำอะไรก็ทำ มันว่านอนสอนง่ายไปหมด

มันมึนๆเบลอๆ นอนอยู่กับที่ตรงนั้นอยู่ซักพักใหญ่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่บริเวณเข็มให้น้ำเกลือ

มันเจ็บแบบเจ็บมาก (นี่งงเหมือนกันนะ ปกติคนเค้าก็ไม่ค่อยเจ็บกัน)

แต่เจ็บเราก็อดทนเนาะไม่โวยวาย จนกระทั่งน้องล่ามและทีมวิสัญญีแพทย์พาเราออกจากห้องผ่าตัด

คือมันเป็นการเดินที่เหมือนลอยได้อะ 55555 (เวอร์ไปป่ะ!!!???)

พามาถึงห้องพักฟื้น.เค้าก็ให้เรานอนพักฟื้นตามชื่อห้องเนอะ

แต่เรานอนไม่ได้เลยเราเจ็บ อาการเจ็บบริเวณเข็มน้ำเกลือยังคงเหมือนเดิมเผลอๆเจ็บขึ้นด้วย

เราเลยบอกน้องล่ามว่าเอาสายน้ำเกลือออกให้หน่อยเราไม่ไหวแล้ว น้องล่ามรีบแจ้งทีมคุณหมอทันที

เพราะน้องล่ามก็สังเกตุเห็นอาการเรามาตั้งแต่แรกแล้ว คุณหมอพอทราบก็เดินมาฉีดยาแก้ปวด

แล้วเอาเข็มน้ำเกลือออกให้ พอเอาออกก็รู้สึกดีขึ้นไม่เจ็บบริเวณนั้นแหละ

แต่มันย้ายมาเจ็บบริเวณซี่โครงด้านซ้ายแทน มันไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นอะ มันจี๊ดๆแปล๊บๆ

ที่หน้าก็รู้สึกตึงๆ ซักพักเราก็เผลอหลับไป

รู้สึกว่าเราจะหลับไปประมานเกือบๆ 2 ชั่วโมง เราก็เดินทางออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน



คืนแรกเค้าเรียกกันว่าคืนวัดใจ...เพราะอะไรหนะหรอ

เพราะมันหมดฤทธิ์ยาแก้ปวดหนะซิ ในเคสของเราคุณหมอแกใช้เหมือนแผ่นซิลิโคนบางๆ

อุดไว้ในจมูกทำให้หายใจทางจมูกไม่ได้อยู่ 7 วัน

ช่วง 1-2 วันแรกยังไม่ชินกับการหายใจทางปากเท่าไหร่

ทำให้รู้สึกอึดอัดมากเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเรายังมีอาการปากลอกด้วยนะ

สงสัยเพราะหายใจทางปากอย่างเดียวอยู่ 7 วัน

คือช่วงวันแรกๆ เราจะรู้สึกเจ็บบริเวณซี่โครงด้านซ้ายตลอด จะลุก จะเดิน จะนอน จะนั่ง

ก็จะรู้สึกจี๊ด รู้สึกแปล๊บ แต่พอผ่านไปซักระยะ พอจับจังหวะได้ ก็จะไม่ค่อยรู้สึกและ

และการที่เราทำจมูกเนี่ย คุณหมอแกจะโกนขนจมูกออกด้วยนะ

ทำให้เราไอและจามง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามดูแลตัวเองดีๆ

อย่าให้ไอหรือจามบ่อยๆ ไม่งั้นเจ็บซี่โครงแย่เลย สำหรับเราอาการเจ็บจี๊ดๆแปล๊บๆ

บริเวณซี่โครงอยู่กับเราประมาน  1 เดือนนะ หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรละ

แผลหลังหูเนี่ยหายช้าสุด ประมาน 2 เดือนได้กว่าจะหายเจ็บ ความจริงเราแทบจะไม่รู้สึกเลยนะ

ถ้าเราไม่ไปนอนทับหรือโดนมันจังๆ



หลังจากผ่าตัด 72 ชั่วโมงแรก เป็นวันที่เราบวมเยอะที่สุด



แผลที่ผ่าตัดกระดูกอ่อนซี่โครง ครบ 7 วัน

ตัดไหมวันนี้ครับ



ครบ 7 วัน มาตัดไหมที่จมูก,หลังหู,บริเวณที่ผ่าตัดกระดูก

และแกะเฝือกที่จมูกออก

ไหมที่จมูกจะมีทั้งไหมละลาย และไหมไม่ละลายวันนี้ตัดไหมที่ไม่ละลาย

ไหมละลายจะหายไปเองภายใน 2-3 เดือนแล้วแต่เคส ห้ามไปแคะหรือตัดเองเด็ดขาด



7 วันหลังผ่าตัด (หลังจากถอดเฝือก ตัดไหม)



ช่วงแรกๆ ทานอาหารลำบากหน่อยครับ

ต้องทานของอ่อนๆ เพราะปากยังตึงๆ  อ้าปากลำบาก
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 00:42:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


หลังจากทำจมูกครบ 3 สัปดาห์​

อาการช้ำที่ใต้ตาเริ่มหายไปตั้งแต่สัปดาห์ที่สองแรก จะเห็นแค่รอยเหลืองๆ จางๆ

อาการบวมจะเห็นชัดเจนบริเวณสันจมูกครับ แต่ปลายจมูกก็ยังดูตุ่ยๆ อยู่

แผลกรีดปีกจมูกดีขึ้นเยอะมาก






หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 1 เดือน

เริมใส่แว่นบ้าง เฉพาะเวลาถ่ายรูป เพราะกลัวจมูกเบี้ยว



หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 1 เดือนกว่า



หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 2 เดือน



หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 3 เดือน

ครบ 3 เดือนเราถึงใส่แว่นแบบปกติครับ
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 00:43:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

รูปก่อนทำ และ หลังทำจมูกได้ 4 เดือนกว่า


เกริ่นนำเรื่องจมูกไปแล้ว คราวนี้มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

สำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง เกี่ยวกับการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกโครงหน้า



คือพอทำจมูกมาแล้ว เราก็รู้สึกว่าเออ ดูดีขึ้นเหมือนกันนะเรา จากที่ไม่เคยคิดจะทำอะไรกับหน้าอีก

แต่พอทำมาแล้วมันดีขึ้นเยอะมากกก  แต่ก็รู้สึกว่า บางมุมมันยังไม่ใช่ บางทีก็หามุมถ่ายรูปยากเหมือนกัน

เวลาที่เราใส่เราหมวก หน้ามันดูบานๆ ใหญ่ๆ อยากให้หน้าดูเล็กลง

ดูซ๊อฟๆ ลงกว่านี้ กรามเราใหญ่มาก โหนกแก้มถ้าสังเกตุดีๆ ด้านข้างจะสูง ต่ำไม่เท่ากัน

เวลาเซลล์ฟี่ตัวเองเนี่ยกว่าจะได้รูปคือหมุนตัว ยกกล้องสูง กดกล้องต่ำ

น้ำหนักของเราก็เพิ่มขึ้นด้วยทำให้เหนียงก็มา ลดน้ำหนักแล้วเหนียงมันก็ไม่ไป

ทำให้หน้าเราดูกลมและบานมาก เราเลยถามตัวเองว่าจะเอายังไง

จะยอมรับว่าตัวเองดูดีได้แค่นี้หรือจะเดินหน้าต่อ คิดไปคิดมาก็...

เอาวะ!!!! มาถึงนี้แหละ เกิดมาทั้งทีขอเห็นหน้าตัวเองหน่อยเหอะว่าถ้าดูดี

เราจะดูดีได้ขนาดไหน...  



เราเลือกผ่าตัดที่โรงพยาบาลดีเอ หรือ D.A Plastic Surgery

ตั้งอยู่ตรงถนนกังนัม คุณหมอที่ผ่าตัดให้เราคือ คุณหมอ ลี ซัง วู

ซึ่งคุณหมอเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระดูกโครงหน้า

และยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลดีเออีกด้วย

คุณหมอเขียนบทความวิจัยในหนังสือดังๆ หลายเล่ม ประวัติหมอยาวเหยียดมาก

เคยออกรายการเมคโอเวอร์หลายๆ รายการ ตอนที่คุณหมออยู่โรงพยาบาลเดิม ก่อนจะออกมาเปิดเอง

คุณหมอมีคนไข้เยอะมาก รางวัลก็เยอะ และที่สำคัญคุณหมอได้รับรางวัล

โครงหน้ายอดเยี่ยมเมื่อปีที่แล้ว "Medical Asia 2015"

คุณหมอลี ขึ้นชื่อในการผ่าตัดที่รวดเร็ว และแม่นยำ ทำให้คนไข้เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวไว

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 00:51:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ก่อนที่เราจะผ่าตัด เราได้นัดเข้าไปปรึกษาคุณหมอก่อนนะครับ

ทางโรงพยาบาลให้เรากรอกประวัติ และ ไปทำ CT Scan ก่อนที่จะเข้าพบกับคุณหมอโดยตรง

แต่ก่อนจะพบหมอ จะมีผู้ให้คำปรึกษามาพูดคุย สอบถามและให้ข้อมูลเบื้องต้นกับเราก่อน

เอาล่ะ เราไปที่วันที่เข้าผ่าตัดกันเลยดีกว่า


6 กรกฎาคม 2559




ชื่อเล่น : เบียร์ (Line ID :merfy)

อายุ : 28 ปี

สูง : 168 cm.

