|
เพิ่งมีเวลาแวะเวียนมาดู
ผมไม่อยากจะออกตัวมาก เพราะเปลืองตัว แต่ข้อมูลของผมไม่ใช่สิ่งที่ทึกทัก หรือ เดาเอาเอง
เป็นข้อมูลที่ถูกต้องและผ่านการคิดพิจารณา จากพื้นฐานความรู้ที่ ครูบาอาจารย์ สอนมาตั้งแต่ basic science medical science ไม่ว่าจะ Organic chemistry Biochemistry Pharmacology Anatomy Physiology ฯลฯ รู้ตั้งแต่ทุกอนูระดับ molecule ของสารไปจนถึง การทำงานของตัวยากับการร่างกาย product, metabolism, effect, physiologic response excretion, side effect, management, administration, protocol , dosage, indication ฯลฯ
เป็นตรรกกะและมีเหตุผลสมบูรณ์ คนที่ไม่เคยเรียนอะไรพวกนี้มา ยากที่จะเข้าใจถึงได้
จะได้แค่ งูๆ ปลาๆ จับแพะมาชนแกะ อ่านแค่ wikipedia google
แล้วtranslate ด้วย google ทำตัวเป็นหมอเป็นพยาบาล เป็นเซียนตามอินเตอร์เน็ต
ผมแค่อยากจะออกมานำเสนอ fact ที่ผ่านการวิเคราะห์ จากคนที่มีความรู้
แต่กลับกลายเป็นว่า ถูกด่า
ขอย้ำให้ชัดนะครับ
การฉีดวิตามินซี ในความเป็นจริง ไม่ควรใช้การฉีด อัดเป็นลูก ในความเข้มขนสูงๆ (ที่พวกกูรู อินเตอร์เน็ตแนะนำกันนั่นแหละ ) เพราะนอกจากแสบแล้วยังทำให้ผลข้างเคียงสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
หลักการคือ ใช้การละลายมากๆ อย่างน้อย 50ml และ ให้ยาค่อยๆ drip อย่างช้าๆ
เพราะยาตัวนี้ ถ้าอัดไปเร็วๆ ผลข้างเคียง คือความดันตก รู้สึกวูบๆ หวิวๆ แสบเส้น ฯลฯ
ส่วนเรื่องคำว่า โอเวอร์โดส ต้องขอบอกเลยว่า สำหรับวิตามินซีแล้ว มีแค่ Dose คือ 2000mg ตามกด อย แต่ความเป็นจริงแล้ว วิตซี ถ้าใช้ support ในคนไข้สภาวะอื่นๆ เช่น แผลไฟไหม้รุนแรง โรคมะเร็ง ใช้โดสเป็นหลัก x10g >> x10,000mg ด้วยซ้ำ ให้วันละหลายๆ รอบ เพราะฉะนั้นจุดสำคัญไม่ใช่ แค่ dose (ของ อย) อย่างที่คุณเข้าใจ และไม่มีโดสที่เป้น เพดาน อย่างแท้จริง อย่างที่คุณเข้าใจ ลองไปหาอ่านงานวิจัยดูนะว่า เค้าลดรอยดำ เค้าใช้กันเท่าไหร่ ใบ้เลยว่าหลายพัน มก คนไข้มะเร็งเค้าฉีดกันเท่าไหร่
จุดมันอยู่ที่ rate of administration คือ อัตราเร็วการให้ยาและการเจือจางยา
ผู้เชี่ยวชาญที่คุณอ้างนี่ใคร จบ แพทยศาสตร์จาก wikipedia หรือ google มาเหรอ
หรือเค้าแค่ชุ่ย สักแต่ว่าฉีด มองข้ามสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่า ไม่ควร แล้วฉีดแบบที่ฉีดๆ กัน
การฉีด vitamin c มี protocol อยู่ทุก รพ คล้ายคลึงกัน กับที่ผมพูดแทบทุก รพ
แต่พวกที่เดินสายฉีด กัน หรือตามคลินิก แค่ต้องการประหยัดทุน เลยฉีดแบบที่ฉีดๆ กันทั่วบ้านทั่วเมือง
ซึ่งพูดกันจริงๆแล้ว ขาดจริยธรรมสามัญสำนึก
laroscobine เป็นการตั้งชื้อ ล้อเลียน ชื่อสาร L-ASCORBIC >> LAroSCOBIne ซึ้งเป้นลีลาปกติของการตั้งชื้อการค้ายา
การมาอ้างซี้ชั้ว่า เป้นกลุต้า ก็เป็นจุดชี้ให้เห็นแล้วว่า...
vit C ไทย == 500mg/2ml =ความเข้มข้น= 250mg/ml
vitC roche==ถ้ามี 1000mgใน 5ml=ตวามเข้มข้น= 200mg/ml
ถ้ามี 1250 ตามคุณฟ้าบอก =ความเข้มข้น= 250mg/ml
แล้วสรุป วิตซีไทย กะ ของโรช ความเข้มข้น ที่คุณบอกว่า ไม่ต้องละลาย มันจะเข้มข้นน้อยกว่ามั้ย ??
แต่ถ้าเอาวิตซีไทย มา 4 หลอด ละลาย เพิ่มน้ำกลัวอีกซะ 2 หลอด จะได้ยา 2000mg/12ml หรือเท่ากับ 166mg/ml
ซึ่งกฏมีอยู่ว่า ความเข้มข้นยิ่งมายิ่งระคายเคือง
เทียบกันเห็นๆ เลยว่า Vit C โรชไม่ต้องผสม มียาข้น เท่า vit c ไทยที่ยังไม่ได้ต้องผสมด้วยซ้ำ
แต่การฉีดของไทยมักผสม ทุกครั้ง
เทียบดิ
166mg/ml กับ 250mg/ml อะไรมากกว่ากัน แล้วสรุปมันต้องเจือจางมั้ย
ย่อหน้านี้แค่ใช้ความรู้พื้นฐาน มปลาย ก้จะรู้ละ ว่าใครมั่วไม่มั่ว
ผมก้ได้ขอภัยไว้แล้วใน โพสนั้น ถ้าระคายใคร ตามนั้นหละ
ใครทำอะไรไม่ซื่อไม่ตรง ใครจะร้อนรน ร้อนตัว จนทนไม่ไหว ก็เป็นเรื่องคนๆนั้น
เพราะผมนำเสนอ fact ความจริงซึ้งคนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมา เข้าไม่ถึง หรือมักถูกหลอกลวงบิดเบือน
อยากให้คนที่ยังไม่รู้ได้รู้ ถึงความเสี่ยงที่มีอยู่ตรงหน้า แต่ไม่เข้าใจ ไม่รู้อย่างแท้จริง ถูกพ่อค้าแม่ค้าชักนำ ข้าม shot สำคัญของการตัดสินใจที่ยอมรับความเสี่ยง นั่นคือ การเข้าใจข้อเท็จจริงของความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่ได้รับ
โปรดใช้วิจารณญานในการรับฟัง
ขอให้ทุกคนตั้งสติให้ดีในการอ่าน และ พยายามคิดให้ถี่ถ้วน
อย่าให้ความอยากขาวมาบดบังปัญญา
พูดตรงๆว่าเสียใจ แต่ผมก้จะโพส นำเสนอความจริงในโอกาสต่อๆไป |
|