ดู: 2382|ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[โปรทำคาง] เรื่องของแตกแต่งคาง****

[คัดลอกลิงก์]
สำหรับคนไทย อาจจะมีไม่มากที่มาขอทำคาง ไม่เหมือนพวกฝรั่ง  อย่างไรก็ตาม มีกรณีที่ควรพิจารณาทำศัลยกรรมคาง ดังต่อไปนี้
ขนาดคางไม่ได้สัดส่วนกับใบหน้าโดยรวม - อาจจะยื่นมากเกินไป (ดูคางยื่น)  ยาวไป (ดูหน้ายาว) สั้นไป (ดูหน้าสั้น) หรือ เล็กไป (ดูเหมือนไม่มีคาง) โดยที่กรามล่างส่วนที่เหลือปกติดี
คางเบี้ยว - คือไม่อยู่ในแนวกลางตามปกติ เมื่อดูหน้าจากทางตรง
แพทย์จะต้องดูให้ออกว่า ขนาดและรูปร่างของคางที่เห็น มันเป็นเพราะ กระดูกคาง หรือผิวหนังเนื้อเยื่อที่คลุมกระดูก ตรงนี้มีผลโดยตรงกับวิธีการที่จะใช้ และผลการรักษา  และที่สำคัญมากๆๆๆๆต้องเน้นอีกครั้ง คือ คางที่ดูใหญ่ หรือ ยื่น หรือ เล็กไปนั้น ต้องไม่ได้เกิดจากขนาดของกรามล่างทั้งอันที่ผิดปกติ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะแก้ไขที่ตัวกรามล่าง ไม่ใช่เฉพาะคาง

ส่วนจะเปลี่ยนแปลงคางมากเพียงใด ก็ขึ้นกับใบหน้าส่วนที่เหลือ และความพอใจของคุณเอง ปรึกษากับหมอของคุณให้ดี

การเตรียมผู้ป่วย

ลักษณะการผ่าตัด
ส่วนใหญ่หมอจะส่งทำเอกซเรย์เพื่อดูกระดูกใบหน้าทั้งด้านหน้าตรงและด้านข้าง แต่ไม่ต้องแปลกใจถ้าหมอบางคนไม่ทำ เรื่องนี้ขึ้นกับเทคนิคส่วนบุคคล แน่นอนว่าหมอที่มีความละเอียดรอบคอบ ย่อมทำการศึกษาใบหน้าคุณอย่างดี ก่อนจะทำผ่าตัด เพื่อจะได้เลือกคางเทียมขนาดรูปร่างเหมาะสมกับคุณ หรือตัดเลื่อนกระดูกได้เข้ากับใบหน้าคุณ

ส่วนใหญ่แล้วจะต้องนอนพักในสถานพยาบาล เพราะต้องดมยาสลบ  แต่ไม่ควรจะนานเกิน  1-2 วัน ยกเว้นว่าทำศัลยกรรมส่วนอื่นร่วมด้วย


เทคนิคการผ่าตัด

กระดูกกรามล่าง คางคือกระดูกส่วนปลายสุดของกรามล่าง



        ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อพูดถึงศัลยกรรมตกแต่งของคาง มักจะหมายถึงการแก้ไขรูปร่างและขนาดของกระดูกคาง มากกว่าจะทำอะไรกับผิวหนังเนื้อเยื่อที่คลุมคาง
1. การเสริมกระดูกคาง - ใช้การตัดเลื่อนกระดูก หรือเสริมด้วยคางเทียม ซึ่งปัจจุบันก็ยังถกเถียงกันมากว่า วิธีใดดีกว่ากัน หมอบางคนก็ทำเฉพาะตัดเลื่อนกระดูก บางคนก็เสริมด้วยคางเทียมเท่านั้น บางคนก็ทำได้ทั้งสองอย่าง บางคนก็ใช้ผสมผสานกันทั้งสองวิธี  ใครทำแบบไหน ก็ว่าอีกแบบไม่ดี