หนัก : 65 kg.

8.00 น. เรามาถึงโรงพยาบาล DA ตามเวลาที่โรงพยาบาลนัดเลย

มาถึงก็เจอน้องล่ามมารอแต่เช้า  

รูปมุมนี้จะเห็นชัดว่าหน้าเราบานมาก (นั่งรอเจ้าหน้าที่เรียกที่ Lobby ของ ร.พ.)



เจ้าหน้าที่ให้เรามานั่งรอที่ห้อง consult (VIP1)





เจ้าหน้าที่เอาเอกสารเซ็นต์ยินยอมก่อนเข้าห้องผ่าตัดมาให้เซ็นต์

เอกสารจะมีเป็นทั้งภาษาเกาหลี และ ภาษาไทย

เนื้อหาใจความก็ตามโรงพยาบาลศัลยกรรมทั่วไปครับ เราต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา



หลังจากนั้นก็ไปถ่ายรูป ก่อนเข้าห้องผ่าตัดไว้ก่อน



ไปถ่าย CT Scan อีกครั้ง

อยากจะบอกว่าเราโชคดีมาก

เพราะทางโรงพยาบาลได้สั่งซื้อเครื่องนี้มาใหม่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด  

มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท




มีรูปเราขึ้นที่น่าจอด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องนี้จะละเอียดมาก

ก่อนหน้านี้เราได้เข้ามาตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

ที่โรงพยาบาลแล้วครับ



X-Ray ปอด




พบคุณหมอก่อนเข้าห้องผ่าตัด

โดยเรากับคุณหมอจะร่วมกันดีไซน์โครงหน้าว่าจะออกมาให้ประมาณไหน

หมอให้เอาตัวอย่างรูปหน้าที่ชอบให้ดู เพราะบางทีแบบที่เรากับหมอชอบอาจจะไม่ตรงกัน

แต่เอาจริงๆแล้วเราวางใจคุณหมอมาก เราแค่บอกคุณหมอว่าอยากได้รูปหน้าแบบนี้ แบบนี้ๆ  

เอามือชี้ๆ ล่ามก็แปลตาม

ขอหน้าเล็กลงกว่านี้ คุณหมอแกพิจารณาหน้าเราอีกที

แกอธิบายเราบนหน้าจอ ct scan ที่เป็นรูปหัวกระโหลกเราว่าจะเอาตรงกรามกับคางออกนิดนึง

โหนกแก้มออกนิดนึง ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม และก็เลเซอร์เอาเหนียงออกด้วยจะได้เห็นกรอบหน้าชัดๆ

โดยคุณหมอลีเป็นคนผ่าตัดให้เองทั้งหมด  



นี่เบียร์ไง .....  




คุณหมออายุ 40 กว่าแล้วแต่ยังดูไม่แก่เลย

เพราะหมอไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แถมยังอารมณ์ดียิ้มแย้มตลอดเวลา

เราถามมากแค่ไหนก็ไม่มีบ่น  



หมอจะป๊อบมาก  

ก่อนออกจากห้องปรึกษาเราเลยขอหมอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักรูป

คุณหมอแกก็ใจดียิ้มแย้มถ่ายกับเราพร้อมบอกว่า "หลังผ่าตัดต้องออกกำลังกายด้วยนะ"

จะได้เห็นผลผ่าตัดที่ชัดเจน


หลังจากนั้นเราก็เดินลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับผ่าตัด

ลืมบอกไปว่า D.A. มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 2 พันกว่าตารางเมตร

เราสามารถ ตรวจเลือด ตรวจสุขภาพ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่นี่ได้เลย

ไม่ต้องออกไปตรวจที่คลีนิคอื่น

เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์ เครื่องมือทันสมัย และ ครบครัน ที่เกาหลีมีโรงพบาลอยู่ไม่กี่แห่ง

ที่มีอุปกรณ์ครบครันแบบนี้



หมอจะป๊อบมาก  

ก่อนออกจากห้องปรึกษาเราเลยขอหมอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักรูป

คุณหมอแกก็ใจดียิ้มแย้มถ่ายกับเราพร้อมบอกว่า "หลังผ่าตัดต้องออกกำลังกายด้วยนะ"

จะได้เห็นผลผ่าตัดที่ชัดเจน


หลังจากนั้นเราก็เดินลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับผ่าตัด

ลืมบอกไปว่า D.A. มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 2 พันกว่าตารางเมตร

เราสามารถ ตรวจเลือด ตรวจสุขภาพ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่นี่ได้เลย

ไม่ต้องออกไปตรวจที่คลีนิคอื่น

เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์ เครื่องมือทันสมัย และ ครบครัน ที่เกาหลีมีโรงพบาลอยู่ไม่กี่แห่ง

ที่มีอุปกรณ์ครบครันแบบนี้




7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 00:59:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้








13.15 น. ออกมาแล้วววววว ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว

หลังจากออกจากห้องผ่าตัด ก็มาอยู่ที่ห้องพักฟื้นก่อน

(เราอยู่ห้องนี้ประมาณ 1 ช.ม.เพราะร่างกายเราค่อนข้างแข็ง แต่บางเคสอาจจะต้องอยู่นานกว่า)

ส่วนนี้จะมีเตียงคนไข้เรียงกันหลายเตียงเลย

เพราะพอผ่าตัดเสร็จปุ๊บ เค้าจะย้ายเรามาตรงนี้ก่อน

จะมีวิสัญญีแพทย์ กับพยาบาลมาดูแลอย่าใกล้ชิด

จนกว่าความดันเราจะเป็นปกติ และ เรามีอาการที่ดีขึ้น

ถ้าเราสามารถถอดหน้ากากออกซิเจน และ สายวัดความดัน

และอุปกรณ์ต่างๆได้แล้วเค้าถึงจะส่งตัวเราเข้าไปห้องพักคนไข้ปกติ


เค้าดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดมาก

หมอเดินมาดูอาการหลังจากผ่าตัดด้วย แต่ตอนนั้นเรายังมึนๆอยู่



เคสเราใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดทั้งหมด ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่เวลาที่หมอลงมือผ่าตัดจริงๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ

เพราะเวลาที่จะผ่าตัดแต่ละส่วนต้องมีการทำความสะอาดบริวณนั้นๆ

และเตรียมเครื่องมือสำหรับการผ่าตัดด้วย

(เวลานี่คือมารู้ทีหลังนะ น้องล่ามบอกมา)



เราย้ายออกจากห้องผ่าตัดมาห้องพักปกติ (รอย้ายขึ้นไปห้องพัก VIP)

ช่วง 1 ชั่วโมงต่อจากนีแหละพีคสุดสำหรับเรา  

พอเราย้ายมาถึงห้องพักฟื้นปุ๊บ เรารู้สึกปวดที่หน้า ปวดมันไปหมด

ไม่รู้ปวดตรงไหนบ้าง มันมึนๆ วิ้งๆ รู้สึกง่วงนอน อยากนอน

แต่พยาบาลก็บอกว่าให้เราพยายามลืมตาตื่นก่อน




เราย้ายออกจากห้องผ่าตัดมาห้องพักปกติ (รอย้ายขึ้นไปห้องพัก VIP)

ช่วง 1 ชั่วโมงต่อจากนีแหละพีคสุดสำหรับเรา  

พอเราย้ายมาถึงห้องพักฟื้นปุ๊บ เรารู้สึกปวดที่หน้า ปวดมันไปหมด

ไม่รู้ปวดตรงไหนบ้าง มันมึนๆ วิ้งๆ รู้สึกง่วงนอน อยากนอน

แต่พยาบาลก็บอกว่าให้เราพยายามลืมตาตื่นก่อน






ที่นี่เค้าจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ

อย่างเช่นถุงเลือดของเรา จะเป็นแบบสูญญากาศ มีสปริง

ป้องการอาการ การเกิดเลือดคั่ง สายเดรนและถุงเลือแบบนี้จะดีกว่าถุงเลือดปกติทั่วไป

ถึงแม้ว่าโอกาสการเกิดเลือดคั่งจะน้อยมากก็ตาม



เจ็บตรงเข็มสายน้ำเกลือ ซะงั้น >_<



หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก  



หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก  



หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก  



หลังจากออกจากห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงแรก  



ยาแก้ปวดที่เค้าให้ อยู่ในถุงใสๆ เหมือนลูกโป่งเลย 5 5 5



เล่นมือถือได้นะ



ดูวอลเล่บอล นัดสำคัญ



เราจะจิบน้ำได้หลังจากผ่าตัดประมาณ 5-6 ช.ม.







