ดู: 32663|ตอบกลับ: 149
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[เสริมจมูก] เห็นคนมีปัญหาเรื่องจมูกก็มากช่วงนี้..ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยนะคะ

[คัดลอกลิงก์]
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคะว่าที่ทำกระทู้นี้ขึ้นมา..เนื่องจากอยากจะแชร์ประสบการณ์
ที่เราได้รับมาให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่นที่อยากจะทำจมูกค่ะ..ซึ่งตอนนี้เราได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว..แต่เราก็ยังจำได้ทุกอย่าง

ปล. ไม่ได้อยากจะโจมตีหรืออะไรนะคะ..แต่อยากแชร์ประสบการณ์แก่ผู้ที่มีปัญหาและกำลังจำทำจมูกค่ะ...


   เรื่องมีอยู่ว่า  เราเคยทำจมูกครั้งแรกที่คลีนิคแถวแยกแคราย(เมื่อราว 2 ปีก่อน) ราคร 8000 บาทสำหรับเรา
ตอนนั้นเราคิดว่าช่างเป็นที่ทำที่ถูกจริงและก็ดังอีกต่างหาก (แน่นอนว่าตอนนั้นเราไม่ได้หาข้อมมูลเกี่ยวกับสิ่งนี้เลย) เราก็ไปทำที่นี่
ทำมาใหม่ๆ..บวมมาก...มากๆๆๆๆๆ....ซึ่งเราบอกหมอว่าขอโด่งแบบธรรมชาติ...การทำมาไม่มีปัญหาอะไร..จนกระทั่งผ่านไป 3 เดือน..
เราโดนเด็กน้อยเอาหัวโหม่งใส่ข้างจมูก (ประหนึ่งหน้าตรูเป็นลูกฟุตบอล)...ความเจ็บไม่ต้องบรรยายค่ะ...แต่จมูกตอนนั้นก้ไม่มีปัญหาอะไร..
จนเข้าเืดือนที่ 4 ..เรารู้สึกว่าขาของซิลี่ที่ปลายจมูกมันเอียงค่ะ..แล้วปลายแหลมๆที่ขามันก็ทิ่มที่ปลายจมูก..ทำให้ปลายจมูกนูนและแดง
เหมือนมีสิวอักเสบอยู่ที่ปลายจมูก และบริเวณจมูกก็เริ่มบวมเป็นระยะๆโดยไม่ทราบสาเหตุ....แบบว่าเดือนนึงบางทีจู่ๆมันก็จะบวมขึ้นมา
เหมือนเพิ่งทำจมูกได้ 5 วัน.....แล้วประมาณ 2 วันมันก็จะหายไป...เป็นแบบนี้อยู่ 3 เดือนที่เราเพิกเฉยปล่อยอาการแบบนี้ทิ้งไว้..
จรในที่สุด..เข้าเดือนที่ 7 กว่าๆของการทำจมูก..เราก็ตัดสินใจอยากจะแก้จมูก...โดยเข้าไปหาข้อมูลในเน็ท..ก็ไปเจอเว็บไซด์หนึ่ง..
ซึ่งเจ้าของเว็บไซด์เค้าไได้ไปทำจมูกจากที่ร้านตรงสถานีบางจากมา..ซึ่งเค้าบอกว่าแทบไม่บวมไม่ช้ำเพราะหมอมีเทคนิคในการ
ดูเอาเลือดและน้ำเหลืองระหว่าการผ่าตัดออกมาทำให้ช้ำบวมน้อยมาก....และก็กล่าวเพิ่มเติมว่า..หมอเค้าดูโหงวเฮ้งจากที่ใบหน้าเพราะ
ท่านได้ศึกษาทางด้านนี้มา..จึงสามารถทำจมูกให้เหมาะกับใบหน้าได้......แถมเค้าทิ้งท้ายไว้อีกว่า..ถ้าไปแก้ตอนนี้..แล้งอ้างชื่อจากเว็บนี้
จะฟรีค่าแก้.....เอาซิคะงานนี้...ข้อเสนอช่างแสนเร้าใจจนดิฉันอดใจไม่ไหว...ก็เลยตัดสินใจไปที่คลีนิคนี้...

