ดู: 9266|ตอบกลับ: 16
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ศัลยกรรมเสริมจมูก***(ต้องอ่าน)***

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขล่าสุดโดย aocaoc เมื่อ 2010-4-28 21:24

แก้ไขล่าสุดโดย aocaoc เมื่อ 2010-4-28 21:02

ศัลยกรรมในปัจจุบันนี้ การแพทย์ก้าวหน้า ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็เลยนิยมทำศัลยกรรมด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งกระแสเกาหลีมาแรง ดารา สวยๆ หล่อๆ ด้วยมือแพทย์ซะเป็นส่วนใหญ่ ก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่ก่อนทำอยากให้ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจค่ะ

พิจารณาก่อนการตัดสินใจ

ถามใจตัวเองก่อนว่า อยากเสริมจมูกจริงหรือว่าตามกระแส ตามเพื่อน
ทำใจรับกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะได้สวยสมใจ หรือไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง 100% ก็ได้
การทำศัลยกรรมทุกอย่างมีความเสี่ยง สามารถยอมรับกับการที่ต้องไปแก้ไขได้หรือไม่
ปรึกษาครอบครัวก่อนการตัดสินใจ
คำนวนงบประมาณที่มี กับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
มีเวลาที่ต้องพักฟื้น อย่างน้อย 5 วัน (ถ้า 10 วันจะดีมาก รอยบวมต่างๆ จะพบน้อย ไม่เป็นที่ผิดสังเกตมากนัก)
ศึกษาก่อนว่า มีแพทย์ท่านใดบ้างที่เชื่อถือได้ และเป็นสมาชิกของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย
ตรวจสอบได้ที่เวปไซต์ของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย
เวปต์เก่า  http://www.plasticsurgery.or.th

เวปต์ใหม่ http://www.surgery.or.th

ฝีมือ และรูปทรงจมูกของแพทย์แต่ละท่าน อาจจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ควรดูผลงานที่ผ่านมาก่อน  และไปปรึกษาพูดคุยกับศัลยแพทย์แต่ละท่าน
การนัดคุณหมอ ควรสะดวกทั้งสองฝ่าย ถ้าจะให้ดีควรเป็นคิวแรกๆ คุณหมอยังไม่เหนื่อยมากค่ะ
การเตรียมตัวก่อนทำ  

ควรมีเพื่อนไปด้วยอย่างน้อย 1 คน เพื่อช่วยดูแลเรา
เตรียมร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาอะไร ควรแจ้งข้อเท็จจริงให้แพทย์ทราบก่อน
กรณีที่อยู่คนเดียว เตรียมสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันไว้ จะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอกเอง
เจลประคบเย็น
ส่วนใหญ่จะเป็นแบบผู้ป่วยนอก(ไม่ต้องพักในสถานพยาบาล) โดยการใช้ยาชาเฉพาะที่รอบจมูก อาจจะมียากินหรือฉีดให้ง่วงนอนหรือหลับ แล้วแต่ความชอบของหมอ ข้อดีของการทำให้หลับจะด้วยการกินหรือฉีดยาหรือแม้แต่ดมยาสลบก็คือ การทำผ่าตัดจะเร็วขึ้น สะดวกขึ้น เพราะผู้ไม่ต้องห่วงว่าคนไข้จะเจ็บ  แต่แน่นอน จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดมยาสลบด้วย ดังนั้นถ้าเป็นการฉีดชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยก็ไม่ต้องงดอาหารและน้ำก่อนทำ  ถ้าเป็นการดมยาสลบก็ต้องงดน้ำและอาหารมาด้วย
เทคนิคการผ่าตัด

ดังกล่าวแล้ว มีสองวิธีหลักคือ

1) ใช้เนื้อเยื่อตัวเอง หรือ

2) ใช้วัสดุสังเคราะห์

หมอจะต้องเตรียมวัสดุที่ใช้เสริม ถ้าเป็นเนื้อเยื่อตนเอง ก็ต้องเริ่มด้วยการผ่าตัดเพื่อให้ได้เนื้อเยื่อนั้นๆ แต่ถ้าเป็นวัสดุสังเคราะห์ ก็เพียงแกะห่อ  ทั้งสองกรณี หมอจะต้องทำการปรับแต่งรูปร่างและขนาดให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน แล้วจึงจะเริ่มต้นขบวนการเสริม