ต้องค่อยๆจิบน้ำอุ่นนะครับ จะช่วยให้อาการเจ็บคอดีขึ้น

อย่าใช้หลอดดูดเด็ดขาด !!! แผลข้างในปากอาจจะปริได้




เซลล์ฟี่ส่งให้เพื่อนๆดู  
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:04:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


18.00 น. ย้ายห้องกันอีกรอบจร้าาาาา สำหรับคนพิเศษ

ย้ายไปอยู่ห้องวีไอพีกันเลยจร้าาา

คือห้อง vip ขนาดใหญ่กว่าห้องพักคนไข้ปกติมาก

อุปกรณ์ดีกว่า ครบกว่ามาก โดยเฉพาะเตียง เราชอบเตียงที่สุด

แต่ต่อให้เตียงสบายยังไง เราก็ไม่ได้นอนหลับยาวๆนะ

พยาบาลจะเข้ามาวัดไข้กับวัดความดันพร้อมเทเลือดเราทิ้งทุกๆ 2 ชั่วโมง

บวกกับเราคงจิบน้ำเยอะมากเพราะรำคาญเสลดที่ติดอยู่ในคอ

ทำให้เราเดินฉี่ทั้งคืน




















ห้อง VIP จะมีเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียง

ถ้าหากมาทำเป็นคู่ ก็พักด้วยกันสบายเลย

หรือหากมีญาติมาเฝ้า ก็นอนข้างกันได้เลย

ที่นี่จะมีล่ามนอนเฝ้าทั้งคืน เพราะทางโรงพยาบาลจะห่วงเรื่องการสื่อสาร

มีห้องอาบน้ำภายในตัว มีโซฟา โต๊ะทำงาน ทีวี ตู้เสื้อผ้า ครบครันมาก !!!



8 ช.ม. หลังผ่าตัด


7 กรกฎาคม 2559 (วันที่ 1 หลังจากวันผ่าตัด)

9.00 น. ตื่นนอนแล้ว ก็ขอส่องกระจกนิดนึง ตกใจเล็กน้อยเพราะหน้ามีอาการบวมมากกว่าเมื่อวาน

อาการเจ็บคอรู้สึกดีขึ้น หลงเหลืออาการแสบๆไว้นิดหน่อย เสลดลดลง

เราว่าจิบน้ำอุ่นไล่เสลด ห้ามพยายามขากมันออกมานะ

หลังจากตื่นนอนแป๊บนึง

พยาบาลและล่ามพาเราลงมาถอดสายเลือดในปากหรือสายเดรนออก

คุณหมอลีเป็นคนถอดเองเลย ก่อนถอดเรากังวลมาก

เรากลัวว่ามันจะเจ็บ หน้าเรานี่ถอดสีเลย แต่พอถอดเข้าจริงๆก็ไม่เจ็บนะ

คือมันรู้สึกแต่มันไม่เจ็บอ่ะ เสร็จปุ๊บคุณหมอก็ทำความสะอาดแผลให้

พร้อมเอาเข็มน้ำเกลือออกให้ด้วย หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยเราก็ขึ้นมานอนต่อ

คราวนี้หัวถึงหมอนปุ๊บ ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลยหลับเป็นตาย


9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:07:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


คุณหมอจะเขียนใบสั่งยาให้ เราต้องเอาไปซื้อที่ร้านขายยาเอง

ทางโรงพยาบาลขะไม่จ่ายยาให้เรานะครับ เป็นกฎหมายของประเทศเค้า

วันนี้น้องล่ามเป็นธุระไปจัดการให้ ค่ายาปกติจะไม่เกิน 100,000 วอน

หรือราวๆ 3,000 บาท

โรงพยาบาลจะให้เอกสารข้อควรระวังหลังการผ่าตัดมาให้ด้วย

13.00 ออกจากโรงพยาบาล กลับมาที่ห้องก็กินข้าวต้มที่พี่สาวเตรียมไว้ให้แล้วก็กินยา



ตอนแรกคิดว่ายาจะเยอะ เอาเข้าจริงๆเช้ากับเย็นกิน  3 เม็ด

ส่วนกลางวันกิน 1 เม็ดเอง

ยาที่คุณหมอให้มาจะเป็นยาหลังอาหาร ทานข้าวไปซัก 10 นาทีก็ทานยาตามได้เลย

พยายามทานอาหารให้ได้เยอะๆ เพราะยาจะแรงมาก อาจจะกัดกระเพาะได้




น้ำบริสุทธิ์ ที่เอาไว้ใช้ผสมกับน้ำยาบ้วนปาก ช่วงแรกๆ คุณหมอห้ามแปรงฟัน

ให้บ้วนปากแทน ต้องบ้วนปากทุกๆ 2 ชั่วโมง เราจะดูเวลาเป็นเลขคู่

เช่น 8 โมง 10 โมง เที่ยง บ่าย 2 เป็นต้น จะได้จำง่าย

และต้องบ้วนปากทั้งตอนตื่นนอน ก่อนนอน หลังทานอาหารทุกครั้ง

หากบ้วนปากก่อนทานอาหาร ต้องบ้วนก่อน 10 นาทีขึ้นไป

เราต้องรักษาความสะอาดช่องปากดีๆ อย่าให้ติดเชื้อ มีบางเคสเคยเกิดอาการอักเสบขั้นรุนแรง

ต้องวางยาสลบ ผ่าตัดล้างทำความสะอาดบริเวณด้านในแผลผ่าตัดใหม่

ถ้าอักเสบนิดหน่อยทานยา ล้างแผลปกติก็หาย

เรารู้สึกว่าหลังจากผ่าตัดแล้วฉี่ยากขึ้น คือกว่าจะฉี่บิ้วนานมาก

หรือว่าการถ่าย ปกติเป็นคนที่ถ่ายทุกเช้า รู้สึกท้องอืดๆ

นางพยาบาลบอกว่า อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติหลังจากการวางยาสลบนะจ๊ะ

ไม่ต้องคิดมาก อาการเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นและหายไปเอง ให้ดื่มน้ำเยอะๆ



ช่วง 2 สัปดาห์แรก ต้องทานอาหารอ่อนๆ ห้ามออกแรงเคี้ยว เช่นโจ๊กบดละเอียด

แต่ไม่ค่อยมีใครทำได้ถึง 2 อาทิตย์หรอก เราคิดว่ากินแต่โจ๊กได้ 3 วันก็เก่งมากแล้ว

รสชาติโจ๊ดบดเกาหลี จืดๆ เลี่ยนๆ พี่เราเลยต้มข้าวให้แบบเละๆ เป็นโจ๊ก

ปรุงนิดหน่อยพอให้มีรสชาติ แต่ถ้าใครทานแบบข้าวต้มจืดๆ ได้จะดีมากเลย
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:08:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ข้อควรระวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้า

1.การนอน

- เป็นเวลา 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด ควรนอนโดยยกหัวสูงกว่าหัวใจ 30 องศา

จะช่วยให้อาการบอมลดลงอย่างรวดเร็ว และ ระวังไม่ให้คอโดนพับ ให้นอนหน้าตรง  

- นอนตรงๆจะดีที่สุดและสามารถนอนตะแคง 1 อาทิตย์หลังผ่าตัด แต่ควรจะนอนตรง

2.การทานอาหาร

- คนไข้สามารถจิบน้ำอุ่นๆได้ ประมาณ 5- 6 ช.ม. หลังจากผ่าตัด

- วันถัดไปหลังจากวันผ่าตัด คนไข้ควรทานทานข้าวต้มแฉะๆหรือโจ๊กอย่างน้อย 7 วัน

หลังจากนั้นค่อยๆทานอาหารอ่อนๆ ที่ไม่ต้องอ้าปากกว้างหรือออกแรงเดี้ยวเยอะๆ

เช่นขนมปังนุ่มๆ เต้าหู้ ไข่ตุ๋น น้ำซุปจืดๆ ปลา และอื่นๆ

- กรุณาหลีกเลี่ยงอาหารผลิตภัณฑ์จากนมหรืออาหารที่ไฟเบอร์เยอะ

เช่น โจ๊กฟักทอง นมถั่วเหลือง โยเกริ์ต น้ำเต้าหู้

เพราะสามารถทำให้ต้องเสียงหรือถ่ายเป็นน้ำได้

- กรุณาหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด 2 อาทิตย์หลังผ่าตัด โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็ม และ เปรี้ยว

จะทำให้อาการบวมลดลงช้า

- ห้ามกินของแข็งหรือของเหนียว อาหารที่ต้องออกแรงเคี้ยวเยอะๆ

เช่น ต๊อก ลูกอม หมากฝรั่ง ปลาหมึก ถั่ว และอื่นๆ 2 เดือนหลังผ่าตัด

โดยเฉพาะ กรณีที่ทำศัลยกรรมโหนกแก้มต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ

- ควรดืมน้ำอุ่นให้ได้มากกว่าวันละ  1 ลิตร จะช่วยให้อาการบวมลดลงเร็วขึ้น

และเป็นการช่วยทำให้ช่องปากสะอาด รวมถึงช่วยละลายเสมหะออกไปด้วย


3. อาการบวมและการประคบ

- 72 ช.ม. แรกหลังผ่าตัด จะมีอาการบวมและช้ำมากสุด หลังจากนั้นความบวมและความช่ำ

จะค่อยๆลดลงภายใน 2-4 อาทิตย์ อาการของแต่ละเคสอาจจะแตกต่างกัน

ขึ้นอยู่กับสุขภาพ และ ร่างกายของแต่ละคน

- ให้ประคบเย็น 3-4 วัน หลังการผ่าตัด โดยการนำ cool pack แช่ในช่องฟรีสก่อนจึงนำมาประคบ