คะแนน

5

ดูบันทึกคะแนน

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 16:22:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วัที่ไปปรึกษาหมอก่อนทำ..เราก้ได้บอกเล่าเรื่องความรู้สึกผิดปกติกับจมูกของเราดังนี้..
1. จมูกบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
2. ภายในจมูกเหมือนแผลมันไม่สมานดี(ทั้งที่ 7 เดือน!?) และยังเหมือนมีสะเก็ดบางอย่าง
3. ปลายซิลี่มันแทงปลายจมูกซึ่งทำให้แดงๆเหมือนสัญญาณไซเรน

บอกเล่ากับคุณหมอไป..หมอเค้าก็จับๆ ส่องๆ ตรวจๆ..แล้วก็ตอบมาว่า..ที่เดิมเค้าทำจมูกสั้นไปนะ..น่าจะยาว
กว่านี้อีกสักเซ็นนึง...พรุ่งนี้ช่วงเช้ามาแก้เลยละกัน............ปิดประเด็น!!!...
เราก้ได้แต่งงๆนิดหน่อย..แต่ตอนนั้นก้เบาใจว่า..เอ่อ..บอกหมอไปแระ..แต่หมอไม่ได้บอกว่ามีปัญหาอะไร
แถมให้มาแก้พรุ่งนี้ได้เลยอีกต่างหาก..........เราก็สบายใจ..ลั่นล้ากลับบ้านไป..พร้อมโทรลางาน
สำหรับพรุ่งนี้เรียบร้อย.....

วันรุ่งขึ้นได้เวลาเฉาะซิลี่เก่าออก....หมอก้ให้เลือกทรงไป แล้วก้ไปล้างหน้าเตรียมขึ้นเขียง....หน้าก็เปียก
แอร์เป่าลงตรงเตียงพอดี..หนาวเหลือเกิน...เค้าจะเจาะเส้นเลือดก้หาเส้นไม่เจอเพระาหนาวจนเส้นหดหมด -*-
เค้าให้ยาเบลอ + ยาชา..แต่สติเราก็ยังคงอยู่เกือบครบ..หมอผ่าๆงัดๆไป..แล้วก็พูดขึ้นมาว่า..
"นี่จมูกมันติดเชื้อนิ..ยังทำให้ไม่ได้หรอก..อีก 3 เดือนค่อยว่ากันละกัน"...เราก็เบลอๆว่า..เหอ..อะไรนะคะ...
แล้วหมอก็ผละออกจากห้องไป..ให้พยาบาลผู้ช่วยสานงานต่อ...และทิ้งความอึ้งและอึ้งและงงกับเรา...
มันกระทันหันมาก..หมอก้ไม่ได้รอตอบคำถามของเรา..มีแต่พยาบาลที่คอยปลอบ....ยอมรับว่าตอนนั้นเราสติแตกมาก..
จากที่เคยมีจมูก(ซิลี่)..ก็จมูก(ซิลี่)หายไป..ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลย....ได้แต่ถามเหมือนคนบ้ากับพยาบาลว่า..
ทำเลยไม่ได้เหรอคะ...ไม่ได้เหรอคะ......พยาบาลก็คงสงสาร..ไม่รู้จะปลอบยังไง..เลยโทรโอนขึ้นไปถามหมอ..
สิ่งที่พยาบาลได้กลับมาซึ่งเราก้ได้ยิน (พวกเราพักอยู่ชั้นลอย..หมออยู่ห้องชั้นบน)..เสียงหมอกำลังวุ่นและส่งเสียง
ค่อนข้างดังไม่พอใจที่มาจู้จี้จุกจิก...เราก้เลยจุกนิดหน่อย..ก็เลยถอยทัพกลับบ้าไปตั้งหลัก....พอลงไปที่เค้าเตอร์ด้านล่าง
เราก็ถามขอเงินคืนก่อนได้ไหมคะ..เพราะยังไม่ได้ทำ..ต้องรออีกเป็น 3 เดือน..ขอคืนก่อนได้ไหมคะ...
พยาบาลเค้าก็ทำหน้าลำบากใจ...และตอบมาว่า..ไม่สามารถคืนให้ได้ค่ะ...แต่ถ้าคุณจะเอาคืนจริง..ทางเราจะหักลบค่าที่คุณเอาซิลิโคนออก 5000 บาท..(เหอ..ไหนว่าแก้ฟรี..แล้วทำไมหักตังค์ตรูล่ะ)....เราก็จุกรอบ 3 ..ก็ได้แต่ตาลอยๆ
กลับบ้านไปเหมือนคนโดนกระชากวิญญาณจากร่าง...
แล้วตอนนี้เป็นยังไงมั่งค่ะ ดีขึ้นแล้วยังอ๊า
ดูแลตัวเองเยอะๆนะ เป็นกำลังใจให้ ^_^

แต่หมอ น่ากลัว !!
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 16:43:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
@ คุณ nininews ..ณ ปัจจุบันนี้ดีแล้วค่ะ..แต่เรื่องมันยังอีกนิสส์..ระทึกมากค่ะ..