แผลผ่าตัด มักจะอยู่ภายในรูจมูก ข้างใดข้างหนึ่งหรือสองข้าง แล้วแต่ความชอบของหมอ แล้วหมอก็จะเลาะเข้าบริเวณสันจมูก ทำโพรงไว้สำหรับใส่วัสดุที่จะมาเสริม หลังจากวางวัสดุที่ใช้เสริมแล้ว อาจจะมีการยึดวัสดุนั้นไว้กับที่ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ เย็บแผลปิดด้วยไหมละลาย เพื่อจะได้ไม่ต้องมาตัดไหมในภายหลัง สุดท้ายจะเป็นการปิดแผล แล้วปิดคลุมแผลด้วยวัสดุต่างๆเพื่อป้องกันการเลื่อนตำแหน่งของจมูกใหม่ เพื่อป้องกันการบวม

รายละเอียดหรือเทคนิควิธีการตรงนี้แหละครับที่หมอแต่ละคนจะแตกต่างกัน อันจะส่งผลให้จมูกที่ได้สวยไม่สวย มีปัญหาไม่มีปัญหา

Goretex ทั้งแบบแท่งและแบบแผ่น เพราะเป็นวัสดุที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อร่างกาย (ใช้กับร่างกายคนเราในรูปแบบต่างๆมามากกว่า 50 ปี เช่น เส้นเลือดเทียม)  ตัวมันมีรูพรุน เนื้อเยื่อรอบๆจึงสามารถแทรกเข้าไปได้ ผลคือไม่เกิดเห็นเป็นสันเป็นแท่งอย่างกรณีซิลิโคน และอยู่นิ่งไม่เลื่อนไปมาง่ายแบบซิลิโคน โอกาสเกิดการเลื่อนทะลุต่ำกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบแผ่น เมื่อใส่แล้วนิ่มเป็นธรรมชาติมาก แม้จะพยายามคลำหาก็มักจะไม่เจอ

(ก) Goretex แบบแผ่น มีขายในขนาดความหนาต่างๆ 2 มม, 4 มม, 6 มม เป็นต้น

(ข) แบบแท่ง ทำสำเร็จรูปมาในขนาดความยาวต่างๆ   ทั้งสองแบบสามารถตัดแต่งเป็นรูปร่างต่างๆได้ตามต้องการ
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-28 21:06:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เนื่อเยื่อตัวเอง
- กระดูก
- กระดูกอ่อน
- ผิวหนัง
- พังผืด

วัสดุสังเคราะห์

- แท่งซิลิโคน ทั้งแบบมาเป็นแผ่นใหญ่หมอต้องเหลาเอง และสำเร็จรูป มีทั้งแบบนุ่มจนถึงแข็ง ซิลิโคนเป็นวัสดุที่ใช้เสริมจมูกมากที่สุดในโลก

ระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัด

ส่วนใหญ่แล้วไม่เกิน 1-11/2 ชั่วโมง ขึ้นกับวิธีการ ถ้าเป็นการใช้เนื้อเยื่อตนเอง มักจะใช้เวลานานกว่า

การดูแลตนเองหลังผ่าตัด

งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
งดอาหารจำพวกไข่ ของหมักดอง ปลาร้า หน่อไม้
ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
นอกเหนือจากข้อปฏิบัติทั่วไปในการดูแลตนเองหลังผ่าตัด ขอแนะนำดังนี้
- นอนในท่าที่ศีรษะสูงอย่างน้อย 30 องศาจากพื้นราบ เพื่อลดการบวม
- ห้ามสั่งน้ำมูก หลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้เกิดอาการไอหรือจาม
- หลีกเลี่ยงการจับต้องหรือกระแทกจมูกโดยแรง
- หลังทำใหม่ๆ อาจมีน้ำเหลืองหรือเลือดจางๆออกจากแผลซึ่งอยู่ในรูจมูก ให้ใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษซับได้ แต่อย่าขยี้
- ระยะ 2-3 วันแรกอาจต้องกินอาหารอ่อน
- ในรายที่มีผ้าพันหรือวัสดุคลุมจมูกไว้ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ให้ดี เพราะแพทย์แต่ละคนมีวิธีการแตกต่างกันไป