ให้สังเกตุว่าถ้าอาการบวมเริ่มยุบ (โดยปกติจะเริ่มยุบวันที่ 4 หลังจากผ่าตัด) แล้วค่อยประคบอุ่น

หรือไม่ต้องประคบก็ได้ ส่วนบริเวณที่มีรอยช้ำการประคบอุ่นจะช่วยให้รอยช้ำจางลงเร็วขึ้น

การประคบอุ่นให้นำ cool pack ไปแช่ในน้ำอุ่น ห้ามนำ cool pack ไปต้ม หรือ เอาเข้าไมโครเวฟเด็ดขาด

ก่อนประคบอุ่น ให้ลองนำ pack ประคบ แตะที่ท้องแขนดูก่อน หากร้อนเกินไป อาจจะทำให้

ผิวหนังที่ใบหน้าเกิดการลวกไหม้ได้


4. การดูแลรักษาความสะอาดของแผลในช่องปากและการใส่ที่รัดใบหน้า

- บ้วนปากหลังจากตื่นนอน ก่อนนอน หลังจากทานอาหารทุกครั้ง

และถ้าหากคนไข้ต้องบ้วนก่อนทานอาหาร

ให้ทานอาหารหรือดื่มน้ำได้หลังจากบ้วนปากไปแล้ว 10 นาทีขึ้นไป

และต้องบ้วนปากทุกๆ 2 ชั่วโมง คนไข้อาจจะดูนาฬิกาเป็นเลขคู่หรือคี่

เช่น 8 am, 10 am, 12 pm, 14 pm เป็นต้น


วิธีผสมน้ำยาบ้วนปาก

น้ำบริสุทธิ์ 1 ลิตร ผสมกับน้ำยา Hexamedin 20 cc.


วิธีบ้วนปาก

- ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากกลั้วปากประมาณ 10 ที่ต่อครั้ง และให้ให้บ้วน 10 ครั้ง

จนกว่าน้ำที่บ้วนออกมาจะใส เพื่อเป็นการกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามแผลในช่องปาก

ให้บ้วนปากเป็นเวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ จนกว่าจะตัดไหมในช่องปาก หรือ ตามที่แพทย์สั่ง

- สามารถแปรงฟันได้หลังจากผ่าตัดแล้ว 7-8 วัน หรือตามที่แพทย์สั่ง

โดยให้ใช้แปรงสีฟันเล็กๆ นุ่มๆ ก่อน  


- ให้ใส่ที่รัดใบหน้าตลอดเวลา 3 วันหลังจากวันผ่าตัด (ถอดเฉพาะเวลาทานอาหาร และเวลาบ้วนปาก)

หลังจากนั้นให้ใส่เฉพาะตอนกลางวัน ใส่ๆ ถอดๆ ระวังไม่ให้ใส่แน่นไป

และถ้ามีความเจ็บปวดส่วนศรีษะหรือไม่สะดวกนั้น สามารถถอดออกได้

แพทย์จะให้ใส่ผ้ารัดใบหน้าไว้ 1-2 สัปดาห์ แล้วแต่เคส


5.การล้างหน้า อาบน้ำและแต่งหน้า

- ในช่วง 7 วันแรก ก่อนตัดไหมที่แผลผ่าตัดข้างหู ให้ใช้สำลีชุบน้ำยาทำความสะอาดใบหน้า

หากใบหน้ามัน ให้ใช้กระดาษซับหน้ามัน

- หลังจากตัดไหมข้างหูแล้ว วันถัดไปสามารถล้างหน้าตามปกติได้

แต่ควรเช็ดและใช้ลมเย็นเป่าบริเวณแผลให้แห้ง

- สามารถอาบน้ำได้แต่ไม่ให้โดนน้ำส่วนที่ใบหน้า

- 1 เดือนแรกหลังผ่าตัดห้ามเข้าซาวน่า หรือไม่ควรอยู่ที่ที่ร้อนๆ

- ไม่ควรก้มหน้าสระผม ให้ใช้วิธีเอนนอนไปด้านหลัง แล้วจึงสระผม

- ปกติทางโรงพยาบาลจะสระผมให้วันที่ 3 หลังจากผ่าตัด
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:09:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
6.การออกกำลังกาย


- สามารถเดินเล่นเบาๆได้ตั้งแต่ 2 - 3 วันหลังผ่าตัด การออกกำลังหรือการเดินเล่น

จะช่วยให้อาการบวมยุบไวขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ

เช่น การว่ายน้ำ ชกมวย เตะบอล เข้ายิม ปีนเขา เป็นต้น  

สามารถออกกำลังกายเบาๆได้ตั้งแต่ 2 - 3 อาทิตย์หลังการ่ผ่าตัด

และสามารถออกกำลังกายหนักๆได้ตั้งแต่ 1 เดือนหลังการผ่าตัด

- ห้ามยกของหนักๆ ในช่วง 1 เดือนแรก เวลาที่ยกของแล้ว

รู้สึกเกร็งที่ใบหน้าให้หยุดยก

7.การรับประทานยา

- กรุณารับประทานยาตามเวลา ถ้าทานยาแล้วมีอาการท้องเสียหรือมีเกิดลมพิษ

ให้ติดต่อโรงพยาบาล


8.การดื่มเหล้าและการสูบบุหรี่

- การดื่มเหล้าและการสูบบุหรี่ ทำให้แผลหายช้าและทำให้เกิดอาการอักเสบ

จึงควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อยเป็นเวลา 1 เดือนหลังผ่าตัด


9.อาการหลังทำศัลยกรรม

- ถ้ามีเลือดไหลออกมาจากปากหรือจมูกห้ามสั่ง

ให้เช็ดออกเบาๆหรือปล่อยให้ไหลยืดออกมา

- ความรู้สึกชาบริเวณส่วนผ่าตัดเป็นอาการปกติ

ความรู้สึกจะค่อยๆกลับมาในไม่กี่เดือน

- อาจจะมีอาการปวดหัวหรือปวดฟันแต่ถ้าเวลาผ่านไปจะค่อยๆดีขึ้น
  
- ในกรณีที่ทำโหนกแก้ม อาจจะอ้าปากไม่ค่อยได้หรือเวลาอ้าปาก

อาจจะมีเสียงจากขากรรไกร เวลาผ่านไปจะดีขึ้นและหายไป


10.ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

- ถ้าหายใจลำบากมาก มีเลือดไหลออกมาเยอะเกินไป จนต้องกลืน

มีอาการบวมส่วนที่ผ่าตัดแบบกระทันหัน หรือเลือดไม่หยุดไหล

ควรจะติดต่อโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:14:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


7 กรกฎาคม 2559 (วันที่ 1 หลังจากผ่าตัด)

โดยส่วนมากที่เกาหลี จะนับวันถัดไปจากวันผ่าตัดเป็นวันที่ 1 หลังผ่า

ตามรูป หลังจากกลับมาที่พักแล้ว (30 ช.ม.หลังจากผ่าตัด)

อาการบวมเริ่มมา หน้าเริ่มแดง แก้มกำลังปริ

ตกกลางคืนมาจะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนจะมีไข้ แต่ไม่มี

เป็นอาการปกติหลังจากผ่าตัดในช่วงวันแรกๆ

ถ้าหากมีไข้ก็ทานยาลดไข้ได้ แต่ควรแจ้งกับทางโรงพยาบาลให้ทราบด้วย

ถ้าไข้สูงมาก ให้รีบไปโรงพยาบาล เพราะอาจจะเกิดอาการช็อคได้



ท่านอน

พยาบาลส่วนตัวเฝ้าไม่ยอมห่างเลยจริงๆ  



พยาบาลส่วนตัว



วันที่ 8 กรกฎาคม 2559 (วันที่2 หลังจากวันผ่าตัด)

8.00 น. สะลึมสลือตื่นมากินข้าวต้มที่พี่สาวทำไว้ให้และกินยา

เข้าห้องน้ำส่องกระจก รู้สึกว่าหน้าบวมขึ้นกว่าเมื่อคืน แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร

16.00 น. หลังจากนอนเฉยๆที่ห้องทั้งวัน

พี่สาวก็ลากเราเดินไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เกตแถวบ้าน

ลึกๆก็อายนะไม่อยากให้ใครมามองเรา ซึ่งพอออกมาปุ๊บ เออหวะ...