เรากลับมาที่บ้าน..นั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดี..หมอก้ไม่ได้บอกเลยว่ามันเกิดจากอะไรและเพราะอะไร  ไม่ได้ให้คำปรึกษาว่าต่อไปหลังจากนี้จะเป็นไงมั่ง......จนผ่านไปประมาณ 4 วัน....แม่เจ้า!!!..ทำไมปลายจมูกดิฉัน
มันบุบลงไป...บุบแบบเหมือนแมลงช้างมาสร้างแอ่งหลุมเล็กๆตรงปลายจมูก..กรี๊ดแตกสิคะงานนี้...จากเดิมที่สติแตกอยู่แล้ว
เพราะไม่มีจมูก..คราวนี้มาเพิ่มความบุบตรงปลายอีก..ไม่กรี๊ดก้ไม่รู้จะเป็นไงแล้ว....ก็เลยโทรไปที่คลีนิค..ทางคลีนิคเค้าบอกว่ามันคงต้องบุบลงไปอยู่แล้ว..เพราะมันอักเสบตรงปลายน่ะค่ะ...เีราก็บอกว่าแล้วทำไมไม่บอกนู๋ตั้งแต่แรกล่ะคะว่ามันจะเป็นแบบนี้..เค้าก็เงียบไป........เราก็เสียใจมาก..พยายามเลียแผลใจก้ไม่หาย...จนกระทั่งวันที่ 11 ยอมค่ะ..
ตอายเป็นตาย...เอาจมูกมาใส่ให้นู๋ที....ไปที่คลีนิค..เราก็บอกกับหมอ....หมอก็มองหน้า..แล้วก็บอกว่า..
โอเค..จะทำให้ก็ได้.....

และวันที่สมประสงค์เราก็มาถึง...วันที่หมอจะทำจมูกให้เราแบบไม่เต็มใจเท่าที่ควร..
..หมอเค้าบอกให้เซ็นต์ยินยอมก่อนว่า..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทางคลีนิคไม่รับผิดชอบนะ..
เพราะคุณทำก่อนหมอกำหนด..เราก็บอก "I do"....
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 16:49:27 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หมอก็คงปลงๆกับเราแหล่ะ...วันนั้นที่เราไปทำคนไปคลีนิคเยอะมาก..ส่วนมากเห็นเป็นต่างชาตินะ.."ฟิลิปปินส์ อินเดีย อะไรงี้"..คิวผ่าตัดหมอก็แยะ..จนผู้ช่วยเค้ามาถามเราว่ามาวันอื่นได้ไหม..เราก็ใจแป้วๆ(อีกแล้ว)..แต่ก็ช่วยไมได้...แต่จู่ๆ..เจอหมอ..หมอก็บอกให้รอแป๊ปนึง..
เดี๋ยวจะลัดคิวให้........โอ....ตอนนั้นดีใจมากแทบจะกระโดดจูบหมอทีเดียว..

ตัดตอนไปตอนขึ้นเขียงเลยละกัน...ฉับบบบบบ...


บนเขียง..ทุกอย่างก็เหมือนเดิม..รอหมอมา..หมอก็ฉีดยามึนให้....และอาการภาพหลอนก็
ปรากฏกายมาสวัสดีเราอีกแล้ว...อารมณ์ลอยๆเหลือเกิน...รู้สึกว่าหมอก็เหลาซิลิโคนไป..
ใจเย็นเหลาๆ..ๆ..ๆ.....รู้สึกนาน..จน...ยามึนเหมือนจะเริ่มหมดฤทธิ์!!!...เริ่มรู้สึกตัว..ภาพหลอน
หายไปแล้ว..ไม่อำลากันเลย..ทิ้งหใรมองไฟขาวๆบนเพดานแบบเคว้งๆ...มันทำให้เรา
รู้สึกได้ถึง มีด เข็ม ซิลิโคน และด้าย..ที่มา กรีด มากด มายัด มาเกี่ยวจมูกเรา....
เราก็เบลอๆลืมตามอง...เลือดเต็มไปหมด..เราได้ยินหมอพูดว่า..
"เนื้อเยื่อยังไม่สมบูรณ์เลยดูสิ..เฮ้อ..."..และเราก็รู้สึกเหมือนตะขอเกี่ยวปีกจมูกเราเพื่อเปิดจมูกง้างแผลเพื่อใส่ซิลิโคน...หมอใส่ซิลิโคนเข้าไปครั้งแรก..มันรู้สึกแน่นจมูกไปหมด...
..หมอบอกว่า "เอาล่ะสิ..ใส่ซิลิโคนแต่เย็บไม่ได้..จะเปลี่ยนใจเอาออกไหม??"...
เราไม่ตอบ..ได้แต่นอนน้ำตาไหลพรากกับการผ่าตัด....หมอจึงเอาซิลิโคนออกไปเหลาอีกที
เพื่ออาจจะให้มันเล็กลงอีกสักหน่อย...และหมอก็เอาซิลิโคนมาใส่อีกครั้งหนึ่ง...คราวนี้รู้สึกไม่คับ ไม่แน่นเหมือนทีแรก..แต่เริ่มรู้สึกเจ็บแผลมากขึ้น..ยาชาคงเกือบหมดฤทธิ์แล้ว...
เราจึงรวบรวมสติบอกหมอว่า..."หมอคะ..ยาชามันหมอฤทธิ์ค่ะ.."......หมอก็บอก
ไม่เป็นไรนะ..เดี๋ยวฉีดเพิ่มให้.....โอ..พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์...ไม่เจอกับตัวจะไม่รู้
ว่าฉีดยาชามันจี๊ดขนาดนี้..รับรู้สึกได้ว่าปลายเข็มมันทิ่มผ่านแผลเข้าไปครึ่งจมูก....
อั่ค....แม้ฉีดยาชาแล้ว..ด้วยความที่เนื้อเยื่อเรา ไม่สมบูรณ์..ทำให้การเย็บแผลเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

