พอหมออธิบายทั้งหมดแบบหมดเปลือก ผมก็ยังไมได้ตัดสินใจซะทีเดียวนะครับว่าจะทำ หมอให้ผมไปทบทวนว่าอยากทำอะไรก่อน ตอนออกมาจากห้องปรึกษา เซลล์ก็มาแนะนำต่อว่าทำไปแล้วเนี่ยมันจะพักฟื้นนานนะ ควรทำทีเดียวจบน่าจะดีกว่า และจะประหยัดกว่าถ้าทำพร้อมๆกันด้วย
ก่อนทำ
หลังจากปรึกษาหมอที่นี่เสร็จ ผมยังไปปรึกษากับคลินิกอีก 2-3 ที่นะ แต่ละที่ก็แนะนำแตกต่างกันไปครับ บางคลิกนิกเนี่ย บอกราคาในโบรชัวร์อย่างหนึ่งแต่พอไปจริงๆอีกราคานึง ปรึกษากับหมอคนนั้นจะต้องเพิ่มอีกราคานึง ถ้าจะทำศัลยกรรมกับหมอคนนี้ต้องบวกเพิ่มที่ไม่ใช่ราคาที่โปรโมท เป็นอะไรที่ปวดใจมากครับ บอกเลย
จริงๆผมก็กลับมาคิดทบทวนอยู่หลายวันเลยล่ะครับ ทั้งดูข้อมูลรีวิว ข้อดี ข้อเสีย หนักขึ้น อ่านซ้ำไปซ้ำมาเปรียบเทียบกับอีกหลายๆที่ รวมทั้งเรื่องของหมอที่จะมาเปลี่ยนหน้าผมอีกว่าเป็นใครมาจากไหน (คร่าวๆคือหมอที่ผมทำด้วยเนี่ยฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และดีกรีไม่แพ้กับการไปทำที่เกาหลีเลย)
ผมใช้เวลาตัดสินใจนานอยู่ประมาณเดือนกว่าๆได้ เพราะอย่างที่บอกไปน่ะครับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตเลยและกลัวด้วยบอกตรงๆ แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เอาไงก็เอากันครับ เตรียมทั้งตัวและหัวใจ เตรียมทั้งเรื่องการลาหยุดพักงาน เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะทำครั้งเดียว 3 อย่างไปเลย เจ็บทีเดียว จบทีเดียว!
พอผมได้วันหยุดแล้วก็รีบแจ้งทางคลินิกที่แรกที่เข้าปรึกษานั่นแหละครับ เพื่อนัดคิววันทำเลย ... คงไม่ต้องถามว่าตื่นเต้นและกลัวมากมั้ยนะครับ บอกเพื่อนๆเลยว่ามากซะจนอยากยกเลิกเลยทีเดียว ก็จะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่ที่คลินิกคอยให้กำลังใจตลอด และเตรียมตัวให้ทุกอย่าง รวมทั้งหมอที่จะเข้ามาทำศัลยกรรมด้วยนะ
สำหรับขั้นตอนทำศัลยกรรมของผมเนี่ย มีประมาณนี้ครับ
1. เริ่มจากการยกคิ้ว
2. ต่อด้วยการทำจมูกแบบ Nose Reconstruction
3. แล้วก็เสริมคางซิลิโคนครับ
สิ่งที่ทำให้ผมลดความกลัวไปได้อีกเปราะหนึ่งในการทำศัลยกรรมโมหน้าใหม่ครั้งนี้ของผมก็คือ ที่นี่เขามีวิสัญญีแพทย์ประจำคลินิกที่จะดูแลเรื่องการดมยาสลบและวิสัญญีแพทย์ก็จะคอยอยู่ดูแลตลอดการผ่าตัด ตั้งแต่เริ่มงานจนเสร็จงาน และด้วยบรรยากาศภายในห้องผ่าตัดนี้ด้วย ทั้งพนักงาน ผู้ช่วย และหมอ ที่ทำให้ผมไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย เมื่อได้รู้ว่าเราได้รับการดูแลอย่างดีเป็นพิเศษตลอด
ช่วงตอนทำผมไม่รู้สึกตัวก็คงจะรีวิวอะไรไม่ได้นะครับ (ถ้ารู้ตัวได้นี่ก็ยอดคนละ 5555) แต่ที่บอกได้ คือ ตอนที่ตื่นขึ้น ความรู้สึกแรกจะงงๆ ที่หน้าผมเนี่ยเป็นอะไรที่ตึงแบบสุดเหวี่ยงเลยล่ะครับ แต่เมื่อคิดว่าอีกไม่นานหน้าผมจะเปลี่ยนจากเดิมตามความตั้งใจ ให้แลกกับความเจ็บครั้งนี้ผมว่ามันคุ้ม!
พอร่างกายเข้าที่พร้อมกับความึนงงที่ลดลงไปแล้ว ก็เตรียมกลับบ้านครับ อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยหลังการศัลยกรรมก็คือเพื่อนๆต้องอย่าลืมพาคนใกล้ชิดไปด้วยนะครับเพื่อให้เขาพากลับบ้าน ป้องกันการเบลอระหว่างเดินทาง ไม่งั้นเดินงงๆคนเดียวมีหวังไม่ถึงบ้านแน่ๆ