ไม่มีใครสนใจเราจริงๆทั้งๆที่เราพันหน้าพันตาเต็มไปหมด

ไหนจะหน้าบวมเป็นเด็กสมบูรณ์อีก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ

นั่นหมายความว่า คนที่นี่เค้ามองเรื่องศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติมาก

เราเดินได้แป๊บนึงก็ลืมอายไปเลย เดินเล่นดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย

ซึ่งการออกมาเดินเล่นเป็นสิ่งที่ดีนะ มันจะช่วยบรรเทาอาการบวมบนใบหน้า

ปกติหลังจากชอปปิ้งเสร็จเราจะต้องเป็นคนแบกทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่ๆๆๆๆ...แต่วันนี้พี่สาวเรา นางถือให้ทุกอย่างเลย

เพราะว่าหมอห้ามไว้เลยว่าห้ามถือของหนักหรือออกกำลังกายหนักเด็ดขาด

อย่างน้อย 1 เดือน (ว่ะฮ่ะฮ่า...ถึงทีของข้าแล้วหละที่จะเป็นคนชี้นิ้วบ้าง)




ทำน้ำผลไม้ปั่น (งดผลไม้เปรี้ยวๆนะครับ)

วันนี้เข้านอนเร็ว ประมาณ 4 ทุ่ม

13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:19:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


9 กรกฎาคม 2559
(วันที่3 หลังจากวันผ่าตัด)

##วันนี้เป็นวันที่มีอาการบวมมากที่สุด

8.00 น. ได้เวลาตื่นนอนเพื่อมากินข้าวต้มและยาเช้าแล้ว

เอาจริงๆแล้วจะบอกว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนก็ได้นะ

คือเราสะดุ้งตื่นทุกชั่วโมงเลย สงสัยอาจจะเป็นเพราะหายใจไม่ค่อยออก

บวกกับต้องมานอนในท่าที่เกือบจะเหมือนท่านั่งทำให้รู้สึกปวดหลัง

12.00 น.วันนี้มีนัดเข้ามา check up และทำ skin care ลดบวม(ครั้งแรก)

พร้อมกับสระผมที่โรงพยาบาลครับ

ปกติสำหรับเคสที่ผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกโครงหน้า

ทางโรงพยาบาลจะนัดเข้ามาให้ check up และรับ skin care

ในวันที่ 3,7,14 หลังจากผ่าตัด

พยาบาลขำหน้าเรา ... ถึงกับจำหน้ากันไม่ได้เลย



นั่งรอน่องล่ามซักพัก แล้วล่ามก็พาเราไปทำความสะอาดแผลก่อน

พยาบาลทำความสะอาดแผลบริเวณภายในช่องปากให้

พยาบาลบอกว่าบริเวณปากด้านบนไม่ค่อยสะอาด อาจจะมาจากอาการบวมที่มาก

เลยกลั้วน้ำยาเข้าไปไม่ถึง



แผลข้างหูประมาณ 1 cm.



พยาบาลเช็ดแผลให้พร้อมเปลี่ยนพลาสเตอร์ใหม่



พยาบาลสอนวิธีกลั้วปากให้ มีน้องล่ามคอยแปล

บอกว่าอย่ากลั้วแรงเกินไปแผลอาจจะฉีกได้  



จากนั้นเราก็ไปที่แผนก skincare เพื่อไปทำเลเซอร์ลดอาการบวม ดีใจมาก

อยากทำเลเซอร์ลดบวมมาก คือวันนี้เป็นวันที่ 3 หลังการผ่าตัดไง

หน้างี้บวมแบบเปล่งได้ที่เลย

พอเราขึ้นมานอนบนเตียงพนักงานก็จะเอาอุปกรณ์เย็นๆมาปิดตา

และก็จัดการเปิดเครื่องฉายเลเซอร์ที่ช่วยลดอาการบวมสีเหลืองส้ม

ฉายแสงอุ่นๆที่หน้าเราประมาณ 20 นาที ระหว่างที่ทำเลเซอร์

เราแอบเผลอหลับไปอีกต่างหาก



มาตื่นตอนที่พนักงานปลุกไปสระผม

อยากบอกว่าพอรู้ว่าจะได้สระผม ดีใจมาก (ก.ไก่ 8 ล้านตัว)




คือปกติเป็นคนสระผมทุกวันวันละ 2  ครั้ง

แต่นี่ปาเข้าไป 4 วันละผมไม่โดนน้ำซักหยดรู้สึกยี้มาก

หลังจากสระผมและไดร์ผมเสร็จ เราก็เดินทางกลับห้องด้วยความสดชื่น (โดยเฉพาะบริเวณหัว)



แผลจากการผ่าตัดโหนกแก้มตรงไรผมข้างหูเล็กมาก 1 cm.

วันนี้พยาบาลบอกว่าไม่ต้องใสผ้ารัดหน้าตอนนอนแล้ว ให้ใส่ช่วงกลางวันอย่างเดียว
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:26:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


วันที่ 10 กรกฎาคม 2559 (วันที่ 4 หลังจากวันผ่าตัด)


9.00 สะลึมสะโหลสะเหร๋...ลืมตาตื่นมาหาอะไรกินเพราะต้องกินยาเช้า...

ง่วงนอนมากกกกกก วันนี้มีความขี้เกียจเบอร์ 10

อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนมัวแต่นั่งเล่นอยู่จนดึกจนดื่นไม่หลับไม่นอน

แถมยังหลับๆตื่นๆจากอาการหายใจไม่ค่อยออกอีก

หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จเราก็ไปยืนเช็ดหน้าเช็ดตาบ้วนปาก

เราสังเกตว่าความบวมบริเวณตามันหายไปแล้ว คือเราดีใจมาก

เพราะนั่นหมายความว่าหน้าเรามันจะไม่บวมไปกว่านี้แล้ว

ต่อจากนี้ไปคืออาการบวมจะค่อยๆลดลงจนเป็นปกติ

ซึ่งความบวมจะดีขึ้นไล่จากบนลงล่าง เช่น จากบริเวณหน้าผากไปตา

ลงไปที่บริเวณแก้ม คาง และคอ เป็นต้น

ถึงแม้วันนี้อาการบวมที่บริเวณตาจะหายไปแต่เรารู้สึกว่าแก้มเราบวมๆตุ่ยๆขึ้น



15.00 เค้าว่ากันว่าการออกกำลังกายเบาๆเช่นการเดินเล่นจะช่วยลดอาการบวม

วันนี้เราเลยแต่งตัว ใส่หมวกใส่ผ้าปิดปาก และออกมาเดินเล่น



จากกังนัม ไปถึงย่านซอชน ไปร้านทาร์ตไข่ ร้านประจำ

ใครมีโอกาสไปแถวเกียงบ๊กกุงแนะนำเลยครับ

สถานี Gyeongbokgung ทางออก 2 เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอตลาด ทงอินซ้ายมือ

ให้เดินทะลุตลาดไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอร้านทาร์ตไข่ สีขาวๆ เล็กๆ

ชื่อร้าน Tongin sweet (ทงอินสวีท)

ตามรูป อยู่ทางซ้ายมือ ...



ร้านนี้เป็นร้านทาร์ตไข่แบบ homemade อบใหม่ๆ ร้อนๆ เลย

กลิ่นหอม ฟุ้ง ไปทั้งซอย ... หนุ่มสาว คู่รัก จะแวะเวียนมาซื้อตลอด

ชิ้นละ 2,000 วอน ประมาณ 60 บาท




ถ้าช่วงอากาศหนาวๆ ให้สั่ง Lemon Tea ร้อนๆ จิบคู่กัน จะฟินมาก

รสชาติแป้งทาร์ตกรอบ นุ่ม กำลังดี ครีมด้านในนุ่มลิ้น หวานพอเหมาะ ไม่คาว

ตัดกับเลม่อนชา ร้อนๆ จิบลงไปแล้วแต่ยังมีกลิ่นเลม่อนติดที่ปลายจมูก ฟินสุดๆ

พาใครมาก็ติดใจ





... ย่านนี้มีร้านขนม ร้านอาหารดังๆ หลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านหมี่ดำ ร้านขนมปัง

ที่ต้องต่อแถวยาวเหยียดแทบทุกครั้งที่มา ถ้าใครมีเวลาลองไปเดินเที่ยวดูนะครับ




ออกจากซอชนก็ลามไปถึงเมียงดง และมาจบลงที่กังนัม เราว่าการเดินเล่นมันช่วยจริงๆนะ

อย่างน้อยๆก็ช่วยเรื่องสภาพจิตใจไม่ให้เราหดหู่จับจ้องจดจ่ออยู่แต่กับหน้าของตัวเอง

พอจิตใจดีร่างกายมันก็ดีตามมา เราเชื่อแบบนี้นะ

บวกกับการเดินไปช่วยเรื่องระบบไหลเวียนเลือดอีกก็เลยทำให้อาการบวมเรายุบไว

เพราะฉะนั้น ถ้าเพื่อนๆคนไหนมาทำ หลังผ่าตัดอย่ามัวแต่อายอุดอู้อยู่ในห้องนะครับ

ออกมาเดินเล่นกันเถอะ ไม่ต้องอาย คิดไว้ซะว่าไม่มีใครรู้จักเรา

แต่...การออกมาเดินข้างนอกนานๆมันก็จะมีปัญหากับการบ้วนปากหนะซิ

เพราะปกติต้องบ้วนทุก 2 ชั่วโมงหรือไม่ก็บ้วนทันทีหลังทานอาหาร

ถ้าเพื่อนๆออกไปเดินเล่นอย่าลืมเอาน้ำยาบ้วนปากไปด้วยนะครับ

แต่ถ้าสุดวิสัยจริงๆก็เอาน้ำสะอาดบ้วนไปก่อนก็ได้ (ย้ำ...การบ้วนปากสำคัญจริงๆนะ)

22.00 ถึงห้องแล้ววววว...เดินกันมาราธอนมาก...เพลินมากกกก...