ระหว่างที่หมอกำลังเย็บแผลจมูกทั้ง 2 ข้างเรานั้น...ใช่ค่ะ..เราต้องเย็บทั้ง 2 ข้าง..
เพราะข้าง 1 กรีดเพื่อเอาซิลิโคนเข้า..อีกข้างนึงเนื้อเยื่อที่เคยติดเชื้อ..มันยังไม่สมบูรณ์ค่ะ..
ทำให้ผิวมันแตก...เลยต้องเย็บ..

ด้วยความที่ยามึนไม่มีผลกับเรอีกต่อไปทำให้เราเผลอลืมตาดู..ขณะหมอเย็บ..
เห็นทั้งเข็ม ทั้งด้าย..และรู้สึกถึงเข็มที่ทิ่มเข้ามาในเนื้อเลยค่ะ...โอย...น้ำตาเราไหล
ตลอดเวลาเหมือนนางเอกดาวพระศุกร์เลย..ใจก็ได้แต่สวดภาวนาขอให้ผ่านไปด้วยดี..
สงสัยทำกรรมไว้ที่ตกปลาตอนเด็กอ่ะ..เลยต้องมาชอใช้กรรมตอนนี้..ฮือๆๆๆ.....
ขอให้หมดเวรหมดกรรมกันซะทีนะ..สาธุ...

หลังจากที่ทำจมูกเสร็จ..หมอบอกเราว่า..ผมทำจมูกให้คุณได้แค่นี้นะ..เพราะเนื้อเยื่อจมูก
คุณแข็งมาก..มันไม่ค่อยยืดหยุ่น...และหมอก็รีบขอตัวไปผ่าตัดคนไข้เคสอื่น...
....อย่างน้อยถึงจุดนี้  หนูก็ต้องขอขอบคุณหมอมากๆเลยค่ะที่อย่างน้อยหมอก็ให้จมูกนู๋....

