สิบปีที่ไบโอบูดเบี้ยวอยู่บนหน้า วันนี้มันออกไปแล้ว ขอบคุณณพลักษณ์คลินิกมากๆค่ะ

Luckily

ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าเราขี้อายมาก แต่หลังจากเอาไบโอเน่าๆนี้ออกไปได้ เรารู้สึกว่าต้องมาบอกคนอื่น ต้องช่วยคนอื่นไม่ให้ถลำลึกแบบเราค่ะ อาจจะยาวซักหน่อยนะคะ แต่เราตั้งใจถ่ายทอดอย่างละเอียด
เราฉีดไบโอเมื่อสิบปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นรุ่นแรกๆของไบโอเลยทีเดียว คุณแม่เห็นโฆษณาในนิตยสารเลยบอกให้หาข้อมูลให้ ยังจำได้เลยคำโฆษณาของเค้าเป็นผู้หญิงจมูกหยดน้ำสวยมากคนหนึ่ง พร้อมคำโปรยว่า "ให้เอาจมูกมาถูก็จับไม่ได้...สวย เนี๊ยบ เนียน นิ่ม" นี่คือคำชักชวนให้ไปทำ พร้อมบอกว่าสารได้รับอย.และปลอดภัย เราเห็นว่าง่ายดี ไม่ต้องพักฟื้นนาน เข้าไปถามที่คลินิกสาขาราชเทวี เจ้าหน้าที่บอกว่า "วันนี้หมื่นเดียว พรุ่งนี้หมดโปรโมชั่นจะขึ้นเป็นหมื่นห้า นี่พี่ก็ฉีดมาค่ะ พี่เป็นน้องสาวคุณหมอ ฉีดแล้วมีแต่คนทักว่าสวยขึ้น ไปทำไรมา" คุณแม่เราเห็นว่าพรุ่งนี้จะขึ้นราคา เลยบอกเราให้ทำเลย ถ้าไม่ชอบค่อยเอาออก(ตามที่หมอบอก) ตัวเราเห็นว่า น้องหมอยังทำ หมอคงไม่ทำร้ายน้องสาวตัวเอง และทำตอนนี้จะประหยัดได้ห้าพัน จึงเลยตามเลย ไม่คิดไรมาก
คืนนั้นเรานั่งรถจากราชเทวีไปดอนเมืองเพื่อเจอหมอตัวเป็นๆ(ถ่อไปตั้งไกลให้เขาเชือดนิ่มๆ) ไปถึงหมอถ่ายรูปสามแชะ จับทำเลย คุณแม่น่ังรออยู่ข้างล่างยังไม่ทันง่วง เราก็เสร็จละ เดินสวยแบบเบลอๆลงมา เป็นที่ถูกใจคุณแม่...หารู้ไม่ตอนนั้นมียาชาอยู่ด้วย พอยุบเท่านั้นแหละ สันจมูกมา แต่ปลายจมูกไม่มาตาม จมูกเราแปลกมาก เหมือนมีสันเป็นสะพานแล้วสะพานขาดตรงกลางค่ะ ทนอยู่กะมันครึ่งปี คุณแม่ลากไปแก้ คราวนี้หมอจัดหนักให้ สันจมูกใหญ่จัดเต็ม สะพานสันจมูกไม่มีขาดค่ะ จมูกมาแนวฝรั่งแต่หน้าเราไทยมาก เอียงไปทางซ้ายนิดๆ และดูออกเลยว่าไปทำมา แถมทำกะหมอไร้ฝีมือ!!
พี่สาวเห็นยังบอกว่า "คนรู้ว่าทำ ยังไม่เจ็บปวดเท่า ทำมาแล้วไม่สวย ไหนๆจะทำ ทำไมไม่ทำให้มันสวย" อ๊ากกกกกกกกก
จุดนั้นเราคิดว่าพอละ เพราะกลับไปหาหมอ หมอไม่เอาออกให้ บอกว่าที่ต้องทำใหญ่เพราะหน้าเราใหญ่ ต้องบาลานซ์...เขาจะคิดไหมว่า เขาทำให้เด็กคนหนึ่งไม่มั่นใจในตัวเอง และไม่กล้าถ่ายรูป เพราะแสงแฟลชที่สาดมา ทำให้เห็นชัดว่ามีแท่งเบี้ยวๆอยู่ในจมูก