ยังไงเบียร์ไปอาบน้ำนอนและ...บ๊ายบายนะครับ ^^


15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:46:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย merfy_beer เมื่อ 2016-10-3 01:48



วันที่ 11 กรกฏาคม 2559 (วันที่ 5 หลังจากผ่าตัด)

9.00 น. ตื่นนอนแบบสดชื่นสุดตั้งแต่ผ่าตัดมา

ปกติหลับๆตื่นๆทุกชั่วโมง แต่เมื่อคืนหลับยิงยาวเลย

ไม่มีสะดุ้งไม่มีตื่นขึ้นมาระหว่างคืน

เช้านี้เรารู้สึกว่าร่างกายเริ่มฟื้นตัวกลับมาแทบจะปกติแล้ว

ระบบขับถ่ายรู้สึกทำงานดีขึ้น ฉี่ง่ายขึ้นไม่ต้องบิ้วนาน

ถ่ายก็ง่ายขึ้นด้วย ทำให้เช้านี้สบายตัวเป็นพิเศษ

ไม่มีอาการท้องอืดหรืออึดอัดตัวเหมือนหลายวันที่ผ่านมา

อาการบวมดีขึ้นกส่าเมื่อวาน ตอนนี้ยุบบวมลงเรื่อยๆ


16.00 น. แต่งตัวออกมาเดินเล่นกับพี่สาวแถวที่พัก

เดินวนไปมาตั้งแต่สถานีรถไฟ Sinnonhyeon ไปถึงสถานี Gangnam เดินซื้อของกินไอติมไปเรื่อย

(ไอติมกินได้นะแต่ต้องใช้ช้อนตักเอา

...ตอนนี้ยังอ้าปากได้ไม่ค่อยกว้าง...ที่ปากยังมีอาการชาอยู่)

ก่อนกลับเข้าห้องก็แวะหาอะไรกินกันซะหน่อย

(เราไม่ได้กินนะ...พี่สาวเรากิน...เรานั่งมองนางกินตาปริบๆ)


21.00 น. ถึงห้องก็พุ่งเข้าห้องน้ำบ้วนปากก่อนเลย...

ส่องกระจกดูก็รู้สึกว่าหน้าบวมน้อยกว่าเมื่อเช้านิ๊ดดดดดนึง (เอาวะ...นิดนึงก็เอา 555)

บ้วนปากเสร็จก็อาบน้ำเลยละกัน...วันนี้ตอนออกไปเดินร้อนมาก

...อากาศใกล้เคียงเมืองไทยมากเลยช่วงนี้

*** วันนี้ทานยาเป็นวันสุดท้าย ***



วันที่ 12 กรกฏาคม 2559 (วันที่ 6 หลังจากผ่าตัด)


10.00 น. ตื่นนอนสายมากกกกกก เนื่องจากหลับสนิทมาก

หลับสบายที่สุด ไม่มีการตื่นมาระหว่างคืนแม้แต่ 1 ครั้ง

วันนี้ตื่นสายได้เพราะไม่มียาต้องกินแล้ว ยาหมดแล้ว

หมอจ่ายยามาแค่ 5 วันเอง ตื่นมาอาบน้ำ ล้างหน้า โกนหนวด

(หนวดเนี่ย ไม่ไหวแล้วจริงๆ ยาวเกินยาวมาก)



อาการบวมเช้านี้บวมขึ้นกว่าเมื่อคืนก่อนนอนนิดนึง

เพราะเมื่อวานทานไข่คั่วรสจัดไปหน่อย วันนี้เลยปรุงรสนิดหน่อย

ทานคู่กับข้ามต้มเหมือนเดิม




วันนี้บริเวณคอและหน้าอกจะมีรอยเขียวๆช้ำๆ

เป็นอาการปกติที่อาการบวมช้ำเวลาจะหายมันจะไล่จากบนลงล่าง



18.00 วันนี้มาเดินเล่นย่านอัปกุจอง  มาเดินชอปปิ้งดูนั่นนี่เรื่อยเปื่อย





The Galleria หากใครชอบของแบรนด์เนม เราแนะนำให้มาที่นี่แล้วจะไม่ผิดหวัง





ตรงห้างนี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนน star road ที่มีหมีที่มีชื่อศิลปินไอดอล วงต่างๆ

บรรดาติ่งทั้งหลายจะนิยมมาถ่ายรูปคู่กับหมีที่มีชื่อศิลปินหรือวงที่ตนชอบ


21.00 หมูหยองหมด!!!!! แล้วจะกินข้าวต้มกับอะไรดี

คิดไรไม่ออกก็เมนูไข่เนี่ยแหละ เอามาทำไข่คน

โปะหน้าข้าวต้มก็อร่อยไปอีกแบบ หลังกินเสร็จก็ไปบ้วนปาก

ระหว่างบ้วนปากเราสังเกตุเห็นว่าอาการบวมช้ำดีขึ้น

ดีกว่าเมื่อวานค่อนข้างเยอะ ตอนนี้มีอาการชาที่บริเวณปากค่อนข้างเยอะ

ตึงที่แก้มด้านล่างและคอ รอยช้ำที่รอบคอดูจางลงบางส่วน


ศัลยกรรมเกาหลี99.jpg (470.09 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 5)

ศัลยกรรมเกาหลี99.jpg
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 01:52:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


วันที่ 13 กรกฎาคม 2559 (วันที่ 7 หลังผ่าตัด)

วันนี้มีนัด check up ที่โรงพยาบาล พร้อมทั้งทำ skin care และเลเซอร์ลดบวมด้วยครับ



14.00 น. วันนี้มีรักษาครบ 7 วันหลังการผ่าตัด (เวลาเดินผ่านไปไวมาก)

ไปถึงนั่งรอคิวแป๊บนึงก็มีคนมาเรียกให้ไปห้องรักษา

เข้ามาในห้องปุ๊บเค้าก็ให้นั่งลงบนที่นั่งสำหรับการรักษา

ที่นั่งมันคล้ายๆเวลาเราไปหาหมอฟันอะ

เป็นที่นั่งที่เจ้าหน้าที่สามารถปรับระดับได้และมีไฟอยู่ด้านบน

หลังจากที่นางพยาบาลเอาผ้าปิดตาเรา

เค้าก็ดึงเทปกาวที่ปิดบริเวณช่วงคางเราออกทันที

(อื้ออออหืออออ...มีน้ำตาซึม...มันเหมือนแว็กซ์ขนอะ...

แต่พอแกะออกแล้วโล่งเลยนะ)



เสร็จปุ๊บ นางพยาบาลก็บอกให้เราอ้าปาก

เพื่อทำความสะอาดช่องปากก่อนเลย

นางพยาบาลบอกว่าปากด้านล่างสะอาดดีแต่ด้านบนช่วงที่อยู่ลึกๆไม่ค่อยสะอาดนะ

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะอาการบวมทำให้เรากลั้วปากดันน้ำเข้าไปไม่ถึง



ก่อนตัดไหม



หลังตัดไหม

หลังจากนั้นก็ตัดไหมข้างหูทั้งสองข้าง ไม่เจ็บ...ไม่ต้องกังวล

ก่อนออกจากห้องรักษานางพยาบาลย้ำว่าวันนี้แผลข้างหูห้ามโดนน้ำนะ

สามารถโดนน้ำได้ปกติในวันพรุ่งนี้และคราบกาวที่ติดอยู่ช่วงคอกับคาง

ให้ใช้ cleaning oil เช็ดเบาๆจนกว่าคราบจะหายหมด



จากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้น 9 พื่อทำการเลเซอร์ลดบวมครั้งที่ 2

โดยการทำเลเซอร์ลดบวมแต่ละครั้ง ใช้เวลาประมาน 20 นาที

17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:02:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


รูปหลังจากผ่าตัด วันที่ 7 (แกะพลาสเตอร์ที่คอ และตัดไหมที่แผลข้างหู)



มากินข้าวกันต่อที่ร้าน melting shop อัปกูจอง

เราชอบร้านนี้นะ ร้านสวย บรรยากาศดี

เหมาะแก่การถ่ายรูป อาหารก็อร่อย



กินได้เร็วขึ้น อ้าปากได้มากขึ้น โดยปกติหลังจากผ่าตัดจะอ้าปากกว้างไม่ค่อยได้

...แต่เราลองทำดู...เราเอานิ้วเข้าได้ตั้ง 2 นิ้วแหนะ

(หลังจากผ่าตัดครบ 14 วันจะตัดไหมในปาก หมอจะให้เราฝึกอ้าปาก)

แต่เวลากินก็ยังช้ากว่าปกติอยู่ดี...ต้องค่อยๆยัด...ค่อยๆเคี้ยว...

