ดู: 2112|ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

“รพ.บางมด” เปิดเทคนิคใหม่ “เสริมก้น เสริมสะโพก” แบบไฮบริด

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย little_spider เมื่อ 2020-10-25 14:45

     ปัจจุบันเทรนด์การดูแลรูปร่างเพื่อสุขภาพและความสวยงามของหนุ่มสาว มักมีต้นแบบมาจากคนดังในสังคม และแน่นอนว่า สองสาวหุ่นทรงนาฬิกาทรายอย่าง สาวเจโล และคิม คาร์เดเชียน คือผู้ทรงอิทธิพลที่มีผลต่อผู้หญิงที่ต้องการจะมีรูปร่างที่ดี และยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในต้นแบบของผู้หญิงที่มีรูปร่างสวยงามตามอุดมคติของคนทั่วโลก โดยเฉพาะสาวๆ ในประเทศแถบละตินอเมริกา ซึ่งส่งผลให้ความนิยมในการศัลยกรรมเสริมก้น เสริมสะโพกได้รับความนิยมตามมา
     จากผลสำรวจของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery: ISAPS) ปี 2018 พบว่า การศัลยกรรมเสริมก้น เสริมสะโพกทั่วโลกติดอันดับTop 10 ในกลุ่มการศัลยกรรมความงาม ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2014 การศัลยกรรมเสริมก้น เสริมสะโพกมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 36% และเมื่อแบ่งตามพาร์ทของร่างกาย ศัลยกรรมเสริมก้น เสริมสะโพกได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 รองจากการศัลยกรรมหน้าท้อง และการดูดไขมัน โดยประเทศที่นิยมทำศัลยกรรมประเภทนี้มากมาเป็นอันดับ 1 ก็คือ ประเทศบราซิล รองลงมาคือ เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา ด้านประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 10



     นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด กล่าวว่า
     “ในอดีตที่ผ่านมา ทางการแพทย์จะมีวิธีการเสริมก้น เสริมสะโพก อยู่ 2 วิธีหลักๆ คือ การเสริมด้วยถุงซิลิโคนอย่างเดียว (Gluteal implant) ซึ่งเป็นถุงซิลิโคนสำหรับการเสริมก้น เสริมสะโพกโดยเฉพาะ ถุงซิลิโคนนี้ จะมีความหนาแน่นของเจลสูง มีความเฟิร์ม แต่นุ่ม ไม่แข็งกระด้าง ลักษณะความยืดหยุ่นใกล้เคียงกับเนื้อบริเวณก้น และถูกออกแบบมา เพื่อรองรับน้ำหนักได้มากๆ การผลิตซิลิโคนเสริมก้นที่ได้มาตรฐานนั้น จึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า ถุงซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกมาก
     ข้อดีของการเสริมด้วยถุงซิลิโคน คือ สามารถกำหนดขนาดและรูปทรงที่แน่นอนได้มากกว่าการฉีดไขมัน, สามารถผ่าตัดแก้ไขได้ง่าย, ไม่มีการสลายไปบางส่วนแบบการฉีดไขมัน เป็นต้น ซึ่งด้วยข้อดีต่างๆ เหล่านี้ทำให้การเสริมสะโพก เสริมก้นด้วยถุงซิลิโคนได้รับความนิยมสูง และเป็นวิธีหลักในการเสริมก้น เสริมสะโพก ในอดีตที่ผ่านมา
     แต่อย่างไรก็ตาม การเสริมด้วยถุงซิลิโคนอย่างเดียวก็มีข้อจำกัด สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมบริเวณก้นด้านข้าง, สะโพก และต้นขาด้านข้างในปริมาณมากๆ เนื่องจากตามโครงสร้างของร่างกาย ไม่สามารถผ่าตัดเสริมถุงซิลิโคนไปถึงในบริเวณดังกล่าวได้



    ส่วนวิธีที่สอง คือ การดูดไขมันตนเองมาฉีดอย่างเดียว (Fat grafting) วิธีนี้มีข้อจำกัดอยู่มากสำหรับการเสริมก้น เสริมสะโพก เนื่องจากไขมันที่ใช้ฉีดต้องใช้ปริมาณมาก ซึ่งบางคนอาจมีไขมันไม่เพียงพอในการฉีดโดยเฉพาะคนที่มีรูปร่างผอม (BMI น้อยกว่า 19) และไขมันที่ฉีดจะกำหนดรูปทรงได้ลำบากกว่าถุงซิลิโคน มีโอกาสเคลื่อนที่ มีโอกาสสลายไปบางส่วนได้ จึงไม่ได้รับความนิยมมากในอดีต  อย่างไรก็ตาม การฉีดไขมันมีข้อดีคือ สามารถลดไขมันบริเวณที่ไม่ต้องการได้ เช่น ดูดไขมันจากหน้าท้อง ต้นขา เอว เพื่อมาฉีดที่สะโพก รวมทั้ง สามารถเสริมเติมเต็ม บริเวณก้นด้านข้าง สะโพก และต้นขาด้านข้างได้ด้วย ซึ่งเป็นบริเวณที่การผ่าตัดด้วยถุงซิลิโคนเข้าไม่ถึง

Buttock_HGA_Resize.jpg (507.6 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 24)

Buttock_HGA_Resize.jpg

Info_HGA_Resize.jpg (311.22 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 30)

Info_HGA_Resize.jpg

S__6422700.jpg (486.69 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 22)

S__6422700.jpg
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2020-10-25 14:44:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปัจจุบันศัลยแพทย์ได้มีการศึกษาและพัฒนาเทคนิคใหม่ขึ้นมา โดยการนำข้อดีของ 2 วิธีข้างต้นมาผสมผสานกัน คือ เสริมด้วยถุงซิลิโคนเป็นหลัก และเติมเต็มด้วยการฉีดไขมันบริเวณด้านข้างให้กลมกลืนกัน เรียกว่า Hybrid Gluteal Augmentation (HGA) นั่นเอง”



    สำหรับ Hybrid Gluteal Augmentation หรือ HGA เป็นเทคนิคการศัลยกรรมเสริมก้น เสริมสะโพก ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งทางการแพทย์ถือว่า เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และได้ผลลัพธ์ที่ดีมากในปัจจุบัน การผ่าตัด HGA เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่มีการผสมผสานทั้งการเสริมด้วยถุงซิลิโคนบริเวณก้น ร่วมกับการดูดไขมันของตนเองมาฉีดที่บริเวณก้น, สะโพก รวมถึง บริเวณต้นขาด้านข้างอีกด้วย



    “จากประสบการณ์การศัลยกรรมความงามเสริมก้น เสริมสะโพกของศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด กว่า 40 ปี ทีมแพทย์มีความเห็นว่า การผ่าตัดด้วยวิธี HGA นี้ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง รวมทั้ง ได้ผลลัพธ์และความพึงพอใจจากคนไข้มาก อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดนี้ ควรทำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ และอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด
    อีกทั้ง การปฏิบัติตนหลังการผ่าตัดของคนไข้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น ห้ามนั่งทับโดยตรงในช่วง 1 สัปดาห์, การดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อ เป็นต้น ดังนั้น ผู้ที่สนใจจึงควรเข้ามาปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับข้อมูลโดยละเอียดก่อนการตัดสินใจ” นพ.ธนัญชัย กล่าว

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้