ผ่านมาราวๆสามปีได้ ปลายจมูกหยดน้ำเริ่มมา เราก็เอ๊ะ มันมายังไง ก็สวยดีหรอก แต่ไม่ได้คิดไรมาก (ไม่ได้คิดเล้ยว่าเป็นเพราะมันไหล) คุณแม่บอกว่ามองด้านข้างดูเป็นธรรมชาติดี เสียแต่มองหน้าตรงแล้วมันใหญ่ไม่สวย เราก็ปลงๆ(เราเป็นคนปลงง่ายอ่ะค่ะ) เลยไม่ได้ดิ้นรนอะไร แค่ไม่มั่นใจในตัวเอง
ประมาณปีที่5 ถ้าจำไม่ผิด หยดน้ำที่ว่าสวยๆเริ่มย้วยแปลกๆ มองใกล้ๆเห็นเป็นเม็ดตุ่มตรงปลายจมูก แตะโดนแล้วเจ็บนิดๆ เราก็ปลงต่อ ช่างมัน (ยังปลงได้อีก!)
ประมาณปีที่เจ็ด พี่สาวเริ่มถามว่าปลายจมูกเป็นอะไรทำไมตุ่ยๆ เราก็เลยเริ่มสังเกตดู อ่าวเฮ้ย มันไหลนี่หว่า ชักไม่ได้การ คนอื่นจะเป็นอย่างเราไหม...จึงเริ่มหาข้อมูลในเน็ต พบว่า เค้าเริ่มไปเอาออกกันแล้ว แต่ละคนเจอปัญหากันทั้งนั้น

เราเริ่มหาข้อมูลที่ที่รับแก้ มีหลายที่ที่น่าสนใจ เราอยากได้หมอที่เค้ามือเบาเพราะเราช้ำง่าย เข้าสู่ปีที่แปดที่ไบโออยู่บนหน้า ช่วงเดือนมีนาคม เราได้คิวคุณหมอท่านหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ามือเบามาก แต่เราดันติดสอบป้องกันวิทยานิพนธ์จึงอดแก้ รอคิวอีกครั้งข้ามปี หมอท่านนั้นบอกว่าไม่เป็นไร มันก็อยู่ของมันไปอย่างงั้น ไม่ทะลุหรอก เราจึงนอนใจ
แต่นอนใจไม่ได้นาน ทั้งพี่สาวทั้งแม่บอกว่า ไปแก้เห๊อะ ไม่ไหวละมันไหลเป็นติ่งปลายจมูก เกินคำว่าสวยละ มันแปลกๆละ
ช่วงก้ำกึ่งจะไปจองคิวกับหมอท่านเดิม(แล้วรอไปอีกครึ่งปี) กับการหาหมอท่านใหม่ใครก็ได้...คืนนั้นเรากราบพระและตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้เราพบทางออกที่ดีที่สุด ขอให้บุญมาช่วย...
วันถัดมาเราเจอรีวิวละเอียดยิบที่มาแก้ไบโอกับคุณหมออรรรถพันธ์ จากที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอชื่อคุณหมอมาก่อนเลย เราเข้าไปอ่านขั้นตอนความสะอาดก่อนผ่าตัดของทางคลินิกแล้วรู้สึกว่า ที่นี่แหละทางออกของเรา เราจึงโทรนัดคุย คุณเฟี๊ยตให้ดูเคสยากๆแต่คุณหมอยังสามารถ เราเริ่มมั่นใจ อีกประเด็นคือเราเห็นว่าที่อื่นรื้อไบโอสองชั่วโมง ที่นี้ห้าชั่วโมง งานต้องละเอียดมากแน่ๆ เราจึงนัดวันทำเลย