2. การลดขนาดกระดูกคาง - ใช้การตัดเลื่อนกระดูกเท่านั้น  ไม่แนะนำให้เหลากระดูกให้เล็กลง เพราะมีข้อเสียหลายอย่าง เช่น เป็นไปได้ยากที่จะเหลากระดูกได้รูปร่างปกติแต่ขนาดเล็กลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องการลดขนาดอย่างมาก บริเวณกระดูกที่เหลาจะมีเลือดออกซึมไปถึงระยะหลังผ่าตัด ทำให้เกิดปัญหาตามหลังได้ กระดูกที่ถูกเหลาเองยังอาจงอกกลับมาได้ เป็นต้น

3. การเปลี่ยนรูปร่างกระดูกคาง โดยไม่เปลี่ยนขนาด - ตัวอย่างเช่น กรณีที่คางไม่อยู่ในตำแหน่งกลางอย่างปกติ ทำให้เห็นได้ว่า คางเบี้ยว  พบได้น้อยในคนปกติ ส่วนใหญ่จะเกิดจากกระดูกกรามล่างหักมากกว่า การรักษาที่แนะนำให้ใช้การตัดเลื่อนกระดูก

4. การเปลี่ยนความหนาของผิวหนังที่คาง - ปัญหาในกลุ่มนี้พบน้อย ที่พบได้ คือ เนื้อเยื่อที่คลุมกระดูกหนากว่าคนทั่วไป แต่เราแก้ไขอะไรได้น้อยกับตัวเนื้อเยื่อ เพราะส่วนที่หนามักเป็นกล้ามเนื้อ ซึ่งเราตัดออกไม่ได้ อาจต้องไปตัดเลื่อนกระดูกแทน แต่ผลที่ได้จะไม่ดีเท่าปกติ ยกเว้นว่า คางหนาจากชั้นไขมัน ซึ่งสามารถใช้การดูดไขมันได้   อีกกรณีหนึ่ง ผิวหนังบุ๋มไม่เรียบมีร่องตรงกลาง หรือที่เรียกคางแฉก สามารถใช้การฉีดไขมันแก้ไขได้
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-4-28 22:30:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขล่าสุดโดย aocaoc เมื่อ 2010-4-28 22:31

ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ถ้าเป็นการใส่คางเทียม ปัญหาหลัก ก็คือ การใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย  ซึ่งจะมากหรือน้อย ขึ้นกับปัจจัย 2 ประการ
- ประสบการณ์ของศัลยแพทย์
- คุณสมบัติของคางเทียมที่ใช้
แต่ถ้าเป็นการตัดเลื่อนกระดูก ปัญหาขึ้นกับศัลยแพทย์เป็นหลักว่า มีความรู้ ได้รับการฝึกฝน และมีประสบการณ์ในการทำมากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า การใส่คางเทียม นอกจากต้องอาศัยฝีมือหมอ ยังมีสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้คือ ปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอม เช่น
- การติดเชื้อ: อยู่ที่ 5-7% ด้วยฝีมือผู้ที่ชำนาญมาก
- กระดูกบางลงจากการถูกคางเทียมกดทับ: เกิดขึ้นทุกราย เพียงแต่จะมากหรือน้อย และขึ้นกับชนิดของคางเทียม ถ้าเป็นชนิดมีรูพรุน โอกาสกระดูกบางลงน้อยกว่า ถ้าเป็นวัสดุแข็ง การกดทับกระดูกมากกว่า  ยิ่งถ้าอายุน้อย กระดูกจะบางลงมากกว่า
- การเลื่อนที่: เมื่อเราใส่คางเทียมและคลุมเนื้อเยื่อกลับเข้าที่ จะเกิดความดันความตึงที่คาง จากของที่เพิ่มเข้ามา ยิ่งคางเทียมขนาดใหญ่และแข็ง ผลนี้ยิ่งมาก เนื้อเยื่อที่คลุมบวกกับปฏิกิริยาหดรัดตามธรรมชาติเพื่อไล่สิ่งแปลกปลอมก็จะเป็นตัวทำให้คางเทียมเลื่อนที่ได้