แต่เรื่องหลังจากนี้อีกเกือบ 2 เดือนกับจฒุกอันนี้น่ะสิคะ
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 17:07:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ลั่นล้ากับดั้งใหม่ได้ไม่นาน...10 วันต่อมาต้องมากินไม่ได้นอนไม่หลับกับมัน...
มันเีริ่มมีน้ำหนองค่ะ..น้ำหนองสีข้นๆเหลืองๆแดงๆ เหมือนนมข้นหวานผสมเลือด...ไหลออกมาจากรูจมูกขวา..
กรี๊ดแตกอีกรอบฮ่ะงานนี้.......เราก็ภาวนาว่ามันคงไม่ได้เป็นอะไรมากมั้ง....วันรุ่งขึ้นได้เวลานัดตรวจกับหมอ
เราก้ไปให้หมอเค้าตรวจ..คือช่วงเช้านั้นแผลมันจะแห้งๆน่ะค่ะ..หมอเค้าก็ตรวจไป..บอกว่าเป็นไงดั้งใหม่สวยไหม..
เราก็ว่าสวยค่ะ....แล้วหมอก็เอาไฟส่องดูแผล...แล้วก็บอกว่าแผลดีมากไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ......
...เราก็นึกว่าเราคงนอยย์ไปเอง...พอกลับบ้าน.....ตกเย็น..มันเริ่มอีกแล้วค่ะ..มันไหลออกมาอีกระลอก..
เราก้ได้แต่ปลอบตัวเองว่า..หมอบอกว่าแผลดีก็คือดี..เดี๋ยวมันก็หาย...เราก็เช็ดทำความสะอาดแผลอย่างที่หมอ
บอก...แต่ตกกลางคืนมันก็ยังไหลออกมาอีก..เราก็ทนไปเรื่อยๆ....จนเกือบครบเดือน (โง่ใช่ไหมคะ..ทนอะไรบ้าๆแบบนี้..).....และแล้วจมูกเราก้เริ่มบามและแดง.....(ลืมบอกไปว่าก่อนหน้านั้นที่ทำจมูกเสร็จใหม่ๆ..เรากดดูตรงระหว่างตา..มันกระดกได้ค่ะ..มันกระดกเปิ๊ปๆเหมือนไม้กระดก..เราก็บอกหมอนะ..แต่หมอก็ตอบมาว่า..เออ..กระดกจริงๆด้วย...แล้วก็ปิดประเด็บเดินหายไป).......พอช่วงที่มันเริ่มแดงนั้น..มันแดงทั้งตรงสันและตรงปลายค่ะ...แดงและบวมเหมือนมีน้ำใสๆ..ร้อนจมูกปวดหัวหนึบๆ.....เราก็ไปหาหมอ..ขอหมอว่าช่วยเอาออกให้หน่ยได้ไหมคะ......หมอเค้าก็คงมองหน้าเชิงสมน้ำหน้าเรา
แหล่ะ..ว่าเราเตือนคุณแล้ว..แล้วผลเป็นไงล่ะ....และหมอก็ตอบมาว่า "คุณจะให้ผมเอาออกให้คุณวันนี้เลยเหรอ..วันนี้ผมยิ่งขี้เกียจอยู่ด้วย".....ค่ะ..หมอพูดแบบนี้จริงๆ...พยาบาลผู้ช่วยเค้ายังอึ้งเลย.....เราก็อึ้งไป...
หมอคงเห็นสีหน้าจะปรี๊ดแตก....หมอเลยกลับคำพูดเป็นว่า..เอางี้...ยังไม่ต้องเอาออกนะ....ลองฉีดยาและลองกินยาควบคู่ไปก่อน..เผื่อมันจะหาย..........
หมอนี่ ใช่หมอ อ.อ่ะป่าวอ่ะ
พอดีไปเห็นที่พี่โพสไว้อีกกระทู้นึง
หนูชักกลัว นัดหมอแล้วด้วย แง่ๆY___Y
เล่าต่อเลยพี่ สู้...
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 17:42:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
[b][color=Magenta]วันนั้นหมอก้ได้ฉีดยาแก้อักเสบที่สะโพกให้...เจ็บมาาากกกค่ะไอยาเนี่ย...
อย่างกะใครมากัดกล้ามเนื้อเราแบบแรงๆตรงสะโพกเลย....แล้วก้ได้ยาแก้อักเสบเม็ดขนาดตอปิโดมากิน..
(ยาชุดแรกหมอให้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ).....ก็เป็นแบบประมาณนี้ไปทุก 5 วันก็ฉีด 1 เข็ม..แต่หลังจากชุดแรกนั้น
หมอบอกว่าต้องเก็บค่ายาแล้ว..เพราะยาก็แพงเหมือนกัน...ก็จัดการไป...
ค่ายาฉีด + ยากินชุดละประมาณ 1500 บาท....เรากินและฉีดไป 3 ชุด..อาการแค่ดีขึ้น..แต่ไม่หาย...มันก็ยังแดงๆ
และร้อนๆบวมๆอยู่..จนหมอเลยตัดสินใจว่าเอาออกเลยละกันนะ....
....แต่การเอาออกครั้งนี้..หมอบอกว่าเอาออกแล้วหมอจะแถมฉีดไขมันของคุณเองให้ด้วย..เพระาเอาออกคราวนี้
จมูกคุณคงจะน่าเกลียดมาก..ปลายจมูกคงจะบุ๋มลงไปมากเพราะปลายแดงเหลือเกิน...ฉีดไขมันซะจะได้ช่วยได้..
เราก็เชื่อหมอ..หมอบอกว่าคิดค่าเอาออก + ฉีด 15000 ละกัน....แล้วบอกด้วยอีกว่า..นี่ถือว่าถูกมากเลยนะ..
เพราะลำพังแค่ดูดไขมันธรรมดาผมก็คิดขั้นต่ำ 22000 แล้ว..นี่คุณได้ทั้งเอาออกได้ทั้งฉีด...เผื่อๆไม่แน่..ผมฉีด
ไขมันให้คุณ..คุณอาจจะไม่ต้องทำจมูกอีกเลยก็ได้...........เราก้เชื่ออีก...วินาทีนั้นหน้ามืด..สมองไม่ทำงาน
โง่มาเป็นเดือนแล้ว..เค้าบอกนกเป็นนกไม้เป็นไม้ละงานนั้น......
เราก็จ่ายเงินไป 15000 ..และก็ขึ้นเขียงพร้อมกับความหวังที่ว่า..ปลายจมูกจะดูไม่น่าเกลียดอย่างที่หมอแนะนำ..