(มีต่อนะคะ)

Luckily

ก่อนทำ นั่งคุยกับคุณหมอว่า
ไบโอมีประมาณสี่ระยะ
ระยะหนึ่ง เริ่มบิดเบี้ยวเสียรูป
ระยะสอง สีเปลี่ยนเป็นคล้ำเขียว รูขุมขนขยาย
ระยะสาม เริ่มมีจุดแดงๆ ขรุขระ ผิวหนังบาง เห็นเส้นเลือด
ระยะสี่ บางจนทะลุ
มองคร่าวๆคุณหมอบอกว่าเราอยู่ประมาณระยะสองไปสาม
เรากลัวมาก ไม่เคยผ่าตัดมาก่อน ขอคุณหมอว่า วางยานอนหลับเราไปเลยได้ไหม ไม่อยากรับรู้ คุณหมอบอกว่า เคยถอนฟันไหม...
เจ็บจากยาชาเข็มแรกหมอให้นับเป็น x
เลาะไบโอของเรา ความเจ็บจริง 70x
รอดูตอนผ่าจริงนะ ว่าเจ็บถึง x ไหม
...ฟังแล้วหายป๊อดแฮะ
และก็เป็นเช่นนั้นจริง...
เรื่องความสะอาดขอบอกว่าที่สุดละ...ล้างหน้าห้ารอบ แปรงฟันสองรอบ เอาก้านสำลีชุบน้ายาฆ่าเชื้อฟอกในรูจมูกข้างละสามก้าน แล้วล้วงเข้าไปล้าง จากนั้นห้ามแตะหน้าตัวเองอีก เดินเข้าไปนอนบนเตียงให้คุณหมอเช็ดทั่วหน้าด้วยแอลกอฮอล์อีกสามรอบ และล้วงเช็ดในรูจมูกอีกสองรอบ จากนั้นคุณหมอจึงตัดขนจมูกเรียบ แล้วฉีดยาชา (เราเก็บทุกรายละเอียดเนื่องจากจบเทคนิคการแพทย์มา ขอบอกว่าสะอาดเกินมาตรฐานจริง เราจึงไม่ห่วงเรื่องอักเสบเลย)

