|
ไม่แน่ใจนักว่าจะเรียกว่าเป็นการรีวิวจะได้มั้ยเพราะในที่สุดแล้วก็ไม่ได้ทำจมูกอย่างที่ตั้งใจไว้
แต่ก็อยากแชร์เผื่อเป็นประโยชน์และเผื่อว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องจะนำไปปรับปรุงการบริการและประสานงานให้ดีขึ้น
วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานานมากหลังจากความพยายามในการนัดคุณหมอชื่อดังท่านนึงมานานกว่าหนึ่งปี กว่าคิวคุณหมอและตารางเวลางานอันแสนจะรัดตัวของตัวเองจะมาบรรจบกันได้ เตรียมตัวลางาน ยอมสละปาร์ตี้งานเลี้ยงส่งท้ายปีทุกรายการเพื่อการผ่าตัดและพักฟื้น
วันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้ช่วยคุณหมอโทรมาขอคอนเฟิร์มนัดที่จะทำจมูกในวันนี้ หลังจากคอนเฟิร์มไป คุณผู้ช่วยบอกว่าให้มาพบคุณหมอก่อนประมาณ 11 โมง โดยบอกอีกว่าพบคุณหมอแล้วก็กลับบ้านได้ แล้วให้มาผ่าตอน 5 โมง ตัวเองถามว่า ก่อนผ่าต้องงดน้ำงดอาหารมั้ย คุณผู้ช่วยบอกว่าไม่ต้องงดเพราะเป็นผ่าตัดเล็ก แค่อย่าไปกินอะไรอิ่มมากๆ แบบหมูกระทะมาก่อนผ่าละกันเดี๋ยวอาเจียน เสร็จแล้วก็ส่งข้อความบอกเว็บไซต์คุณหมอให้เข้าไปอ่านเพื่อดูข้อปฏิบัติก่อนการผ่าตัด ซึ่งในนั้นก็บอกว่าไม่ต้องงดยกเว้นผ่าตัดใหญ่ ตัวเองก็เตรียมตัวงดยา งดแอลกอฮอล์ตามที่ในเว็บเขียนไว้ทุกอย่าง แล้วก็สับหลีกเวลานัดประชุมลูกค้าสำคัญไปตอนบ่ายสองครึ่ง กะว่าไปพบคุณหมอ กลับมาพบลูกค้า และไปผ่าตัด ตามเวลาที่คุณผู้ช่วยบอกไว้ทุกประการ
เช้าวันนี้ ฝ่ารถติดไปโรงพยาบาลแถวลาดพร้าว 111 ไปถึงประมาณ 11 โมงกว่าๆ ก็ต้องตกใจกับจำนวนคนนั่งรอคุณหมอแบบเต็มโถงหน้าห้องตรวจเลย ไอ้เราก็เบาใจว่าเรานัดคุณหมอแล้ว คงรอไม่นาน (จากประสบการณ์ตัวเอง ตามปกติไปหาหมอตามโรงพยาบาลเอกชน เมื่อนัดเวลาแล้วก็ได้พบคุณหมอตามเวลานัด อาจมีเลทบ้างรอบ้างก็ไม่นานนัก ใครจะไปรู้ว่าที่นี่เวลานัดคือเวลารับบัตรคิว คุณผู้ช่วยก็ไม่เห็นจะบอกอะไรเลย พูดเหมือนคอนเฟิร์มเวลานัดปกติ ทีหลังควรบอกให้ชัดเจนว่าเวลานัด คือเวลารับบัตรคิว จะได้ไปรอตั้งแต่ 8 โมง!!!!) พอไปพบคุณพยาบาลที่รับเรื่อง คุณพยาบาลบอกว่า “ได้คิวที่ 18 นะคะ” เราก็บอกว่า “เรานัดไว้แล้วนะคะ” คุณพยาบาลเริ่มทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย รำคาญ ชักสีหน้า และบอกว่าต้องรอตามคิวค่ะ แล้วบอกว่า “คุณไปกินข้าวก่อนซิคะ กลับมาซักบ่ายสองก็พอดีแหละ (ตลอดเวลาเธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งและชักสีหน้าตลอดเวลา ประมาณว่า อย่ามาเรื่องมากนะยะ) เพราะหลังพบคุณหมอแล้วห้ามทานอาหาร” (ไม่แน่ใจว่าเธอบอกว่าห้ามทานน้ำด้วยหรือเปล่า จำไม่ได้) ไอ้เราก็งงอีกรอบละ อะไรฟระ ไหนผู้ช่วยบอกไม่ต้องงดไง???? พอบอกคุณพยาบาลว่าผู้ช่วยคุณหมอบอกแบบนี้ คุณพยาบาลยิ่งชักสีหน้าใหญ่บอกว่า “โรงพยาบาลเรามีหลักเกณฑ์ของตัวเองค่ะ” (เฮ้ยย อะไรเนี่ย) เราก็ถามต่อว่า “พอดีผู้ช่วยหมอให้ข้อมูลมาแบบนี้ นัดเวลาแบบนี้ แล้วเราก็มีนัดสำคัญเลื่อนไม่ได้ด้วย ยังไงขอกลับมาพบคุณหมอตอนสี่โมงก่อนผ่าได้มั้ยเพราะเคยพบคุณหมอมาก่อนแล้วตอนนัดคิว” คุณพยาบาลบอก (ด้วยสีหน้าอารมณ์ว่า เธอไม่เคยไปโรงพยาบาลรึไงยะเคยหาแต่คลินิกใช่มั้ยละ) ว่า “ที่นี่เราเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานนะคะ จะให้มาทำเร็วๆ แบบคลินิกไม่ได้หรอกค่ะ แล้วคุณหมอลงผ่าตัดบ่ายสามโมง หลังบ่ายสามคุณหมอไม่รับปรึกษา ถ้าไม่ปรึกษาก่อนคุณหมอไม่ผ่าให้ แล้วทางเราไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องคิว คุณหมอทำเอง เราแค่ให้คุณหมอเช่าพื้นที่ ยังไงคุณไปคุยกับเลขาคุณหมอละกันว่าจะเอายังไง” หลังจากเจอะเจอกับอาการชักสีหน้าและคำพูดแบบไม่เห็นเราเป็นลูกค้าของคุณพยาบาลแล้วบอกตรงๆ ว่าหมดอารมณ์จะทำ หงุดหงิด และชักจะโกรธแล้ว
พอลุกมาจากโต๊ะพยาบาล ก็เพียรโทรหาเบอร์เลขาคุณหมอ นานสองนานคุณเลขาก็โทรกลับ คราวนี้เป็นผู้ชาย รับด้วยน้ำเสียงไม่รู้เรื่องอะไรที่สุดในสามโลก เราเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังก็บอกได้แต่ว่า “ต้องงดน้ำงดอาหารครับ ผมขอโทษครับ ถ้าไม่ปรึกษาหมอก่อนหมอไม่ผ่าให้ครับ คิวคุณหมอว่างอีกทีเดือนกุมภานู่นแน่ะครับ เรื่องคิวผมไม่รู้ครับ ทางโรงพยาบาลเป็นคนจัด (เอ๊ะ สรุปใครจัดกันแน่นะ โยนกันไปกันมาอยู่นั่น)” คือถามคำตอบคำ ไม่มีการเสนอแนะหรือคิดจะช่วยประสานงานเลย แถมยังมีการถามเราอีกว่า “ไม่ทราบว่าคุณหมอเข้าไปที่โรงพยาบาลหรือยังครับ” เอ่ออ นี่คุณเป็นเลขาหมอจริงรึป่าวเนี่ย
(มีต่อ) |
|