ขึ้นเขียงเหมือนเดิม....หมอฉีดยาๆๆๆๆ...แล้วก็กรีดเอาซิลี่ออกมา....ซิลี่ก็ดันไปติดกับเนื้อเยื่ออะไรก้ไม่รู้...
ลักษณะเหมือนผังผืด (เราเบลอยานะ..แต่เราดูทุกอย่างเลย)..หมอก็งงๆว่าเดือนกว่าๆผังผืดมันเกาะแล้วเหรอ..หมอก็ลองดึงๆๆดู..(เจ็บนะน่ะ)..แล้วก้เลยเอากรรไกรมาตัด...แล้วก็ให้พยาบาลเอาผ้าก็อตมาอุดรูไว้..แล้วหมอก็ลงไปหาไขมันที่พุงของเรา.....หมอก็กรีดนิดๆ..แล้วก้เอาของเหมือนเหล็กแท่งเล็กๆ..กระทุ้งๆๆๆๆๆๆ!!!!!ที่ในแผลข้างสะดือของเรา
หมอกระทุ้งแรงหรือไม่...ตัวเรานี่เอียงไปตามแรงกระทุ้มไขมันทีเดียว.....
และสิ่งที่หมอได้มาอยู่ในหลอดฉีดยาขนาดหลางก็คือ..ไขมันก้อนกระจิ๋วหลิวสีเหลืองนวลๆจำนวนหนึ่ง..
แล้วก็นำมาฉีดเข้าจมูกเรา..มันเป็นไงน่ะเหรอคะ..
อ่านแล้วเจ็บแทน  ทำที่ไหนคะบอกได้ไหม
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 18:04:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เอ่อ....หมอ อ. นี่เค้าอยู่แถวสะพานใหม่นิคะ...คนละคนกันค่ะ...คลีนิคที่เรากำลังพูดถูงนี่คลีนิคเค้าชื่อ ต. ที่แถวบางจากน่ะค่ะ
โห้เป็นคนมีความอดทนมากเลย

เขียนต่ออีกนะค่ะ

สู้ๆค่ะ
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 19:33:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
@คุณ dowww ...ใช่ค่ะ...ที่นั่นแหล่ะ....

ต่อนะคะ...
เนื้อในโพรงจมูกของเราเมื่อเอาซิลี่ออกใหม่ๆ..ก้เหมือนเป็นโพรงน่ะค่ะ..ณ ตอนนี้..ฉีดไขมันเข้าไปได้..มันก็อยู่ในโพรงนั่นแหล่ะ...แล้วก็เย็บปิดซะ....จับดูจมูกตัวเองเวลานั้นความรู้สึกเหมือนลูกโป่งจริงๆค่ะ..แต่เป็นลูกโป่งที่หนังหนาๆแล้วมีน้ำหยุ่นๆอยู่ข้างใน.......ก็เอาวะ...ทำมาแล้ว...เสียตังค์ไปแล้วด้วย...สิ่งที่หมอบอกมาก็น่าจะเป็นจริงนะ...จมูกเราจะไม่น่าเกลียด..ไม่บุบ..แล้วอาจจะมีดั้งหน่อยๆด้วยซ้ำ.....