คุณหมอเปิดเพลงให้ฟังแล้วเริ่มลงเข็ม...มดกัดชัดๆ แม้แต่ยาชาเข็มแรกยังเบาเลย
ขำตัวเองมาก เราป๊อดเกินเหตุไปเยอะ เพราะความจริงคือไม่เจ็บค่ะ หลังจากยาชาเข้าไป จมูกนี้ก็เหมือนไม่ใช่จมูกเราละค่ะ คุณหมอจะทำไรกะมันก็ทำเลย
แช๊บบบบบบ...คุณหมอคงผงะเมื่อเปิดมาเจอหนอง!!! ตรงอดีตปลายหยดน้ำแสนสวยของเรา มันคือหนองค่ะ โอ้แม่เจ้า จากระยะสองกระโดดไประยะสุดท้ายทันที เนื้อตรงนั้นบางมาก คุณเฟี๊ยดบอกว่าถ้าอะไรสะกิดหน่อยเดียวทะลุเลย...นอนฟังอยู่ก็เฮ้ออออ ชั้นรอดมาได้ไงเนี่ย
คุณหมอค่อยๆใช้ฝีมือเลาะอย่างปราณีตเพื่อรักษาหนังบางๆส่วนนั้นไว้ พอทำได้ เสียงคุณหมอภูมิใจเล็กๆ ...ขอบคุณมากนะคะ
คุณหมอมือเบา เราเผลอหลับไปด้วย นานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ ตื่นมาพร้อมเสียงครืดๆ แซ่กๆ บนหน้า ไม่เจ็บแต่ถูกปลุกด้วยเสียง งานยากค่ะงานยาก ได้ยินเสียงคุณหมอถอนหายใจอยู่หลายครั้ง
ออกจากห้องผ่าตัดสองทุ่ม เข้าไปประมาณบ่ายสาม ห้าชั่วโมงเต็ม เราหลับ หมอเหนื่อย ขอบคุณเหลือเกินค่ะ ขอบอกว่า55000ดูไม่แพงทันทีเมื่อเจอความตั้งใจขนาดนี้ของคุณหมอ คุณเฟี๊ยด และทีมงาน (พี่สาวเราเสริมจมูกอย่างเดียว35000ละค่ะที่รพ.บางมด นี่เราขุดลอกแสนลำบาก ใช้เวลามากกว่าปกติห้าเท่า ยังไม่รวมความเครียดความเมื่อยของคุณหมอ ยอมรับตรงนี้ว่าคุณหมอทำด้วยใจจริงๆ)
ออกจากห้องผ่า คุณหมอพามานั่งดูซาก...
เอาออกได้95% ฟินาเร่!!
ไบโอไหลไปถึงรอยหยักบนปากค่ะ คุณหมอไม่ปล่อยไว้ เอาออกหมด ยกเว้นตรงที่บางมากจริงๆ ต้องคงไว้กับเนื้อ ตรงนั้นคือส่วนของ5%ค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้เราอยากบอกว่า อย่าชะล่าใจเลยนะคะ คุณอาจจะคิดว่าไม่ผิดปกติอะไรหนิ ไม่ต้องเอาออก แต่วันหนึ่งไบโอบนหน้าจะต้องเข้าสู่วัฏจักรสี่ระยะที่ได้กล่าวมาค่ะ เราเคยชิลและคิดว่าไม่มีปัญหา มองด้วยตาเปล่ายังโดนไบโอสับขาหลอกว่าแค่ระยะสองไม่ร้ายแรง จนผ่าเข้าไปเจอหนองนั่นแหละค่ะถึงรู้ว่าวิกฤตจนแทบรอไม่ได้ วันนี้คุณนั่งมอง คุณไม่มีทางรู้เลยว่าภายใต้ผิวหนังมีอะไรอยู่ อย่าทิ้งไว้ค่ะ ยิ่งนานยิ่งไหลทะลวงแทรกซึมเข้าสู่เนื้อดีของเรา ยิ่งนานยิ่งจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกินเนื้อเยื่อดีของเราไปมาก ไม่ว่าคุณจะทำมา 1เดือน 1ปี หรือ10ปีอย่างเรา ไปเอามันออกเถอะค่ะ ใครถามบอกเค้าเลยว่าอย่าทำ อธิบายเค้าเลยค่ะว่าไบโอคือซิลิโคนทางการแพทย์ (ซึ่งมันไม่อันตรายถ้าเป็นแท่งอยู่อย่างงั้น) แต่เค้าเอาไปปั่นละเอียด เค้าบอกปลอดภัย ก็ใช่สิเพราะเนื้อสารดั้งเดิมมันปลอดภัยอยู่แล้ว ปั่นแล้วมาฉีดก็ปลอดภัยไง เพราะเราไม่ตายค่ะ แต่ข้อเสียใหญ่หลวงคือควบคุมไม่ได้ว่ามันจะไหลไปไหน คิดดูสิอณูเล็กเท่าเข็มฉีดได้ มันจะเล็กแค่ไหน ต้องใช้กี่แสนเม็ดกว่าจะเป็นดั้ง แล้วจะไปควบคุมทุกเม็ดได้อย่างไร
...ถึงเวลาถ้ามันกู่ไม่กลับ เงินเป็นล้านก็ซื้อหน้าเก่าเราคืนไม่ได้นะคะ
ปล. แล้วจะทยอยลงรูปนะคะ