เป็นที่คาดหมายได้ว่า หลังทำใหม่ จมูกต้องบวม (อาจบวมไปถึงแก้ม หนังตาได้) ต้องมีอาการชา ต้องมีอาการปวดบ้าง มากน้อยขึ้นกับ ตอนทำหมอรุนแรงขนาดไหน ตัวคนไข้เองมีความไวต่อเรื่องความเจ็บปวดเท่าใด แต่ทั้งหมดนี้ต้องน้อยลงเรื่อยๆ หรือไม่มากเกินปกติ  ถ้ามีเลือดออกสดๆ หรือ เลือดออกมาก หรือ บวมและปวดมากขึ้นๆเรื่อยๆแทนที่จะน้อยลง หรือ จมูกมีสีแดงผิดปกติ  ให้รีบปรึกษาแพทย์ด่วน! อย่ารอจนถึงวันนัด
ค่าใช้จ่ายในการทำศัลยกรรม

ราคาจะขึ้นอยู่กับคลีนิคแต่ละแห่ง ราคาจะอยู่ประมาณราว 5,000 – 20,000 บาท โดยมีตัวแปรต่างๆเช่นเดียวกับการผ่าตัดอย่างอื่น โดยมีข้อปลีกย่อย ดังนี้

เนื่องจากการเสริมจมูกมักทำแบบไม่ดมยาสลบ(ไม่ใส่ท่อหายใจ) หมอบางคนฉีดแต่ยาชาเฉพาะที่  หมอบางคนอาจแค่ฉีดยาให้นอนหลับด้วยตนเอง แต่หมอบางคนอาจปรึกษาให้วิสัญญีแพทย์มาช่วยดูแลให้คุณหลับสบายไม่เจ็บปวดเลย คุณควรเลือกพิจารณาตามความชอบด้วย อย่างหลังแพงกว่าครับ
ถ้าเป็นการใช้จมูกเทียม ค่าใช้จ่ายแปรตามชนิดวัสดุ ถูกที่สุดได้แก่ ซิลิโคน ซึ่งก็มีหลายเกรด ถ้าเป็นแบบทำมาสำเร็จรูป ราคาต่ออันแค่ 700 บาทไปถึง 8,000 บาท  ถ้าเป็นแบบแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซื้อมาตัดแบ่งเหลาเป็นรูปจมูกเอง ราคาต่ออันซึ่งใช้ได้ 6-15 คนประมาณ 1,800-7,000 บาท  แต่ทั้งนี้ความแข็งของค่าเงินจะมีผลมาก เพราะเราต้องซื้อจากต่างประเทศ  อย่างไรก็ตาม ศัลยแพทย์ตกแต่งที่ผู้เขียนรู้จัก ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ซิลิโคนจากบริษัทเดียวกัน  หากใช้ Goretex ราคาก็จะแพงกว่าซิลิโคนราว 6,000-10,000 บาท ตามขนาดหรือเบอร์ของวัสดุ
ถ้าเป็นการใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง ต้องเสียค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำผ่าตัดย้ายเนื้อเยื่อและค่าโรงพยาบาล ฉะนั้น ค่าใช้จ่ายก็ไม่มีค่าจมูกเทียมแต่กลายเป็นสิ่งเหล่านี้แทน
ขอให้ท่านที่กำลังคิดจะทำการเสริมจมูก พิจารณาให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องราคา เพราะมันไม่ใช่ตัวตัดสินสิ่งที่คุณจะได้รับ บางทีคุณเห็นค่าทำแค่ 5,000-8,000 บาท ว่าถูก แต่จริงๆในละเอียดคุณต้องดูให้ดี  ยกตัวอย่าง ถ้าหมอใช้ของดีมีมาตรฐาน ขายโดยบริษัทที่รัฐหรือประชาชนตรวจสอบได้ หมื่นบาทขึ้นก็ไม่แพงถ้าบวกฝีมือหมอดีด้วย แต่ถ้าใช้ของแบบไม่ได้มาตรฐาน แอบๆขายกัน  3,000 บาทก็ไม่คุ้ม เพราะปัญหาต่างๆจะถามหาไปตลอดชีวิตคุณเลย…
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-28 21:07:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขล่าสุดโดย aocaoc เมื่อ 2010-4-28 21:11

