|
การดูดไขมันเป็นเทคนิคการลดไขมัน ที่สะสมในส่วนต่างๆของร่างกาย โดยการใช้ท่อขนาด
เล็กสอดเข้าไปในชั้นผิวหนัง และดูดไขมันส่วนเกินออก โดยวิธีนี้แทนที่จะต้องผ่าตัดเปิดแผลกว้าง
เราใช้เพียงรอยเจาะเล็กๆ ซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสมก็สามารถลดไขมันได้ ตามต้องการ การดูด
ไขมันมาตรฐานเราใช้เดรื่องมือที่จะดูด เป็นตัวทำให้ไขมันแตกและดูดออกมาโดยอาศัยระบบ
สูญญากาศ (negative pressure) ซึ่งก็ได้ผลดี ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นเครื่องมือใหม่ ที่จะ
ช่วยให้ไขมันแตกตัวก่อนทำให้การดูดง่ายขึ้น ทำให้แพทยทำงานได้สะดวกขึ้น ได้แก่
1. การใช้แรงดันน้ำ (waterjet liposuction)
2. การใช้เลเซอร์
3. การใช้ คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic liposuction)
ปัจจุบันนี้การใช้คลื่นความถี่สูงได้มีการพัฒนาดีขึ้นมาก ทำให้สามารถช่วยการดูดไขมันได้
ดีกว่าหลายๆวิธีที่กล่าวมา การใช้แรงดันน้ำอาศัยหลักการฉีดน้ำปริมาณมาก เพื่อช่วยให้ผิวหนัง
ชาและไขมันอ่อนตัว แต่หลังผ่าตัด อาจมีน้ำเกลือหรือไขมันที่ตกค้างอยู่ค่อยๆระบายออกมาหลัง
ผ่าตัดได้ ถ้าผป. ได้รับการแนะนำก่อนก็จะไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้ สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่ง
ได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการและสาธิตการผ่าตัดจริงโดยเครื่องมือทั้งสองชนิดที่รพ. ภูมิพลมาแล้ว
ภาวะแทรกซ้อนจากการดูดไขมัน
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
ได้แก่การ เสียเลือดมาก การมีเซลไขมันหลุดไปตามกระแสโลหิต (fat embolism) การ
ได้ยาชาหรือยาสลบมากเกินขนาด ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก มักพบในรายที่ดูด
ไขมันปริมาณมากเกินไปในคราวเดียวกัน การดูดไขมันโดยทั่วไป โอกาสพบน้อย
ภาวะแทรกซ้อนทั่วไป
ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องความคาดหวังของผู้รับบริการมากกว่า ว่า ผลการดูดไม่มากเท่าที่ต้องการ
ซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์จะต้องชี้แจง ให้ชัดเจน ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดแล้วว่าผลที่ได้จะเป็นเช่นไร
ภาวะผิวหนังเป็นคลื่นไม่เรียบเกิดได้ในการดูดไขมันในชั้นที่ตื้นเกินไป หรือดูดไขมันในบริเวณที่มี
ไขมันไม่มากอยู่แล้ว ส่วนการมีผิวหนังห้อยย้อย จะเกิดในการดูดไขมันในผู้มีอายุมาก ความ
ยืดหยุ่นผิวหนังไม่ดี ในรายเช่นนี้การผ่าตัดไขมันหน้าท้องจะเหมาะสมกว่า |
|