Luckily

คุณหมออรรถพันธ์เก็บ"ซาก"ไว้ให้เราดูนะคะ ไม่มีหมกเม็ด เห็นจะจะว่าเอาออกได้เกือบหมดจริงๆ คุณเฟี๊ยดมาสอนวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าอย่างละเอียดพร้อมนัดวันตัดไหม ขณะนี้เป็นวันที่สี่หลังผ่า เราเริ่มยุบบวมตั้งแต่วันที่สองแล้ว และบวมน้อยกว่าที่คิดมาก คงเพราะคุณหมอมือเบาและเราปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เรานัดตัดไหมวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ค่ะ มั่นใจว่าจะต้องออกมาดีแน่นอน

toeymodel

ว่าแล้วต้องเป็นหมอนี้ ซื้อหวยน่าจะถูก มีการดำเนินเรื่องเป็นขั้นเป็นตอนเหมือนกันทุกรีวิวเลย แจ่มจริงๆ

nancha93

เอาไบโอออกแล้วได้เสริมซิลิโคนที่เปนแท่งเลยหรือเปล่าคะ หรือต้องรอพักฟื้นให้หายดีก่อน

Luckily

คุณ toeymodel เราตั้งใจเล่าละเอียดเองแหละค่ะ รีวิวอื่นไม่ได้สนใจเท่าไหร่นะว่าเป็นยังไง แหะๆ พอดีเป็นคนค่อนข้างเก็บรายละเอียดพวกนี้เพราะจบสายแพทย์มา อยากเล่าให้คนเข้าใจจริงๆว่าเราทนอยู่กะไบโอมานานมาก หากเราแค่เสริมจมูกธรรมดาคงเล่าเสร็จในสิบบรรทัด และทางคลินิกเค้าดำเนินการเป็นขั้นตอนแบบนี้จริงๆ ทำกับคนไข้ทุกคนน่ะค่ะ

คุณ nancha93 ใส่แท่งเข้าไปแทนที่เลยค่ะ ไบโอเราก้อนใหญ่มาก ถ้าเอาออกแล้วไม่ใส่แท่งเนื้อจะหย่อน  

Luckily

นี่รูปจมูกเราค่ะ สามมุมเลย รูขุมขนน่าอับอายมากเพราะไบโอ มองด้านข้างสวยดีอยู่นะ ไม่น่ามีปัญหา มองด้านหน้าจะเห็นว่าปลายมันตุ่ยๆและไม่เท่ากัน จุดนั้นคือจุดที่เจอหนองค่ะ

Luckily

นี่เป็นรูปจมูกเราค่ะ บวมน้อยกว่าที่คิด เส้นดำๆจากรูจมูกคือไหมไนล่อนนะคะ
วันแรกตาแทบเปิดไม่ได้เนื่องจากยาชาร้อยกว่าเข็ม มียาชาที่ไปคั่งตามจุดต่างๆ
วันที่สองร่างกายขับน้ำออกไปบ้างแล้ว เราประคบน้ำแข็งและนอนหมอนสูง ทานโปรตีนให้น้อยที่สุด ทานยาให้ตรงเวลา
วันที่สามยุบเยอะขึ้น วันที่สี่ยุบอีกหน่อย คงยุบช้าแล้ว ตอนนี้เริ่มม่วงชัดเจนค่ะ ต้องทำใจเพราะเราตัดไปโอออกมันต้องมีช้ำล่ะนะ นี่ก็ถือว่าเจ็บน้อยแล้ว เพราะที่คิดไว้จะเจ็บกว่านี้