แก้ไขล่าสุดโดย aocaoc เมื่อ 2010-4-28 21:08

การทำศัลยกรรมแก้ไขจมูกที่เสริมมาแล้ว

ราคาจะขึ้นกับความซับซ้อนของวิธีการแก้ไข ส่วนใหญ่ ราคาจะอยู่ประมาณ 13000 บาท สอบถามราคาที่แน่นอนได้ที่คลีนิคที่คุณตัดสินใจทำ

ผลลัพท์ของการเสริมจมูก (Result)

ผลการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนในปัจจุบันสำหรับศัลยแพทย์ตกแต่ง คงมองเห็นไม่เหมือนกัน บ้างก็ว่าดี คือดีกว่าสมัยก่อนมาก ภาวะแทรกซ้อนน้อย  บ้างก็ว่าไม่ดี คือมีผลเสียหรือภาวะแทรกซ้อนจากตัวซิลิโคนซึ่งเป็นวัตถุแปลกปลอมอยู่เกือบตลอดเวลาไม่มากก็น้อย  ความเห็นของผู้เขียนคือ การใส่วัตถุแปลกปลอมอย่างไรเสียก็ต้องตามมาด้วยปัญหา ยิ่งปริมาณวัตถุแปลกปลอมมากก็มียิ่งปัญหามากมีปัญหาเร็วขึ้น (อย่างกรณีการเสริมเต้านม)   ปัจจัยที่จะช่วยลดปัญหาได้ส่วนหนึ่งก็คือ การพัฒนาด้านเทคนิคการทำ  เรื่องนี้จึงสัมพันธ์โดยตรงกับฝีมือศัลยแพทย์

ตัวศัลยแพทย์ที่ทำผ่าตัดเอง ต่างก็ต้องบอกว่าตนทำได้ดี ปัญหาน้อยมาก  แต่ต่างก็รู้ดีว่า คนไข้ที่ศัลยแพทย์คนหนึ่งผ่าตัดไป เวลามีปัญหาอาจไปหาศัลยแพทย์คนอื่นได้ ทำให้ศัลยแพทย์คนที่ทำผ่าตัดไม่ได้รู้จริงๆว่า อัตราการเกิดปัญหามีมากน้อยเพียงใด  จากประสบการณ์ของผู้เขียนก็พบเหตุการณ์แบบนี้อยู่ประจำ และได้เคยพบภาวะแทรกซ้อนจากซิลิโคนเสริมจมูกมาแล้วทุกชนิด รวมทั้งที่ทำมาโดยหมอที่ดังมาก ที่ว่าเก่งมาก

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

การเสริมจมูกมีปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าที่คุณๆคิดครับ  หากจะทำจริงต้องยอมรับแล้วว่า คุณอาจพบปัญหาต่างๆ อาจต้องถูกทำผ่าตัดซ้ำ ไม่ว่าจะทำโดยหมอฝีมือแน่แค่ไหน