อะไรที่แข็งๆก็อดกิน...เราเลยบิดกินแต่ขนมปังส่วนที่มันนิ่มๆกับเนื้อหมูเล็กๆ

กินเสร็จแล้วก็ต้องบ้วนปากด้วยนะ (ขนาดเราขยันบ้วนปากนะ...ปากยังไม่สะอาด 100% เลย)




เมนูนี้อด เป็นปูนิ่มตัวใหญ่ชุบแป้งทอด เรากินได้เฉพาะขนมปังนิ่มๆ ที่อยู่ใต้ปู  



เมนูนี้พอได้ ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ





เรากินไส้หมูกับชีส หมูนิ่มมาก แต่ขนมปังแข็ง เมนูนี้ ขนมปังจะกรอบๆ

เหนียวนิดๆ ไส้หมูหวานๆ คู่กับชีสยืดๆ



เมนูนี้ทานได้ครับ อารมณ์ประมาณขาหมูบ้านเรา หมูเปื่อยมาก



มาร้านนี้อย่าพลาด กับ พายบลูเบอรี่ที่อบร้อนๆ กรอบๆ

รสชาติหวานๆกรอบๆ ของแป้ง ตัดด้วยรสเปรี้ยวไส้บลูเบอรี่

จะเสริ์ฟมาพร้อมกับไอศครีม วิธีทานคือเอาพายตักทานคู่กัน

...เราทานได้เฉพาะไอศครีมครับ พายมันแข็งไป



















เดินเล่นซื้อของแถวอัปกูจองและแวะไปถ่ายรูปกับมุมิมแป๊บนึง

จากนั้นก็ยาวต่อไปถึงเมียงดง เดินมารธอนมาก

กว่าจะถึงห้องก็เล่นเอาดึกเลย บ้วนปาก ส่องกระจกเช็คความบวม

รู้สึกว่าตอนนี้สภาพเหมือนเด็กอ้วนอะ ไม่เหมือนคนทำโครงหน้ามาเลย

คือมันแทบจะไม่ช้ำ มีแต่อาการบวม

วันนี้มีอาการเสียวฟันแปล๊บๆ

และก็รู้สึกจี๊ดๆที่แผลในปาก อารมณ์เหมือนเป็นร้อนใน
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:03:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอแทรกข้อมูลเพิ่มนะครับ ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดทางโรงพยาบาลจะให้เอกสารเกี่ยวกับ
ข้อควรระวังก่อนเข้ารับการผ่าตัด วัน เวลา ที่นัด และรายละเอียดต่างๆ ดังนี้ครับ

ข้อควรระวังก่อนเข้ารับการผ่าตัด

เวลาที่ถึงโรงพยาบาล : เดือน(월) วันที่(일) เวลา(시간)

ตั้งแต่เวลานี้ ห้ามรับประทานอาหาร : เดือน(월) วันที่(일) เวลา(시간)

(ห้ามรับประทานสิ่งที่ต่อไปนี้ เช่น น้ำ อาหาร ลูกอม หมากฝรั่ง การสูบบุหรี่ เป็นต้น บ้วนปากและแปรงฟัน ได้เท่านั้น)

1. ห้ามใส่นาฬิกาข้อมือ, สร้อยคอ, แหวน, ตุ้มหู เป็นต้น

2. ห้ามใส่แว่นตา, เลนส์, การต่อผมซึ่งมีส่วนประกอบของเมทัล

3. กรุณาเช็ดเล็บมือและเล็บเท้าออก ก่อนผ่าตัด

4. ล้างเครื่องสำอางทุกอย่าง เช่นครีมกันแดด, ครีมBB เป็นต้น

5. กรุณาใส่เสื้อสบายๆอย่างเสื้อซึ่งมีกระดุมหรือซิป

6. กรุณาพักผ่อนเต็มมาให้เต็มที่ก่อนผ่าตัด

7.ถ้าต่อเล็บ ต่อผม ให้เอาออกก่อน

*ถ้ามีประหวัติคนไข้เกี่ยวกับลามิเนตให้ฟันขาวๆ,

การจัดฟันและฟันปลอมหรือไม่ก็อยู่ในช่วงที่รับประทานยามา

หรืออยู่ในระยะประจำเดือน กรุณาบอกให้นางพยาบาลทราบ
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:09:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอย้อนไปที่รายละเอียดการผ่าตัดของเบียรืครั้งนี้อีกครั้งนะครับ

- Shaping V-line (การผ่าตัดวีไล์ คือ การตัดแต่งกระดูกส่วนส่วนกรามและคาง)

- Rigid Cheekbone Reduction การตัดลดขนาดโหนกแก้ม

- Accu Sculpt Laser (เลเซอร์สลายไขมัน เหนียง กรอบหน้าช่วงล่าง)

- ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม


เราขออธิบายในส่วนของ Shaping V-line ก่อนนะครับ

คลิปและรูปภาพประกอบวิธีการผ่าตัดของเรานะครับ

สำหรับคนที่หาข้อมูลจะได้เข้าใจง่ายขึ้นครับ

การผ่าตัด Shaping V-Line

วิธีการผ่าตัดจะมีหลายแบบครับ

ขึ้นอยู่กับกระดูกโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน

คุณหมอจะแนะนการผ่าตัดที่เหมาะสมให้ครับ


https://youtu.be/n64tuQZDyMA


Shaping V-Line การศัลยกรรมวีไลน์ตัดแต่งคางแบบตัวที

ในเคสของเบียร์ จะเป็นการตัดแต่งกระดูกส่วนคางแบบตัวทีครับ

เพราะเบียร์มีคางที่หนา แต่ในส่วนความยาวของคางพอดีแล้วครับ

ตัดกระดูกส่วนกรามนิดหน่อยครับ ให้ได้สัดส่วนที่พอดี

โดยหมอจะใช้ไทเทเนียมยึดชิ้นส่วนกระดูกให้เชื่อมกันไว้

ไทเทเนียมสามารถอยู่ในร่างกายเราได้ตลอดไปครับ

เวลาเดินทางไป ตปท.สามารถผ่านเครื่องแสกนได้ เครื่องไม่ร้องครับ

ถ้าหากใครที่ต้องการผ่าตัดเอาออกก็สามารถทำได้ครับ

โดยทั่วไปจะสามารถผ่าตัดนำออกได้ภายในระยะ 6-12 เดือนหลังผ่าตัดนะครับ



ตัวอย่างรูป CT Scan ก่อนและหลังผ่าตัดวีไลน์ครับ



ลักษณะคางแบบต่างๆ และวิธีการผ่าตัด





1.การผ่าตัดแบบตัว T เหมาะสำหรับคนที่มีกระดูกช่วงคางกว้าง





2.การผ่าตัดแบบตัว ㅅ (ตัว ซี อึด ในภาษาเกาหลี) สำหรับคนที่มีกระดูกคางยาวและหนา





3. การผ่าตัดสำหรับเคสที่มีคางสั้นและกว้าง





4. สำหรับกรณีเคสที่มีลักษณะคางสั้น และกว้าง ...

นำชิ้นส่วนกระดูกคางที่ตัดออกในลักษณะการผ่าตัดแบบตัว T

และตัดกระดูกส่วนกรามไปต่อที่คางให้ยาวขึ้น





5. การผ่าตัดสำหรับกรณีที่มีลักษณะคางยื่นและยาว





6. การผ่าตัดสำหรับกรณีที่มีลักษณะคางหลบไปข้างหลัง (เลื่อนคางออกมาด้านหน้า)
20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:12:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


วันที่ 14 กรกฎาคม 2559 (ครบ 8 วันหลังผ่าตัด)





14.00 น. พอกันทีกับข้าวต้ม!!! กินไม่กี่วันก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว




เมนูขึ้นชื่อของร้านนนี้ เรียกมันดู หรือขนมจีบเกาหลี

ข้างในเป็นไส้หมูสับ (สับแบบละเอียดมาก) มาพร้อมกับน้ำจิ้มคล้ายๆจิ๊กโฉ่แต่มีพริก

รสชาติกลมกล่อมมาก แป้งบาง ไส้เยอะมาก เราว่ามันดูรสชาติแบบนี้หายาก

ส่วนใหญ่แป้งจะหนาๆ เมนูนี้เราทานได้คล่องเลย





เมนูนี้เรียกว่า ทัค เม อุล ทัง เป็นไก้ต้มในน้ำซุปแบบเผ็ดๆ

จริงๆ หมอห้ามทานเผ็ดเพราะแผลในปากยังไม่ตัดไหม แต่เราก็แอบชิมไปนิดหน่อยครับ


ปากยังมีอาการบวมอยู่แต่วันนี้สามารถอ้าปากได้กว้างขึ้น กินได้ไวขึ้น

แต่ยังคงมีอาการเสียวฟันบ้าง ตึงๆแผลในปากคล้ายร้อนใน

เวลากินอาหารเหมือนมีเศษอาหารติดเต็มช่องปากไปหมด

ต้องคอยจิบน้ำตามระหว่างทานอาหาร กินข้าวเสร็จก็กลับห้อง

รีบกลับมาบ้วนปากทำความสะอาดช่องปากให้สะอาด

ระหว่างส่องกระจกเราเห็นว่าหน้าเราเริ่มลอก ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องตกใจนะ เป็นอาการปกติ