ไว้จะมาอัพให้ดูอีกนะคะ

Jaajah

ขอบคุนสำหรับความรู้ดีดีค่ะ ตัวนู๋เองตอนแรกกะจะฉีดเหมือนกันเพราะกลัวอย่างเดียวเลยค่ะ แต่ก็อย่างให้จมูกโด่ง
ทีนี้รู้ผลของไบโอละค่ะว่าแรงขนาดไหน จะได้เอาไปเล่าต่อใครๆที่คิดจะฉีด

alexzy

ขอให้หายเร็วๆนะค่ะ และขอให้คนที่ทำไบโอแล้วแก้ ทุกๆคนแก้ออกมาสวยและอย่ามีปัญหาในทุกๆเครส
รวมทั้งเราด้วย เราอยากแก้เหมือนกัน ขอให้พระคุ้มครองเหยื่อไบโอทุกๆคนคะ
รอชมนะค่ะ ขอคุณที่เอาประสบการมาเล่าให้ฟัง ติดตามอยู่นะค่ะ

moonshine

ขอให้หายเร็วๆนะคะ

iambee

หายไวๆนะคะ รอชมค่า

Punoi

คุณหมออรรถพันธ์เก่งและใจดีค่ะ น่ารักทั้งคลีนิค  ขอให้หายไวๆแล้วมารีวิวต่อนะคะ

Luckily

ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
วันนี้เอารูปมาให้ดู วันที่แปด ยุบบวมไปเยอะแล้วค่ะ

Luckily

รูปนี้สยองหน่อยนะคะ เป็นไบโอ 95%ที่เอาออกมาได้ของเราค่ะ สดๆหลังผ่า เลือดยังซึมๆจากไบโอเลย
รูปซ้ายบน เป็นชิ้นใหญ่และเศษเล็กเศษน้อยที่คุณหมอไม่ปล่อยผ่าน
รูปขวาบน คุณหมอลองเอามาวางพาดบนจมูกปลอมให้ดูว่าตอนมันอยู่บนหน้าเราเป็นลักษณะไหน จะเห็นว่าบริเวณหยดน้ำมันไหลไปเหนือปาก คุณหมอเลาะออกให้ด้วย
รูปล่าง จุดที่คีบคือชั้นไบโอ เราฉีดสองครั้ง มันจึงเป็นสองชั้นค่ะ
น่ากลัวเนอะ เหอๆๆ

issy-issy

น่ากลัวมากเลยครับ  ขอให้จมูกใหม่ ดูดีและเข้ารูปเร็วๆนะครับ สู้ๆครับ

Luckily

ขอบคุณมากค่ะ

toi10

หายไปเลยรอชมนะค่ะหายไวๆค่ะ

Luckily

มาแล้วค่ะ วันนี้ไปตัดไหมมาค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติมมาด้วย เดี๋ยวลงรูปของเมื่อวานก่อนนะคะ
รูปของวันที่เก้าหลังผ่าเอาไบโอออก ก่อนตัดไหมหนึ่งวัน วันนี้ยุบบวมลงไปเยอะอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเพื่อนสนิทมาหาแล้วคุยกันฮา หัวเราเยอะพูดเยอะ ตอนแรกเรากลัวมันบวม ที่ไหนได้มารู้จากคุณเฟี๊ยตวันนี้ว่าการออกกำลังหน้า เช่น พูดมากๆ หัวเราะ การขยับต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้มีการขับของเสียออกได้ดีขึ้น