ปัญหาเฉพาะสำหรับการเสริมจมูกโดยซิลิโคน ได้แก่

การบิดเบี้ยว – พบบ่อยที่สุด คือตัวซิลิโคนเบี้ยวเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งของจมูก  หากพบแต่แรก แสดงว่าวางเบี้ยวตั้งแต่ต้น หากเกิดภายหลัง เนื่องจากร่างกายพยายามบีบรัดไล่ซิลิโคนออกจากร่างกาย
การเลื่อนขึ้นลง – ตัวซิลิโคนเลื่อนที่ในแนวขึ้นไปทางหว่างคิ้วหรือลงมาที่ปลายจมูก เกิดขึ้นได้แม้จะเป็นเวลาหลายปีหลังทำ
กระดูกอ่อนปลายจมูกถูกดันโผล่ - เกิดจากปลายซิลิโคนที่วางทับอยู่บนกระดูกอ่อนปลายจมูกดันกระดูกอ่อนจนเลื่อนที่ โผล่ให้เห็นในโพรงจมูก





จากรูปจะเห็นสันอยู่ในโพรงจมูก ซึ่งเกิดจากซิลิโคนกดดันกระดูกอ่อนที่มันทับอยู่จนเลื่อนออกมา  และเห็นปลายแหลมของซิลิโคนดันผิวหนังปลายจมูกจนจวนเจียนจะทะลุภายหลังการผ่าตัดแก้ไข โดยเปลี่ยนจากซิลิโคนเป็น Goretex ชนิดแท่ง  จัดวางกระดูกอ่อนที่มีปัญหาเสียใหม่  สังเกตสันนูนในโพรงจมูกหายไป และไม่มีลักษณะแหลมที่ปลายจมูกอีก

      4. การทะลุ – เป็นความสำเร็จของร่างกายในการขับไล่ซิลิโคน  โดยอาจจะทะลุออกทางปลายจมูก (ต่อเนื่องจากการเลื่อนลงในข้อ 2 นั่นเอง) หรือทะลุออกมาในโพรงจมูก (ต่อเนื่องจากข้อ 3 นั่นเอง)

     5. การเห็นเป็นสันของแท่งซิลิโคน – เมื่อใส่ซิลิโคนเข้าไป เนื่องจากมันเป็นวัสดุแท่งที่ตัน ร่างกายพยายามขับไล่และตีกรอบมันไว้โดยการสร้างแผ่นพังพืด  เมื่อไล่ไม่ได้แผ่นพังผืดก็มากขึ้นจนรัดแท่งซิลิโคนไว้  เราจึงเห็นเป็นสันสองข้างของจมูกตามความยาวซิลิโคน

      6. การติดเชื้อ – ปัญหานี้เกิดได้แต่ไม่มาก จากการที่การแพทย์เจริญขึ้นมาก มียาดีๆ เทคนิคการปลอดเชื้อดีขึ้นมาก  ถ้าเกิดขึ้นจะสังเกตพบว่าบริเวณผ่าตัดแดงบวม อาการปวดกลับมากขึ้น หรือมีน้ำขุ่นหรือหนองไหลออกจากแผลผ่าตัด

ดังนั้น อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาของใครว่า เขาสามารถเสริมจมูกได้โดยซิลิโคนและจะไม่มีปัญหาอะไรเลย

หลังปรึกษา หากตรวจแล้ว ลักษณะจมูกมีความเหมาะสมที่จะแก้ไขได้, คนไข้มีความพร้อมที่จะทำศัลยกรรม(การเตรียมตัวก่อนทำศํลยกรรม สภาพร่างกาย ไม่มีข้อเสี่ยง) ก็สามารถทำได้เลยค่ะ
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-28 21:07:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การเสริมจมูกด้วยไขมันของตัวเอง

สำหรับการทำศัลยกรรมเสริมจมูก ในปัจจุบันสำหรับคนเอเชีย วิธีที่นิยมใช้ และยังได้ผลดี (ในเรื่อง ความสวยงาม และ ปลอดภัย) ยังคงเป็นการเสริมจมูกด้วย ซิลิโคนแท่ง ค่ะ

