หลังผ่าตัดคืนแรก
หลังจากย้ายไปห้องพักผู้ป่วย นึกว่าจะสบายแล้ว แต่ความวุ่นวายยังไม่จบค่ะ เพราะเราทำสายระบายเลือดหลุดออกข้างนึง
คุณพยาบาลเลยรีบมาใส่ให้ แต่ก่อนใส่ต้องดึงเทปที่แปะตรงคางออกก่อน
เจ็บมากๆ น้ำตาไหลกันเลยจ้า วุ่นวายไปหมด TT
คุณหมอก็เป็นห่วงมากๆ เลยแวะมาเยี่ยมเราก่อนเลิกงานด้วยค่ะ
คุณหมอมาลูบหลังเพราะเราร้องให้ TT บอกว่าการผ่าตัดผ่านไปด้วยดีนะ ไม่ต้องกังวล
รูปที่ถ่ายมาเป็นตอนวิดิโอคอลกับเพื่อนหลังผ่าตัดเสร็จ แล้วเพื่อนแคปหน้าจอตอนคุยกับเราส่งมาให้ค่ะ 55555
เราเองก็พยายามถ่ายเองด้วย
คือก็มึนๆ ไม่ได้มีสติเท่าไหร่ แต่คิดไว้แล้วว่าต้องเก็บภาพมารีวิว เลยกดถ่ายแบบเบลอๆ 5555555555
หลังจากฟื้นจากยาสลบเต็มที่ ความปวดก็มาเยือนค่ะ ปกติรพ.จะให้ยาบรรเทาปวดทางสายน้ำเกลืออยู่แล้ว
แต่คืนนั้นเราขอเพิ่มเป็นสองรอบเลยค่ะ ไม่ไหวจริง
นอนคิดว่า ถ้ารู้ว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ คงกลัวจนไม่กล้ามาผ่าแล้ว
แต่อีกมุมนึงก็คิดว่า ทนหน่อย เดี๋ยวจะสวยขึ้นแล้ว คาดหวังกับใบหน้าตัวเองสุด
อยากถ่ายรูปกับหน้าใหม่แล้วจ้า 5555
วันที่ 2
วันถัดมาก็ได้ถอดถุงระบายเลือดออก
ตอนถอดเป็นความรู้สึกที่แบบว่า ขอเจอครั้งเดียวพอนะชีวิตนี้ 55555 แต่พอเอาออกไปแล้วก็สบายปากขึ้นเยอะเลยค่ะ
กลืนน้ำลายกับดื่มน้ำสบายขึ้น
กลับมาบ้านก็มากินพวกเครื่องดื่มที่เราซื้อเก็บไว้ล่วงหน้า
เตรียมไว้กินสำหรับ 1 อาทิตย์พอดีค่ะ แล้วก็กินยา บ้วนปาก ทางรพ.บอกว่าหลังกินอะไรเข้าไป
ต้องบ้วนปากทันที หลังบ้วนปากเสร็จก็หลับต่อยาวๆค่ะ
นอนๆอยู่ตื่นขึ้นมา แล้วงงมากว่ามันเกิดไรขึ้น TTTTTTTTTTTT
เหมือนมีคนมาเป่าลมใส่แก้มจนพอง หน้าอยู่ดีๆก็บวมขึ้นมาก บวมมากกกกก จนตกใจเลยค่ะ....
ความจริงก็คิดไว้แล้วว่าหน้าจะบวม
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะบวมเหมือนจะแตกขนาดนี้อ่ะค่ะ
แพนิคมากเลยโทรไปรพ. แต่เค้าบอกว่ามันเป็นอาการปกติค่ะ
ไม่ต้องกังวล TTTT ประเด็นคือมันปวดมาก ปวดกว่าหลังผ่าตัดแรกๆอีกค่ะ
และเหมือนเราจะเป็นเคสที่บวมเยอะด้วยทำอะไรไมได้ค่ะ ต้องรอเวลาให้มันยุบลงเอง3
วันที่ 3
วันที่สามต้องแกะเทปที่แปะตรงคางออกแล้วค่ะ
โดยเอาออยล์หรือน้ำอุ่นทาก่อน แล้วค่อยๆลอกออกค่ะ
พอแกะเทปออกแล้วรู้สึกอึดอัดน้อยลงเลยค่ะ แถมอ้าปากได้กว้างขึ้นิดนึงด้วย!!!