นอกไปจากนี้แล้ว ปัญหาจะคล้ายๆกัน คือ มีปัญหาทั่วไปที่เกิดขึ้นกับการผ่าตัดทุกชนิด กับปัญหาเฉพาะ ได้แก่

การเลาะบริเวณคาง จะทำให้เกิดอาการชาชั่วคราวที่คาง ริมฝีปาก ฟันล่างด้านหน้า เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราแยกผิวหนังจากที่ของมัน เส้นประสาทเล็กๆก็จะถูกรบกวน แต่ร่างกายจะสามารถซ่อมแซมตัวเอง ความรู้สึกจะกลับคืนมา โดยใช้เวลาเป็นเดือน อาจนานถึง 6-12 เดือน

ชาถาวรบริเวณคาง ริมฝีปาก ฟันล่างด้านหน้า  เกิดจากไปตัดเอาเส้นประสาทใหญ่ตรงนั้น อันนี้โทษหมออย่างเดียวเลย นอกจากจะชา อาจจะมีอาการแปลกๆเช่น ปวดแปล๊บ ชายิบๆ  ความรู้สึกอาจจะกลับคืนมาบ้าง แต่จะไม่ทั้งหมด  โอกาสจะพบปัญหานี้ได้บ่อยกว่าถ้าใช้วิธีตัดเลื่อนกระดูก

คางแม่มด หรือคางห้อย อันนี้แปลจากภาษาอังกฤษ "witches' chin" คือเป็นผลจากการทำเราเลาะเนื้อเยื่อออกจากกระดูกคาง แล้วไม่ซ่อมกลับให้เข้าที่ ทำให้เนื้อเยื่อส่วนนั้นไร้ที่ยึดเกาะ ห้อยย้อย ดูคล้ายคางของแม่มดฝรั่ง  เป็นเรื่องของเทคนิคการผ่าตัดครับ

เห็นรอยต่อระหว่างคางใหม่กับกระดูกกรามล่างในกรณีที่เสริมคาง  โดยไม่ว่าจะใช้วิธีใด มีโอกาสที่จะเห็นคางใหม่นูนเด่นออกจากกรามล่าง เทคนิคที่ดีไม่ควรปล่อยให้เห็นรอยต่อชัดเจนมากเกินไป


หลังผ่าตัด

สิ่งที่ตามมาแน่นอนหลังทำ คือ อาการบวม ปวด ชา ที่คางและบริเวณรอบๆ แต่ทั้งหมดนี้เป็นชั่วคราว แนะนำให้
- นอนยกศีรษะสูงให้มากที่สุด
- ถ้าแผลอยู่ในช่องปาก ต้องรักษาความสะอาดในช่องปากอย่างดี หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด ทุก 2-3 ชั่วโมงและทุกครั้งหลังอาหาร ไม่จำเป็นต้องใช้ยาบ้วนปากชนิดแรงจัด
- ใช้ความเย็นประคบ
- แพทย์มักจะใช้ผ้าพันแผลหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (ดูรูปขวามือ) รัดบริเวณคางใน 2-3 วันแรก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์
- ทานอาหารอ่อน และหลีกเลี่ยงการพูดหรือการเคี้ยวมากๆ และการออกแรงหนักในช่วงแรก
- ทานแต่ยาที่แพทย์สั่งให้

อาการบวมและชาควรลดลงเรื่อยๆภายหลัง 2-3 วันหลังผ่าตัด หากมีปวดหรือบวมมากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที


ขอบคุณข้อมูลดีๆๆ ครับ
ข้อมูลแน่นปึกเยย Thanks
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้