สำหรับการเสริมจมูกด้วยไขมันตนเอง จะมีข้อจำกัดดังนี้

1.ในการกำหนดรูปร่าง รูปทรงของจมูกที่ทำ

- ไขมันร่างกายมีลักษณะอ่อนนิ่ม ไม่มีความแข็งแรงพอที่จะเป็นโครงค้ำให้เป็นรูปร่างได้ค่ะ สามารถทำได้เพียงแต่วางเพิ่มให้นูนสูงเป็นแถวที่เท่าๆกันเท่านั้น
- การปลูกไขมันด้วยการตัดเซลล์ไขมันที่ปลูก จะไม่ติดทั้ง 100 % มีบางส่วนตายไป ผลที่ได้จะตั้งแต่ 0-90 % ดังนั้นจึงไม่สามารถให้ความแน่นอนของรูปร่างสุดท้ายของจมูก

2. ความเป็นธรรมชาติ

ในธรรมชาติส่วนดั้งระหว่างตา จะเป็นกระดูกเป็นส่วนที่แข็ง และส่วนแนวดั้งจมุกเป็นแนวกระดูกอ่อนที่แข็ง ไม่สามารถดันขยับไปมาได้ จะขยับได้บ้างเล็กน้อย ก็เป็นส่วนปลายจมูกที่เป็นกระดูกอ่อนคลุมด้วยเนื้อที่เป็นผังผืดปนกับไขมัน (fibrous and fat tissue) ดังนั้นหากเสริมด้วยไขมัน จมูกจะมีลักษณะนิ่มๆเหมือนไขมันที่ท้องแขนทั้งแนว

การแก้ไข: กรณีที่ไม่พอใจรูปทรงเดิมที่เคยเสริมด้วยไขมันมาแล้ว

สามารถแก้ไขด้วยการ เสริมซิลิโคนแท่งได้ ไขมันเดิมถ้าไม่ได้ทำให้เกิดปัญหา เช่น นูนไม่เท่ากัน ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกค่ะ

การแก้ไขจมูกที่เคยรับการเสริมมาแล้วมีปัญหา

ส่วนใหญ่ต้องทำการผ่าตัดมากกว่าการเสริมจมูกครั้งแรก เพราะต้องเข้าไปทำการเลาะเนื้อเยื่อผ่านเยื่อพังผืดที่เกิดจากการทำผ่าตัดแล้ว ดังนั้นการบวมจะเกิดขึ้นได้มากกว่า การหยุดพักมีโอกาสต้องใช้เวลานานกว่า เผื่อไว้ 7- 10 วันค่ะ

ประสบการณ์จริงจากผู้ที่เคยเสริมจมูกด้วยซิลิโคนและไขมัน
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-28 21:10:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคน

เมื่อประมาณ 5-6 ปีมาแล้ว เคยเสริมจมูกด้วยซิลิโคน กับแพทย์ที่มีความหน้าเชื่อถือได้ คุณหมอจะพูดคุยกับคนไข้ก่อน เพื่อซักประวัติ และตรวจสภาพจมูกก่อนว่าสามารถทำได้โด่งมากน้อยเท่าไร และเราก็จะสามารถสอบถามเรื่องต่างๆ ได้เลย ถ้าสงสัยอะไรให้ถามให้หมดเลยค่ะ เพราะมันคือสิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าเรา

เมื่อพูดคุยกันแล้วก็นัดวัน เวลาที่สะดวกทั้งสองฝ่าย บางที่อาจจะมีการจ่ายเงินมัดจำบางส่วนก่อน อันนี้ก็ต่อรองกันเอง แล้วแต่คลีนิคค่ะ

วันที่ทำนัดคุณหมอช่วงเย็นหลังเลิกงาน ไปกับเพื่อนสาว อย่างน้อยถ้าเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะได้มีคนดูแล คุณหมอจะบันทึกวิดีโอก่อนทำ และให้เปลี่ยนชุด เพื่อเตรียมผ่าตัด จากนั้นจะฉีดยาชาที่จมูก 2-3 ครั้ง รอจนยาออกฤทธิ์ ก็เริ่มลงมือ ยังได้ยินเสียงและรู้สึกตัวทุกอย่าง แต่ไม่รู้สึกเจ็บ ผ่านไปประมาณ 20 นาที หมอก็ให้ดูกระจก มีเฝืออ่อนด้วย หุหุ แล้วจะเดินออกไปได้ไงเนี่ย เขินสายตาชาวบ้านนิดๆ