Luckily

วันที่ไปตัดไหม ทันทีที่เดินเข้าไปเจอคุณหมอ คุณหมอมองแว๊บเดียวพูดเลยว่า “เอียง” ว่าแล้วท่านสอนวิธีเชคแกนจมูกให้ จากนั้นจึงตัดไหมให้อย่างเบามือค่ะ ไม่เจ็บอย่างที่คิดค่ะ บางจุดมีจี๊ดเล็กๆ แต่โดยรวมน้อยกว่าที่ป๊อดไว้เยอะ
จากนั้นคุณหมอเอารูปที่ถ่ายไว้ทุกขั้นตอนการผ่ามาให้ดู สยองมากค่ะ (เดี๋ยวจะลงรูปส่วนนั้นให้ดูภายหลังนะคะเพราะยังไม่ได้ก๊อปมา) ได้เห็นปลายที่เป็นหนองของตัวเองแล้วรู้สึกดีใจเหลือเกินที่มาเจอคุณหมอและคุณเฟี๊ยต ไบโอที่คุณหมอเอาออกมาเป็นชิ้นเต็มมาก เรียกได้ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณหมออธิบายให้ฟังค่ะว่าไบโอที่เข้าไปในจมูกนั้น ให้ลองนึกภาพว่าเราราดนมข้นหวาน(ไบโอ)ลงบนกระเบื้อง(จมูก) การเอาออกแม้เราจะเช็ดอย่างไรก็ยังมีเหลือคราบบางๆ เช่นเดียวกันกับไบโอที่เข้าไป ไบโอจะซึมแทรกเข้าไปตามเนื้อเยื่อ ทีนี้ตรงไหนที่มันติดผิวหนังมากเกินไป หากเราดันทุรังเลาะออก(ถูคราบนมข้นหวาน) เนื้อเยื่อจะบอบช้ำ หรือผิวหนังเสี่ยงต่อการขาด จึงต้องทำใจหากมันจะยังเหลือนิดหน่อย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบแล้ว รักษาไว้ดีกว่า
คุณเฟี๊ยดบอกว่ามากดไล่น้ำและของเสียออกให้...เจ็บค่ะอันนี้ แต่หลังจากกด เห็นชัดเลยว่าทรงจมูกเป็นอย่างไร และจมูกแทบจะหายเป็นสีม่วงเลยล่ะ คุณเฟี๊ยดบอกว่าก้อนไปโอที่เอาออกมันใหญ่ แต่ซิลิโคนที่ใส่ใหม่คุณเฟี๊ยตเหลาตามความเหมาะสมของโครงหน้าและสภาพผิว ผิวหนังจะหดลงเล็กน้อยหลังจากที่เอาไบโอออกและจะบางมาก ดังนั้นจึงเหลาซิลิโคนเล็กกว่าจมูกไบโออันเดิมเพื่อไม่ให้ผิวหนังตึงเกินไปจนเกิดการทะลุ
คุณเฟี๊ยตบอกว่าเคสของเรายุบบวมได้ดี ปฏิบัติตัวอย่างไร เราตอบไปว่าปฏิบัติตามที่คุณเฟี๊ยตบอกทุกอย่าง แต่ขณะกำลังพิมพ์เรานึกได้ว่าเรามีเทคนิคเพิ่มเติมที่คาดว่าจะช่วยให้ยุบเร็วค่ะ