วันที่ 4
ความจริงทางรพ.บอกว่าตั้งแต่วันที่ 2-3 เป็นต้นมาให้เดินบ่อยๆ
เราแอบขี้เกียจเลยไม่ได้ออกไปเดิน TT
แต่หน้ามันบวมมากไม่ไหวจนต้องออกมาเดินค่ะ TT เพราะเค้าบอกว่าการเดินจะช่วยลดบวมได้
วันที่ 5
เวลาส่องกระจกก็ยังคงไม่ชินกับหน้าตัวเองค่ะ....แต่เมื่อเทียบกับสองสามวันก่อนก็ถือว่าสภาพดีขึ้น เหมือนจะบวมน้อยลงด้วย
ลองเอามือลูบๆหน้าที่ยังชาอยู่ดูตอนแรกตรงช่วงโหนกยังชาอยู่
แต่มาวันนี้กลับเริ่มรู้สึกขึ้นมานิดนึงแล้วค่ะ
วันที่ 6
ทางรพ.บอกว่าตั้งแต่วันที่ 5 เป็นต้นไปสามารถสระผมได้ แต่ต้องระวังไม่ให้โดนบริเวณรอยแผล
แต่เรากลัวมันจะอักเสบหรือเป็นอะไร เลยยังไม่กล้าสระเลยค่ะ
จนถึงตอนนี้ ช่วงกลางวันรู้สึกปวดน้อยลง
และเราหมั่นประคบหน้าบ่อยๆเลยทำให้บวมน้อยลงด้วยค่ะ
แต่หน้าสองข้างมันดันยุบไม่เท่ากันเนี่ยสิ 5555555 ปกติหน้าสองข้างเราก็ไม่เท่ากันอยู่แล้วด้วย
หน้าฝั่งขวาเองก็หายชาแล้ว แต่ด้านซ้ายยังชาอยู่
แต่ก็ไม่น่ามีอะไรที่ต้องกังวลค่ะ เราเลยไม่ได้ใส่ใจมาก
ที่ทำได้คืออดทนให้เวลาผ่านไป เรื่องบวมนี่ต้องรออย่างเดียวจริงๆค่ะ
วันที่ 7
เราซื้อโจ๊กมาเก็บไว้เยอะมาก ไหนๆก็จะกินไรไม่ค่อยได้อยู่ละ เลยว่าจะไดเอทไปด้วยเลยค่ะ
แต่อาทิตย์นี้ยังกินไรไม่ได้นะคะ
กินได้แต่ผมนมถั่วเหลือง หรือพวกอาหารเหลวต่างๆเพราะงี้รึเปล่าเลยรู้สึกหิวมากๆ อยากกินนู่นนี่
เรากะว่าจะรอตัดไหมออกให้หมดก่อน แล้วค่อยเริ่มกินอาหารปกติค่ะ..
วันพรุ่งนี้ต้องไปรพ.แล้ว ไปตัดไหมตรงโหนกแก้มออก
เลยสระผมซะหน่อยค่ะ สภาพก่อนหน้านี้แบบแย่มาก TTช่วงนี้กินอะไรไม่ค่อยได้ เลยทำให้น้ำหนักลงด้วย
แต่เพราะหน้าบวมเลยดูไม่ออกเลยค่ะ 55555555555 เสียดายมาก
ยังไงไว้อาทิตย์จะกลับมารีวิวให้อ่านกันอีกนะคะ