วันเวลาผ่านไป....10 วัน......อะไรเกิดขึ้นรู้ไหมคะ...ไขมันที่ฉีดมา..มันมลายหายไปหมดเลยค่ะ...ปลายจมูก..
ที่หมอปลอบใจว่าจะไม่ยุบถ้าฉีดไขมัน....มันก็ยุบค่ะ..ยุบแบบแย่มากๆด้วย...มันยุบแบบเนื้อปลายจมูกด้านนึงเหมือนหายไปเลย
จมูกปลายเลยดูเบี้ยวๆ....แทบจะอยากเอาหัวมุดโถส้วมตาย..ไหนว่าจะดี....นี่มันไม่ต่างจากไม่ฉีดไขมันเลยนะ...
ปลายจมูกยุบไม่พอ..ช้ำๆดำๆอีกต่างหาก(ก๊อดดดดดดดด!!)........คราวนี้เลยตั้งมั่นไล่ปรึกษาหมอเลยค่ะ....
หมอคนแรกที่เราไปปรึกษาเป็นคลีนิดแถวลาดพร้าว 35/2 ค่ะ....ยังไม่เคยเห็นผลงานหมอคนนี้ในเว็บนะคะ..แต่เห็นจากคนรู้จักค่ะ...เห็นเค้าว่าหมอดี..ก็เลยไปปรึกษา........คุณหมอกับภรรยาคุณหมอเห็นจมูกเราเค้าก็ตกใจหน่อยๆค่ะ...
ทางคุณหมอเค้าก็พูดเชิงการแพทย์รักษาน้ำใจแถมตัดไหมให้เราฟรีด้วย..ส่วนคุณภรรยา..เค้าออกเป็นคนตรงๆหน่อยน่ะค่ะ..เค้าจะออกแนวโกรธแทนแล้วก็พูดประมาณ...เค้าทำเราเหมือนคนพิการแบบนี้..มันเป็นความผิดของเค้าที่ควรจะดูแลดีดีตั้งแต่แรกนะ......แม่เจ้า.."พิการ"...ชั้นดูเป็นคนเสมือนพิการเหรอเนี่ย.....เค้าพูดแค่นี้มา..น้ำตาร่วงแบบกลั้นไม่อยู่เลยค่ะ...ตลอดเวลาที่ทำยุ่งกับเรื่องจมูกมาเนี่ย..ไม่มีร้องไห้เลยนะ..อดทนตลอด..แต่มาวันนั้นไม่ไหวจะกลั้นแล้วจริงๆ..ขอร้องไห้แบบไม่อายหน่อยเห่อะ......ทางพวกหมอที่ลาดพร้าวเค้าก็ปลอบใจนะคะ..เค้าบอกไปรักษาตัวก่อน..ซักเดือนนึงค่อยมาดูอีกทีว่าเราจะทำอะไรได้มั่งไหม....เค้าพูดเหมือนที่คุณจีจี้เคยว่าไว้ในเว็บนี้น่ะค่ะ....เค้าว่า..การทำศัลยกรรมจมูก..เราต้องทำให้ซิลิโคนนั้นแนบกับจมูกให้มากที่สุด..ไม่ใช่สักแต่ใส่ๆเข้าไปอย่างเดียว...เป็นคำพูดที่กระตุ้นสมองสำหรับเราดีค่ะ.....
ผ่านไป 1 เดือนกว่ากับการที่ต้องมีพลาสเตอร์แปะจมูกไว้ตลอด...ดูเด่นไปหน่อย..แต่ก็ดีกว่าให้ใครห็นจมูกอุบาทย์.... เราลองโทรไปหาที่คลีนิดแถวลาดพร้าวอีกทีค่ะ..คุณหมอพอจะเราได้..เราก็สอบถามการทำและราคา...คุณหมอกล่าวว่าเรื่องที่จมูกคุณพร้อมหรือไม่นั้น..คุณต้องมาให้หมอตรวจอีกทีก่อนนะว่าพร้อมไหม..ส่วนราคา..เคสคุณนี่ท่าทางงานหินเลย...ผมว่าราคาน่าจะอยู่ที่ราว 25000(ใช้กระดูกอ่อนหลังหูควบคู่)......ปรู่ดดดดดด...........ค่ะหมอ..ขอบคุณมากค่ะ..ไว้หนูจะติดต่อมาใหม่นะคะ....
ด้วยความที่บาดแผลในใจเกี่ยวกับจมูกเยอะ..เราตัดสินใจไม่เล็งไปที่ราคา..แพงก็อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้....แต่ประเด็นคือ....ต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายๆที่ซะก่อน...ซัก....3 ที่ละกัน......
ที่ที่ 2 ที่เราไปอยู่แถวจรัญสนิทวงศ์....หมอคนนี้เห็นเรา..พอฟังเรื่องราว..หมอบอกให้รอไปซัก..3 ปี...
อ่าาคคคคคคคคค....หมอขา..นู๋ไม่อยากสวยตอนเลข 3 อ่ะ.........3 ปี...นู๋ต้องไปหาหน้ากากเหล็กมาใส่แทนกน้าจริงแน่ๆ.....แล้วหมอก็บอกว่าถ้า 3-5 ปีไปเนี่ยดีเลย...ไม่ต้องใช้กระดูกหลังหูด้วย....อีก 3 ปีค่อยเจอกันนะจ๊ะ... (_"_)...
ตอบกลับ 13# whitevanilla


    มีรูปไหมคะ แบบว่าไม่ต้องตอนนี้ก็ได้ตอนที่ยังมีซิลี่อยู่  ตอนปลายแดง

เหนใจมากๆๆเลยคะ  ที่แรกทำที่ไหนอ่าคะ
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-5-29 20:01:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คุณหมออีกคนที่เราไปหาอยู่แถววิภาวดีค่ะ...เป็นหมอผู้หญิง..เคยเห็นผลงานเค้าครั้งนึง
..หมอคนนี้เค้าก็ทำซิลี่แนบกระดูกค่ะ(หมอบอก)และหน้าคนไข้บวมและบาน....ไปปรึกษา..หมอบอกว่าซัก 2 เดือนค่อยทำเอนะ...และก้ไม่ต้องใช้กระดูกหลังหูหรอก...ราคาก็ประมาณ 12000....อืมม...ขอไปอีกที่น่า..