20.00 น. ออกมากินข้าวเย็นกับพี่สาว เราจำไม่ได้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรอะ

เป็นเหมือนเนื้อหมูก้อนโปะด้วยชีสและโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวคลุกน้ำตาล

อร่อยนะ แต่เราก็กินไม่ทันนางไง ยังเคี้ยวไม่ถนัด กินเสร็จก็รีบกลับมาบ้วนปากเหมือนเดิม

เราเริ่มทานอาหารๆด้หลายอย่างขึ้น แต่ต้องเป็นอาหารที่นิ่มๆ และไม่เผ็ด

ถ้าใครที่อยากยุบบวมไวก็ให้งด อาหารที่มีรสจัด รสเผ็ด ของหมักดองนะครับ

และดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เดินเล่นออกกำลังกายบ่อยๆ จะได้หายไวไวครับ

ศัลยกรรมเกาหลี142.jpg (452.54 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 6)

ศัลยกรรมเกาหลี142.jpg
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:14:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 (ครบ 9 วันหลังผ่าตัด)












22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:21:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


การศัลยกรรมตัดกระดูกโหนกแก้มแบบของโรงพยาบาล DAเรียกว่า

"การศัลยกรรมลดโหนกแก้มแบบ Rigid"

เป็นการผ่าตัดลดขนาดโหนกแก้มพร้อมกับกระชับกล้ามเนื้อช่วงโนกแก้มไปพร้อมกัน

ช่วยลดอาการหย่อนคล้อยหลังผ่าตัด

ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชม. ไม่ต้องค้างที่ รพ.

สามารถกลับที่พักได้ หลังจากพักฟื้น แต่ถ้าหากคนไข้ต้องการนอนที่ รพ.

ก็สามารถแจ้งได้เลย

การผ่าตัดเป็นการผ่าตัดแบบวางยาสลบ

โดยมีวิสัญญีแพทย์ดูแลแบบ 1:1 จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย

การตัดไหม จะตัดไหมไรผมข้างหู วันที่ 7 และตัดไหมในปาก วันที่ 14 หลังวันผ่าตัด

ศัลยกรรมลดโนกแก้มแบบรีจิด หรือ Regid Cheekbone Reduction

เป็นการผ่าตัดแบบเฉพาะของดีเอ

การศัลยกรรมลดโหนกแก้มแบบรีจิกเหมาะสำหรับกรณีดังต่อไปนี้

1.โหนกแก้มยื่นออกมาก ทำให้ใบหน้าดูดุ

2.โหนกแก้มใหญ่กว่าบริเวณอื่น ทำให้เส้นกรอบหน้าไม่เนียนเรียบ

3.โหนกแก้ม ซ้ายขวา ไม่เท่ากัน

4.โหนกแก้มด้านหน้าและด้านข้างมีขนาดใหญ่ ทำให้ใบหน้าดูบานกว้าง

วิธีการผ่าตัดศัลยกรรมลดโหนกแก้มแบบ Rigid

1.เลื่อนโหนกแก้มไปตำแหน่งที่เหมาะสม และล็อคกระดูกให้ยึดติดกันโดยแน่น

ตกแต่งรอยต่อกระดูกให้เนียนเรียบ เพื่อการผ่าตัดที่สมบูณ์แบบและใบหน้าที่ได้สมมาตร

2.ทำให้ใบหน้าเรียว และเล็ก

3.ผ่าตัดด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ พร้อมเทคนิคมัดกล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้ม

เพื่อช่วยลดอาการหย่อนคล้อยหลังการผ่าตัด ยึดโหนกแก้มให้ติดกัน

ด้วยไทเทเนี่ยมด้วยเทคนิคป้องกันโหนกแก้มเคลื่อนที่



- ตัดกระดูกโหนกแก้มด้าน 45 องศา

- ตัดกระดูกโหนกแก้มด้านข้าง เพื่อเลื่อนกระดูกส่วน arch bone

- เลื่อนโหนกแก้มไปอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสม

- ล็อคกระดูกให้แน่น ตกแต่งให้เนียนเรียบ




จุดสำคัญของการผ่าตัดศัลยกรรมลดโหนกแก้ม Rigid

โครงหน้าหลังจากการผ่าตัด จะขึ้นอยู่กับการจัดวางตำแหน่งของกระดูกโหนกแก้ม

step 1. ตัดกระดูกส่วนที่ต้องการ ให้เป็นรูปทรงครีบปลา

step 2. เลื่อนกระดูกโหนกแก้มไปตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด

step 3. ล็อคกระดูกให้แน่น ลดผลข้างเคียงหลังการศัลยกรรม

ตำแหน่งกระดูกที่เหมาะสมในการตัด ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าด้านหน้า

หลังการศัลยกรรมลดโหนกแก้ม


step 1. เลือกจุดที่ต้องการตัดที่เหมาะสม ตามลักษณะโหนกแก้ม

step 2. ตัดและเลื่อนกระดูกไปในตำแหน่งที่ต้องการ และล็อคกระดูกให้แน่น

step 3. ผลการผ่าตัดที่สมบูณ์



รูป CT Scan ก่อน และหลังการผ่าตัด ในมุมเงย จะเห็นได้ว่าหลังการผ่าตัด โหนกแก้มยุบลุงไป

สังเกตุได้จาก พื้นที่ส่วนสีดำ(พื้นที่ว่าง) เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด



การล็อคกระดูกให้แน่น จะเป็นการผ่าตัดที่เห็นผลได้ภายในครั้งเดียว ไม่ต้องผ่าซ้ำเพื่อแก้ไขอีก

- รูปข้างบน หลังจาการศัลยกรมว กระดูกแยกห่างกัน ไม่ติดกัน (กรณีนี้เป็นเคสที่ต้องทำการผ่าตัดแก้ไข)

- รูปข้างล่าง หลังจากการศัลยกรรม กระดูกติดล็อคแน่น




ผลงานบางส่วนของ คุณหมอ ลี ซัง วู ผู้บริหาร โรงพยาบาลศัลยกรรม DA

- 2013 Aesthetic Plastic Surgery

ได้รับคัดเลือกให้ตีพิม์ผลงานวิทยานิพนธ์ด้านวิชาการในหัวข้อ "ศัลยกรรม Shaping V-Line"

- 2015 สมาคมศัลยกรรมตกแต่งแห่งประเทศเกาหลี

นำเสนอและบรรยายในหัวข้อ "วิธีการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้า"

- 2013 The Journal of Craniofacial Surgery

ได้รับคัดเลือกให้ตีพิพม์ผลงานวิทยสนิพนธ์ด้านวิชาการในหัวข้อ "การผ่าตัดศัลยกรรมโหนกแก้ม"

มาดูเรื่องของการดูดไขมันที่เหนียงและกรอบหน้ากันต่อนะ   



Accu Sculpt V-Line Lifting

เป็นการใช้เลเซอร์สลายไขมัน พร้อมการยกกระชับในคราวเดียวกัน

โดยจะเน้นบริเวณเหนียง และกรอบหน้าช่วงล่าง (ช่วงล่างที่เรานิยมเรียกกันว่าวีไลน์ คือ ใบหน้าช่วงใต้หูลงมา)

วิธีทำ โดยใช้เครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1444 nm เพื่อสลายไขมัน

โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่ออื่นๆ และกระจายพลังงานอินฟาเรด

ไปยังชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน

ให้ผิวกระชับ เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันบริเวณใบหน้าเยอะ

กรอบหน้าไม่ชัดเจน มีคางสองชั้น หรือที่เราเรียกกันว่าเหนียงนั่นเอง

beer-web.jpg (156.38 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 6)

beer-web.jpg
23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:23:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

Accu Sculpt Laser ผ่านการรับรองมาตราฐาน US FDA และ Europe CE

ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ทั้งเกาหลีและอเมริกา

ผลการรักษาเห็นได้อย่างชัดเจน มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องเลเซอร์อื่นๆมีความยาวคลื่น 1063-1320 nm

ระยะเวลา ประมาณ 1 ช.ม. วางยานอนหลับ

เหมาะสำหรับ

- กรณีที่แก้มหย่อนคล้อยมีไขมันเยอะ

- มีไขมันช่วงระหว่างกรามและคอเยอะ เส้นกรอบหน้าไม่ชัดเจนเนื่องจากไขมันเยอะ

- ต้องการสลายไขมันบนใบหน้าโดยไม่ต้องการผ่าตัด

คนไข้จะมีแผลแค่จุดเล็กๆ เหมือนรอยเข็มที่ใต้ติ่งหู ไม่มีไหม แผลเล็กมากๆ



อัพเดทการผ่าตัด ครบ 2 เดือน

ติดตามเบียร์ได้ที่  (Line ID : merfy ,FB : Nopadol Muenthong, IG:merfy_beer)

https://youtu.be/7bezDmmVNFk
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-10-3 02:24:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
้้ดูดีมากๆ ขอทรายราคาได้มั้ยครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้