ตอนนี้ยังไม่บวมเท่าไร แต่เริ่มรู้สึกตึงๆ ที่จมูกแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้น รับยาทา ยาแก้ปวด จ่ายเงิน นั่งแท็กซี่กลับบ้าน ในใจก็คิดว่าไม่น่าทำเลยตู เริ่มเจ็บนิดๆ แล้วนะ

พอถึงที่พัก ก็ให้นอนสูง ใช้น้ำแข็งประคบลดบวม ห้ามทานอาหารพวกที่เป็นไข่ ของหมักดอง ปลาร้า ฮือๆๆ คิดถึงส้มตำอย่างแรง

วันแรกหน้าบวมเบ่ง เขียวช้ำ วันต่อมาเริ่มมีสีเหลืองใต้ตาเล็กน้อย แสดงว่าเริ่มจะหายแล้ว สามวันก็เริ่มออกไปข้างนอกได้แล้ว แต่ระวังใครเดินมาชนจมูกด้วยนะ เดี๋ยวดั้งเบี้ยวละก็แย่เลย

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป หายแล้วค่ะ อาจจะเป็นเพราะแผลไม่ช้ำมาก สวยสมใจแล้วค่ะ

การเสริมจมูกด้วยไขมันของตัวเอง

เหตุเกิดเพราะซิลิโคนที่เคยไปเสริมมาเมื่อห้าปีก่อน มันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าจะเลื่อนลงมาที่ปลายจมูกเห็นเป็นแดงๆ เหมือนเวลาเราเป็นสิวเม็ดเป้งค่ะ ตอนแรกๆ ก็โทรปรึกษาหมอที่เคยเสริมซิลิโคนให้ แต่อาจจะเป็นเพราะ บริการหลังการขายไม่ดี หรืออาจะเป็นเพราะเราไม่มีโอกาสได้เข้าไปรับการตรวจเพราะอยู่ไกล การเดินทางไม่สะดวกก็ไม่ทราบ เฮ้อ คุณหมอคนเดิมช่วยไรไม่ได้เลย เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าไร

ทีนี้ล่ะความกังวลเริ่มบังเกิด เริ่มหาข้อมูล เป็นช่วงที่ไม่สบายใจมากที่สุด กลัวว่ามันจะทะลุ แล้วรักษายาก เริ่มไม่มั่นใจว่าควรจะกลับไปทำกับคุณหมอท่านเดิม เสียเงินอีกรอบ หรือว่า หาหมอท่านใหม่ดีกว่า เริ่มกังวลไปต่างๆ นานา ไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว

หลังจากหาข้อมูลอยู่นาน ก็ตัดสินใจทำค่ะ ไม่ไหวแล้ว เครียดจนจะเป็นประสาทแล้ว เข้าไปพบคุณหมอที่ใกล้บ้าน และมีชื่อเสียง คนพูดถึงเยอะ หมอก็แนะนำให้รีบทำ แต่ถ้าถอดซิลิโคนออกเลย จมูกจะยุบมากแล้วอาจจะทนกับใบหน้าตัวเองไม่ได้ เพราะมีแผลที่เกิดจากซิลิโคนเลื่อนลงมา เลยตัดสินใจปรึกษาหมอว่า ถ้าถอดออกแล้วเสริมด้วยไขมันต่อเลย จะช่วยได้บ้างไหม เพราะถึงจะเลือกเสริมซิลิโคนเหมือนเดิม ก็ต้องรอสามเดือนให้แผลหายดีก่อน หุหุ เจ็บตัวสองครั้งแนะ แล้วต้องทนสภาพจมูกยุบอีก