หมออีกคนที่เราไปคือ..หมอที่รพ.ค่ะ..คุณหมอ น. ...ท่านใจเย็นในการให้คำปรึกษามากค่ะ..
เค้าบอกว่าเดือนครึ่งแทำยังได้ไม่สวยหรอก..เพระาผังผืดมันยังยึดแน่นอยู่เลย..ดูสิ..แล้วคุณหมอก็สอนวิธีแนะนำการนวดจมูกให้ผังผืดคลายตัวดีขึ้น..และก็บอกว่าอีกซัก 2 เดือนค่อยมาให้ดูใหม่ก้ได้นะ..ส่วนราคาไม่ได้สอบถามค่ะ..แต่วันนั้นเสียค่าเปิดบัตร..แป่ววว......เอ่อ..เริ่มหลายหมอแระทำไงดี.......ขออีกซักหมอละกัน...

หมออีกท่านอยู่ที่สะพานใหม่ค่ะ...คุณหมอ อ.ให้คำปรึกษาละเอียดดี...เพราะท่าทางการวางตัวของเค้าออกจะวัยรุ่น..อายุไม่
ห่างต่างจากเรามาก(มั้ง..หมอหน้าเด็กอ่ะ)...เลยทำให้เรารู้สึกสบายๆ...เลยถามไปซะทุกอย่างที่อยากรู้..หมอก็ให้ความกระจ่างดีค่ะ....หมอบอกๆดูๆตรวจๆ...บอกว่าอีกเดือนนิดๆก็ครบ 3 เดือน..มาทำได้เลยล่ะครับ...ราคาก็ค่ากรีดกระดูกอ่อน 10000 บาท + กับราคาซิลี่ที่เราเลือก.......

โอเค...หลายหมอมากๆละ..ได้เวลาเลือกซะที...จมูกก็อุบาทย์จนไม่สามารถจะไปโชว์หนังหน้ากะใครได้..ต้องตัดสินใจให้ดี..คราวนี้ขอฉับเดียวสุดท้ายได้ก้ดี...นั่งคิดต่ออีกเดือนครึ่ง(กับการเป็นมนุษย์กบดาน)...ก็ตัดสินใจเลือกที่สะพานใหม่ค่ะ..
เฮ้ออออ อ่านไปสะดุ้งไป จขกท.เข้มแข็งมากค่ะ เอาใจช่วยให้หายไวไวนะคะ
อยากเห็นรูปเพื่อเป็นอุทาหรณ์

แต่คุงพี่ทนทานกับการโดนเข็มทิ่มแทงมาก

ไงก็ขอให้ออกมาสวยดูดีนะค๊าฟ

อีกอย่างก็ขอให้หายไวๆๆๆค๊าฟๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆๆๆๆๆๆ
ง่า!! นึกว่าดูหนังสยองขวัญปนแอ็คชั่น

แนวบู้ เลือดสาดจอ...
โห...สู้มากมายอ่ะ ไงก้เป็นกำลังใจให้น๊า
โอ้ย ว่าพวกเราเจอกันหนักแล้ว เจอคุณหนักกว่าอีก สู้ๆนะคะ
เอ่อ....หมอ อ. นี่เค้าอยู่แถวสะพานใหม่นิคะ...คนละคนกันค ...
ต้นฉบับโพสต์โดย whitevanilla เมื่อ 2010-5-29 18:04



    โล่งขึ้นเยอะ โฮกกก !!

สู้ อ่านประสบการณ์พี่ต่อแล้วสยิวตามด้วยเลยอ่ะ แต่พี่นี้ใจเด็ดแล้วก็อึดมากเลยนะ ถ้าเป็นหนูคงฟูมฟาย ทำไรไม่ถูกอย่างเดียวเลยง่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ  ^_______^

เรื่องของเรากลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย
พี่เก่งจังเลย ยังไงขอให้หายไวๆนะคะ เป้นกำลังใจให้
แล้วตอนนี้ รอยบุ๋ม หายยังอ่ะคะ แล้วเสริมหรือยังเอ่ย
แก้ไขยังไงคะ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้