วิธีปฏิบัติตัวของเรานะคะ
1. คุณเฟี๊ยตให้ประคบน้ำแข็งให้มากที่สุดในช่วงแรก (เทคนิคเล็กๆของเราคือเรากินไอติมด้วยค่ะ และอมน้ำแข็งด้วย ช่วยให้เลือดหยุดเร็วและยุบบวมมากขึ้น นอกจากนี้เวลานอนที่เราไม่สามารถประคบได้ เราเอาคูลเจลลดไข้มาติดบริเวณที่เราประคบด้วย)
2. คุณเฟี๊ยตให้ลดโปรตีนให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ร่างกายสร้างพังผืดเร็วจนเกินไป อันนี้ตรงตัวค่ะ เรางดเลยเพราะปกติแม้แต่แป้งสาลีก็มีโปรตีนเจืออยู่แล้ว เราจึงไม่เพิ่มโปรตีนอีก เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว นม นมถั่วเหลือง จึงไม่ได้รับการเหลียวแลจากเราในช่วงนี้
3. ห้ามนอนกลางวัน ให้ทำโน่นทำนี่เพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียน ร่างกายจะได้ขับของเสีย (เทคนิคนี้เราได้มาโดยบังเอิญ วันที่ยุบเร็วกว่าคือวันที่เราคุยเยอะหัวเราะเยอะค่ะ ตอนแรกเรากลัวบวม ที่ไหนได้ กล้ามเนื้อหน้าได้บริหาร เป็นสิ่งดีซะงั้นค่ะ)
4. ดื่มน้ำให้น้อยลงหน่อย เพื่อลดการบวมน้ำ (นอกจากเราดื่มน้ำน้อยลงแล้ว เทคนิคเล็กๆของเราคือ อาหารที่เค็มจัดและใส่ผงชูรสจะมีปริมาณโซเดียมสูงค่ะ เป็นอีกสาเหตุให้บวมน้ำ เราจึงเลี่ยงค่ะ)
5. นอนหมอนสูง นอนแต่พอดี ห้ามนอนกลางวัน...อันนี้ตอนแรกเราก็งง ทำไมไม่ให้พักผ่อน แต่ความจริงแล้วขณะหลับร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองค่ะ ซึ่งตรงนี้หากเรามีวัตถุดิบให้เค้า(โปรตีน) แล้วนอนกลางวันเพิ่มด้วย รับรองพังผืดมา สองอย่างนี้จึงสัมพันธ์กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ มีอยู่วันหนึ่งเรางีบตอนกลางวันยาววววววว ตื่นมาหน้าบวมด้วย เห็นแต่ข้อเสียค่ะ เลยเลี่ยงซะ...นอนแต่พอดี

Luckily

คุณเฟี๊ยตไล่น้ำและติดเทปดามจมูกให้เราค่ะเพราะอย่างที่เล่าไปข้างต้นว่ามันยังไม่เข้าที่ข้างทางนัก คุณเฟี๊ยดบอกว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการปะทุของสิว การปฏิบัติตัวของเราจึงคล้ายเดิม ไม่ต้องประคบแล้ว แต่ "ห้ามบีบสิว ห้ามแกะสิว เด็ดขาด" แม้กระทั่งสิวเสี้ยนที่แค่เอามือเขี่ยก็หลุด ก็ห้ามค่ะ เพราะผิวเราตอนนี้บางมาก การเขี่ยหรือแกะสิวจะเปิดรูขุมขน เสี่ยงต่อการที่เชื้อโรคจะเข้าไปและอักเสบได้
เช้านี้เราตื่นมายุบบวมหมดแล้วและหายม่วง สิ่งที่เห็นตามมาคือเนื้อบางส่วนเริ่มยุบค่ะ เป็นส่วนที่ไบโอกินเข้าไปเยอะบริเวณหว่างคิ้วและปีกจมูกด้านซ้ายตามแนวลูกศรสีขาวนะคะ สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือรอค่ะ รอเวลาที่เนื้อเยื่อจะสร้างใหม่

keaw44

ได้ความรู้ที่เป้นประโยชน์เยอะแยะมากมาย เป้นกำลังใจให้นะจ้า ขอให้จมูกใหม่ สวย เข้ากับหน้านะจ้า

Luckily

ต้นฉบับโพสต์โดย keaw44 เมื่อ 2012-7-21 12:45
ได้ความรู้ที่เป้นประโยชน์เยอะแยะมากมาย เป้นกำลังใจ ...

ขอบคุณมากนะค๊า

toi10

หายไวๆค่ะสำนักเดียวกันค่ะจะเป็นกำลังใจให้หายวันหายคือนค่ะเริ่มออกมาสวยแล้วเนาะดีในด้วยค่ะ

Luckily

ต้นฉบับโพสต์โดย toi10 เมื่อ 2012-7-22 20:18
หายไวๆค่ะสำนักเดียวกันค่ะจะเป็นกำลังใจให้หายวันหาย ...

ขอบคุณมากๆเลยนะคะสำหรับกำลังใจ ดีขึ้นเยอะเลยค่ะตอนนี้ เดี๋ยวอัพรูปให้ดูนะคะ