หมอก็เลยตกลงเลือกทำแบบใช้ไขมันตัวเราเอง แต่ข้อเสียคือจะไม่ได้รูปทรงที่ต้องการ , มีการสลายตัวไปเองตามธรรมชาติ, เจ็บตัวสองที่, แต่เคสของเรา ไม่มีทางเลือกค่ะ เลยต้องทำ

นัดวัน เวลาเรียบร้อย หมอก็ให้ยามากิน เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการผ่าตัด อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-28 21:10:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วันขึ้นเขียง เอ้ย! ไม่ใช่ วันนัด ก็มาถึง จิตใจไม่ค่อยปกติ กล้าๆ กลัวๆ แต่ทำไงได้ ทิ้งไว้กลัวจะรักษายาก เงินก็จ่ายไปแล้วบางส่วน ลางานแล้วด้วย

คุณหมอก็ให้นั่งทำใจก่อนค่ะ สักพักก็เริ่มให้ขึ้นเตียงฉีดยาชา คุณหมอมีดเบาใช้ได้ค่ะ มีเพลงคลอเบาๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย จากนั้นก็ลงมือถอดซิลิโคนเก่าออก หมอบอกว่าซิลิโคนเดิมของเรา น่ากลัวมาก แต่เราก็ไม่เห็นนะว่าเป็นไง ไม่กล้าดู จากนั้นหมอก็เปิดแผลที่ท้องน้อยด้านซ้าย หมอบอกว่าไขมันบริเวณนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่ถึง 20 นาทีก็เรียบร้อย จ่ายเงิน รับยาแก้ปวด แก้อักเสบ พร้อมเอกสารวิธีดูแลตัวเอง รวมทั้งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง จำพวกไข่ เพื่อป้องกันการเป็นรอยนูน (คีรอยด์) ที่แผลผ่าตัดไขมัน รวมถึงจำพวกของหมักดอง ปลาร้า อาหารรสจัด งดอัลกอฮอล์

แรกๆ ไม่ค่อยเจ็บ ยังไปเดินช้อปปิ้งได้อยู่เลย หน้าก็ยังไม่บวมมาก แค่ตึงๆ ที่แผล

วันแรกก็บวมมาก ช้ำด้วย เจ็บที่แผลเอาไขมันออกไปอีกด้วย เดินลำบากมากๆ ห้ามโดนน้ำ ต้องระมัดระวังสุดๆ

อาทิตย์หนึ่งผ่านไป ทุกอย่างก็เริ่มเป็นปกติ สบายใจแล้ว จมูกดูเป็นธรรมชาติมากๆ แต่ไม่โด่งเหมือนเสริมซิลิโคน แต่ก็ไม่ต้องระวังมาก ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเดินชนให้จมูกเบี้ยว

แต่หมอแนะนำให้นวดจมูก เพื่อให้ไขมันกระจายตัว และนัดวันไปตรวจอีกประมาณ 3 ครั้ง

เดือนที่สามจมูกเริ่มยุบไป 20% หนึ่งปีผ่านไป ยุบไป เกิน 50%

การเสริมด้วยไขมัน ช่วงแรกจะได้โด่งดี แต่นานๆ ไป มันยุบจนแทบกลับไปเหมือนเดิม ถ้าอยากเปลี่ยนเป็นซิลิโคนแท่ง หมอบอกว่าก็ยังทำได้ ไม่ต้องเอาไขมันเดิมออก แต่เราไม่ทำแล้วล่ะ ไม่อยากเจ็บตัวอีก
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-28 21:31:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อ่านจนเหนื่อยเลยละคับ 5555+++++++
อ่านจนเหนื่อยเลยละคับ 5555+++++++
ต้นฉบับโพสต์โดย aocaoc เมื่อ 2010-4-28 21:31


ตาลายด้วย 55++ หามาอีกนะอ่านเพลินดีออก อิอิ

ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ
ได้ความรู้เพียบ
ขอบคุณมากๆค่ะ
ว๊ากกส์ เด๋ววันหลังจะมาอ่านใหม่  Thx สำหรับข้อมูลดีๆจร้า
ขอบคุณครับ สุดยอดข้อมูลจริงๆครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้